ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #29 : ลูกค้าบ่น

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 29 ลูกค้าบ่น

    ฟางเหนียงแนะนำลูก ๆ ทั้งสองให้สองตายายรู้จัก ก่อนจะบอกให้ลูกไปคุยเป็นเพื่อนหญิงชราก่อน นางจะตั้งร้านเตรียมขายของต่อรอบสองของวัน

    เป้าหมายตอนนี้คือทำงานหาเงินใช้หนี้ให้หมดก่อน นางไม่สบายใจเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นหนี้ จึงต้องการหมดภาระตรงจุดนี้ให้เร็วที่สุด และถึงจะเหนื่อยแต่มีลูก ๆ ที่น่ารักอยู่เคียงข้าง เท่านี้ข้าก็มีความสุขมากพอแล้ว

     รถเข็นถูกเข็นเข้าไปเก็บไว้ด้านในสุด หน้าร้านมีเพียงโต๊ะและเตาอั้งโล่ตั้งอยู่เท่านั้น รถเข็นมีขนาดใหญ่เกินไป เกรงว่าหากตั้งไว้หน้าร้านจะเกะกะขวางทางลูกค้าได้ ฟางเหนียงจึงคิดว่านำไปเก็บไว้ด้านในจะดีกว่า

    “ท่านตาท่านยายรอสักครู่นะเจ้าคะ ข้าจะรีบทอดไก่ให้พวกท่านลิ้มลอง รสชาติอร่อยหรือไม่ให้รีบแจ้งข้า ข้าพร้อมปรับปรุงเจ้าค่ะ”

    ฟางเหนียงบอกกับผู้อาวุโส สูตรอาหารทั้งหมดมาจากความทรงจำของชาติก่อน และพัฒนาฝีมือฝึกกับตำราอาหารที่ได้มาจากระบบ

    ฉะนั้นเรื่องรสชาติจึงยังต้องการคนวิจารณ์อยู่ เพราะคนทำกินเองอย่างไรก็ว่าอร่อย ต้องมีหลาย ๆ ปากช่วยลองชิมถึงจะถูก

    สองผู้เฒ่าเอ็นดูเด็กชายทั้งสองมาก จึงชวนพวกเขามานั่งเล่นระหว่างรอมารดาทำอาหาร กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปโดยปริยาย

    คนแก่สองคนอยู่ด้วยกันมานาน พอมีเด็กน้อยมาอยู่ด้วย หัวใจของผู้อาวุโสก็พลันพองโตมีความสุขมากขึ้น

    ซีซวนเป็นเด็กพูดเก่งสดใสร่าเริง เขาเล่าเรื่องตอนที่เข้าป่าไปล่าสัตว์ให้กับตายายคนใหม่ฟัง มีการชูไม้ชูมือแสดงท่าทางเพื่อความสมจริง โดยมีเสียงหัวเราะดังอยู่เบื้องหลัง เรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้ไม่น้อย

     ก่อนเริ่มทำอาหาร อันดับแรกต้องเอาถาดใส่ไก่ที่หมักชุบแป้งไว้แล้ว ขึ้นมาตั้งไว้บนโต๊ะรอให้น้ำมันร้อน ระหว่างนี้ก็หยิบถังไม้ใส่ข้าวสุกนำไปตั้งไว้บนเก้าอี้ข้างโต๊ะ

    เดินไปจัดการตั้งเรียงจาน จัดหน้าร้านเสร็จน้ำมันก็ร้อนพอดี

    มืออวบถือที่คีบลองคีบไก่ชิ้นหนาลงในกระทะ เสียงน้ำมันร้อน ๆ ดังซู่ซ่าเป็นเสียงที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกว่า อาหารต้องอร่อยมากแน่นอน

    หญิงสาวตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างตั้งใจ แอบลุ้นอยู่เหมือนกันว่าผลจะออกมาดีหรือไม่ ในใจก็กลัวว่าไก่จะสุกแต่ด้านนอก แม่ค้ามือใหม่ยังมีเรื่องต้องปรับตัวอีกเยอะ

