ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #25 : ลูกข้าอยากเป็นเพื่อนกับผีซะแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 25 ลูกข้าอยากเป็นเพื่อนกับผีซะแล้ว

    หญิงสาวรูปร่างท้วมนอนหมดแรงอยู่กลางจวน เซี่ยเหิงกลับมาจากทำความสะอาดห้องครัวให้มารดา เห็นน้องชายนั่งเล่นอยู่หน้าจวนถึงรู้ว่ามารดากลับมาแล้ว

    เขาเดินเข้าไปหานางในจวน เห็นมารดานอนขึ้นอืดอยู่กลางจวน เด็กชายก็ส่ายหัวส่งสัญญาณ ให้น้องชายคนรองมาช่วยกันลากมารดาไปนอนดี ๆ

    ด้วยน้ำหนักตัวของมารดา มันเกินกำลังเขาจริง ๆ หากต้องอุ้มนางคนเดียวมีหวังได้หลังหักแน่

    เด็กชายทั้งสองคนช่วยกันออกแรงดึงแขนดึงขามารดาจนหน้าซีด แต่นางก็ไม่ยอมขยับเขยื้อนทั้งยังกรนใส่อีกด้วย

    “พี่ใหญ่ไม่ไหวหรอกขอรับ ท่านแม่ตัวหนักเกินไป”

    “ใครมันว่าข้าอ้วนกันฮะ!”

    ฟางเหนียงสะดุ้งทุกครั้งเมื่อมีคนพูดถึงเรื่องน้ำหนัก นางเองก็พยายามลดอยู่ แต่เพิ่งมาอยู่ร่างนี้ได้ไม่นานคิดว่ามันลดง่ายนักหรือ!

    ต่อให้ในฝันจะมีหนุ่มหล่อกล้ามแน่น มานั่งจ่อแก้ววิสกี้ให้ถึงปาก นางก็ยังตอบสนองกับเสียงด้านนอกอยู่ดี

    ในความฝันนางหูแว่วได้ยินคนพูดถึงเรื่องน้ำหนักตัว ก็รีบผลักหนุ่มหล่อไปให้พ้นทาง กระโจนออกมาจากความฝันเพื่อเอาเรื่องคน

    แต่พอเห็นว่าเป็นบุตรชายของตัวเองก็ทำโทษเขาไม่ลง ได้แต่กำหมัดสั่งสอนให้พวกเขาเลิกพูดถึงมารดาเช่นนี้อีก

    “อีกสองสามเดือนหุ่นแม่จะกลับมาเพรียวบาง ถึงวันนั้นจะไม่มีใครว่าแม่อ้วนได้อีกแน่ แล้วนี่พวกเจ้าทำงานบ้านเสร็จแล้วหรือ?”

    “ขอรับ ท่านแม่เหนื่อยมากหรือไม่ ข้านวดให้นะขอรับ”

    “ไม่ต้อง ๆ เจ้าเองก็ทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว ไม่ต้องนวดให้แม่หรอก”

    หญิงสาวปฏิเสธ พลางมองออกไปนอกจวน ก็พบว่าดวงอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว ก็นึกขึ้นได้ว่าต้องแนะนำเหล่าวิญญาณที่อยู่ในจวนให้ลูก ๆ ทั้งสี่คนได้รู้จัก

    เด็ก ๆ ทั้งสี่คนมองหน้ากัน เมื่อรู้ว่ามารดาจะพาไปรู้จักกับผี จุดนัดพบคือสะพานข้ามลำธารนั่นเอง

    เมื่อครอบครัวเล็ก ๆ ของฟางเหนียงเดินมาถึง ก็พบว่าพวกเขามารออยู่ก่อนแล้ว กิจกรรมระหว่างรอก็คือโยนศีรษะของบ่าวคนหนึ่ง ที่ถูกโทษประหารตัดศีรษะเล่นแทนลูกบอล

    ช่างเป็นการละเล่นที่หวาดเสียวเสียจริง

    “พวกเจ้าข้ามาแล้ว นี่คือบุตรชายของข้าเอง”

    สี่คนพี่น้องเกาะกลุ่มกันแน่น ไม่รู้ว่าต้องตกใจกับผีสาวที่เข้ามารุมล้อมพวกตนก่อน หรือควรตกใจที่เห็นผีบุรุษโยนศีรษะกันเล่นก่อนดี บางตนก็เอาขาพาดขอบสะพาน แล้วจุ่มหัวลงไปในน้ำ แต่ไม่รู้ทำไปเพื่ออะไร

    “บุตรชายเจ้า...หน้าไม่เหมือนเจ้าสักคนเลย”

