ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวน้อยผู้มั่งคั่ง (จบแล้ว) มี E-BOOK

    ลำดับตอนที่ #37 : แหกทุกกฎ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    ตอนที่ 37 แหกทุกกฎ

    ถึงวันออกเดินทาง ทุกคนต่างมารวมตัวกันอยู่หน้าประตูเมืองตั้งแต่เช้ามืด รถม้าของฉินฉินภายนอกอาจดูธรรมดา แต่ภายในนั้นจัดหนักจัดเต็มเหลือเกิน

    รถม้ายามนี้เปรียบเสมือนรถบ้านขนาดย่อม นางเลือกใช้ไม้ที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงทนทานมาใช้สร้าง กว่ารถม้าคันนี้จะสร้างสำเร็จได้ก็หมดเงินไปไม่น้อยเลยทีเดียว

    ฉินฉินมีห่อผ้าใบเล็กสำหรับใส่เสื้อผ้าแค่สามชุด นางไม่นำสิ่งของไปเยอะ เพราะคิดว่าคงไปเลือกซื้อใหม่ระหว่างทางเอา ดีกว่าต้องแบกของหนักทำให้การเดินทางล่าช้ายิ่งกว่าเดิม

    อี้เทียนยกผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา เขานั่งร้องไห้อยู่บนพื้นราวกับบุตรสาวกำลังจะหนีตามชายหนุ่มไปแล้วไปลับไม่กลับมาอย่างไรอย่างนั้น เอาแต่ร้องไห้เสียจนทุกคนต่างเบือนหน้าหนีด้วยความรำคาญ

    หูต้าลู่เดินมาพร้อมกับถุงกระดาษใส่ซาลาเปาไส้ผักที่น้องสาวชอบ หยิบมายัดใส่ปากบิดาหนึ่งลูก

    "ท่านพ่อหยุดเถิด..อายคนเสียบ้าง ท่านดูสิคนมองเต็มแล้ว ข้าไม่อยากขึ้นชื่อว่ามีบิดาเป็นคนสติไม่ดีนะขอรับ"

    อี้เทียนสะอึกมองบุตรชายตาขวาง เขาหันมองรอบ ๆ พบว่ามีคนกำลังจ้องมองตนอยู่จริง ๆ จึงแกล้งทำเป็นเหมือนเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลุกขึ้นเดินตามหลังบุตรชายไปเงียบ ๆ

    ฉินฉินกำลังยืนสั่งให้คนขนของสหายลงมา ไม่รู้ว่าเขาจะขนมาทำไมกันนักกันหนา ต่อให้มีรถม้าสิบคันก็ไม่พอบรรทุกของทั้งหมดไปด้วยได้หรอก

    "นี่จางหมิน เจ้าเอาของที่จำเป็นไปก็พอ ข้าให้รถม้าเจ้าได้แค่หนึ่งคันเท่านั้น เจ้าคิดจะย้ายไปอยู่ที่นั่นถาวรเลยหรือ ค่อยไปซื้อเอาข้างหน้าก็ได้"

    จางหมินจำต้องเปิดหีบเลือกของออกทีละใบ โดยมีสหายคอยยืนสังเกตการณ์กลัวคนแอบยัดของกลับเข้าที่เดิม

    หูต้าลู่เดินมายื่นห่อกระดาษให้น้องสาว ฉินฉินรับไปเปิดดูก็เห็นเป็นของโปรด จึงหยิบซาลาเปาลูกเล็กขนาดพอดีคำยัดเข้าปากทีเดียวสามลูก

    "ขอบพระคุณเจ้าค่ะพี่ใหญ่"

    นางเคี้ยวตุ้ย ๆ ราวกับกระต่ายที่กักอาหารไว้ข้างแก้ม โดยไม่ลืมป้อนให้สหายได้ลิ้มรสชาติแห่งความอร่อยด้วยอีกคน

    สายตาของหญิงสาวกวาดหาผู้ร่วมเดินทางอีกคนแต่ไม่พบ

    ใกล้จะถึงเวลาออกเดินทางแล้วทำไมเขายังไม่มาอีก

    "จางหมินเจ้าเห็นเหยียนซือหรือไม่"

    จางหมินกำลังยุ่งกับการคัดของออกส่ายหัว

    "ไม่เห็น"

