ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวน้อยผู้มั่งคั่ง (จบแล้ว) มี E-BOOK

    ลำดับตอนที่ #3 : โลกใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 66


    ตอนที่ 3 โลกใหม่

    มนตราตื่นขึ้นมาเพราะถูกคนปลุก หญิงสาวรู้สึกปวดหัวมาก จึงร้องเรียกให้เลขาคนสนิทไปตามหมอมาตามความเคยชิน ความทรงจำสุดท้ายที่มีอยู่คือตัวเธอเองไม่ทันระวังพลัดตกบันไดเสียได้

    "ทาม...ตามหมอให้เราที เราปวดหัวหนักมาก"

    แทนที่จะเป็นทามเลขาคนสนิท กลับเป็นเด็กชายตัวน้อยนั่งยอง ๆ ข้างพี่สาวที่นอนหลับอยู่บนพื้น เขาเห็นนางนอนนานแล้วไม่ตื่นเสียที แต่ยามนี้เขาปวดเบาต้องการไปปลดปล่อยโดยเร็ว ฟ้ามืดเช่นนี้พี่สาวเคยสั่งเอาไว้ว่า ห้ามออกไปไหนมาไหนคนเดียวต้องปลุกให้นางพาไป

    "พี่ใหญ่เป็นอะไรไปหรือขอรับ ท่านเรียกหาใครหรือ นี่ข้าอาเยี่ยนเอง"

    มนตราลืมตาขึ้นพึ่บ แล้วหันหน้ามองเด็กชายเนื้อตัวมอมแมมที่นั่งอยู่ข้างกัน สายตาเหลือบไปเห็นผนังไม้ที่แทบจะถล่มลงได้ทุกเมื่อด้านหลังเขา

    อาเยี่ยนยกมือเปื้อนดินกุมแก้มทั้งสองข้างของพี่สาวเอาไว้ แล้วก้มหน้าเป่าเบา ๆ ตามที่นางเคยสอน

    "หายเจ็บแล้ว..พี่ใหญ่เก่ง..อาเยี่ยน..อาเยี่ยนปวดฉี่"

    มนตราตาค้างไปแล้ว สมองของเธอกำลังประเมินสถานการณ์ที่ตนกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้อย่างหนัก

    เราควรจะนอนอยู่ในโรงพยาบาลสิ ทำไมเราถึงมานอนบนดินได้ล่ะ แล้วทามไปไหน...ทำไมถึงปล่อยเราไว้แบบนี้ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย!

    อาเยี่ยนเห็นพี่สาวไม่สนใจก็ทนไม่ไหวแล้ว เขาวิ่งไปยืนอยู่มุมห้องแล้วถอดกางเกงปลดเบาออกมา มนตราทำได้เพียงกะพริบตามองเขาปริบ ๆ

    "เด็กน้อยที่นี่ที่ไหนเหรอ"

    อาเยี่ยนหันหน้ามาหาพี่สาว เขาวิ่งมานั่งบนตัวนางทั้งที่ยังไม่ใส่กางเกง อีกทั้งเนื้อตัวท่อนล่างยังเปื้อนฉี่ของเขาเต็มไปหมด

    "พี่ใหญ่พาอาเยี่ยนมาเรือนร้าง คนใจร้ายไล่พวกเราออกจากบ้าน"

    ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว มนตรามองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดปกคลุมไปหมด หรือเป็นเพราะเธอกำลังจับไข้กันแน่ หญิงสาวพยายามคิดหาสาเหตุว่าทำไมตนถึงมาอยู่ที่นี่

    "โอ๊ย!"

    มนตรารู้สึกเหมือนถูกอะไรกัดที่มือ พลันรู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั้งร่างกาย ยิ่งขยับตัวร้องความเจ็บกลับเพิ่มทวีคูณมากยิ่งขึ้น

    มนตราทำได้แค่อดทนร้องออกมาเพราะตอนนี้คงไม่มีใครช่วยได้ ทันใดนั้นพลันเกิดแสงสว่างวาบทั่วห้อง เป็นแสงที่ออกมาจากนิ้วของหญิงสาวที่มีปานดอกบัวกำลังบานฝังอยู่บนข้อมือขาวผ่อง