    ผีนายบำเรอหนุ่มกางพัดปิดครึ่งหน้า มายืนอยู่ข้าง ๆ ฟางเหนียง เขาแอบมองดูสองพี่น้องช่วยกันทำงานบ้านอย่างขันแข็ง มีแอบช่วยให้ลมพัดใบไม้ไปกองกันให้ด้วย ถึงเขาจะปากเสียไปนิดแต่ก็รักเด็กมาก ผิดกับหน้าตาที่ดูไม่ชอบเด็ก

    “ที่พูดหมายความว่าอย่างไร ลูกของข้าก็ต้องหน้าตาดีเหมือนข้าสิ ความหล่อเหลากระชากวิญญาณ ตกได้แม้กระทั่งผีก็ได้มาจากข้าทั้งหมด”

    ผีนายบำเรอมองเหยียดฟางเหนียงด้วยหางตา เด็ก ๆ หน้าตาประดุจเทพเซียน ส่วนมารดาผู้หลงตัวเอง หารู้ตัวไม่ว่าหน้าตาอย่างกับอึ่งอ่างพองลม!

    เหล่าวิญญาณผลัดกันแนะนำตัว รวมถึงบอกเล่าสาเหตุการตายของตนเองให้ฟังด้วย เด็ก ๆ ก็ไม่ตื่นกลัวเมื่อมีมารดายืนอยู่ด้วย

    พวกเขารับฟังเรื่องราวด้วยความสนใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจแล้วว่า จะเป็นสหายกับเหล่าดวงวิญญาณ และจะช่วยให้พวกเขาไปผุดไปเกิดเอง

    “ลูกของเจ้าอยากมีผีเป็นสหาย เรื่องนี้แปลกเหมือนเจ้าเลย”

    “ดีแล้ว ข้าไม่อยากให้พวกเขาแบ่งชนชั้นกับคนอื่น อยู่ดูแลกันเป็นครอบครัวดีกว่า”

    มื้อเย็นวันนี้จัดเป็นโต๊ะจีน พิเศษมากขึ้นด้วยการจุดธูปกินข้าวร่วมกับดวงวิญญาณ คนทำอาหารคือเซี่ยเหิงและตงซิ่ว โดยมีผีพ่อครัวคอยกำกับวิธีการทำอยู่ไม่ห่าง

    รสชาติอาหารก็นับว่าอร่อยสำหรับคนยุคนี้ แต่สำหรับฟางเหนียงแล้วต้องมีพริกน้ำปลาเพิ่มทุกมื้อ นางไม่ชอบกินอาหารรสจืด โดยเฉพาะอาหารที่ประหยัดเครื่องปรุงนั้นไม่ค่อยถูกจริตนางเท่าไหร่

    ทว่ากลิ่นธูปกลับทำให้ความอยากอาหารของฟางเหนียงลดลง นางกินไม่ถึงสิบคำก็อิ่มหนีไปอาบน้ำตามลำพัง

    ร่างอ้วนท้วมนอนแช่น้ำเย็นจัดในลำธาร อาศัยร่มเงาไม้บดบังร่างกาย บริเวณที่นางลงแช่น้ำเป็นมุมอับ ต่อให้มีคนยืนอยู่บนกำแพงก็มองไม่เห็นคนที่อยู่ด้านล่างอยู่ดี

    คืนวันแรกสำหรับการเริ่มต้นชีวิตในอำเภอลี่สุ่ย ห้าคนแม่ลูกนอนเรียงแถวกันในห้องเดียว เพราะยังไม่ได้แบ่งว่าใครจะนอนห้องไหน หรือใครต้องแยกเรือนไปอยู่คนเดียว ทั้งยังต้องซื้อเครื่องเรือนเพิ่มอีก

    ภาพของห้าคนแม่ลูกนอนกอดกันกลม ปรากฏสู่สายตาของเจ้าที่ คอยอวยพรให้ครอบครัวใหม่มีชีวิตสงบสุข ส่วนเรื่องการค้านั้น หากมีใจขยันเงินทองย่อมเข้ามาไม่ขาดสาย ยิ่งขยันมีหรือเงินทองจะหนีหาย

    ไม่ว่าฟางเหนียงจะไปที่ไหน เหล่าทวยเทพก็มักจะเอ็นดูนาง และแอบช่วยนางอยู่ร่ำไป

     

    ช่วงเช้ามืด

    แม้ว่าฟ้าจะยังไม่สว่างดี แต่ภายในครัวกลับมีสตรีนางหนึ่งใส่ชุดนอน กำลังยืนเคี่ยวน้ำซุปสำหรับทำโจ๊กหมูทรงเครื่องไปขายเป็นอาหารเช้า

