คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : เปิดอกคุย
ตอนที่ 27 เปิดอกคุย
เช้าวันต่อมา
ยามนี้มนตรารู้สึกไข้ลดแล้ว ไม่ปวดหัวจนสมองแทบระเบิดอีกต่อไป
การที่สองพี่น้องป่วยพร้อมกันทำให้ทุกคนเป็นห่วงมาก หลังจากฉินฉินเป็นลมไป ทางด้านอาเยี่ยนที่อยู่เล่นกับบิดาก็ฟุบลงไปกองกับพื้นเช่นเดียวกัน
หญิงสาวลุกขึ้นนั่งก็เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นลอยอยู่เหนือหัวนอกหน้าต่าง รู้ทั้งรู้ว่าสายมากแล้วแต่ก็ไม่มีอารมณ์จะไปขายของ
มนตราหันมองซ้ายมองขวาเห็นน้องชายนอนคิ้วขมวดก็นึกว่าเขากำลังฝันร้าย จึงใช้นิ้วของตนจิ้มไปกลางหน้าผากเขา
"เจ้าตัวน้อย...เป็นเด็กเป็นเล็กหัดคิ้วขมวดแล้วหรือ เจ้ากำลังฝันถึงเรื่องอะไรกันแน่ เล่าให้พี่รองฟังได้หรือไม่"
แกรก...
ขณะที่ร่างเล็กกำลังแกล้งน้องชายตัวน้อย และจ้องมองเขานอนหลับอยู่ประตูก็ถูกเปิดเข้ามา
หูต้าลู่เดินเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำในมือ เขาเห็นน้องสาวตื่นแล้วก็ส่งยิ้มให้ ก่อนจะเดินมาวางอ่างน้ำบนหัวเตียง แล้วยกมือทาบบนหน้าผากมน
"เจ้าตัวไม่ร้อนแล้ว...ดีจริง ๆ ในที่สุดเจ้าก็ตื่นเสียที รู้หรือไม่ว่าเจ้าหลับไปสิบสองวันเต็ม ๆ ท่านพ่อเป็นห่วงมาก เขาไปขนหมอทั้งเมืองมาตรวจอาการให้พวกเจ้า ทุกคนต่างพากันส่ายหน้า แล้วบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเจ้านอนหลับไปเท่านั้น"
ได้ยินดังนั้นปากเล็กก็อ้าค้าง คนเรามันจะหลับไปสิบสองวันได้จริง ๆ หรือ เช่นนั้นข้าวปลาก็ไม่ได้กินสิ
แต่ก่อนเธอก็มองว่าร่างนี้ผอมอย่างกับกุ้งแห้งแล้วนะ ไม่อยากเห็นสภาพตนเองในตอนนี้จริง ๆ
มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าแล้วถอนหายใจยาว ๆ หูต้าลู่นึกว่าน้องสาวจะเจ็บตรงไหน จึงเดินมานั่งข้างเตียงพลางจับแก้มตอบให้เงยหน้าขึ้น แล้วมองสำรวจทั่วใบหน้าอ่อนเยาว์ แววตาของเขาทอประกายความเป็นห่วงชัดเจน
เธอเห็นเขาเป็นห่วงก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา รีบยกมือบีบสองแก้มของพี่ชายคืนกลับไป
"ดูเหมือนท่านจะกินดีอยู่ดีนะเจ้าคะ ดูสิแข็งแรงขึ้นเยอะกล้ามแขนของพี่ชายข้าแทบจะดันเสื้อผ้าปริแตกออกมาอยู่แล้ว"
หูต้าลู่ดึงน้องสาวมากอด ความวิตกกังวลที่ต้องเผชิญมาตลอดหลายวันมลายหายไปทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสนี้
"เจ้ารู้หรือไม่ ข้าต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นมากเพียงใด ต้องขายไก่แทนเจ้า ดูแลทุกอย่างแทนเจ้า ซ้ำยังต้องเดินขึ้นเขาไปตรวจจวนใหม่ทุกวัน ร่างกายมันย่อมมีมัดกล้ามขึ้นมาเอง..เจ้าตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว ข้าจะได้พักเสียที"