    เมื่อได้รับคำตอบฉินฉินก็กำลังหันไปถามพี่ชายต่อ กลับพบว่าเขากำลังทำหน้าตึงใส่ตนเองอยู่จึงเลือกที่จะไม่ถามแทน

    "พี่ใหญ่ฝากดูแลท่านพ่อด้วย อย่าให้เขาถูกหญิงสาวคราวลูกหลอกเอาเงินอีกเล่า ระวังจะหมดตัว ไม่ใช่แค่ท่านพ่อนะพี่ใหญ่ก็ด้วย"

    หูต้าลู่ยิ้มอ่อนโยนยกมือลูบหัวน้องสาว เขาหันไปมองบิดาที่กำลังทำเป็นมองขึ้นฟ้าแกล้งชมนกชมไม้ เสมือนตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

    "เจ้าสบายใจได้ ข้ายึดเงินท่านพ่อไว้หมดแล้ว ไม่มีใครเอาไปได้หรอก"

    ฉินฉินกอดพี่ชายแล้วหันหน้าไปจ้องบิดาเขม็ง

    "ท่านพ่อได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ ท่านซื้อกินไม่ผิด แต่อย่าถูกหลอกเอาเงินไปโดยไม่ได้รับอะไรตอบแทนกลับมาเล่า การลงทุนไปต้องได้กำไรสิ ข้าเห็นท่านขาดทุนทุกครั้งเลย"

    ทุกคนที่อยู่แถวนั้นหัวเราะออกมาเสียงดัง ครอบครัวนี้ดูรักใคร่กลมเกลียวกันมาก ดูแล้วรู้สึกอบอุ่นใจตามไปด้วย

    อี้เทียนยืนเท้าสะเอวจ้องมองมาทางสองพี่น้องที่เอาแต่พูดโจมตีตน

    "ข้าเป็นบิดาพวกเจ้านะ เจ้าใหญ่คืนเงินพ่อมา..เจ้าให้เงินพ่อใช้วันละแค่สิบตำลึงเงินมันจะไปพอใช้อะไร ส่วนเจ้ารองข้าเป็นบิดาเจ้านะ อีกทั้งเจ้ายังเป็นสตรีกล้าพูดเรื่องเช่นนี้ออกมาจากปากได้อย่างไร ไม่อายคนบ้างหรือ"

    ฉินฉินแกล้งทำเป็นกลัวหันหน้าซุกเข้าหน้าท้องแกร่งของพี่ชาย แล้วเบะปากฟ้องเขา

    "พี่ใหญ่ดูสิ..ท่านพ่อทำผิดเองยังจะมาดุข้าอีก ท่านต้องช่วยจัดการให้ข้านะเจ้าคะ"

    ก่อนที่อี้เทียนจะได้ดุบุตรสาวอีกยก เหยียนซือก็ขี่ม้ามาพอดี ฉินฉินเห็นดังนั้นจึงปล่อยมือจากพี่ชาย แล้วหันไปเงยหน้าดุสหายเสียงเข้ม

    "เจ้ามาช้านะ ข้านึกว่าเจ้าจะแอบหนีไปแล้วเสียอีก"

    เหยียนซือทำความเคารพอี้เทียน ก่อนจะกระโดดลงมาจากหลังม้าสาวเท้ายาว ๆ ก้าวเข้ามาลูบหัวสหาย แต่ฉินฉินปัดมือเขาออก แล้ววิ่งไปหลบด้านหลังพี่ชาย

    หูต้าลู่จ้องมองคู่อริ ถึงแม้เขาจะไม่มีโอกาสเป็นมากกว่าพี่ชาย แต่ไม่มีวันยอมรับน้องเขยชื่อเหยียนซือเด็ดขาด

    "เจ้ามาทำไม"

    เหยียนซือยักไหล่ตอบด้วยท่าทางยียวน

    "นางชวนข้าร่วมเดินทางไปด้วยกัน ท่านจะให้ข้าปฏิเสธได้อย่างไรกันขอรับท่านพี่เขย"

    ฉินฉินนึกในใจว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว เจ้าบ้านั่นไม่หาเรื่องมาให้สักวันจะตายหรือกันฮะ!

