คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : วุ่นวาย
ตอนที่ 25 วุ่นวาย
ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำดินเหนียวพอกตัวไก่ ไก่พันตัวมันเยอะมากจนต้องขอให้พี่ ๆ ทหารที่กำลังเข้าไปตัดไม้สร้างจวนในป่ามาช่วยทำตรงนี้ก่อน
"ขออภัยด้วยที่ข้ารบกวนพวกท่านเจ้าค่ะ ยามนี้ข้ากำลังริเริ่มทำการค้าขายต้องการคนเพิ่ม หากคนในครอบครัวพวกท่านสนใจมาสมัครได้นะเจ้าคะ ข้าเปิดรับสมัครถึงยามเซินของวันนี้”
“ส่วนเรื่องค่าแรงข้าจะจ่ายให้วันละสี่สิบอีแปะ..อาจจะฟังดูเยอะแต่งานหนักมากเจ้าค่ะ ยังไม่รวมอื่น ๆ ที่คนงานทุกคนจะได้รับ ข้ามีข้าวให้กินสามมื้อ หากทำงานดีอาจจะมีเงินและของรางวัลให้เพิ่ม"
มนตราลองใช้เรื่องค่าแรงและสวัสดิการจูงใจที่เคยใช้ในโลกปัจจุบันมาปรับกับการจ้างงานคนในยุคนี้ดู และน่าจะเห็นผลดียิ่งนัก มีทหารนายหนึ่งเป็นพ่อลูกสามยกมือขึ้นถาม
"แม่นางบุตรสาวของข้าอายุประมาณสิบสี่ปี นางสามารถมาสมัครได้หรือไม่ ขอค่าแรงวันละสิบห้าอีแปะก็ได้ขอรับ"
ใบหน้าเรียวเล็กของฉินฉินพยักหน้ารับอย่างไม่อิดออด หญิงสาวยุคนี้ไม่ได้สบายอย่างที่คิด หากอยากจะแต่งงานต้องพึ่งตนเองมากเสียหน่อย เพราะบางครอบครัวจะให้บุตรสาวเป็นคนเก็บเงินสินเดิมกันเอง
ส่วนบิดามารดาจะจ่ายเพียงสินสมรสให้ลูกชายแต่งภรรยาเข้าบ้าน
"ได้สิเจ้าคะ เรื่องเงินข้าให้เท่ากันทุกคนไม่ว่าจะบุรุษหรือสตรี แต่หากเป็นงานหนักอาจจะขอแรงบุรุษช่วยทำ ข้าจะให้ค่าตอบแทนห้าสิบอีแปะต่อวัน"
เหล่าทหารได้ยินราคาค่าจ้างถึงกับอยากจะลาออกจากราชการมาสมัครด้วยอีกคน
มนตราตาลุกวาวเมื่อเห็นทุกคนดูสนใจ รู้สึกว่าร้านขายไก่ของเธอรอดแล้ว หากมีคนช่วยงานเยอะงานก็จะเสร็จสิ้นไวขึ้น อาจจะได้ขายก่อนเที่ยงไม่ต้องรอขายช่วงบ่ายเหมือนวันนี้
"อีกหนึ่งเรื่อง ข้าขอคนอายุไม่เกินสามสิบเท่านั้นเจ้าค่ะ..ไม่มีอะไรแล้วเชิญพวกท่านทำงานต่อเถิด"
นอกจากต้องนำดินมาพอกไก่แล้ว ยังต้องย่างไก่อีกด้วย มนตราจึงจะจ่ายค่าจ้างให้ทุกคนคิดค่าจ้างตามจำนวนตัว ไก่หนึ่งตัวได้สิบอีแปะ
เห็นงานทุกอย่างราบรื่นดี เธอก็อยากเข้าเมืองไปจัดเตรียมทำความสะอาดร้านให้เรียบร้อย หากไก่สุกแล้วค่อยให้พี่ชายนำไปส่ง
"ท่านพ่อลูกขอตัวเข้าเมืองก่อนนะเจ้าคะ ฝากพวกท่านดูแลทางนี้ที บอกพวกเขาว่าไม่ต้องรีบร้อน ลูกต้องการให้ไก่สุกพร้อมกิน ลูกค้าจะได้ไม่มาโวยวายขอเงินคืนทีหลัง"
อี้เทียนเห็นด้วยที่ไม่ควรให้ลูกค้ากินไก่ดิบ ต่อให้รสชาติจะดีเพียงใดลูกค้าคนเก่าอาจจะไม่ประทับใจและไม่กลับมาซื้อซ้ำก็เป็นได้
.......
