ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #28 : ขายดีเกินหน้าเกินตา

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 28 ขายดีเกินหน้าเกินตา

    รถม้าคันใหญ่วิ่งมาหยุดอยู่ริมลำธาร ฟางเหนียงมองไปรอบ ๆ หญ้าตามแนวลำน้ำที่ถูกถางออกหมดแล้ว

    ม้าต้องมีที่หลบแดดหลบฝน ข้าคงต้องเสียเงินจ้างคนมาช่วยถางหญ้าออกแล้วค่อยสร้างคอกม้าใหม่สินะ

    “ท่านแม่~”

    ซีซวนน้อยกำลังนั่งเล่นทรายเป็นเพื่อนน้องชายอยู่ เขาเห็นมารดาลงมาจากรถม้าก็รีบวิ่งมาหานางทันที ปากเล็ก ๆ ก็คอยเรียกท่านแม่ แต่ตัววิ่งไปกอดขาเจ้าม้าไม่กลัวโดนมันถีบแม้แต่นิด

    “เจ้าเป็นม้ามาจากสวรรค์จริง ๆ หรือ?”

    ฟางเหนียงชะงักอ้าแขนรอรับลูกเก้อ นางมองค้อนเจ้าบุตรชายตัวแสบ แล้วปล่อยให้เขาคุยกับม้าไป

    มันเป็นพรสวรรค์ของเขาที่พูดคุยกับสัตว์ได้ ไม่แน่เจ้าม้าอาจจะช่วยให้เขาควบคุมการใช้พรที่ถูกวิธีกับเขาก็ได้

    เพียงเท่านี้สัตว์ที่ข้าเลี้ยงไว้กินเนื้อ จะได้ไม่ถูกเจ้าลูกตัวแสบแอบเอาไปปล่อยเหตุเพราะสงสารอีก

    “ตงหยางลูกแม่ทำอะไรอยู่หรือ?”

    ตงหยางน้อยนั่งแหมะอยู่ที่พื้น มือน้อย ๆ กกำทรายแน่น กลัวว่ามารดาจะดุที่เขาเล่นซนจนทำเสื้อผ้าเปื้อนดิน ทว่านางไม่ดุเขาซ้ำยังอุ้มเขาเดินไปหาคนที่กำลังผ่าฟืนอยู่

    “เจ้าใหญ่แม่มาแล้ว เจ้ารองไปไหนเล่า?”

    “ท่านแม่...น้องรองบอกว่าจะไปสำรวจรอบ ๆ หมู่บ้านขอรับ แล้วนี่เหตุใดท่านแม่ถึงกลับมาเร็วเล่า ขายของไม่ดีหรือขอรับ”

    “ฮ่า ๆ ของน่ะขายหมดแล้ว แม่แค่แวะมางีบก่อนไปขายต่อน่ะ”

    “เช่นนั้นข้าดูน้องเอง ท่านแม่ไปพักผ่อนเถอะขอรับ”

    ฟางเหนียงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เรื่องอาหารการกินของลูก ๆ นางไม่ห่วงอะไรแล้ว เพราะครัวมีวัตถุดิบอยู่ไม่น้อย หิวเมื่อไหร่ก็ทำกินได้ ผีพ่อครัวประจำการอยู่ในครัวตลอด คงไม่ปล่อยให้ลูกเจ้านายอดตายหรอก

    หญิงสาวเห็นแล้วว่าผีนายบำเรอที่เพิ่งสร่างเมากำลังลอยมาหา นางจึงอุ้มลูกคนเล็กหนีเข้าไปในมิติ จับเขาอาบน้ำแล้วกล่อมนอนกลางวัน ตัวนางเองก็จะได้ไปงีบด้วยเช่นกัน

    “มารดาเจ้าเห็นข้าเป็นผีหรือ? ทำไมต้องรีบหนีขนาดนั้น”

    ผีนายบำเรอหนุ่มบ่นให้เซี่ยเหิงฟัง ก่อนจะสะบัดหน้าหนีกลับไปนอนต่อในต้นไผ่ เจ้าวิญญาณยังคงมึนงง จากฤทธิ์สุราของฟางเหนียง ที่ทำเอาเหล่าวิญญาณขยาดไปอีกนาน

    ขนาดตายเป็นผีแล้วยังเมาข้ามวันได้ ฤทธิ์สุราแรงจริง ๆ

    ทางด้านตงซิ่วหลังจากช่วยพี่ชายถอนหญ้าเสร็จ ก็ปลีกตัวไปเดินสำรวจรอบ ๆ หมู่บ้าน ทว่าด้วยใบหน้าหล่อเหลาอันโดดเด่นของเขา ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่เหลียวตามองจนคอแทบเคล็ด

    การปรากฏตัวของตงซิ่วสร้างความฮือฮาไม่น้อย ทุกคนคิดว่าเขาเป็นขุนนางใหม่ที่ปลอมตัวมาดูวิถีชีวิตชาวบ้าน

    หรือว่า! ความเจริญใกล้จะมาถึงแล้ว?

