คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : เร่เข้ามา
ตอนที่ 26 เร่เข้ามา
มนตราเดินออกจากจวนตระกูลฉู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ถือว่าเริ่มวันได้ดีย่อมมีเงินทองไหลมาเทมาแน่นอนวันนี้
กว่าฉินฉินจะมาถึงร้านอาหารของตนเอง ดวงอาทิตย์ก็เกือบจะโผล่พ้นขึ้นตรงกลางศีรษะแล้ว ไม่รอช้าหญิงสาวและทหารหญิงช่วยกันนำโต๊ะมาเรียงข้างหน้าร้าน ทั้งยังช่วยกันหาผ้ามาปูโต๊ะให้เรียบร้อย
หลงจู๊เหลาอาหารเซียนซื่อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจำหญิงสาวขอทานที่มาเข้าร้านตน พร้อมกับน้องชายเมื่อหลายวันก่อนได้จึงเดินมาทักทายนาง
"นี่! แม่นางเจ้ารู้จักกับเจ้าของร้านบะหมี่ขอทานหรือ"
ดวงหน้าเล็กของฉินฉินเงยขึ้นจ้องตาหลงจู๊ เห็นชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาอย่างเป็นมิตร คงมาหาอะไรทำสนุก ๆ ฆ่าเวลาเท่านั้น
"บิดาข้าเป็นเจ้าของร้าน ถึงอย่างไรหากขายร้านนี้ไปคงจะได้เงินมาหลายร้อยตำลึงทอง ไม่เหมือนกับเจ้าเป็นได้เพียงขี้ข้าคนเขา เอาแต่เลียเท้าเจ้านายไปวัน ๆ เพื่อความอยู่รอด อาชีพของเจ้าเป็นอาชีพสุจริต ทางที่ดีหากไม่อยากตกงานก็จงสงบปากสงบคำไว้เสีย”
หญิงพูดจบก็ก้มหน้าจับจีบผ้าตกแต่งร้านของตนต่อ ปล่อยให้หลงจู๊ยืนกำหมัดตัวสั่นเทาด้วยความโกรธอยู่หน้าร้าน
ทหารหญิงเห็นท่าไม่ดีจึงเดินมายืนอยู่ด้านหลังของหญิงสาว แล้วพากันจ้องตาหลงจู๊กลับไป ดูเหมือนเขาจะกลัวเล็กน้อยถึงได้สะบัดหน้าหนีเดินกลับร้านของตนทันที
ใช้เวลาไม่นานก็จัดร้านเสร็จ การตกแต่งร้านวันนี้ไม่มีอะไรมาก เพียงนำโต๊ะออกมาวาง แล้วใช้ผ้าตกแต่งเล็กน้อยไม่ให้ดูเรียบง่ายมากเกินไป
ที่มนตราเลือกขายหน้าร้านเพราะอยากจะให้ลูกค้าเห็นอาหารชัด ๆ อีกทั้งเวลาเดินผ่านไปมาจะได้กลิ่นไก่ย่างหอมลอยเตะจมูก กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีมือก็คงหยิบไก่ใส่ตะกร้าไปแล้ว
นั่นแหละกลยุทธ์การค้าของเธอ
หญิงสาวสำรวจความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย แล้วส่งคนไปแจ้งข่าวทางพี่ชายให้นำไก่ขอทานมาส่งก่อนสามร้อยตัว พร้อมกับเครื่องในย่างเสียบไม้ที่จะนำมาทดลองขายด้วย
มนตราไม่ลืมให้บิดาบุญธรรมช่วยสับไก่เป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้ลูกค้าลองชิม จะได้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
ระหว่างรออาหารมาส่งก็มีลูกค้าแวะเวียนมาถามเพราะจำหญิงสาวได้
"อ้าวนางหนู เป็นอย่างไรบ้างเล่า เจ้าดูมีเนื้อมีหนังขึ้นนะ ไม่ใช่ว่ายามนี้หมดทุกข์หมดโศกแล้วหรือ"
มนตรายิ้มรับแล้วทักทายกลับ แม้หญิงชราผู้นี้จะมาทักเธอราวกับคนรู้จัก แต่นั่นย่อมเป็นฉินฉินคนก่อนไม่ใช่เธอ แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจใครกลับไป
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านป้า วันนี้ข้ามาขายของเป็นวันแรก หากท่านไม่รีบรอชิมไก่ย่างของข้าก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ รับรองอร่อยจนตาปิดเลยทีเดียว"
"โอ้! น่าสนใจ ข้ารอก็ได้"
พูดจบหญิงชราก็ขอตัวไปสนทนากับสหายที่ยืนรอชิมไก่ย่างสูตรเด็ดของหญิงสาวด้วยเช่นกัน
หูต้าลู่บังคับรถม้ามาทันทีที่ได้รับข้อความจากน้องสาว เขานำไก่มาให้ตามที่ขอสามร้อยตัว พร้อมกับเครื่องในไก่ที่ย่างมาได้ทั้งหมดเกือบห้าพันกว่าไม้
เป็นจำนวนอาหารที่ถือว่าเยอะมาก ๆ ในยุคนี้และคงไม่มีใครกล้าทำ
มนตราเดินไปหลังรถม้าคัดเลือกเฉพาะไก่ที่สับเป็นชิ้น ๆ แล้วใส่กระทงใบไผ่ออกมาวางเรียงบนโต๊ะ พร้อมกับกระด้งใส่เครื่องในย่างเสียบไม้ ไว้ให้เหล่าทหารหญิงช่วยเดินแจกผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
เห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้วเธอก็เริ่มขายของทันที
ร่างเล็กสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะตะโกนเรียกลูกค้าสุดเสียง
"ทุกท่านเร่เข้ามาทางนี้! ใครที่ได้กลิ่นไก่ย่างหอม ๆ ต้องการลองชิมเชิญเข้ามาหยิบไก่บนโต๊ะได้คนละหนึ่งกระทง ขอย้ำ! คนละหนึ่งกระทงเท่านั้นใครหยิบเกินข้าขออนุญาตคิดเงินท่านกระทงละหนึ่งตำลึงเงิน หากไม่อยากเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ช่วยทำตามกฎด้วยเจ้าค่ะ"
ชาวบ้านยืนรอหญิงสาวจัดร้านนานแล้วต่างพยักหน้ายอมรับกติกา
กลิ่นไก่ย่างยั่วยวนพวกเขาเหลือเกิน พอได้รับอนุญาตก็พากันกรูมาหยิบไปชิมคนละชิ้นตามที่หญิงสาวบอก พอได้กินเข้าไปก็รู้สึกเหมือนมีน้ำไก่แตกออกมาจากเนื้อชุ่มฉ่ำเต็มปาก หวานหอมกลมกล่อมกำลังดี
น่าเสียดาย...ได้กินแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น
"แม่นางเจ้าไก่ย่างนี้ซื้อได้ที่ไหนหรือ"
แววตาของนักธุรกิจจากโลกอนาคตเป็นประกายทันที เธอกำลังรอให้คนถามเมื่อสมหวังแล้วก็รีบตอบคำถามทันที
"หลังรถม้าคันนั้นจะมีพ่อค้ายืนรออยู่ ข้าจะสอนวิธีการกินที่ถูกต้องให้นะเจ้าคะ อาจจะแปลกจากที่พวกท่านเคยเห็นมาบ้าง แต่รับรองว่าอร่อยเหมือนที่พวกท่านได้ชิมไปแน่นอนเจ้าค่ะ"
มนตราหยิบไก่ขอทานที่ยังถูกดินหุ้มด้านนอกขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วหยิบก้อนหินแถวนั้นขึ้นมากะเทาะออก
"ขั้นตอนแรกให้หาอะไรมาทุบดินเหนียวออกก่อน พวกท่านจะเห็นใบบัวห่อไก่อยู่หลายชั้น ทั้งยังมีใบสมุนไพรอีกหลายชนิดแทรกอยู่ตามตัวไก่ ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะทุกอย่างล้วนกินได้และเป็นยาบำรุงร่างกายทั้งสิ้น”
“นี่ไง...เห็นหรือไม่ หากกะเทาะเปลือกนอกออกจะเห็นไก่สีทองชิ้นโต ซ่อนอยู่ด้านใน"
มนตราวางไก่ใส่จานไม้ที่แกะสลักเป็นรูปใบบัวชูให้ทุกคนเห็นกันชัด ๆ
"วันนี้ข้าจะลดราคาให้พวกท่าน ไก่หนึ่งตัวไม่มีไส้ปรกติราคาห้าตำลึงเงิน แต่วันนี้ข้าลดให้พวกท่านพิเศษ เหลือตัวละสามตำลึงเงินเท่านั้น!”