    “เชิญมาดูก่อนเจ้าค่ะ อาหารร้านข้าให้เยอะคุ้มค่ากับเงินแน่นอน ข้าเป็นแม่ค้าหน้าใหม่เพิ่งมาขายวันแรก ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยเจ้าค่ะ”

    แม่ค้าสาวอารมณ์ดีร้องเรียกลูกค้าเสียงหวาน ชวนลูกค้าคุยเล่นแอบแนะนำตัวเอง และฝากร้านเล็ก ๆ ไว้ในอ้อมอกของทุกคน ปากหวาน ๆ ของนางสามารถเรียกลูกค้าได้จริง

    ชาวบ้านที่กำลังเดินผ่านหน้าร้านหยุดมองว่า สตรีอุ้ยอ้ายผู้นี้กำลังทำสิ่งใด พวกเขาสนใจไก่ทอดในน้ำมันร้อน ๆ พลางคิดว่าอาหารร้านนี้ต้องมีราคาสูงมากแน่ เพราะใช้น้ำมันจำนวนมาก อาจต้องจ่ายเงินหลายตำลึงสำหรับน้ำมันอย่างเดียว

    ในกระทะใบใหญ่ที่มีน้ำมันอยู่ครึ่งกระทะ ฟางเหนียงใส่ไก่ลงไปเพิ่มอีกสามสี่ชิ้น ทอดทีเดียวพร้อมกันเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

    ทอดไปเรื่อย ๆ จนไก่มีสีเหลืองทองน่ากิน ก็ตักขึ้นมาพักบนถาด หันไปตักข้าวใส่จาน สับไก่หนึ่งชิ้นต่อหนึ่งจานยกไปให้ผู้อาวุโสได้ลองกิน

    “เจ้าสาม เจ้าสี่ หิวแล้วใช่หรือไม่ เดี๋ยวแม่สับไก่ให้นะ”

    ฟางเหนียงสับไก่ให้ลูก ๆ อีกสองจาน ทั้งยังราดซอสมะเขือเทศให้เสร็จสรรพ ทั้งยังบริการดีเดินไปวางจานตรงหน้าพวกเขาให้ด้วย

    “กินให้อร่อยนะลูก แม่ทำงานก่อน”

    ฟางเหนียงเดินกลับไปหน้าร้านนำไก่ใส่กระทะเพิ่ม พลางส่งยิ้มหวานให้ลูกค้าที่มุงดูอีกหนึ่งที แล้วหันกลับมาถามไถ่หญิงชราที่กำลังเคี้ยวข้าวเพลิน ๆ มองฟางเหนียงด้วยสายตาเปล่งประกาย

    อาหารจานนี้อร่อยยิ่งนัก!

    อร่อยจนนางอยากลิ้มรสไปนาน ๆ ไม่ขอกลืน!

    “เจ้าทำได้อย่างไร ข้าไม่เคยกินไก่ทอดที่อร่อยเท่านี้มาก่อน สัมผัสกรุบกรอบที่อยู่ด้านนอกมันคือแป้งกับอะไรสักอย่าง เป็นเกร็ดเล็ก ๆ ข้าชอบมันมาก ขนาดแป้งของเจ้ายังมีรสชาติ นังหนูเจ้านี่ทำอาหารเก่งจริง ๆ ท่านคิดเหมือนข้าหรือไม่เจ้าคะท่านพี่”

    ชายชราพยักหน้ารับคำภรรยา เขาตักไก่เข้าปากยัดทีเดียวสองชิ้นไม่พูดไม่จาตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว

    เวลานี้ผู้คนออกมาเดินเที่ยวเล่นหนาตากว่าเมื่อเช้า และแน่นอนว่าทุกคนล้วนหยุดเดินแล้วหันตามกลิ่นหอม ๆมองเข้ามาในร้าน