    ความทรงจำของคนที่ไม่เคยพบหน้ากำลังแล่นเข้ามาในหัวของมนตรา ภาพที่ถูกทรมาน ภาพที่ถูกชาวบ้านรุมประณาม ภาพที่ถูกคนในเมืองกล่าวหาว่าเป็นขโมย ความทรงจำเหล่านี้ถาโถมเข้ามาในหัวของมนตรารวดเดียว

    หญิงสาวยามนี้ทั้งมึนหัว ทั้งเจ็บปวด และอยากอาเจียนออกมา สุดท้ายนางก็ทนไม่ไหวหมดสติไปอีกครั้ง

    อาเยี่ยนเห็นพี่สาวทำท่าแปลกประหลาด ก็คิดว่านางกำลังเล่นกับตน เด็กน้อยหัวเราะชอบใจพลางเงยหน้าหัวเราะปรบมืออย่างร่าเริง

    "เอาอีก ๆ พี่ใหญ่ท่านทำหน้าตลก ๆ อีก"

    เมื่อเห็นพี่สาวหลับไปแล้วไม่ยอมเล่นกับตนเองอีก เด็กชายตัวน้อยก็ยกมือปิดปากหาวออกมา เขาลงจากตัวพี่สาวแล้วหาที่นอนข้าง ๆ กันหลับตามไปด้วยอีกคน

    .....

    จิ๊บ ๆ ๆ

    เสียงนกร้องดังขึ้นพร้อมกับแสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในเรือนร้างแห่งนี้ มนตราลืมตาขึ้นมาอย่างงุนงง เธอกะพริบตาสองสามทีแล้วตั้งสตินึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อวาน

    ตอนนี้เธอรู้ตัวแล้วว่าตนเองไม่ได้อยู่ในโลกปัจจุบัน หรือยุคที่มีแต่ความเจริญอีกต่อไป ทว่ากลับเกิดความผิดพลาดบางอย่างที่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร ที่ทำให้เธอได้มาอยู่ในยุคโบราณที่แม้แต่ไฟแช็กจุดไฟยังไม่มี

    "แล้วฉันจะอยู่รอดได้อย่างไรเล่า ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะเสียใจหรือเปล่าที่เราตาย ดีนะที่เขียนพินัยกรรมไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่อย่างนั้นยายน้องสาวตัวดีคงได้ฮุบไปหมดแน่"

    ก่อนตายมนตราได้จัดเตรียมทนายมืออาชีพที่เก่งที่สุดในประเทศจีนมาจัดการดูแลมรดกให้ เป็นเรื่องธรรมดามากในแวดวงธุรกิจที่ต้องอยู่กับความเสี่ยง เธอได้เขียนพินัยกรรมไว้ว่า หากตนเองตายจะขอยกหุ้นบริษัทครึ่งหนึ่งให้แก่เพื่อนรักอย่างทามไท ส่วนหุ้นอีกครึ่งหนึ่งจะถูกขายทอดตลาด ให้เลขาคนสนิทเป็นคนจัดการนำเงินไปบริจาคให้กับมูลนิธิทั่วโลก

    "อยากจะเห็นหน้าน้องสาวจริง ๆ หากรู้ว่าจะไม่ได้อะไรไปเลยจะทำหน้าอย่างไร..หึหึหึ..แค่คิดก็สนุกแล้ว"

    จู่ ๆ หญิงสาวก็หัวเราะออกมา ทำให้อาเยี่ยนน้อยที่นอนซบอกพี่สาวสะดุ้งตื่น เขางัวเงียลุกขึ้นมานั่งขยี้ตา

    "พี่ใหญ่เช้าแล้วหรือ"

    มนตราสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ นั้น เธอลืมไปแล้วว่าร่างที่ตนมาอยู่นี้มีน้องชาย ตกใจได้เพียงชั่วครู่ก็พยายามปรับตัว เธอลุกขึ้นนั่งด้วยอีกคนทว่าทันทีที่ขยับตัวกลับรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่างกาย

    ความทรงจำสุดท้ายของร่างนี้ คือถูกแม่เลี้ยงใจร้ายทุบตีสินะ ยังมีพี่สาวลูกติดนางแม่เลี้ยงนั่นด้วยอีกคน

    รอก่อนเถอะสาวน้อย พี่สาวคนนี้จะแก้แค้นให้เธอเอง ส่วนน้องชายของเธอพี่สาวคนนี้จะดูแลให้ดีเหมือนน้องแท้ ๆ เลย วางใจเถอะไปสบายได้แล้ว

    วิ้ว...