“เชิญพวกท่านเลือกซื้อกันได้เลยเจ้าค่ะ ไก่ทุกชิ้นคุณภาพดีไม่ต่างกัน ขอเพียงทุกท่านซื้อไปคนละหนึ่งตัวก่อนนะเจ้าคะ"
ไม่รอฟังจนจบก็มีชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งไปหลังรถม้า แล้วคว้าก้อนดินขึ้นมาหนึ่งก้อน จากนั้นก็รีบส่งก้อนเงินยื่นเงินให้หูต้าลู่ ชายหนุ่มยิ้มรับมาใส่กระปุกไม้ไว้ รอให้ขายเสร็จค่อยมอบให้น้องสาวนับทีเดียว
เครื่องในไก่ย่างก็ขายดีเช่นเดียวกัน มนตราตั้งราคาไม่แพงไม้ละหนึ่งอีแปะเท่านั้น หากวันนี้ขายหมดคงได้กำไรมากพอสมควร
ใช้เวลาเพียงสองเค่อ การค้าขายครั้งแรกก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี บางคนซื้อไม่ทันก็ได้แต่ยืนคอตกไปตาม ๆ กัน
วันนี้มนตราเหนื่อยจนเสียงแหบเสียงแห้ง แต่ก็กัดฟันสู้ต่อไม่ย่อท้อ
"ทุกท่านฟังทางนี้! ยังเหลือไก่อีกหลายร้อยตัว ใครซื้อไม่ทันโปรดรอสักครู่นะเจ้าคะ อีกสามเค่อให้ทุกท่านมาเจอกันที่เดิม ข้าจะรีบนำของมาเติม แต่หากใครมาช้าของหมดอดกิน ให้รอมาซื้ออีกทีวันพรุ่งนี้เจ้าค่ะ"
เหนื่อยเหลือเกิน...รู้สึกเหมือนตัวจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทำไมตัวมันหนักถึงเพียงนี้กันนะ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองภาพตรงหน้าก็รู้สึกภาพมันเบลอไปหมด
ฟุ่บ
ไม่ทันไรร่างเล็ก ๆ ของฉินฉินก็ล้มไปนอนบนพื้นแล้ว ท่ามกลางความตกใจของทุกคน หูต้าลู่กระโดดลงมาจากรถม้าวิ่งมาอุ้มน้องสาวขึ้นแนบอก แล้วพาเข้าไปหลบแดดในร้าน
"น้องรองเจ้าเป็นอะไร...ใครก็ได้ช่วยตามหมอมาที"
.....
มนตราลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองกำลังลอยอยู่ในห้วงอวกาศ มีดวงดาวเล็ก ๆ ลอยอยู่เต็มไปหมด
"เกิดอะไรขึ้น เราอยู่ที่ไหนกันเนี่ย"
เธอรู้สึกตกใจและหวาดกลัวยิ่งนัก พยายามมองหาทางออกแต่รอบ ๆ ตัวนั้นมืดมิดไปหมด
"ท่านพ่อ..พี่ใหญ่..อาเยี่ยน! มีใครได้ยินหรือไม่"
"นางหนูใจเย็น ๆ ก่อนข้ามาดี"
เสียงของชายชราดังขึ้นมาไม่ทราบที่มาที่ไป มนตราพยายามมองหาตัวเขาแต่ไม่พบ หัวใจของเธอเต้นถี่รัวด้วยความกลัวทันที
"ท่านเป็นใคร! อย่าบอกนะว่าฉันตายอีกแล้ว นี่เพิ่งเกิดใหม่ได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ตายอีกแล้ว ไม่มีใครซวยไปมากกว่านี้แล้วโว้ย!"
มนตรานึกว่าตนเองได้ตายไปแล้วก็สติแตกขึ้นมา มือเรียวยกขึ้นหยุมหัวตนเองแล้วเงยหน้าขึ้นมองผ่านความมืด จากนั้นก็ร้องโวยวายออกมาเสียงดัง
"นางหนูข้าบอกว่าให้ใจเย็น ๆ ก่อน เจ้ายังไม่ตาย!"
