ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวน้อยผู้มั่งคั่ง (จบแล้ว) มี E-BOOK

    ลำดับตอนที่ #25 : วุ่นวาย

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    ตอนที่ 25 วุ่นวาย

    ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำดินเหนียวพอกตัวไก่ ไก่พันตัวมันเยอะมากจนต้องขอให้พี่ ๆ ทหารที่กำลังเข้าไปตัดไม้สร้างจวนในป่ามาช่วยทำตรงนี้ก่อน

    "ขออภัยด้วยที่ข้ารบกวนพวกท่านเจ้าค่ะ ยามนี้ข้ากำลังริเริ่มทำการค้าขายต้องการคนเพิ่ม หากคนในครอบครัวพวกท่านสนใจมาสมัครได้นะเจ้าคะ ข้าเปิดรับสมัครถึงยามเซินของวันนี้”

    “ส่วนเรื่องค่าแรงข้าจะจ่ายให้วันละสี่สิบอีแปะ..อาจจะฟังดูเยอะแต่งานหนักมากเจ้าค่ะ ยังไม่รวมอื่น ๆ ที่คนงานทุกคนจะได้รับ ข้ามีข้าวให้กินสามมื้อ หากทำงานดีอาจจะมีเงินและของรางวัลให้เพิ่ม"

    มนตราลองใช้เรื่องค่าแรงและสวัสดิการจูงใจที่เคยใช้ในโลกปัจจุบันมาปรับกับการจ้างงานคนในยุคนี้ดู และน่าจะเห็นผลดียิ่งนัก มีทหารนายหนึ่งเป็นพ่อลูกสามยกมือขึ้นถาม

    "แม่นางบุตรสาวของข้าอายุประมาณสิบสี่ปี นางสามารถมาสมัครได้หรือไม่ ขอค่าแรงวันละสิบห้าอีแปะก็ได้ขอรับ"

    ใบหน้าเรียวเล็กของฉินฉินพยักหน้ารับอย่างไม่อิดออด หญิงสาวยุคนี้ไม่ได้สบายอย่างที่คิด หากอยากจะแต่งงานต้องพึ่งตนเองมากเสียหน่อย เพราะบางครอบครัวจะให้บุตรสาวเป็นคนเก็บเงินสินเดิมกันเอง

    ส่วนบิดามารดาจะจ่ายเพียงสินสมรสให้ลูกชายแต่งภรรยาเข้าบ้าน

    "ได้สิเจ้าคะ เรื่องเงินข้าให้เท่ากันทุกคนไม่ว่าจะบุรุษหรือสตรี แต่หากเป็นงานหนักอาจจะขอแรงบุรุษช่วยทำ ข้าจะให้ค่าตอบแทนห้าสิบอีแปะต่อวัน"

    เหล่าทหารได้ยินราคาค่าจ้างถึงกับอยากจะลาออกจากราชการมาสมัครด้วยอีกคน

    มนตราตาลุกวาวเมื่อเห็นทุกคนดูสนใจ รู้สึกว่าร้านขายไก่ของเธอรอดแล้ว หากมีคนช่วยงานเยอะงานก็จะเสร็จสิ้นไวขึ้น อาจจะได้ขายก่อนเที่ยงไม่ต้องรอขายช่วงบ่ายเหมือนวันนี้

    "อีกหนึ่งเรื่อง ข้าขอคนอายุไม่เกินสามสิบเท่านั้นเจ้าค่ะ..ไม่มีอะไรแล้วเชิญพวกท่านทำงานต่อเถิด"

    นอกจากต้องนำดินมาพอกไก่แล้ว ยังต้องย่างไก่อีกด้วย มนตราจึงจะจ่ายค่าจ้างให้ทุกคนคิดค่าจ้างตามจำนวนตัว ไก่หนึ่งตัวได้สิบอีแปะ

    เห็นงานทุกอย่างราบรื่นดี เธอก็อยากเข้าเมืองไปจัดเตรียมทำความสะอาดร้านให้เรียบร้อย หากไก่สุกแล้วค่อยให้พี่ชายนำไปส่ง

