ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #3 : อายไหมล่ะ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 3 อายไหมล่ะ

    “ขอบใจเธอมากนะที่เล่าทุกอย่างให้ฟังแบบไม่ปิดบัง ให้เดาในใจเธอคงเกลียดฉันเหมือนกันสินะ ถ้าฉันไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิด เธอคงไม่มาทนยืนจ้องหน้ากันแบบนี้”

    “ขอโทษที่ฉันทำร้ายเธอในอดีตนะ ถ้าไม่ให้อภัยกันก็ไม่เป็นไร ฉันพอเข้าใจได้ว่านังสารเลวฟางเหนียงนั่นมันชั่วจริง ๆ ทำคนอื่นเขาเดือดร้อนไปหมด”

    ตงซิ่วขมวดคิ้วมุ่นมองมารดาที่กำลังด่าทอตัวเอง แต่ฟังอย่างไรก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คำพูดของท่านแม่แม้แต่น้อย แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ก็คนที่อยู่ตรงหน้าข้าคือท่านแม่นี่?

    ดูเหมือนเด็กชายจะจับสังเกตได้แล้วว่า มารดาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ใช่เปลี่ยนเพราะสำนึกผิด แต่ภายในก็เหมือนไม่ใช่ท่านแม่คนเดิมอีกต่อไป

    นางตกน้ำไปนานมากจนชาวบ้านลงความเห็นว่า อย่างไรนางก็ไม่รอดแน่ ๆ หรือว่าท่านแม่ได้ตายไปแล้ว? ส่วนตอนนี้ภายในเป็นท่านแม่คนใหม่เข้ามาอยู่แทน?

    ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็ขอยอมรับในตัวท่านแม่คนนี้ และหวังว่านางจะไม่ทำตัวเช่นเดิมอีกนะ

    ตงซิ่วเป็นมันสมองของสี่พี่น้อง เห็นเขายังเด็กเช่นนี้แต่อย่าได้ประมาทเชียว เจ้าเด็กคนนี้ยอมเดินเท้าหลายวัน แฝงตัวเข้าไปในสำนักศึกษาที่ตัวเมือง เพื่อจดจำวิชาความรู้มาตั้งแต่เด็ก ๆ

    เขาเป็นคนช่างสังเกต ความเปลี่ยนแปลงนี้ของฟางเหนียง เขาย่อมรับรู้และทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

    แล้วก็เดาถูกจริง ๆ ด้วย

    หมู่บ้านกวางน้ำอยู่กลางป่าเขาของจริง จะไปหมู่บ้านข้าง ๆ ได้ต้องเดินเท้าอย่างน้อยหนึ่งวัน หากอยากเข้าเมืองต้องเดินเท้าถึงห้าวัน

    ซ้ำยังไม่มีเกวียนวัวรับจ้างในหมู่บ้านอีก นาน ๆ ทีจะมีพ่อค้ามารับซื้อของในหมู่บ้านมาขายต่อ และจะนำของจากในเมืองมาขายให้กับชาวบ้านด้วยเช่นกัน

    บ้านของตระกูลซ่งตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ด้วยนิสัยของฟางเหนียงทำให้เฟยหลงผู้เป็นสามีต้องแยกบ้านอยู่ห่างจากคนอื่น

    แม้ภรรยาจะนิสัยน่ารังเกียจเพียงใด แต่เขาก็ทิ้งนางไม่ได้ ด้วยคิดว่าลูก ๆ ต้องมีมารดาคอยดูแล แม้ว่านางจะไม่ได้ดูแลเด็ก ๆ อย่างดี แต่อย่างน้อยก็ยังพอเป็นหูเป็นตาให้เขาได้บ้าง เขาถึงยังอดทนมาจนถึงตอนนี้

    แต่หากนางยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทางเลือกสุดท้ายที่มีให้ ก็คงเป็นการหย่าร้างเท่านั้น

    “น้องชาย...ไม่สิ ๆ เธอคือลูกของฉันนี่ ละ...แล้วฉันต้องเรียกเธอว่าอะไรเหรอ?”

    “เจ้ารองขอรับ ท่านพ่อเรียกข้าเช่นนั้น ส่วนคนที่ผ่าฟืนอยู่ด้านนอกคือพี่ใหญ่ คนที่ชะโงกหน้ามองท่านตรงประตูตอนแรกคือน้องสาม ยังมีน้องเล็กที่นอนจับไข้อยู่ในห้องอีกคน”

    “อะ...อ้อ ๆ เข้าใจแล้ว งั้น เอ่อ...ขอฉันอาบน้ำก่อนได้ไหม แล้วเราค่อยไปเดินสำรวจบ้านกัน ห้องน้ำอยู่ตรงไหนเหรอ? เอ่อ หมายถึงไอ้ห้องที่มันใช้อาบน้ำน่ะ แหะ ๆ”

    “อ้อ อยู่ที่ลำธารขอรับ ท่านแม่ไปอาบน้ำตรงบริเวณที่ท่านพ่อทำผนังกั้นไว้ก็ได้ขอรับ หากอยากได้น้ำอุ่น ข้าจะต้มให้ท่านอาบที่หลังบ้าน”

    มรกตมองเลยผ่านหน้าต่างไป ก็เห็นว่าบริเวณหลังบ้านมีเจ้าเด็กที่เกลียดขี้หน้าเธอกำลังยืนผ่าฟืนอยู่ แล้วจะให้เธอไปนั่งอาบน้ำได้ไงเล่า!

