ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #33 : เกิดเรื่องแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 33 เกิดเรื่องแล้ว

    ที่หมู่บ้านกวางน้ำตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ต้นเหตุมาจากที่ดินของฟางเหนียงนั่นเอง

    ตอนที่นางจากไปยังไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น แต่หลังจากนางออกเดินทางได้เพียงสามวัน มีชาวบ้านคนหนึ่งไปทำงานที่ไร่ของตน ดันเหลือบไปเห็นที่ดินของบ้านสามตระกูลซ่ง มีผลทรงกลมขึ้นกระจายอยู่ทั่วบริเวณ คราวแรกเขาไม่สนใจคิดว่าคงเป็นวัชพืชธรรมดา มีแอบเสียดายเล็กน้อย ที่ที่ดินผืนงามถูกเจ้าของปล่อยปละละเลย

    แต่พอมีพ่อค้าเร่เข้ามาซื้อของจากชาวบ้านผ่านมาเห็นเข้า เขาตกใจรีบถามหาเจ้าของสวนทันที

    คนตระกูลซ่งพอรู้ว่าผลผลิตในไร่คือผลซีกวาก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่ไม่คิดจะขายมันให้กับพ่อค้าเร่ เพราะรอให้เจ้าของที่ตัวจริงตัดสินใจเอง

    สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรกับผลซีกวา ด้วยกลัวจะถูกฟางเหนียงด่าเอา ยิ่งนางเปลี่ยนไปหลังจากตกน้ำกลายเป็นคนที่ฉลาดกว่าเดิม ทุกคนยิ่งต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม อย่าได้เข้าไปยั่วให้นางโมโหเด็ดขาด!

    ทว่าผลซีกวานั้นคืออะไร และมีมูลค่าสูงเพียงใดชาวบ้านตาดำ ๆ ต่างรู้ดีจึงเกิดความโลภขึ้นมา พวกเขาคิดว่าพวกมันเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้นทุกคนจึงมีสิทธิ์เป็นเจ้าของเหมือนกัน

    มีคนมากมายจ้องขโมยผลผลิตของบ้านสาม พ่อสามีของฟางเหนียงจึงตัดสินใจออกเงินจ้างคนสร้างรั้วให้สูงเท่าต้นไผ่ ไว้คอยปกป้องผลผลิตของลูกสะใภ้

    ไม่พอชายชรายังหอบหมอนมานอนเฝ้าไร่ ใครที่ย่างกรายเข้ามาจะถูกไม้ไล่ตีจนต้องหนีหางจุกตูดกลับบ้าน

    ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่คิดว่าตัวเองมีส่วนในผลผลิตไม่พอใจ จึงไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านเรื่องที่ถูกชายชราทำร้าย แต่ผู้ใหญ่บ้านยังมีความดีอยู่บ้าง ที่ไม่เห็นด้วยกับชาวบ้านที่รังแต่จะขโมยผลผลิตของผู้อื่น

    เขาเชื่อมั่นว่าผลซีกวาไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่มีคนจงใจปลูกมันขึ้นมาต่างหาก เพราะหากมันเกิดขึ้นเองจริง ๆ เหตุใดไร่ข้างเคียงถึงไม่มีผลซีกวางอกขึ้นมาเล่า

    อีกอย่างก็น่าสงสัยไม่ใช่หรือว่า ผลซีกวาไปงอกงามในไร่ของฟางเหนียงคนเดียวได้อย่างไร ขนาดต้นเถาวัลย์ยังเลื้อยขดอยู่แต่ในที่ดินของนาง ไม่มีลามไปขึ้นยังที่ดินของผู้อื่นด้วยซ้ำ

    ชายชราเห็นท่าไม่ดี ขนาดสร้างรั้วกั้นรอบที่ดินยังมีขโมยเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน พวกพ่อค้าที่ได้ยินข่าวก็มาติดต่อขอซื้อด้วย ชายชราก็มืดแปดด้านไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี

    หนทางเดียวที่นึกออกคือ รีบให้บุตรชายคนโตไปตามสะใภ้สามกลับมาจัดการ เรื่องทุกอย่างถึงจะคลี่คลายลงได้

    นับว่าในเวลาเพียงไม่กี่วัน คนตระกูลซ่งดูโทรมขึ้นหลายเท่าตัว

    บุตรชายคนโตอย่างจื่อหมิ่งเอง รู้เพียงว่าน้องสะใภ้พาหลาน ๆ เข้าเมืองไปทำการค้า ทว่าเขาไปตามหานางในตัวเมืองมาสองวันแล้วก็ไม่พบ

    ถามหาตัวคนจนวุ่นวายไปหมด จนได้ข่าวจากชายชราผู้หนึ่งว่า คนที่เขาตามหาเพิ่งซื้อจวนและที่ดินจากเขาไป และนางไม่ได้อาศัยอยู่ที่ตัวเมือง แต่อยู่ที่อำเภอลี่สุ่ยต่างหาก