    เสียงลมพัดผ่านกายให้ความรู้สึกเย็นสบาย สายลมนั้นผ่านร่างของมนตราไปชวนให้รู้สึกขนลุก จนต้องยกมือกอดตัวเองแน่น

    "เอ่อ..เธอคงจะมาขอบคุณฉันสินะ เรารับรู้แล้วแหละ ไปเถอะอย่ายึดติดอีกเลยฉันกลัวผีอะ เธอทำแบบนี้ฉันอาจจะช็อกตายจนกลับโลกเดิมก็ได้นะ"

    อาเยี่ยนนั่งมองพี่สาวตาปริบ ๆ เขาเห็นนางคุยคนเดียวมาสักพักแล้ว

    ไม่รู้ทำไมข้าถึงฟังที่พี่ใหญ่พูดไม่เข้าใจสักนิด..หรือข้าจะโง่เหมือนที่เด็ก ๆ ในหมู่บ้านพูดกันนะ

    มนตราก้มหน้ามองเด็กชายตัวน้อย ตามความทรงจำเดิมปีนี้เขาน่าจะอายุเจ็ดแปดปีรึเปล่านะ แล้วทำไมยังตัวเล็กเหมือนเด็กสามขวบอยู่เลยล่ะ

    "นี่เธอ..เอ๊ย..เจ้า..เธอ เออ เจ้าก็เจ้า กางเกงเธอ..เจ้าหายไปไหนอะ อ่า..หายไปไหนหรือ อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนเจ้านอนทั้งอย่างนี้"

    เอาเถอะยัยตา..อยู่บ้านเขาแล้วต้องปรับตัวให้ได้สิ ตอนนี้เธอต้องลืมเรื่องเก่า ครอบครัวเก่า เพื่อนเก่าไปให้หมด

    ตามความทรงจำเดิมร่างนี้มีชื่อว่าฉินฉิน เพราะฉะนั้นตอนนี้เราคือฉินฉินเด็กสาวกำพร้าอายุสิบสามปีที่ถูกผู้คนในหมู่บ้านรังเกียจ ไม่ใช่นักธุรกิจสาวมนตราอีกต่อไป

    คอยดูเถอะฉัน เอ๊ย..ข้าจะร่ำรวยให้ดู! พวกปากหอยปากปูต้องสำลักน้ำลายตัวเองตายด้วยความอิจฉา

    "มาหาฉัน เอ่อ..พี่ใหญ่สิ ฉัน..ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นแถวนี้ดีไหม"

    อาเยี่ยนยิ้มกว้างดวงตาสดใส แม้พี่สาวจะชอบพูดจาแปลก ๆ ก็ตาม แต่เขากลับรู้สึกว่าต่อไปนี้พี่สาวจะไม่ถูกตีอีกแล้ว จะไม่มีใครกล้าชี้หน้านินทาพวกเขาสองพี่น้องอีกแล้ว

    เด็กชายคลานมาให้พี่สาวอุ้ม เขาเอาหน้าซุกกับอกไม้กระดานของนาง

    มนตราในร่างฉินฉินอุ้มน้องชายลุกขึ้นยืน พลางเดินสำรวจรอบเรือนร้างแห่งนี้ที่มีแต่หญ้าและต้นไม้ขึ้นรกเต็มไปหมด มีเพียงทางเดินเล็ก ๆ เท่านั้น

    ข้างเรือนร้างมีแม่น้ำสายเล็กไหลแยกมาจากแม่น้ำใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ถึงน้ำจะลึกสุดแค่หัวเข่าแต่ยังพอมีปลาน้อยหลงทางมาบ้างให้พอได้กิน

    มนตราเคยฝันอยากจะมีบ้านพักตากอากาศอยู่กลางป่าติดริมน้ำมาตลอด ถึงชาติที่แล้วจะมีเงินเยอะแต่กลับไม่มีเวลาไปอยู่ จึงได้แต่พับแผนการนั้นไปก่อน ทว่าใครจะไปคาดคิดว่ายามนี้ตนจะได้มาอยู่บ้านกลางป่าจริง ๆ