    “ไม่เป็นไร อากาศร้อน ๆ แบบนี้อาบน้ำเย็นดีกว่า รบกวนเธอเอาเสื้อผ้าทั้งหมดที่กองอยู่ตรงนั้นขนตามฉันไปได้ไหม”

    มรกตสังเวชสภาพเน่า ๆ พวกนี้เต็มทน จึงนึกอยากขนพวกเสื้อผ้าเน่า ๆ เหล่านี้ไปซักก่อนเป็นอันดับแรก อ้อ พวกเครื่องนอนก็ด้วย หลังจากนั้นค่อยทำความสะอาดห้อง แล้วกลับไปอาบน้ำใหม่อีกรอบน่าจะดีกว่า

    ตงซิ่วพยักหน้ารับ เขาไม่รังเกียจเสื้อผ้าที่ส่งกลิ่นเหม็นของมารดา แล้วเก็บพวกมันใส่ตะกร้าสาน หอบพวกมันเดินนำหน้ามารดาที่หอบผ้ากองใหญ่เดินตามหลังเขาต้อย ๆ

    ปกติก็ไม่ใช่คนขยันหรอก แต่เธอไม่มีเสื้อผ้าใหม่ให้เปลี่ยนแล้ว!

    “นี่ ๆ เจ้ารอง เอาเสื้อผ้าของพ่อเธอมาให้ฉันยืมก่อนได้ไหม คือว่าฉันไม่มีชุดเปลี่ยนแล้วอะ ชุดนี้มันเหม็นเกินจะรับไหวแล้ว ฮื่อ~”

    “ได้ขอรับ ข้าจะกลับไปเอามาให้ท่าน”

    มรกตคิดว่าสามีที่ยังไม่เคยเห็นหน้า คงตัวใหญ่พอสมควร เพราะขนาดลูก ๆ ยังสูงชะลูดขนาดนี้ สามีไม่ต้องจินตนาการให้ปวดสมองเลย

    เมื่อเดินมาส่งมารดาที่ริมน้ำแล้ว ตงซิ่วก็กลับไปนำเสื้อผ้าของบิดามาให้มารดาเปลี่ยนแทนเสื้อผ้าเน่า

    พอได้มีเวลาอยู่คนเดียวแล้ว มรกตก็รีบวิ่งไปที่ริมน้ำ ชะโงกหน้ามองเงาสะท้อนตัวเองในน้ำด้วยความอยากรู้ทันที

    ใบหน้าอ้วน ๆ บวม ๆ แถมผิวยังดำคล้ำ ผมเผ้าชี้ฟู ที่แก้มมีคราบน้ำลายเปื้อนอยู่ ตรงคอก็มีคราบไคลเกาะกันเป็นปื้น ไหนจะฟันเหลืองอ๋อยมีเหม็นเกินทน...

    ให้ตายเถอะ! คนสติไม่ดีแถวบ้านยังมีสภาพดูดีกว่าเธอตอนนี้อีก

    คุณหนูมรกตรับสภาพของตัวเองในตอนนี้ไม่ได้จริง ๆ ความคับแค้น ความผิดหวัง ความไม่เข้าใจประเดประดังเข้ามาจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ทำได้เพียงนั่งร้องไห้หมดอาลัยตายอยากอยู่ที่ลำธารแห่งนี้

    โชคดีที่ไม่มีชาวบ้านใช้น้ำตรงนี้เลย ไม่อย่างนั้นคงคิดว่าตัวเองถูกผีหลอกตอนกลางวันแสก ๆ แน่ เพราะเสียงร้องไห้ของเธอ

    ตงซิ่วหายไปสักพักก็ถือเสื้อผ้าชุดที่ดูใหม่ที่สุดของบิดามาวางไว้บนโขดหิน พลางมองสำรวจแผ่นหลังมารดาที่นั่งซึมมองแม่น้ำไหลผ่าน

    “ท่านแม่ ให้ข้าช่วยซักผ้าหรือไม่ขอรับ”

    “อ๊ะ มะ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันทำเอง เธอกลับไปก่อนเถอะ”