    "ท่านพ่อลูกขอตัวเข้าเมืองก่อนนะเจ้าคะ ฝากพวกท่านดูแลทางนี้ที บอกพวกเขาว่าไม่ต้องรีบร้อน ลูกต้องการให้ไก่สุกพร้อมกิน ลูกค้าจะได้ไม่มาโวยวายขอเงินคืนทีหลัง"

    อี้เทียนเห็นด้วยที่ไม่ควรให้ลูกค้ากินไก่ดิบ ต่อให้รสชาติจะดีเพียงใดลูกค้าคนเก่าอาจจะไม่ประทับใจและไม่กลับมาซื้อซ้ำก็เป็นได้

    .......

    มนตรามารู้ภายหลังว่าบิดาบุญธรรมจ่ายเงินค่ารถม้าที่ท่านเจ้าเมืองให้มาใช้ก่อนไปแล้ว เขาไม่ยอมบอกว่าจ่ายไปเท่าไหร่ อีกทั้งยังแอบซื้อมาเพิ่มอีกสามคัน เป็นรถม้าสองและเกวียนวัวหนึ่งคัน เอาไว้ใช้ขนของระหว่างทางในหมู่บ้าน..รวยกว่าบิดาเธอไม่มีอีกแล้ว

    ก่อนแวะเข้าร้านเดิมของบิดาบุญธรรมที่ปรับปรุงใหม่ มนตราไม่ลืมเข้าไปทวงหนี้ที่จวนสหาย เสียดายที่เมื่อคืนเธอต้องกลับก่อนไม่ทันได้อยู่ดูจนจบ ไม่รู้ว่าสองสามีภรรยาจะลงไม้ลงมือสู้กันหรือเปล่า

    ครั้งนี้รอไม่นานทันทีที่หญิงสาวจอดรถม้าหน้าประตูจวน องครักษ์ก็เปิดประตูให้ทันที พ่อบ้านหวังวิ่งมาต้อนรับแขกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    หญิงสาวแวะซื้อขนมเจ้าดังมาฝากทุกคน ยกเว้นเจ้านายทั้งสองของจวน

    พวกเขามีเงินเยอะย่อมซื้อกินเองได้นี่ (นางเอกเราขี้งก)

    ร่างเล็ก ๆ ไม่รีบร้อนกลับเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อย เห็นดอกไม้ถูกใจระหว่างทางก็แวะชมก่อน ภายในใจแอบจองเอาไว้แล้ว หากจวนสร้างเสร็จเมื่อไหร่เจ้าดอกไม้พวกนี้ต้องไปอยู่กับเธอ หุหุหุ

    "ฮูหยินใหญ่ท่านทำเช่นนี้ไม่ถูก นายท่านเป็นสามีของพวกข้าเช่นกัน เหตุใดข้าถึงเข้าพบนายท่านไม่ได้"

    ยังไม่ทันจะเดินเลี้ยวพ้นสวนเข้าเรือนใหญ่ มนตราที่กำลังตรงไปยังห้องรับแขกของจวน ก็ได้ยินเสียงดังปรอทแตกของอนุจางกระแทกหูอย่างจัง

    "ท่านพ่อบ้านเกิดอะไรขึ้นหรือ เหตุใดนางเมียน้อยนั่นถึงกลายร่างเป็นนางมารแต่เช้าตรู่เช่นนี้"

    พ่อบ้านหวังแอบอมยิ้มผายมือเชิญให้หญิงสาวเดินไปดูให้เห็นกับตาว่าฮูหยินใหญ่ของจวนได้เปลี่ยนไปแล้ว..