มนตรามารู้ภายหลังว่าบิดาบุญธรรมจ่ายเงินค่ารถม้าที่ท่านเจ้าเมืองให้มาใช้ก่อนไปแล้ว เขาไม่ยอมบอกว่าจ่ายไปเท่าไหร่ อีกทั้งยังแอบซื้อมาเพิ่มอีกสามคัน เป็นรถม้าสองและเกวียนวัวหนึ่งคัน เอาไว้ใช้ขนของระหว่างทางในหมู่บ้าน..รวยกว่าบิดาเธอไม่มีอีกแล้ว
ก่อนแวะเข้าร้านเดิมของบิดาบุญธรรมที่ปรับปรุงใหม่ มนตราไม่ลืมเข้าไปทวงหนี้ที่จวนสหาย เสียดายที่เมื่อคืนเธอต้องกลับก่อนไม่ทันได้อยู่ดูจนจบ ไม่รู้ว่าสองสามีภรรยาจะลงไม้ลงมือสู้กันหรือเปล่า
ครั้งนี้รอไม่นานทันทีที่หญิงสาวจอดรถม้าหน้าประตูจวน องครักษ์ก็เปิดประตูให้ทันที พ่อบ้านหวังวิ่งมาต้อนรับแขกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หญิงสาวแวะซื้อขนมเจ้าดังมาฝากทุกคน ยกเว้นเจ้านายทั้งสองของจวน
พวกเขามีเงินเยอะย่อมซื้อกินเองได้นี่ (นางเอกเราขี้งก)
ร่างเล็ก ๆ ไม่รีบร้อนกลับเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อย เห็นดอกไม้ถูกใจระหว่างทางก็แวะชมก่อน ภายในใจแอบจองเอาไว้แล้ว หากจวนสร้างเสร็จเมื่อไหร่เจ้าดอกไม้พวกนี้ต้องไปอยู่กับเธอ หุหุหุ
"ฮูหยินใหญ่ท่านทำเช่นนี้ไม่ถูก นายท่านเป็นสามีของพวกข้าเช่นกัน เหตุใดข้าถึงเข้าพบนายท่านไม่ได้"
ยังไม่ทันจะเดินเลี้ยวพ้นสวนเข้าเรือนใหญ่ มนตราที่กำลังตรงไปยังห้องรับแขกของจวน ก็ได้ยินเสียงดังปรอทแตกของอนุจางกระแทกหูอย่างจัง
"ท่านพ่อบ้านเกิดอะไรขึ้นหรือ เหตุใดนางเมียน้อยนั่นถึงกลายร่างเป็นนางมารแต่เช้าตรู่เช่นนี้"
พ่อบ้านหวังแอบอมยิ้มผายมือเชิญให้หญิงสาวเดินไปดูให้เห็นกับตาว่าฮูหยินใหญ่ของจวนได้เปลี่ยนไปแล้ว..