    หูต้าลู่ได้ยินดังนั้นก็หันมาคาดโทษน้องสาวแทน ฉินฉินยกมือจับแขนเสื้อพี่ชายแกว่งไปมา

    "พี่ใหญ่อย่าเพิ่งเข้าใจผิด เหยียนซือเขาจะแยกไปตามทางของเขา ข้าแค่เห็นว่าไปทางเดียวกันจึงชวนเขาร่วมขบวนด้วย ไม่ดีหรือเจ้าคะข้าจะได้มีคนคุ้มกันเพิ่มมาอีกหนึ่งคนเชียวนะ"

    ฉินฉินอธิบายข้าง ๆ คู ๆ นางไม่รู้จะตอบอย่างไรดีให้พี่ชายพอใจ

    หูต้าลู่ถอนหายใจยาว ยกมือวางบนหัวน้องสาว แล้วหันไปสบตากับชายหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน

    "เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่อยู่ด้วยแล้ว จะทำเรื่องไม่ดีกับน้องสาวข้าได้ มิเช่นนั้นข้าจะตามไปฆ่าเจ้าถึงที่"

    "ข้าพร้อมเสมอขอรับ"

    ฉินฉินออกมายืนตรงกลางยกมือหยุดคนทั้งคู่เอาไว้ จะตีกันทุกครั้งที่เจอหน้าเลยหรือ พวกท่านไม่เหนื่อยแต่ข้าเหนื่อย

    "พอเถิด ในเมื่อคนก็มากันครบแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะท่านพ่อ พี่ใหญ่ดูแลตนเองดี ๆ ด้วย"

    ฉินฉินสวมกอดบิดาและพี่ชายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกเดินทาง ซึ่งทางบิดาอย่างอี้เทียนก็ได้จัดเตรียมเสบียงอาหารแห้งไว้ให้บุตรสาวแล้ว คาดว่าน่าจะเพียงพอกินได้ถึงหนึ่งเดือนเต็ม

    ส่วนหูต้าลู่เขาเตรียมหีบตั๋วเงินใบเล็กจำนวนสองหมื่นตำลึงทองให้น้องสาว เงินจำนวนมากขนาดนี้ฉินฉินย่อมรับไว้ด้วยความเต็มใจ นางเก็บซ่อนไว้อย่างดีต่อให้เป็นมดตัวเล็ก ๆ ก็หาไม่เจอ

    สองพ่อลูกโบกมือลาสตรีเพียงคนเดียวของบ้าน ที่กำลังปีนขึ้นรถม้าคันใหญ่ด้วยความลำบาก นางตัวไม่สูงมากหากยืนเทียบกับบุรุษที่สูงประมาณห้าสิบกว่าชุ่น หรือร้อยแปดสิบกว่าเซนติเมตร ศีรษะนางอยู่ระดับอกเขาพอดี

    "หยุดก่อน!"

    ทุกคนหันไปตามเสียงก็เห็นคนกำลังขี่ม้าเร็วมาทางนี้ ฉินฉินเพ่งสายตามอง เห็นว่าเป็นว่านหลงสหายของตนที่อยากจะไปด้วย แต่ต้องอยู่ดูแลภรรยาท้องโตจึงอดไปตามระเบียบอยู่บนหลังม้า

    ว่านหลงขี่ม้ามาหยุดอยู่ข้างรถม้าของสหาย เขาหยิบกระดาษใส่กระบอกไม้ไผ่อย่างดียื่นส่งให้นาง พร้อมกับกล่องใส่อาหารไว้กินระหว่างทาง ที่ภรรยาตนตื่นมาทำให้แต่เช้าเพื่อฝากมาให้ด้วยอีกคน

    "กระบอกไม้ไผ่นี้ท่านเจ้าเมืองฝากมาให้ หากเจ้าจะแวะเข้าเมืองไหน ให้ยื่นส่งให้ทหารรักษาประตูดู พวกเขาจะต้อนรับเจ้าอย่างดี ส่วนกล่องนี้หยางมี่ฝากมาให้พวกเจ้าทั้งสามคนไว้กินระหว่างทาง...รับไปสิ"