    ใบหน้าเล็กของฉินฉินแสดงสีหน้างงงวย คนจวนนี้เป็นอะไรกันไปหมดทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ได้..ถึงจะแอบบ่นในใจแต่เท้านั้นกลับก้าวเดินยาว ๆ อยากจะไปถึงเร็ว ๆ จะได้รู้ว่าอนุจางเป็นอะไร

    อุ๊ย..นั่นคืออะไร ทำไมสภาพพวกนางถึงเป็นเช่นนั้นเล่า

    มนตราเดินไปถึงก็เห็นเหล่าอนุภรรยากำลังนั่งคุกเข่าอยู่หน้าเรือนใหญ่ โดยมีหยางมี่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลบแดดอยู่ด้านใน

    หยางมี่แอบอมยิ้มสะใจเล็กน้อย เมื่อสั่งให้สาวรับใช้ยกกาน้ำชาราดใส่หัวอนุภรรยาทั้งหลายของสามี

    หยางมี่เหลือบสายตาเห็นผู้มาเยือน นางยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นมาต้อนรับด้วยตนเอง

    "เจ้ามาแล้วหรือ ข้าต้องขออภัยด้วยที่ทำให้เจ้าต้องมาเห็นภาพเช่นนี้"

    ฉินฉินงงไปหมดแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น คนที่โดนรังแกไม่ใช่หยางมี่แต่เป็นบรรดาอนุภรรยาของว่านหลง โดยที่ตัวการนั่งจิบชาอยู่ในเรือนไม่พูดอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้ฮูหยินใหญ่ของตนเป็นฝ่ายจัดการ

    "เกิดอะไรขึ้นหรือ"

    หยางมี่เดินเข้ามาจับมือฉินฉินสหายคนใหม่ และเป็นสหายเพียงคนเดียวที่เป็นสตรีนอกจากสามีที่เป็นสหายกันมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะมีสหายอื่นที่เป็นบุรุษด้วยอีกสามคน ทว่าพวกเขาย้ายไปอยู่ต่างเมืองนานแล้วจึงไม่ได้เจอกัน

    "พวกนางทำผิดกฎ ข้าจึงสั่งสอนให้หลาบจำจะได้ไม่ทำผิดอีก ตามกฎของจวนแล้วอนุภรรยาต้องมายกน้ำชาให้ฮูหยินเอกทุกเช้า”

    “ทว่าพวกนางกลับเหิมเกริมไม่เคยปฏิบัติตามกฎสักครั้งตั้งแต่แต่งเข้ามา ข้าจึงสั่งสอนพวกนางให้รู้ซึ้งถึงความผิดที่ตนได้กระทำลงไป"

    ระหว่างพูดหยางมี่ก็ปรายตามองเหล่าอนุภรรยาด้วยสายตาเหยียดหยาม พวกนางรู้แล้วว่าต่อไปนี้การกลั่นแกล้งฮูหยินใหญ่ของจวนเป็นการรนหาที่ตาย ทว่ามีเพียงอนุจางเท่านั้นที่ไม่ยอมอ่อนข้อและจ้องมองอย่างถือดี

    มนตราแอบภูมิใจในตัวสหายไม่น้อย ต้องอย่างนี้สิ...เมียหลวงอย่างเราต้องแข็งแกร่งเข้าไว้ เหยียบพวกเมียน้อยให้จมดินจะได้ไม่คิดแย่งสามีใครอีก

    "ดูเหมือนยังมีคนไม่สำนึก ว่าอย่างไรว่านหลงเจ้าจะไม่จัดการหรือ"

    ว่านหลงหันมามองสตรีทั้งสองที่ต่างส่งยิ้มหวานให้กัน หยางมี่ใบหน้าแดงก่ำเผลอกำมือสหายแน่นด้วยความเขินอาย

    ว่านหลงเห็นท่าทางเขินอายของภรรยารู้สึกพอใจมาก นึกอยากจะลากนางเข้าห้องเสียเดี๋ยวนี้

    มนตรารู้สึกเหมือนว่าตนเองกลายเป็นธาตุอากาศไปเสียแล้ว

    สองคนนี้มีพิรุธนะ...มีลับลมคมในเช่นนี้เธอต้องขุดสักหน่อยแล้ว คนมันอยากเผือกเอาอะไรมาฉุดก็หยุดไม่อยู่หรอก