ใบหน้าเล็กของฉินฉินแสดงสีหน้างงงวย คนจวนนี้เป็นอะไรกันไปหมดทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ได้..ถึงจะแอบบ่นในใจแต่เท้านั้นกลับก้าวเดินยาว ๆ อยากจะไปถึงเร็ว ๆ จะได้รู้ว่าอนุจางเป็นอะไร
อุ๊ย..นั่นคืออะไร ทำไมสภาพพวกนางถึงเป็นเช่นนั้นเล่า
มนตราเดินไปถึงก็เห็นเหล่าอนุภรรยากำลังนั่งคุกเข่าอยู่หน้าเรือนใหญ่ โดยมีหยางมี่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลบแดดอยู่ด้านใน
หยางมี่แอบอมยิ้มสะใจเล็กน้อย เมื่อสั่งให้สาวรับใช้ยกกาน้ำชาราดใส่หัวอนุภรรยาทั้งหลายของสามี
หยางมี่เหลือบสายตาเห็นผู้มาเยือน นางยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นมาต้อนรับด้วยตนเอง
"เจ้ามาแล้วหรือ ข้าต้องขออภัยด้วยที่ทำให้เจ้าต้องมาเห็นภาพเช่นนี้"
ฉินฉินงงไปหมดแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น คนที่โดนรังแกไม่ใช่หยางมี่แต่เป็นบรรดาอนุภรรยาของว่านหลง โดยที่ตัวการนั่งจิบชาอยู่ในเรือนไม่พูดอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้ฮูหยินใหญ่ของตนเป็นฝ่ายจัดการ
"เกิดอะไรขึ้นหรือ"
หยางมี่เดินเข้ามาจับมือฉินฉินสหายคนใหม่ และเป็นสหายเพียงคนเดียวที่เป็นสตรีนอกจากสามีที่เป็นสหายกันมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะมีสหายอื่นที่เป็นบุรุษด้วยอีกสามคน ทว่าพวกเขาย้ายไปอยู่ต่างเมืองนานแล้วจึงไม่ได้เจอกัน
"พวกนางทำผิดกฎ ข้าจึงสั่งสอนให้หลาบจำจะได้ไม่ทำผิดอีก ตามกฎของจวนแล้วอนุภรรยาต้องมายกน้ำชาให้ฮูหยินเอกทุกเช้า”
“ทว่าพวกนางกลับเหิมเกริมไม่เคยปฏิบัติตามกฎสักครั้งตั้งแต่แต่งเข้ามา ข้าจึงสั่งสอนพวกนางให้รู้ซึ้งถึงความผิดที่ตนได้กระทำลงไป"
ระหว่างพูดหยางมี่ก็ปรายตามองเหล่าอนุภรรยาด้วยสายตาเหยียดหยาม พวกนางรู้แล้วว่าต่อไปนี้การกลั่นแกล้งฮูหยินใหญ่ของจวนเป็นการรนหาที่ตาย ทว่ามีเพียงอนุจางเท่านั้นที่ไม่ยอมอ่อนข้อและจ้องมองอย่างถือดี
มนตราแอบภูมิใจในตัวสหายไม่น้อย ต้องอย่างนี้สิ...เมียหลวงอย่างเราต้องแข็งแกร่งเข้าไว้ เหยียบพวกเมียน้อยให้จมดินจะได้ไม่คิดแย่งสามีใครอีก
"ดูเหมือนยังมีคนไม่สำนึก ว่าอย่างไรว่านหลงเจ้าจะไม่จัดการหรือ"