    “แม่ค้าเจ้าขายอะไรอย่างนั้นหรือ กลิ่นหอมจริงเชียว”

    ฟางเหนียงสะดุ้งเพิ่งนึกได้ว่าทอดไก่ไว้ ก็รีบกลับไปพลิกไก่โชคดีที่ยังไม่ไหม้ รอให้อีกด้านเปลี่ยนเป็นสีทอง ค่อยตักขึ้นมาพักสะเด็ดน้ำมัน

    “ข้าขายข้าวไก่ทอดเจ้าค่ะ หนึ่งชิ้นสิบห้าอีแปะ ครึ่งชิ้นสิบอีแปะ”

    หากลองกางฝ่ามือออกดู จะรู้ว่าไก่ทอดของฟางเหนียงใหญ่กว่าฝ่ามือเสียอีก ลูกค้าที่ได้ยินราคาก็รู้สึกคุ้มค่าแล้วทั้งที่ยังไม่ได้ลิ้มลอง

    “ราคานี้รวมข้าวแล้วหรือ ไก่ของเจ้าชิ้นใหญ่นัก เจ้าขายแค่สิบห้าอีแปะไม่ขาดทุนแย่หรือ”

    ฟางเหนียงยุ่งมากทั้งทอดไก่และตักข้าวใส่จานเตรียมไว้ เพราะมีลางสังหรณ์ว่าเสี้ยววินาทีต่อจากนี้คงไม่ได้พักอีกยาว

    เช่นนั้นควรเตรียมตัวไว้ก่อนดีกว่า

    “ถ้าขายไม่หมดขาดทุนแน่เจ้าค่ะ แต่ข้าขายของถูก เพราะอยากให้ทุกท่านได้ลิ้มรสของดีของอร่อยในราคาที่จับต้องได้”

    “อีกอย่างค่าจ้างของคนงานหนึ่งวันก็ได้เงินแค่ยี่สิบอีแปะ ข้าขายในราคานี้ถือว่าแพงมาก ๆ สำหรับพวกเขาแล้ว หากภายภาคหน้าขายดี ข้าอาจจะทำจานละห้าอีแปะขาย ทุกคนจะได้กินของดีเหมือนกัน”

    ลูกค้าที่มายืนอยู่หน้าร้านชื่นชมความคิดของฟางเหนียง ก็พากันสั่งกลับบ้านบ้างกินที่ร้านบ้าง คนในร้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอาหารอร่อยมาก และจะมากินอีกแน่นอนหากมีโอกาส

    พริกน้ำปลาก็ขายดีเหมือนกันอย่างงง ๆ ลูกค้าติดใจมีขอซื้อกลับไปกินที่บ้านด้วย ฟางเหนียงก็ไม่รู้จะขายอย่างไร จึงแนะนำให้ซื้อข้าวไก่ทอดกลับบ้านเพิ่ม แล้วนางจะใส่พริกน้ำปลาให้เพิ่มโดยไม่คิดเงิน

    เปิดร้านไม่นานลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้ามาต่อแถวซื้อเรื่อย ๆ จนฟางเหนียงรับมือไม่ทัน หญิงชราจึงอาสามาช่วยทอดไก่ให้ ส่วนชายชราช่วยตักข้าวใส่จานไว้ให้

    ซีซวนอายุสิบขวบจึงช่วยงานมารดาได้แล้ว เขาทำหน้าที่ถือถาดใส่จานอาหารไปตั้งโต๊ะให้ลูกค้า

    ตงหยางน้อยวัยห้าขวบปีก็เฝ้าร้านสุราให้ท่านตาท่านยาย หากมีลูกค้าเข้ามาก็จะวิ่งมาตามชายชราไปขายทันที ทุกคนช่วยกันทำงานตามที่ตนถนัด ฟางเหนียงจึงจัดสรรเวลาได้มากขึ้น อย่างน้อยก็หายหัวหมุนบ้าง