    ว่านหลงลุกขึ้นมาเดินประคองภรรยาให้นางกลับไปนั่ง

    "เจ้ายังมีแรงเหลืออยู่อีกหรือ นั่งพักเสียหน่อยเถิด..แต่หากเจ้าเหลือแรงเช่นนั้นเรากลับไปต่อกันที่ห้องดีหรือไม่ ท่านพ่อท่านแม่อยากอุ้มหลานแล้ว"

    "อะแฮ่ม..พวกเจ้าช่วยเกรงใจคนโสดหน่อยได้หรือไม่ เช้าตรู่เช่นนี้ยังจะมาชวนกันทำลูกอีก คงลืมไปแล้วว่ามีข้ายืนอยู่ด้านหลังพวกเจ้านะ"

    หยางมี่หน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิมจึงแก้เขินด้วยการตีไปที่อกสามีเบา ๆ หนึ่งทีด้วยความเขินอาย ก่อนจะสะบัดมือเขาออกแล้วจับมือฉินฉินไปกุมแทน

    "โอ๊ย..ขอเถิดข้าไม่ได้มาเพื่อดูเจ้าสองคนหวานใส่กันนะ ข้ามาทวงหนี้!"

    "เช่นนั้นเราไปคุยกันด้านในเถิดท่านพี่..ด้านนอกแดดร้อนนัก"

    "ได้สิฮูหยินของข้า"

    เอาอีกแล้ว...ส่งสายตาหวานเยิ้มมองกันอีกแล้ว เธอไม่เอาแล้วก็ได้นะเงินน่ะ แต่แม่นางฟ้าช่วยปล่อยมือเธอก่อนได้ไหมจะได้ชิ่งทัน

    มนตราได้แต่ร้องไห้น้ำตาตกใน เธอสำนึกผิดแทบไม่ทันแล้วว่าไม่ควรแวะมาหาเจ้าพวกนี้ก่อนเลย

    ไอ้พวกไม่มีหัวใจ...มาหวานใส่กันต่อหน้าคนโสดอย่างเธอได้อย่างไร

    อนุจางเห็นภาพบาดตาก็ทนไม่ไหว คนที่ต้องยืนเคียงข้างท่านพี่ต้องเป็นนาง ตำแหน่งฮูหยินเอกต้องเป็นของนางเท่านั้น

    อนุจางเจ้าเล่ห์นัก เมื่อสถานการณ์ฝ่ายตนกำลังเพลี่ยงพล้ำ ก็แกล้งล้มลงบนพื้นแล้วยกมือกุมหัวส่งสายตาน่าสงสารให้สามี จนเขาชะงักไปเล็กน้อย

    "ท่านพี่ข้าไม่ไหวแล้ว ฮูหยินใหญ่รังแกข้าเกินไปแล้ว..ท่านต้องช่วยข้านะเจ้าคะ"

    ว่านหลงหันกลับมามองภรรยา เห็นนางทำตาดุใส่ตน ชายหนุ่มก็ยกมือพลางกระแอมไอเล็กน้อย รู้สึกว่าฮูหยินของตนยามนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน

    "เจ้าเป็นฝ่ายผิดนี่! จงคุกเข่าต่อไปจนกว่าจะครบหนึ่งชั่วยาม หากใครทนไม่ไหวหรือเป็นลมไปเสียก่อน เชิญเก็บของกลับตระกูลพวกเจ้าไปเสีย ข้าจะส่งใบหย่าตามไปภายหลัง!"