ว่านหลงหันมามองสตรีทั้งสองที่ต่างส่งยิ้มหวานให้กัน หยางมี่ใบหน้าแดงก่ำเผลอกำมือสหายแน่นด้วยความเขินอาย
ว่านหลงเห็นท่าทางเขินอายของภรรยารู้สึกพอใจมาก นึกอยากจะลากนางเข้าห้องเสียเดี๋ยวนี้
มนตรารู้สึกเหมือนว่าตนเองกลายเป็นธาตุอากาศไปเสียแล้ว
สองคนนี้มีพิรุธนะ...มีลับลมคมในเช่นนี้เธอต้องขุดสักหน่อยแล้ว คนมันอยากเผือกเอาอะไรมาฉุดก็หยุดไม่อยู่หรอก
ว่านหลงลุกขึ้นมาเดินประคองภรรยาให้นางกลับไปนั่ง
"เจ้ายังมีแรงเหลืออยู่อีกหรือ นั่งพักเสียหน่อยเถิด..แต่หากเจ้าเหลือแรงเช่นนั้นเรากลับไปต่อกันที่ห้องดีหรือไม่ ท่านพ่อท่านแม่อยากอุ้มหลานแล้ว"
"อะแฮ่ม..พวกเจ้าช่วยเกรงใจคนโสดหน่อยได้หรือไม่ เช้าตรู่เช่นนี้ยังจะมาชวนกันทำลูกอีก คงลืมไปแล้วว่ามีข้ายืนอยู่ด้านหลังพวกเจ้านะ"
หยางมี่หน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิมจึงแก้เขินด้วยการตีไปที่อกสามีเบา ๆ หนึ่งทีด้วยความเขินอาย ก่อนจะสะบัดมือเขาออกแล้วจับมือฉินฉินไปกุมแทน
"โอ๊ย..ขอเถิดข้าไม่ได้มาเพื่อดูเจ้าสองคนหวานใส่กันนะ ข้ามาทวงหนี้!"
"เช่นนั้นเราไปคุยกันด้านในเถิดท่านพี่..ด้านนอกแดดร้อนนัก"
"ได้สิฮูหยินของข้า"
เอาอีกแล้ว...ส่งสายตาหวานเยิ้มมองกันอีกแล้ว เธอไม่เอาแล้วก็ได้นะเงินน่ะ แต่แม่นางฟ้าช่วยปล่อยมือเธอก่อนได้ไหมจะได้ชิ่งทัน
มนตราได้แต่ร้องไห้น้ำตาตกใน เธอสำนึกผิดแทบไม่ทันแล้วว่าไม่ควรแวะมาหาเจ้าพวกนี้ก่อนเลย
ไอ้พวกไม่มีหัวใจ...มาหวานใส่กันต่อหน้าคนโสดอย่างเธอได้อย่างไร
อนุจางเห็นภาพบาดตาก็ทนไม่ไหว คนที่ต้องยืนเคียงข้างท่านพี่ต้องเป็นนาง ตำแหน่งฮูหยินเอกต้องเป็นของนางเท่านั้น
อนุจางเจ้าเล่ห์นัก เมื่อสถานการณ์ฝ่ายตนกำลังเพลี่ยงพล้ำ ก็แกล้งล้มลงบนพื้นแล้วยกมือกุมหัวส่งสายตาน่าสงสารให้สามี จนเขาชะงักไปเล็กน้อย
"ท่านพี่ข้าไม่ไหวแล้ว ฮูหยินใหญ่รังแกข้าเกินไปแล้ว..ท่านต้องช่วยข้านะเจ้าคะ"
ว่านหลงหันกลับมามองภรรยา เห็นนางทำตาดุใส่ตน ชายหนุ่มก็ยกมือพลางกระแอมไอเล็กน้อย รู้สึกว่าฮูหยินของตนยามนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
"เจ้าเป็นฝ่ายผิดนี่! จงคุกเข่าต่อไปจนกว่าจะครบหนึ่งชั่วยาม หากใครทนไม่ไหวหรือเป็นลมไปเสียก่อน เชิญเก็บของกลับตระกูลพวกเจ้าไปเสีย ข้าจะส่งใบหย่าตามไปภายหลัง!"