    ระหว่างรอให้น้ำซุปได้ที่ นางก็หันมานวดแป้งทำปาท่องโก๋ หรือแป้งทอดกินกับโกโก้ร้อน ๆ เป็นอีกหนึ่งอาหารรองท้องให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ

    ของทุกอย่างซื้อมาจากระบบ สะดวกตรงที่ไม่ต้องออกไปจ่ายตลาดเอง ทั้งยังได้ของดีมีคุณภาพ ราคาก็ถือว่าไม่แพงจนมองไม่เห็นกำไร

    ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงทำขายเอง จึงสามารถซื้อของจากระบบได้ แต่ถ้าขยายสาขาเพิ่มเมื่อไหร่คงต้องหาหนทางใหม่ดู อะไรที่หาซื้อข้างนอกได้ก็ควรซื้อ

    อย่าว่าแต่เด็ก ๆ ยังไม่ตื่นเลย แม้แต่เหล่าดวงวิญญาณที่ได้กินเหล้าขาวดีกรีสูง ของดีส่งตรงจากเมืองไทยไปหลายขวด ก็ยังสลบเหมือดอยู่ในต้นไผ่ คาดว่าคงจะหลับยาวไปอีกหลายวัน

    บรรยากาศอันเงียบสงบยามเช้า ไม่ได้ทำให้ฟางเหนียงนึกกลัว ดีเสียอีกเพราะนางชอบอยู่เงียบ ๆ คนเดียว

    [นายหญิงข้าวหม้อใหญ่ที่นายหญิงหุงทิ้งไว้ในมิติสุกแล้วเจ้าค่ะ]

    เสี่ยวไป่เสือขาวผู้ช่วยหนึ่งเดียวในตอนนี้ คอยเตือนนายหญิงผ่านจิต ฟางเหนียงก็สั่งให้มันเอาออกมา จากนั้นก็คดข้าวที่สุกแล้วลงไปในหม้อน้ำซุป เคี่ยวจนกว่าน้ำจะแห้ง

    แต่ต้องคอยเติมน้ำซุปอีกหม้อลงไปไม่ให้ข้าวแห้ง เมื่อเคี่ยวได้ที่แล้วจึงยกเตาไปไว้ที่รถเข็น

    หลังจากเตรียมของขายเสร็จพระอาทิตย์ก็ขึ้นพอดี ฟางเหนียงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วตรงไปปลุกบรรดาเจ้าตัวน้อยขี้เซา

    งานวันนี้ของพวกเขาคือช่วยกันถอนหญ้าตรงที่ดินว่าง ตอนนี้ครอบครัวยังไม่มีเงินมากพอ จึงยังต้องอาศัยแรงตัวเองไปก่อน เพราะต้องเก็บเงินไว้เป็นทุนขายของ ทุกอย่างต้องค่อย ๆ ลงมือทำเองไปก่อน สักวันคงจะสบายมากขึ้น

    หลังจากสั่งงานเด็ก ๆ เรียบร้อยแล้ว ฟางเหนียงก็เข็นรถอาหารเดินผ่านหมู่บ้าน ผ่านเส้นทางที่เดินมากับแม่ค้าขายซาลาเปาเมื่อวานนี้

    นางมุ่งหน้าไปแถวทางเข้าอำเภอ บริเวณนั้นคนจะคึกคักมากเป็นพิเศษ ใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วยาม ตอนไปถึงฟ้าก็สว่างพอดี

    “เจ้าน่ะ! ใครใช้ให้มาตั้งร้านตรงนี้ ออกไปนะ!”

    ฟางเหนียงที่กำลังเตรียมกางโต๊ะไว้ให้ลูกค้านั่งกิน จู่ ๆ ก็ถูกสตรีแต่งหน้าจัดออกมาสาดน้ำ ไล่ให้ออกไปจากหน้าร้านของตน

    จุดที่ฟางเหนียงอยู่คือตรอกข้างร้านขายเครื่องประทินผิว นางเห็นว่ามันโล่งดีจึงคิดว่าน่าจะตั้งร้านขายได้ เรื่องนี้นางผิดเองที่ไม่ถามก่อน

    “ขออภัยด้วยเจ้าค่ะข้าเพิ่งมาใหม่ จะรีบย้ายออกไปเดี๋ยวนี้”

    “เหอะ บ้านนอกจริง ๆ”

    ฟางเหนียงรีบก้มหน้าเก็บของเตรียมย้ายสถานที่ แม้ว่านางจะได้ยินในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดดูถูกทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้กลับไป เพราะตนเองเป็นฝ่ายทำผิดก่อนจริง ๆ

    เฮ้อ แล้วข้าจะไปขายที่ไหนได้อีกเล่า

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×