    จางหมินช่วยรับกล่องอาหารเข้าไปวางบนรถม้า ส่วนฉินฉินรับกระบอกไม้ไผ่ไปห้อยไว้ที่ไหล่กันหาย ของสำคัญเช่นนี้ต้องเก็บไว้กับตัว

    "แล้วเจ้าเล่าไม่มีของฝากพวกข้าบ้างหรือ"

    ฉินฉินไม่ลืมทวงของฝากจากสหายคนสนิทคนแรกในโลกนี้ คนอื่น ๆ ให้มาครบแล้ว มีเขาคนเดียวที่ยังไม่ได้ให้อะไรมาเลย

    ว่านหลงหน้าเสีย เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท

    "ไม่มี...ข้าไม่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้า"

    จางหมินหันไปสบตากับฉินฉินแล้วยิ้มมุมปากโบกมือไปมา

    "ไม่ยาก ๆ เจ้าแค่ให้ถุงเงินพวกข้าไว้ซื้อของกินระหว่างทางก็พอ"

    ฉินฉินพยักหน้าเห็นด้วยกับจางหมินแล้วจ้องกดดันสหายรักอีกแรง จนสองพ่อลูกที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลส่ายหน้ากับความขี้งกของสตรีที่พวกตนรัก

    นางไม่ปล่อยใครง่าย ๆ จนถึงวินาทีสุดท้ายเลยจริง ๆ

    ว่านหลงจำใจหยิบถุงเงินออกมาเปิดดู เขาเก็บก้อนตำลึงเงินไว้เพียงก้อนเดียว ส่วนที่เหลือมอบให้พวกปลิงดูดเลือดทั้งหมด

    เขาพลาดเองที่ไม่ได้เตรียมของเอาไว้ให้สหาย

    ฉินฉินชะโงกหน้าไปมองถุงเงิน เห็นมีทั้งก้อนตำลึงเงินและตั๋วเงินอัดแน่นอยู่ด้านใน ก็พยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ รับมาเก็บไว้ในแขนเสื้อ ก่อนจะหันไปตบไหล่สหายสุดที่รัก

    "ขอบใจเจ้ามาก เงินจำนวนนี้ทำให้พวกข้ารอดชีวิตได้หลายวันเชียว อย่าลืมแผนการที่เราเตรียมไว้เล่า อย่าให้ข้าได้ยินข่าวร้ายว่ามีชาวบ้านล้มตายมากมายในช่วงฤดูหนาวเล่า มิเช่นนั้นข้าจะกลับมาเอาเรื่องเจ้า!"

    "รู้แล้วน่า เจ้าเข้าไปได้แล้ว ดุกว่าแม่เสือที่บ้านก็เจ้านี่แหละ มาแต่งเป็นเมียข้าอีกคนก็สิ้นเรื่อง"

    "อะแฮ่ม"

    สิ้นเสียงว่านหลงพูดจบ ทั้งเหยียนซือและหูต้าลู่ต่างกระแอมไอพร้อมกัน ทั้งสองสามัคคีจ้องมองมาทางว่านหลงจนเจ้าตัวหน้าเสีย

    "เอ่อ...ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้น"

    ฉินฉินหัวเราะแล้วเดินขึ้นรถม้าไป รอให้จางหมินขึ้นตามหลัง จากนั้นก็ปิดประตูรถม้าเรียบร้อย เหยียนซือจึงสั่งให้ขบวนออกเดินทางต่อได้

    หญิงสาวโผล่ตัวออกมาทางหน้าต่างครึ่งหนึ่ง จนทุกคนที่เห็นต่างพากันหวาดเสียวกลัวว่านางจะตกลงมา

    หูต้าลู่ตะโกนดุน้องสาว

    "เจ้ากลับเข้าไปเดี๋ยวนี้ มันอันตราย!"

    ฉินฉินทำเป็นหูทวนลม แล้วส่งยิ้มให้ทุกคนพลางโบกไม้โบกมือ

    "ข้าไปก่อนนะทุกคน"

    จางหมินดึงตัวสหายเข้ามานั่งในรถม้าดี ๆ ก่อนจะสวดยับตามเคย

    แต่ฉินฉินชินแล้วจึงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นด้วยความตื่นเต้น

    ในที่สุดนางก็ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวเสียที

    โลกกว้างจ๋าพี่มาแล้วจ้า...


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×