มนตรากอดพี่ชายแน่นแล้วซุกหน้ากับอกของเขา นั่นยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่าพี่ชายแข็งแรงขึ้นจริง ๆ ดูกล้ามหน้าอกสิ...แน่นเปรี๊ยะ
"ท่านพ่อเล่าไปไหนแล้ว เขาไม่อยู่บ้านหรือเจ้าคะ"
"ท่านพ่อไปขายไก่แทนเจ้า กิจการรุ่งเรืองมากทีเดียว บางคนถึงกับเหมาไปสิบตัว แต่ท่านพ่อไม่ยอมขายให้ ต้องตั้งกฎว่าซื้อได้คนละตัวเท่านั้น”
“อ้อ...มีคนจากต่างเมืองเดินทางมาตามหาไก่ขอทานของเจ้าด้วย เขามาขอซื้อสูตรในราคาหนึ่งหมื่นตำลึงทอง เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านพ่อรับมืออย่างไร"
หูต้าลู่หยุดพูดกลางคันแล้วก้มหน้าสบตาน้องสาวตัวดีที่ใช้ฟันงับหน้าอกของตนอยู่ เขาปล่อยให้นางกัดไป ถือเสียว่ากำลังเลี้ยงเด็กทารกคนหนึ่ง
แต่มนตราที่ในโลกเดิมชื่นชอบบุรุษกล้ามแน่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอเห็นว่ามันน่ากัดดีจึงลองใช้ฟันงับดู ปรากฏว่ากัดไม่เข้า ยิ่งออกแรงยิ่งปวดกราม
"อ่า...ท่านพ่อทำอย่างไรหรือเจ้าคะ"
หญิงสาวถามต่อด้วยเสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ นางกำลังพิชิตกล้ามหน้าอกพี่ชายอยู่ และพิสูจน์ว่าระหว่างเนื้อหนังที่แข็งเป็นหินกับฟันที่เป็นกระดูก ส่วนใดจะแข็งแรงมากกว่ากัน
หูต้าลู่นอนเบียดกับน้อง ๆ เขากางแขนออกให้น้องสาวนอนซบบนแขนได้สะดวก
"ท่านพ่อใช้ไม้ไล่ตะเพิดพวกเขากลับไป ต่อให้เขานำสมบัติทั้งตระกูลมาแลกกับสูตรที่เจ้าคิดค้นขึ้นมาอย่างยากลำบาก ท่านพ่อก็ไม่ยอมขายให้อยู่ดี เขาจะรอให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจด้วยตนเอง"
มนตราฟังจบแล้วก็หัวเราะเบา ๆ แล้วโผกอดพี่ชายแน่น เธอนอนหลับคาอกเขาไปทั้งอย่างนั้น หากคนนอกมาเห็นอาจจะรู้สึกแปลก ๆ ที่พี่น้องต่างสายเลือดสนิทกันมากเกินควร
หูต้าลู่ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของน้องสาว จึงก้มหน้าลงมองมือเล็กที่กำลังกอดเอวเขาแน่น ปากก็ขมุบขมิบดูแล้วน่าเอ็นดูนัก
เมื่อวันก่อนหูต้าลู่บังเอิญพบกับหมอชราในป่า อีกฝ่ายได้ทำนายทายทักเรื่องของน้องสาวตนว่า หญิงสาวไม่ใช่คนในโลกนี้ อีกทั้งยังมีศัตรูคู่อาฆาตในชาติที่แล้วตามเกิด
"ภายภาคหน้าจะมีภัยอันตรายเข้ามาในชีวิตของน้องสาวเจ้า จงระวังไว้ให้ดี หากเจ้าปล่อยให้นางคลาดสายตา จะไม่มีใครได้เจอนางอีกตลอดชีวิต"
หูต้าลู่จ้องชายชราที่นั่งพูดอยู่บนโขดหินแหลม แล้วรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
"ท่านเป็นใครหรือขอรับ"
ชายชราหัวเราะในลำคอ...