    “ขอรับ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน หากมีอะไรท่านตะโกนดัง ๆ เรียกข้าได้เลยนะขอรับ”

    ลำธารอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านเท่าไหร่นัก หากตะโกนเรียกกันดัง ๆ ก็ได้ยินแล้ว และตอนนี้มรกตอยากอยู่คนเดียวด้วย เธออยากขอเวลาทำใจก่อนสักนิด แล้วค่อยคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี

    “เฮ้อ~ ไม่เคยคิดว่าต้องมานั่งซักผ้าอยู่ริมน้ำแบบนี้เลยนะเนี่ย ซักกับน้ำเปล่า ๆ กลิ่นเหม็นพวกนี้จะออกรึเปล่าก็ไม่รู้ คราบสกปรกฝังแน่นขนาดนี้ ถ้ามีผงซักฟองกับน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นก็คงดี ฮื่อ~ คิดถึงกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอม ๆ ชะมัด”

    [นายหญิงต้องการของพวกนั้นหรือเจ้าคะ?]

    “แม่ร่วง! Xแหก! ใครน่ะ!?”

    จู่ ๆ ก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นทั้งที่อยู่คนเดียว ทำเอาคุณหนูชาติตระกูลดีหลุดปากสบถออกมาอย่างหยาบคาย

    เธอลุกขึ้นยืนทำท่าป้องกันตัวหันไปมองรอบ ๆ แต่ก็ไม่เจอเจ้าของเสียง เป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าตัวจะแอบอยู่ เพราะเสียงมันดังมากเหมือนมาพูดอยู่ข้าง ๆ หู

    “ออกมานะ เธอเป็นใคร!”

    [นายหญิงใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ ข้ายังไม่มีพลังพอให้ท่านเห็นตัว แต่พอคุยกันผ่านเสียงได้เจ้าค่ะ หากนายหญิงถูกผู้คนยอมรับ พลังของข้าก็จะเพิ่มมากขึ้น และยิ่งนายหญิงทำความดี พลังของข้าก็จะเพิ่มเร็วมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวเลยเจ้าค่ะ]

    “เธอเป็นผีเหรอ? ไม่เอานะ ถ้าเป็นผีก็ไปเกิดสิ จะมาหลอกหลอนกันทำไมเล่า แค่นี้ชีวิตฉันก็ยากพอแล้ว”

    [ข้าไม่ใช่ผีหรือวิญญาณร้ายดั่งที่ท่านคิดเสียหน่อย ข้าน้อยคือระบบนำทาง ที่จะคอยช่วยเหลือให้ท่านปรับตัวกับที่นี่ได้เจ้าค่ะ]

    [นายหญิงท่านต้องการสิ่งที่เรียกว่าผงซักผ้า กับน้ำยาปรับผ้านุ่มหรือเจ้าคะ ข้าสามารถช่วยท่านย้อนกลับไปซื้อสิ่งของเหล่านี้ ที่โลกเดิมของท่านได้เจ้าค่ะ]

    ล้ำสมัยมาก!!! ชาติที่แล้วเธอสามารถซื้อของออนไลน์บนสมาร์ตโฟนได้ มายุคนี้ยังซื้อของผ่านระบบที่มีแต่เสียงได้อีก ทันสมัยกว่ายุคที่ฉันจากมาอีกนะเนี่ย

    สิ่งนี้พอช่วยปลอบประโลมหัวใจดวงน้อย ๆ ที่บอบช้ำได้แล้ว

    “แล้วฉันต้องจ่ายเงินไหม?”

    [ของซื้อของขายก็ต้องจ่ายเงินสิเจ้าคะ นายหญิงสามารถสั่งซื้อของจากยุคที่ท่านจากมาได้ทุกอย่าง แต่ราคาจะพอ ๆ กับยุคนี้ เปลี่ยนแค่ค่าเงินเท่านั้น]

    [แต่ตอนนี้นายหญิงยากจนยิ่งนัก ท่านสนใจกู้เงินหรือไม่เจ้าคะ]

    “ฮะ?”

    [ทางระบบของข้ามีสินเชื่อเงินด่วนให้กับนายหญิงโดยเฉพาะเจ้าค่ะ วงเงินสูงถึงหนึ่งร้อยตำลึงทอง ท่านสนใจกู้ยืมหรือไม่เจ้าคะ]

    หนี้นอกระบบไหมเนี่ย!? แต่ว่าเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่นา เฮ้อ จะทำอะไรได้นอกจากต้องยอมเป็นหนี้เขาน่ะ

    “กู้สิ ฉันขอกู้เต็มวงเงินเลย! แล้วฉันซื้อของได้เลยไหมอะ”

    [ได้เจ้าค่ะ]