    จื่อหมิ่งเมื่อรู้ว่าตัวเองตามหาคนผิดที่ ก็รีบย้อนกลับไปทางเดิม เพื่อตามหาน้องสะใภ้และหลาน ๆ ต่อ

    ฟางเหนียงหารับรู้เรื่องราวที่หมู่บ้านไม่ ยามนี้นางกำลังจ่ายค่ายาและมอบเงินสองตำลึงเงิน พร้อมสัญญาทาสให้กับพ่อลูกที่เพิ่งช่วยเหลือไว้ ด้วยตัวนางไม่ต้องการทาสรับใช้ แต่หากให้จ้างประจำยังพอรับได้อยู่

    ทาสหนุ่มวัยกลางคนซาบซึ้งน้ำใจ ถึงขั้นก้มคำนับฟางเหนียงไม่ขาดสาย จนนางต้องกระโดดหนีสั่งให้บุตรชายพยุงตัวเขาขึ้นมา

    “ไม่ ๆ ไม่ต้องคำนับข้า ตัวข้าเองก็เป็นแม่คน จึงรับรู้ถึงความทุกข์ยามเห็นลูกเจ็บป่วยแต่ทำอะไรไม่ได้ดี"

    “ท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกเจ้าค่ะ ขอเพียงดูแลเด็กคนนี้ให้ดีก็พอ ส่วนเงินจำนวนนี้ข้าให้ท่านเอาไปสร้างตัว วันใดที่เราได้เจอกันอีก ข้าก็หวังว่าวันนั้นท่านและบุตรชายจะสุขสบายขึ้นนะเจ้าคะ”

    ฟางเหนียงไม่ได้ถามถึงภูมิหลังของอีกฝ่าย แต่นางบังเอิญไปเห็นว่าเขามีป้ายหยกพกติดตัว จึงเชื่อว่าคนผู้นี้ไม่ใช่เพียงคนธรรมดา

    จากตอนแรกตั้งใจชวนมาอยู่ด้วยกัน ทว่ากลับมาคิดดูอีกทีแล้ว นางควรห่วงเรื่องความปลอดภัยครอบครัวของตัวเองก่อนดีกว่า

    หลังออกมาจากโรงหมอ ฟางเหนียงก็รีบกลับไปจัดร้านต่อ วันนี้ก็เริ่มขายของช้าอีกตามเคย เฮ้อ~ หวังว่าจะไม่ขาดทุนนะวันนี้

    ทันทีที่นางไปถึงก็เห็นลูกค้ามายืนรออยู่ก่อนแล้ว โดยมีท่านยายร้านสุราเข็นรถเข็นออกมาให้ พลางจัดโต๊ะตั้งร้านเตรียมของให้พร้อม

    ฟางเหนียงกระโดดลงจากรถม้า รีบขนเอาหม้อโจ๊กออกมาตั้งเตาจุดไฟเพิ่มทันที

    ท่านแม่ยังรับมือได้ดีเสมอ สมแล้วที่เป็นท่านแม่คนเก่งของข้า

    วันนี้รายการอาหารว่างอย่างแป้งทอดกับโกโก้ร้อน ฟางเหนียงเตรียมมาแค่ห้าสิบชุดเท่านั้น ที่เตรียมมาน้อยเพราะต้องการให้มันพิเศษเป็นของหากินยาก จนคนอยากมาต่อแถวซื้อตั้งแต่เช้า

    นางจำกัดว่าหนึ่งคนซื้อได้เพียงหนึ่งชุดเท่านั้น และในทุก ๆ วันจะขายในจำนวนเท่าเดิม ไม่มีเพิ่มนอกจากจะเป็นวันพิเศษจริง ๆ

    กว่าจะขายของหมดก็เที่ยงวันพอดี ฟางเหนียงต้องติดป้ายพักหนึ่งชั่วยามไว้หน้าร้านเลยทีเดียว

    ทว่าก็ไม่ได้พักแต่อย่างใด เพราะต้องมาเก็บกวาดร้าน เก็บรถเข็นเข้าไปไว้ด้านใน ก่อนจะสับเปลี่ยนมาอุ่นน้ำยาขนมจีน ทอดไก่ สับไก่เป็นชิ้น ๆ ใส่ถาดไว้รอ ต่อให้ทิ้งไว้ข้ามวันแป้งก็ยังอร่อยอยู่ รสชาติก็ไม่เปลี่ยน

     หญิงชราดูจะคุยกับเซี่ยเหิงถูกคอเป็นพิเศษ นางหัวเราะไม่หยุดดูมีความสุขมาก ขนาดชายชราที่เป็นคนสุขุม พูดน้อย ยังชวนบุตรชายคนรองของฟางเหนียงคุยไม่หยุด