"ยังไม่ตายหรอ..จริง ๆ นะอย่ามาหลอกกันนะบาปหนักนะรู้หรือไม่"
"เฮ้อ..ข้าเห็นเจ้าเอาแต่ทำงานและยุ่งเรื่องของผู้อื่นไปวัน ๆ จนลืมไปแล้วว่าข้านั้นได้มอบมิติให้เจ้า”
“นางหนูข้าไม่เคยเจอใครโง่งมเช่นเจ้ามาก่อน หากผู้อื่นได้ไปเขาคงนำไปใช้กันตั้งแต่วันแรกแล้ว”
“แต่นี่เจ้ากลับเห็นมิติวิเศษเป็นอากาศหรืออย่างไรถึงลืมมันได้"
ชายชราดูเหมือนจะเหลืออดกับความโง่ของหญิงสาว เขาเฝ้ามองลุ้นอยู่ทุกวันว่านางจะรู้สึกตัวเมื่อไหร่ จนทนไม่ไหวต้องดึงวิญญาณมาเทศนาสักยก
มนตรารู้สึกโล่งอกนึกว่าเธอจะตายเสียแล้ว ครอบครัวดี ๆ อบอุ่นเช่นนี้หายากมาก ไม่รู้ต้องเกิดอีกกี่ชาติถึงจะได้แบบนี้ แล้วใครจะยอมตายง่าย ๆ เล่า
"โถ่ ก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่ข้าไม่ใช้มันก็เพราะกลัวผู้อื่นมาเห็นน่ะสิ ท่านบอกว่าคอยมองดูข้ามาตลอด ก็น่าจะรู้ว่าแทบจะทุกเสี้ยววินาทีข้ามีคนคอยอยู่ด้วยตลอดเวลา นอกจากเวลานอนเท่านั้น มิติที่ท่านให้มาอย่างมากคงใช้แทนตู้เซฟไว้เก็บเงินนั่นแหละ"
"โอ๊ย..นางหนู เจ้าคิดว่าเจ้าปกปิดได้เก่งมากหรือ บิดาเจ้าไหนจะพี่ชายของเจ้า พวกเขารู้กันหมดแล้ว ตอนเจ้าหลับอยู่บนรถม้าไม่ทันระวัง จึงเผลอเปิดมิติดึงของในรถเข้าไปเก็บไว้ด้านในต่อหน้าต่อตาพวกเขา”
“แต่สองพ่อลูกนั้นเป็นคนดี เจ้าไว้ใจพวกเขาได้ ส่วนเรื่องน้องชายเจ้า เขาแค่ได้รับผลกระทบนิดหน่อยจากพลังของเจ้า เรื่องนี้ข้าผิดเอง ข้าจะเอาพลังการได้ยินคืนแลกกับการทำให้เขากลับมาเป็นคนปรกติ"
มนตราตื่นเต้นมากเพราะคิดมากมาตลอด กลัวว่าน้องชายโตขึ้นจะหาเมียไม่ได้ แม้เธอจะยินดีเลี้ยงเขาอยู่แล้ว แต่ก็นะ...บุรุษต้องการที่ระบายจะให้บิดาพี่ชายคอยช่วยไปตลอดชีวิตคงไม่ได้
"ตกลงเจ้าค่ะ..ท่านอยากได้อะไรก็ไปเลย ส่วนเรื่องมิติข้าจะพยายามไม่ลืมมันบ่อยก็แล้วกันนะเจ้าคะ..ขอบพระคุณท่านมากที่ช่วยเตือน"
"หากเจ้าเข้าใจแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับไป อย่าลืมใช้มันให้คุ้มเล่า"
แค่ก ๆ ๆ
มนตราลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตนนอนอยู่ในห้องนอนที่เรือนหลังเก่า
หูต้าลู่ที่คอยเฝ้าไข้ทั้งน้องชายและน้องสาวสะดุ้งตื่น
"น้องรองเจ้าตื่นแล้วหรือ!"
"ข้า...ข้าขอน้ำหน่อยเจ้าค่ะ"
หูต้าลู่ฟังคำขอแล้วรีบเดินไปรินน้ำต้มสุกให้น้องสาวดื่ม ทว่ามนตรานั้นอ่อนเพลียมาก หลังจากจิบน้ำเสร็จก็ผล็อยหลับไปจนถึงเช้า
ความคิดเห็น