"ข้าเป็นคนพานางมาที่แห่งนี้อย่างไรเล่า ว่าอย่างไรพ่อหนุ่ม เจ้าอยากจะปกป้องนางหรือไม่"
"นางเป็นคนในครอบครัวของข้า หากข้าไม่ปกป้องนางแล้วจะให้ใครมาทำหน้าที่นี้แทนเล่า"
"ดี! เช่นนั้นทุกวันยามจื่อ เจ้าต้องมาฝึกวิชากับข้าเป็นเวลาสิบสองวัน"
"ขอรับ"
หลังจากเจอชายชราที่ไม่มีที่มาที่ไปในวันนั้น ตอนเช้าหูต้าลู่จะช่วยบิดาทำงานเตรียมของขายไปขายในเมือง ส่วนเขาเป็นคนอยู่ดูแลน้อง ๆ ที่ยังไม่ฟื้นจนถึงช่วงเย็น เมื่อบิดากลับมาก็จะมารับช่วงต่อดูแลน้อง ๆ ให้แทน
เมื่อถึงยามจื่อเขาจะหลบปีนเขาเข้าป่าไปฝึกวิชากับชายชราทุกวันไม่เคยขาด จนมาถึงวันสุดท้ายก่อนจากกัน ชายชราได้บอกเป็นนัย ๆ ว่าน้องสาวเขาได้เวลาฟื้นแล้ว ให้เขารีบกลับไปดูแลนาง
"ข้าสอนในสิ่งที่ควรจะสอนไปหมดแล้ว วิชาต่อสู้ขอให้เจ้าใช้มันเพื่อปกป้องนาง หากผ่านพ้นภัยพิบัติที่กำลังมาถึงไปได้ ทั้งเจ้าและนางจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจนกว่าจะสิ้นอายุขัย"
หูต้าลู่นั่งหอบหายใจพิงต้นไม้ใหญ่เงยหน้ามองชายชรา
"ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าท่านเป็นใคร"
ชายชรายิ้มน้อย ๆ ไม่ยอมคลายข้อสงสัย แล้วหายวับไปจากตรงนั้นต่อหน้าต่อตาชายหนุ่ม
เขาไม่นึกตกใจเพราะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ชายชราผู้นั้นไม่ใช่มนุษย์ เพียงแต่ต้องการถามให้แน่ใจเท่านั้น
หูต้าลู่นอนมองเพดานไม้ย้อนคิดถึงเรื่องเก่า ๆ พลางก้มลงจูบหน้าผากน้องสาวแผ่วเบา กลัวว่าหากสัมผัสแรงเกินไปนางจะแตกสลายเอาได้
"ข้าจะปกป้องเจ้าเองน้องสาวที่รักของข้า"
ชายหนุ่มพลิกตัวมากอดน้องสาวแนบอกแล้วหลับตามไปด้วยอีกคน
อาเยี่ยนน้อยลืมตาตื่นขึ้นมา เขารู้สึกเหมือนหัวจะโล่งแปลก ๆ หันไปเห็นพี่ชายพี่สาวนอนกอดกันก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา จึงคลานเข้าไปแทรกตัวระหว่างกลางนอนเอาหน้าซุกอกอุ่นของพี่สาวไว้
หืม...มีอะไรแปลกไปนี่
ทุกครั้งที่เขากอดพี่รอง ตรงนั้นของนางจะแบนราบ แล้วเหตุใดวันนี้ถึงได้มีอะไรนูนขึ้นมาเล่า
ด้วยความสงสัยอาเยี่ยนน้อยจึงเงยหน้าขึ้นมองพี่สาวที่ตนนอนกอดอยู่ ก่อนจะตกใจแทบสิ้นสติ
"นางฟ้า! พี่รองกลายเป็นนางฟ้าไปแล้ว"
อาเยี่ยนแปลกใจมาก เขารู้ว่าหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างกันเป็นพี่สาวของตน แล้วเหตุใดนางถึงงดงามเช่นนี้เล่า!
เด็กชายไม่อยากคิดมากอีกต่อไป พี่สาวสวยขึ้นเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องดี นางจะได้ไม่ถูกผู้อื่นรังแกอีก
อาเยี่ยนคิดไปเรื่อยเปื่อยสักพักก็ผล็อยหลับไปอีกรอบ มีเสียงกรนดังออกมาเบา ๆ ไหนจะรอยยิ้มมุมปากที่กำลังแสดงว่าเขามีความสุขนั่นอีก
ใช่แล้ว...ระหว่างที่หญิงสาวหมดสติไปได้มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้น ถึงแม้นางจะไม่ได้กินอะไรเข้าไปแต่ร่างกายก็จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จากเด็กสาวรูปร่างแคระแกร็นคล้ายกับเด็กน้อย กลับค่อย ๆ ขยายสรีระรูปร่างสูงขึ้น บาดแผลตามตัวทั้งรอยแผลเป็นและรอยฟกช้ำหายวับไปกับตา ผิวที่แห้งกร้านจากการทำงานหนักดูมีน้ำมีนวลเปล่งปลั่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้สองพ่อลูกที่เห็นทุกการเปลี่ยนแปลง จึงไม่วางใจให้คนนอกมาดูแลบุตรสาว ถึงได้คอยสลับหมุนเวียนผลัดกันดูแลนางเงียบ ๆ ไม่ให้ใครเข้าพบ โดยอ้างว่านางต้องการพักผ่อนไม่ต้องการพบเจอผู้คนตอนนี้