    “เยี่ยม! นอกจากสองอย่างนั้นแล้ว เอาแปรงซักผ้ามาด้วยนะ แล้วก็เครื่องอาบน้ำ ทุกอย่างขอของดีเท่านั้น ขอแบบที่ฉันเคยใช้ประจำ อ้อ ขอครีมบำรุงผิวด้วย ต้องของแบรนด์เดิมที่เคยใช้เท่านั้นนะ”

    [ได้เจ้าค่ะ รอสักครู่]

    ระบบที่ว่าเงียบหายไปสักพัก ไม่นานก็มีสิ่งของเต็มตะกร้าโผล่มาข้าง ๆ โขดหินที่เธอนั่งอยู่ ด้านในเต็มไปด้วยสิ่งของที่ขอไปอย่างครบถ้วน

    หญิงสาวดีใจมาก หยิบพวกมันขึ้นมาสำรวจดู ก็เห็นว่าเป็นสินค้าใหม่เอี่ยม เพิ่มเติมคือบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ถูกเปลี่ยนเป็นไม้ทั้งหมด

    ฉลากที่พิมพ์ลงบนพลาสติก กลายเป็นการแกะสลักบนตัวบรรจุภัณฑ์แทน และนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร มีให้ใช้เท่านี้มรกตก็พอใจแล้ว

    [ส่งสินค้าสำเร็จ สินค้าในตะกร้ารวมมูลค่าทั้งหมดสิบตำลึงทองเจ้าค่ะ นายหญิงคงจะยังไม่ทราบถึงค่าเงินที่ท่านใช้ไป เงินจำนวนนี้สร้างบ้านหลังใหญ่ได้หนึ่งหลัง พร้อมที่ดินอีกหลายสิบหมู่เลยเจ้าค่ะ]

    “ฮะ?”

    [สาเหตุที่ราคาสูง เป็นเพราะสิ่งที่เรียกว่าครีมทาหน้าของนายหญิงจากโลกเดิมกระปุกหนึ่งมีมูลค่าหลายหมื่นบาท เท่ากับค่าเงินหนึ่งตำลึงทองในยุคนี้]

    [ส่วนสบู่อาบน้ำ ข้าน้อยเลือกของถูกมาตามท้องตลาด ก้อนละสามสิบบาท คิดเป็นสามสิบอีแปะเจ้าค่ะ]

    “ฮะ? อะ อีแปะอะไรนะ แล้วตำลึงทองมันคืออะไรอะ”

    เอาเป็นว่าทุกอย่างที่ระบบพูดมา มรกตฟังไม่เข้าใจเลยสักนิด ได้แต่นั่งกะพริบตามองปริบ ๆ เหมือนคนโง่งมอยู่แบบนี้น่ะสิ

    แต่ในอนาคตเธอจะรู้เองว่า เงินที่ใช้ไปในวันนี้มีมูลค่าสูงแค่ไหน และมันไม่คุ้มเลยเมื่อแลกกับของแค่ไม่กี่ชิ้น

    “เอ่อ ไม่ต้องห่วงไปนะ ถึงฉันจะไม่รู้ว่าไอ้ที่เธอพูดมามันคิดเป็นเงินจำนวนเยอะแค่ไหน แต่ฉันจะหาเงินมาคืนแน่นอน ขอบคุณมากนะจ๊ะ”

    ยังไม่สลดอีก...ระบบกุมขมับแล้วตอนนี้ คิดแล้วว่ากว่าคุณหนูบ้านรวยคนนี้จะรู้ตัวก็คงอีกนาน

    ช่างเถอะ หน้าที่ข้ามีแค่ช่วยให้นางใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

    [นายหญิงข้าขอแนะนำอะไรสักนิดได้หรือไม่]

    “หือ ได้สิ ๆ จะแนะนำอะไรล่ะ”

    [ท่านต้องเปลี่ยนแปลงคำพูดให้เข้ากับยุคสมัยด้วยเจ้าค่ะ ตอนนี้คุณชายรองเริ่มสงสัยในตัวของท่านแล้ว]

    “หา~ เด็กนั่นจะฉลาดเกินไปแล้ว”

    [อย่าลืมสิเจ้าคะ ตอนนี้ท่านไม่ใช่มรกตอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นฟางเหนียงมารดาของเขา หวังว่าท่านจะทำใจและเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เร็ว ๆ นี้]

    ระบบพูดด้วยน้ำเสียงติดเหวี่ยงเหมือนไปโกรธใครมา มรกตเองก็เริ่มหัวเสียขึ้นมานิด ๆ แล้ว

    สรุปนี่ฉันเป็นคนผิดใช่ไหม?

    ลืมตายังไม่ทันข้ามวัน ก็ถูกกดดันให้ปรับตัวได้ในทันทีเสียแล้ว

    รู้แล้วย่ะ! แต่ก็ขอเวลาทำใจหน่อยไม่ได้รึไง คนสวยเซ็ง!

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×