    ตงซิ่วเดินตามทางไปเรื่อย ๆ จุดประสงค์ของเขาไม่ใช่การสำรวจหมู่บ้านเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะในตำราหน้าหนึ่งเขียนเอาไว้ว่า...

    ในหมู่บ้านแห่งนี้มีสมุนไพรหายากซ่อนอยู่ เขาจึงออกตามหามันตามที่ตำราบอกไว้ ว่าจะนำไปปรุงเป็นยาเสริมพลังกายให้กับมารดา

    หากเอาไปขายก็คงซื้อจวนหลังใหญ่ในเมืองหลวงได้ เพราะตามตำราแล้วมันคือยาสมุนไพรในตำนาน ทว่าเด็กชายกลับเลือกละทิ้งเงินทอง

    เขาตั้งใจนำสมุนไพรมาปรุงยาให้มารดาโดยเฉพาะ

    เมื่อคืนเขาลุกขึ้นมากลางดึก ก็แอบไปตรวจดูชีพจรของมารดา ก็พบว่านางมีอาการแทรกซ้อนจากการจมน้ำ หากไม่รีบรักษาในภายภาคหน้าคงจะแย่นัก ซึ่งเขาไม่อาจสูญเสียมารดาไปได้แล้ว

    ฟางเหนียงไม่รู้ตัวเลยว่า ภายในร่างกายของตนเองนั้นแย่เพียงใด นางเพียงใช้ชีวิตให้คุ้มค่า และสนุกไปกับโลกใบใหม่เท่านั้น ไม่แม้แต่จะคิดสนใจสุขภาพตัวเองเลยแม้แต่น้อย

    ร่างตุ้ยนุ้ยหลับไปไม่ทันไรก็สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมา นึกขึ้นได้ว่าลืมหมักไก่เอาไว้ ก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องครัว ขอซื้อวัตถุดิบจากระบบตามเดิม

    ไก่ทอดวันนี้จะใช้ส่วนอกไก่ล้วนทอดกรอบ แต่ต้องหมักไก่ทิ้งไว้ในกะละมังแช่ถังน้ำแข็งให้เข้าเนื้อ ก่อนจะกลับมาพักผ่อนต่อ

    เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม

    ฟางเหนียงตื่นนานแล้ว กำลังกุลีกุจอจัดของที่เอาไว้ขายใส่รถม้าอยู่ รวมถึงชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้กางได้ นำไปเสริมเพิ่มโต๊ะจะได้รับลูกค้ามากขึ้น

    “แบกไปกลับเช่นนี้ทุกวันคงไม่ไหว คงต้องหาเช่าพื้นที่เก็บของ”

    “ท่านแม่ข้าขอไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ”

    ซีซวนกระตุกชายกระโปรงมารดาเอ่ยปากขอตามไปด้วย หญิงสาวก้มมองบุตรชายที่มองนางด้วยสายตาออดอ้อน

    เจ้าตัวน้อยอยากเข้าเมืองกับมารดา อยู่จวนเฉย ๆ ก็ไม่มีอะไรทำ งานบ้านก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของพี่ใหญ่จัดการคนเดียว

    เจ้าอยู่กับข้าที่จวนนี่แหละน้องสาม อย่าไปรบกวนท่านแม่เลย”

    “ไม่เอา! ข้าจะไปด้วย”

    เซี่ยเหิงถกแขนเสื้อเตรียมลงมือลากน้องชายกลับเข้าจวน แต่เจ้าตัววิ่งหนีไปหลบหลังมารดาเสียก่อน ฟางเหนียงเองก็ไม่อยากเสียเวลาแล้ว

    “เจ้าสามไปกับแม่ได้ ตงหยางเจ้าจะอยู่ที่จวนหรือไปด้วยเล่า”

    ตงหยางน้อยเลือกไปกับมารดา เขาพยักหน้าฟังคำสั่งพี่ชายว่าจะไม่งอแง จะนั่งมองท่านแม่ทำงานอยู่เฉย ๆ

    ฟางเหนียงเองก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก กับความสามารถในการสื่อสารกับภูตผีของบุตรชาย หากอยู่ด้านนอกนางจะเห็นวิญญาณได้เพียงครั้งคราว ผิดกับบุตรชายคนเล็กที่เห็นผีได้ทุกเมื่อ

    “เจ้าใหญ่รับเงินนี่ไว้ แล้วเข้าไปในหมู่บ้าน หาคนมาช่วยกำจัดหญ้าออกให้หมดด้วยเล่า แม่อยากปรับวิสัยทัศน์ให้น่าอยู่ ส่วนทางนั้นให้ปรับหน้าดินไว้ปลูกผักทำสวน อีกฝั่งไว้ทำสวนนั่งพักผ่อน”

    ฟางเหนียงเรียกถังใส่เงิน ที่ขายของได้เมื่อวานให้บุตรชาย นางยังไม่ได้นับว่ามีเท่าไหร่ รู้แต่ว่ามีเหรียญเต็มถังพอจ่ายค่าแรงชาวบ้านได้