    ไก่สองร้อยชิ้นขายหมดในชั่วพริบตาเดียว ฟางเหนียงนั่งหมดแรง แขนล้าไปหมด เพราะต้องสับไก่ไม่ได้หยุดพัก ช่วงหลัง ๆ ข้าวที่เตรียมมาหมดเกลี้ยง จึงขายแต่ไก่ทอดชิ้นละสิบอีแปะ ให้ลูกค้าเอากลับไปกินที่บ้าน

    งานนี้ลูกค้าที่ได้แต่ไก่ทอดกลับไปได้กำไรเต็ม ๆ

     ขายของวันแรกก็ได้เงินมาไม่น้อย หากขายดีเช่นนี้ทุกวัน อีกไม่นานนางคงมีร้านเป็นของตัวเอง

    ฟางเหนียงยังไม่ล้มเลิกที่จะมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง นางยังคิดจะจ้างพ่อครัวและลูกน้องมาช่วยงานในร้านอีกด้วย ส่วนตัวนางขอเก็บเงินอย่างเดียวก็พอ

    “แม่นางไก่ทอดหมดแล้วหรือ?”

    เสี่ยวเอ้อหนุ่มวิ่งมาหาฟางเหนียงอย่างรีบร้อน ร้านของเขาอยู่ไกลออกไป แต่มีลูกค้ามาขอซื้อข้าวและหยิบไก่ออกมานั่งกินอยู่หลายคน จนนึกสงสัยว่าไก่ทอดที่แสนน่ากินนี้ ลูกค้าซื้อมาจากที่ไหนจึงลองถามดู

    พอรู้สถานที่ร้านก็ขอหลงจู๊เลิกงานเร็วหน่อย เพื่อมาซื้อไก่ทอดโดยเฉพาะ ทว่าเมื่อมาถึงก็ไม่มีคนต่อแถวตามที่ลูกค้าท่านนั้นบอกแล้ว

    “หมดแล้วเจ้าค่ะ”

    “ข้ามาช้าเกินไปหรือนี่ โธ่~ ข้าตั้งใจมาซื้อไก่ทอดร้านท่านกลับไปกินที่บ้านแท้ ๆ ท่านไม่เหลือให้ข้าสักชิ้นเลยหรือ”

    “ไม่มีเจ้าค่ะ หมดเกลี้ยงจริง ๆ”

    “ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้ท่านมาขายอีกหรือไม่ และหากไม่รบกวนเกินไป ท่านช่วยนำไก่ทอดแสนอร่อยนี้มาขายเยอะ ๆ ได้หรือไม่ ข้าเพิ่งได้ข่าวมาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ พอมาถึงก็ดันหมดเสียแล้ว”

    ฟางเหนียงหัวเราะเบา ๆ เมื่อถูกลูกค้าบ่นว่าลงของน้อยเกินไป จะว่าไปแล้วไก่สองร้อยชิ้นนี้ไม่ถือว่าน้อยเลย ใจก็อยากจะหมักไก่ขายอีกรอบ แต่ร่างกายมันไม่ไหวแล้วจริง ๆ รู้สึกเหนื่อยหอบเหมือนคนจมน้ำเลย

    “พรุ่งนี้เช้าท่านลองมาใหม่อีกครั้ง ข้าจะมาขายของแต่เช้ามืด ท่านแวะมาซื้อก่อนไปทำงานก็ได้เจ้าค่ะ”

    “ข้าจะกลับมาอีก พรุ่งนี้ข้าต้องได้ซื้อเป็นคนแรก!”

    เสี่ยวเอ้อหนุ่มมุ่งมั่นตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะเป็นลูกค้าคนแรกให้ได้ แม้วันนี้จะต้องเดินคอตกกลับบ้านไปก็ตาม

    ไม่รู้ว่าคืนนี้จะหลับลงหรือไม่ เพราะกลัวจะตื่นสายจนไม่ได้กินอีก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×