    ก่อนอื่นหญิงสาวอุ้มน้องชายมาอาบน้ำริมลำธาร เธอแก้ผ้าออกหมดไม่กลัวใครผ่านมาเห็น ไหน ๆ แถวนี้ก็คงไม่มีใครผ่านมาอยู่แล้ว อีกอย่างร่างที่เธออยู่ตอนนี้ไม่ต่างจากเด็กสิบขวบ อกแบนยิ่งกว่าไม้กระดาน เนื้อตัวก็เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นทั้งเก่าทั้งใหม่ ต่อให้มีบุรุษผ่านมาเห็นคงหมดอารมณ์เป็นแน่

    มนตราขัดถูคราบขี้ไคลออกจนหมด ดูแล้วถึงแม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยรอยบาดแผล แต่ผิวกายยังขาวเนียนไม่เหมือนคนทำงานหนักมาก่อน มีเพียงมือเท่านั้นที่แห้งกร้านจนดูไม่ได้

    อาเยี่ยนถูกพี่สาวอาบน้ำขัดคราบไคลให้ตั้งแต่หัวจรดเท้า เด็กน้อยอารมณ์ดีชี้นิ้วไปยังฝูงปลาเบื้องล่าง

    "พี่ใหญ่ปลาเหล่านี้บอกว่าหาทางกลับบ้านไม่ถูก ท่านช่วยนำทางมันกลับได้หรือไม่ขอรับ"

    มนตรามองไปตามทางที่น้องชายชี้ ก็เห็นฝูงปลาอยู่จริง ๆ มีตัวใหญ่สองตัวคล้ายผู้นำฝูงและปลาตัวเล็ก ๆ อีกหลายสิบตัว

    หญิงสาวหัวเราะให้น้องชายที่ช่างมีจินตนาการล้ำเลิศ เขาทำราวกับฟังที่ปลามันคุยกันรู้เรื่อง แต่เธอก็ยอมทำตัวเป็นเด็กไม่รู้ความชวนน้องชายคุยเรื่องฝูงปลาต่อ

    "อย่างนั้นหรือ แล้วเธอ..เจ้ารู้ได้อย่างไรเล่าว่ามันหาทางกลับไม่ถูก ไม่แน่ว่ามันอาจจะอยากเป็นอาหารเช้าให้เราสองคนก็ได้นะ"

    อาเยี่ยนยกมือตีน้ำทันทีที่ได้ยินว่าพี่สาวจะจับครอบครัวปลากิน

    "ไม่ให้กิน..ข้าไม่ให้ท่านกินพวกมัน"

    มนตราถูกน้ำที่น้องชายตีกระเซ็นเข้าตา จนต้องใช้มือควานหาแล้วจับมือน้องชายเอาไว้ให้เขาอยู่นิ่ง ๆ

    "ได้ ๆ ฉัน..พี่ใหญ่ไม่กินปลาแล้ว เจ้าพอใจหรือยัง"

    อาเยี่ยนเงยหน้ามองพี่สาวอย่างคาดหวัง

    "จริงหรือขอรับ ท่านจะไม่กินพวกมันจริง ๆ นะ"

    "อืม..ไม่กินแล้ว"

    ปากบอกแบบนั้นแต่รอให้น้องชายเผลอก่อนเถอะ พวกแกถึงฆาตแน่

    อาเยี่ยนน้อยหัวเราะดีใจที่เจ้าปลาน้อยรอดชีวิตแล้ว พี่ใหญ่ใจดีไม่กินปลา พวกมันน่าสงสารจะตายหลงทางก็ลำบากแล้วยังจะถูกจับกินอีก...

    เด็กชายดึงมือออกจากการเกาะกุมของพี่สาว ก่อนจะโบกมือไล่ฝูงปลาให้หลบไป

    "ทางนั้นมีแม่น้ำใหญ่..พวกเจ้ารีบไปเร็ว"

    ฝูงปลาพากันว่ายไปตามน้ำทันทีหลังจากเด็กชายพูดจบ มนตราไม่สนใจอีกนึกว่าเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น จึงพาน้องชายกลับขึ้นฝั่งหยิบเสื้อผ้าที่ซักแล้วตากไว้บนขอนไม้มาใส่

    แม้ตอนนี้จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่อากาศช่วงเช้าคล้อยเที่ยงเช่นนี้กลับอบอุ่นมาก ส่งผลให้เสื้อผ้าที่ตากแห้งเร็วทันใช้ตามไปด้วย


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×