มนตราไม่นึกสนใจเจ้าของบ้านทั้งสองแล้ว เธออัญเชิญตนเองไปนั่งรอในห้องรับแขก ยกชาขึ้นจิบเบา ๆ รอจนสองสามีภรรยาประคองกันเดินตามเข้ามาทีหลัง
"เป็นอย่างไรมาอย่างไรเล่า..เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ เหตุใดถึงได้ดูรักกันหวานชื่นจนมดยังอายเช่นนี้"
หยางมี่หันไปสบตาสามีของตนแล้วก้มหน้าไม่ยอมตอบ ว่านหลงเองก็หันไปลูบแก้มภรรยา มองตากันหวานเยิ้มสักพักก็หันมาตอบแทนภรรยา
"ข้าต้องขอบใจเจ้าที่ทำให้ข้ากับภรรยาได้พูดคุยปรับความเข้าใจกัน ข้ารู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดตลอดหลายปีที่ผ่านมาของนางแล้ว ฮูหยิน...ต่อไปนี้ข้าจะชดเชยให้เจ้าทุกอย่างตามที่เจ้าต้องการ...ฮูหยินรักของข้า"
"หยุด ๆ ๆ"
มนตรายกมือห้ามทัพก่อนทั้งสองจะหวานกันมากไปกว่านี้ หญิงสาวหลับตาทำจิตใจให้สงบก่อนชั่วครู่ แล้วค่อย ๆ เงยหน้าส่งยิ้มหวานให้ทั้งสองคน
ว่านหลงแอบเหงื่อตกเล็กน้อย รอยยิ้มของสหายคนนี้ดูไม่ดีเอาเสียเลย
"ข้าดีใจนะที่เห็นพวกท่านปรับความเข้าใจกันได้ราบรื่นเช่นนี้ แต่ข้าจ่ายเงินไปมากพอสมควรแล้ว วันนี้ข้ามาเพื่อทวงหนี้ ว่านหลงเจ้าคืนเงินมาให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ"
"เท่าไหร่กันหรือ"
จิตวิญญาณความเป็นนักธุรกิจทำให้มนตรารีบคิดคำนวณเงินในหัวอย่างรวดเร็ว เมื่อวานเธอใช้เงินไปประมาณสิบสามตำลึงทองเท่านั้น แต่ขึ้นชื่อว่าธุรกิจย่อมต้องมีผลกำไรตอบแทนต่อให้เป็นสหายกันก็เถิด
เธอไม่มีส่วนลดให้หรอกนะ
"ห้าสิบตำลึงทอง! ห้ามต่อรองราคา ข้าไม่ลดให้เจ้าแม้แต่อีแปะเดียว"
ว่านหลงอมยิ้มพลางหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ..
"เงินแค่นั้นข้าให้เจ้าเลย...หนึ่งร้อยตำลึงทอง!"
ชายหนุ่มทำอย่างที่พูด เขาหยิบตั๋วเงินใบละสิบตำลึงทองยื่นให้หญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม
ดวงตากลมโตของฉินฉินเบิกกว้างยามที่เห็นจำนวนเงิน เมื่อรับก้อนเงินมานับดูก็พบว่าไม่ขาดไม่เกิน ครบหนึ่งร้อยตำลึงทองเป๊ะ ๆ
อู้หู..สหายข้าใจป้ำยิ่งนัก
"เจ้าสนใจมาเป็นเสี่ยเลี้ยงให้ข้าหรือไม่เพื่อนรัก"
ว่านหลงไม่เข้าใจที่ร่างเล็กพูดจึงขมวดคิ้วถามกลับ
"เจ้าพูดอะไรกัน เหตุใดข้าถึงไม่เข้าใจ"
"ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้น..เงินก็ได้มาแล้วเช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปทำงาน อ้อ...วันนี้ข้าเปิดร้านอาหารวันแรก พวกเจ้าอย่าลืมไปอุดหนุนกันเล่า"
"อืม..เข้าใจแล้ว"
หลังจากฉินฉินกลับไปว่านหลงก็รีบอุ้มภรรยาขึ้นแนบอก แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องนอน กว่าทั้งคู่จะออกมาได้ เวลาก็ล่วงเลยมาถึงยามอู่แล้ว
ความคิดเห็น