    ยิ่งคุยเรื่องวิชาดาบ สองหนุ่มต่างวัยยิ่งพากันคุยถูกคอ

    ฟางเหนียงเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสนใจงานในมือต่อ

    “ในที่สุดข้าก็เจอเจ้าสักทีนะน้องสะใภ้”

    “ท่านแม่ข้ามาช่วยงานท่านแล้วขอรับ”

    ฟางเหนียงที่กำลังก้มหน้าก้มตาทอดไก่ สักพักก็ได้ยินเสียงคนร้องทักอยู่หน้าร้าน นางเงยหน้าขึ้นมองเห็นเป็นบุตรชายทั้งสาม ที่ควรรออยู่ที่จวนเดินมาหาด้วยสีหน้างุนงง

    มิหนำซ้ำยังมีคนคุ้นหน้าคุ้นตา เมื่อครั้งมาซ่อมครัวให้ที่บ้านหลังเก่า นั่นก็คือพี่ชายคนโตของสามี ที่กำลังยืนอุ้มหลานชายคนเล็กอยู่

    พี่น้องตระกูลซ่งนั้นหน้าตาดีเสียจริง แต่เห็นแม่สามีบอกว่า บุตรชายคนที่สามของนางหน้าตาดีที่สุดในหมู่พี่น้องแล้ว

    ข้าเองก็หวังอยากให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

     “อ้าว พี่ใหญ่เองหรือ เข้ามานั่งพักก่อนสิเจ้าคะ เป็นอย่างไรบ้างเล่า เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

    จื่อหมิ่งเดินไปนั่งพักในร้าน ก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านให้น้องสะใภ้ฟัง รวมถึงเรื่องที่ไปตามหานางในตัวเมืองแต่ไม่พบด้วย

    เขาเพิ่งเดินทางมาถึงอำเภอลี่สุ่ยเมื่อเช้านี้เอง ทว่าพอไปตามแผนที่ที่ได้รับมาก็เจอแต่หลานชายนั่งกินข้าวกันอยู่ริมน้ำ ส่วนคนที่กำลังตามหากลับออกจากจวนไปแล้ว

    “อ้อ ท่านมาช้าเพราะเจ้าสามพาหลงทางนี่เอง ต้องขออภัยที่ทำให้ท่านเสียเวลา เขาเพิ่งเคยมาที่ร้านเมื่อวานครั้งแรกเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องกลับหมู่บ้าน ข้าว่าจะออกเดินทางวันนี้เลย แต่คงต้องขายของให้หมดเสียก่อน”

    จื่อหมิ่งพยักหน้ารับรู้ เพราะเห็นว่าอาหารยังเหลืออยู่มาก จึงคิดว่าน้องสะใภ้คงขายของไม่ดี แต่ก็ขันอาสาช่วยนางทั้งทอดไก่และสับไก่ให้

    ฟางเหนียงเห็นสีหน้าพี่สามีเคร่งเครียด จึงอธิบายว่าที่อาหารยังเหลืออยู่มากเป็นเพราะนางเพิ่งตั้งร้านเสร็จ ทั้งยังบอกเขาว่าไม่ต้องกลัวว่านางจะทำเสียของ ไว้เปิดร้านแล้วเขาจะรู้เอง

    คราแรกจื่อหมิ่งไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก แต่ระหว่างที่ยังไม่เปิดร้าน ก็มีคนมากมายแวะเวียนมาถามว่าจะเปิดร้านตอนไหน จากหนึ่งคนเป็นสิบคน จากสิบคนเป็นยี่สิบคน กลายเป็นตอนนี้มีคนมารอต่อแถวจนล้นแล้ว

    และเนื่องจากต้องรีบเดินทางกลับหมู่บ้าน วันนี้ฟางเหนียงจึงไม่รับลูกค้านั่งร้าน และบังคับให้พวกเขาห่อกลับบ้านเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาเพราะลูกค้ายังคงเยอะเช่นเดิม

    โชคดีที่วันนี้มีคนมาช่วยงานเยอะ เพียงแค่ครึ่งชั่วยาม(1 ชั่วโมง) ก็ขายของหมดแล้ว เสร็จจากนั้นก็เร่งเก็บร้านบอกลาหญิงชรา แล้วออกเดินทางกลับหมู่บ้านทันที ส่วนของก็ขอฝากไว้ที่บ้านของสองตายายก่อน เพราะไม่อยากเสียเวลาวนกลับไปที่บ้านอีก

    ทันทีที่จื่อหมิ่งเห็นรถม้าของน้องสะใภ้ก็ตกตะลึง

    นางเข้าเมืองมายังไม่ถึงเดือนดี แต่กลับมีเงินซื้อรถม้าแล้วหรือ?ไหนจะจวนหลังใหญ่และที่ดินอีก น้องสะใภ้เก่งเกินไปแล้ว…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×