    มนตราไม่นึกสนใจเจ้าของบ้านทั้งสองแล้ว เธออัญเชิญตนเองไปนั่งรอในห้องรับแขก ยกชาขึ้นจิบเบา ๆ รอจนสองสามีภรรยาประคองกันเดินตามเข้ามาทีหลัง

    "เป็นอย่างไรมาอย่างไรเล่า..เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ เหตุใดถึงได้ดูรักกันหวานชื่นจนมดยังอายเช่นนี้"

    หยางมี่หันไปสบตาสามีของตนแล้วก้มหน้าไม่ยอมตอบ ว่านหลงเองก็หันไปลูบแก้มภรรยา มองตากันหวานเยิ้มสักพักก็หันมาตอบแทนภรรยา

    "ข้าต้องขอบใจเจ้าที่ทำให้ข้ากับภรรยาได้พูดคุยปรับความเข้าใจกัน ข้ารู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดตลอดหลายปีที่ผ่านมาของนางแล้ว ฮูหยิน...ต่อไปนี้ข้าจะชดเชยให้เจ้าทุกอย่างตามที่เจ้าต้องการ...ฮูหยินรักของข้า"

    "หยุด ๆ ๆ"

    มนตรายกมือห้ามทัพก่อนทั้งสองจะหวานกันมากไปกว่านี้ หญิงสาวหลับตาทำจิตใจให้สงบก่อนชั่วครู่ แล้วค่อย ๆ เงยหน้าส่งยิ้มหวานให้ทั้งสองคน

    ว่านหลงแอบเหงื่อตกเล็กน้อย รอยยิ้มของสหายคนนี้ดูไม่ดีเอาเสียเลย

    "ข้าดีใจนะที่เห็นพวกท่านปรับความเข้าใจกันได้ราบรื่นเช่นนี้ แต่ข้าจ่ายเงินไปมากพอสมควรแล้ว วันนี้ข้ามาเพื่อทวงหนี้ ว่านหลงเจ้าคืนเงินมาให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ"

    "เท่าไหร่กันหรือ"

    จิตวิญญาณความเป็นนักธุรกิจทำให้มนตรารีบคิดคำนวณเงินในหัวอย่างรวดเร็ว เมื่อวานเธอใช้เงินไปประมาณสิบสามตำลึงทองเท่านั้น แต่ขึ้นชื่อว่าธุรกิจย่อมต้องมีผลกำไรตอบแทนต่อให้เป็นสหายกันก็เถิด

    เธอไม่มีส่วนลดให้หรอกนะ

    "ห้าสิบตำลึงทอง! ห้ามต่อรองราคา ข้าไม่ลดให้เจ้าแม้แต่อีแปะเดียว"

    ว่านหลงอมยิ้มพลางหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ..

    "เงินแค่นั้นข้าให้เจ้าเลย...หนึ่งร้อยตำลึงทอง!"

    ชายหนุ่มทำอย่างที่พูด เขาหยิบตั๋วเงินใบละสิบตำลึงทองยื่นให้หญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม

    ดวงตากลมโตของฉินฉินเบิกกว้างยามที่เห็นจำนวนเงิน เมื่อรับก้อนเงินมานับดูก็พบว่าไม่ขาดไม่เกิน ครบหนึ่งร้อยตำลึงทองเป๊ะ ๆ

    อู้หู..สหายข้าใจป้ำยิ่งนัก

    "เจ้าสนใจมาเป็นเสี่ยเลี้ยงให้ข้าหรือไม่เพื่อนรัก"

    ว่านหลงไม่เข้าใจที่ร่างเล็กพูดจึงขมวดคิ้วถามกลับ

    "เจ้าพูดอะไรกัน เหตุใดข้าถึงไม่เข้าใจ"

    "ข้าแค่พูดเล่นเท่านั้น..เงินก็ได้มาแล้วเช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปทำงาน อ้อ...วันนี้ข้าเปิดร้านอาหารวันแรก พวกเจ้าอย่าลืมไปอุดหนุนกันเล่า"

    "อืม..เข้าใจแล้ว"

    หลังจากฉินฉินกลับไปว่านหลงก็รีบอุ้มภรรยาขึ้นแนบอก แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องนอน กว่าทั้งคู่จะออกมาได้ เวลาก็ล่วงเลยมาถึงยามอู่แล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×