    “ดูแลเงินให้ดีอย่าทำหายเล่า ขาดเหลืออะไรก็ซื้อเสีย ถ้าเงินไม่พอก็ไปตามแม่ที่ร้านข้างเหลาอาหารดอกท้อ”

    “เข้าใจแล้วขอรับ”

    เรื่องที่บ้านก็วางใจให้บุตรชายดูแลจัดการ ฟางเหนียงอุ้มลูกน้อยทั้งสองเข้าไปนั่งในรถม้า กำชับห้ามให้พวกเขาแตะต้องของเตรียมขาย เพราะหากเสียหายขึ้นมาจะสูญเม็ดเงินไปเปล่า ๆ

    ร่างอ้วนท้วมออกมานั่งด้านหน้ารถม้า คอยบอกทางเจ้าม้าแสนรู้ที่เดินเองได้ แต่ก็ต้องคอยจับเชือกบังคับไว้พอเป็นพิธีจะได้ไม่มีใครสงสัย

    ระหว่างวิ่งผ่านหมู่บ้านสายตาก็เหลือบไปเห็นลูกคนรองของตน เจ้าเด็กฉลาดกำลังคลานเข้าไปใต้บ้านร้าง ผิดนิสัยรักสะอาดไม่น้อย

    ผู้เป็นมารดาก็ไม่หยุดทัก เพราะไว้ใจบุตรชายคนดีว่าเขาจะไม่ลักขโมยของคนอื่นแน่นอน

    รถม้าวิ่งเร็วแต่นิ่มนวลมาก ดูจากของที่วางทับซ้อนกันอยู่ข้างในไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

    ใช้เวลาสองเค่อก็มาถึงร้านขายของแล้ว แม่ค้าซาลาเปาเจ้าเดิมเมื่อเห็นฟางเหนียงบังคับรถม้ามา ก็นึกอิจฉาที่อีกฝ่ายมีชีวิตดีกว่าตน จึงทนไม่ไหวต้องออกปากตะโกนหาเรื่อง

    “นี่เจ้ายังไม่หยุดขายของอีกหรือ รู้หรือไม่ พอเจ้ามาขายของแถวนี้ พวกข้าขายของได้ยากกว่าเดิม ลูกค้าเลือกเข้าร้านของเจ้าคนเดียว! ไปขายที่อื่นเสีย ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า!”

    “จะโทษนังหนูได้อย่างไรกัน ในเมื่อร้านเจ้าไม่จริงใจกับลูกค้าก่อน ยอมรับมาเถอะว่าเจ้าเอาของเก่าค้างคืนมาขาย คิดว่าลูกค้าโง่หรือ!”

    “ท่านเองก็อยู่มานาน จะให้คนนอกมาขายทับที่ได้อย่างไรกัน!”

    “นังหนูขายอาหาร ส่วนข้าขายสุรา จะเรียกว่าขายทับที่กันได้หรือ อีกอย่างข้าเต็มใจให้นางอยู่ เจ้าก็เลิกบ่นเสีย นางไม่ได้แย่งที่เจ้าเสียหน่อย”

    หญิงชราออกมาโบกกระบวยตักเหล้าเถียงแทนฟางเหนียง คนอื่นที่มองอยู่ก็ไม่ได้พูดอะไร แม้ในใจจะเห็นด้วยกับแม่ค้าร้านซาลาเปา ทว่ากลับหน้าบางไม่กล้าเอ่ยปากไล่เอง

    แม่ค้าซาลาเปาฟังหญิงชราโต้ตอบก็เถียงไม่ออก ถิ่นนี้หญิงชราอยู่มาก่อนใครพวก อีกอย่างนางก็เป็นเจ้าถิ่นแถวนี้เสียด้วย

    เกิดทำให้นางไม่พอใจขึ้นมา แล้วไปแจ้งทางการเรื่องที่ตนเอาของไม่ดีมาขายให้กับลูกค้า คนที่ซวยจะไม่ใช่แม่ค้าหน้าใหม่น่ะสิแต่เป็นตัวนาง

    เมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้ก็ขอจ้องเขม็งใส่แก้เขิน แล้วกระทืบเท้าปึงปังเดินหนีไปด้วยความอับอาย

    เฮ้อ~ ข้าไม่น่าเอาลูกมาด้วยเลย ออกตัวแรงก็ไม่ได้เดี๋ยวจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเอา คนเขาทำมาหากินสุจริตแท้ ๆ จะมาหาเรื่องกันทำไม

    ฟางเหนียงส่ายหน้าอย่างเอือมระอา พลางกระโดดลงจากรถม้า เดินไปถามหาที่ที่พอจะเอารถม้าไปฝากไว้ได้ หญิงชราจึงให้ฟางเหนียงเอาม้าไปผูกไว้ข้างบ้านตนเอง จะได้ไม่ต้องเสียค่าฝากให้สิ้นเปลือง

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×