ทหารหญิงถูกหูต้าลู่ส่งกลับไปแล้ว ช่วงที่น้องสาวหลับใหลเขาได้ไปหาซื้อทาสสาวมาฝึกด้วยตนเอง และให้พวกนางคอยดูแลน้องสาวแทนบางเวลา
อี้เทียนเห็นบุตรชายโตขึ้นมากภายในเวลาไม่กี่วัน เขาจัดการทุกอย่างตัวคนเดียวด้วยความรอบคอบก็ให้รู้สึกภาคภูมิใจ
ในที่สุดบุตรชายของข้าก็โตเสียที
นอกจากกิจการของน้องสาวแล้ว หูต้าลู่ยังแอบเปิดกิจการของตนขึ้นมาโดยไม่บอกใคร เป็นร้านน้ำชาเล็ก ๆ ที่ซ่อนไปด้วยคมมีด เพราะหากเปิดเข้าไปหลังร้านจะเจอห้องลับไว้สำหรับซื้อขายข่าวโดยเฉพาะ
เย็นวันนั้นหลังจากอี้เทียนกลับมาจากตัวเมือง ทั้งครอบครัวก็ได้มานั่งล้อมวงกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง
มนตรายังไม่ทันสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างนี้ เพราะเธอกำลังงัวเงียจากการถูกพี่ชายปลุกให้ตื่นเมื่อถึงเวลากินข้าว
"ท่านพ่อพี่ใหญ่ ระหว่างกินข้าวข้ามีเรื่องบางอย่างจะเล่าให้ฟังเจ้าค่ะ"
ร่างเล็กสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะละมือจากการคีบตะเกียบตักอาหารเข้าปากมานั่งนิ่ง และเอ่ยปากเล่าทุกอย่างให้ทุกคนฟัง
แม้พวกเขาจะรู้เรื่องที่เธอมีมิติวิเศษแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าหากพวกเขารู้ว่าเธอมาจากโลกอื่นจะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง กังวลใจยิ่งนักว่าพวกเขาจะรังเกียจตนหรือไม่ แต่หญิงสาวก็ยอมเอ่ยปากเล่าทุกเรื่องอย่างไม่ปิดบังจนจบ โดยไม่รู้เลยว่าทุกเรื่องที่เธอกำลังสารภาพออกมา สองพ่อลูกแซ่หูต่างรู้อยู่แล้ว
"อย่างนี้นี่เอง แต่พ่อรู้หมดแล้วฉินฉิน กินกันต่อเถิด จะได้แยกย้ายไปนอนพักผ่อนเสียที"
"อืม พี่ใหญ่ก็รู้แล้วเช่นเดียวกัน"
"อาเยี่ยนไม่เคยรู้ แต่ตอนนี้รู้แล้ว พี่รอง...ท่านจะเป็นใครอาเยี่ยนไม่สน ขอเพียงแค่พี่รองรักอาเยี่ยนก็พอขอรับ"
ปฏิกิริยาของบุรุษต่างวัยทั้งสามคนนิ่งเฉยมาก พวกเขาทำเหมือนกำลังฟังนิทาน พอฟังจบก็พากันแยกย้ายไปนอน เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
มนตรากำลังงุนงงอย่างถึงขีดสุด
เธอไม่รู้ว่าจะต้องปรับตัวอย่างไรให้เข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้ดี
"นี่...ทุกคนจะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ ไม่คิดว่าข้าเป็นปีศาจมาสิงร่างมนุษย์จับคนกินหรือ ช่วยกลัวข้าหน่อยเถิด"
หูต้าลู่ทำหูทวนลมแล้วคีบตีนไก่เผ็ดใส่ถ้วยน้องสาวหน้าตาเฉย
"หากเจ้าอยากกินพี่ใหญ่จะไปจับคนมาให้ถึงที่"
ฝั่งบุตรชายพูดถึงเพียงนั้น ผู้เป็นบิดาก็ไม่ยอมแพ้ขอเข้าร่วมด้วยอีกคน
"พ่อจะปรุงรสให้สุดฝีมือเลย"
"อาเยี่ยนจะช่วยพี่รองกินเอง!"
สุดท้ายหลังกินข้าวเสร็จเธอก็กลับเข้านอนด้วยความมึนงง
อย่างนี้ก็ได้หรือ...คนพวกนี้ช่างแปลกนัก!
ความคิดเห็น