ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #24 : กลับตัวก็ไม่ได้

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 24 กลับตัวก็ไม่ได้

    เมื่อรู้ตัวว่าเข้าใจผิดไปเองทั้งหมด ฟางเหนียงจึงนึกย้อนกลับไปยังวันวาน สำหรับชาวบ้านที่อาศัยอยู่กลางป่าเขา การเข้ามาในอำเภอก็เหมือนกับการเข้าเมือง

    อีกอย่างความประทับใจแรกสำหรับการเข้ามาในอำเภอนี้ ข้าให้คะแนนเต็ม แต่นั่นมันก็แค่ปากทางเข้าเท่านั้น ส่วนตรงอื่นนั้นกันดารมาก!

    ข้าก็นึกเอะใจอยู่แล้วว่านี่น่ะหรือ คือตัวเมืองที่ชาวบ้านต่างใฝ่ฝันอยากจะมาทำงาน และที่น่าแปลกใจยิ่งกว่า ราคาที่ดินในเมืองมันจะถูกถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

    ที่คนขายยอมลดราคา แบบไม่คิดให้ปวดสมองก็แปลกมากแล้ว ข้าที่เห็นว่าราคาถูกยังซื้อโดยไม่ยั้งคิดอีก สุดท้ายเป็นอย่างไรเล่า มาผิดที่!

    เจ้าคนบังคับเกวียนที่พามา จะเตือนกันสักนิดก็ไม่ได้ นี่ถือว่าข้าถูกโกงหรือไม่ เพราะตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไปตัวเมือง

    สรุปคือจากที่ต้องไต่เต้าพาตัวเองเข้าเมือง สุดท้ายก็มาจบอยู่ที่อำเภอเล็ก ๆ หรือนี่ ข้าจะเป็นลม เฮ้อ~

    แต่ว่าสู้เขาหญิงถือซะว่ามันเป็นบททดสอบอย่างหนึ่งสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ถ้าเราหาเงินกว้านซื้อที่ดินได้เยอะ ปรับเปลี่ยนให้ร้านเป็นสถานที่ท่องเที่ยว คนจากต่างอำเภอหรือคนในเมืองก็อาจจะอยากมาพักผ่อนที่ร้านของเรา ถือว่าเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ก็ได้

    ฟางเหนียงได้แต่ปลอบใจตัวเอง นางมองปัญหาให้เป็นเรื่องเล็ก คิดว่าโชคเข้าข้างให้มาขุดขุมทรัพย์ ถ้าอำเภอนี้รุ่งเรืองขึ้นมา ผู้บุกเบิกอย่างนางมีแต่จะรวยเพิ่มมากขึ้น

    ชาวบ้านจ้องมองฟางเหนียงที่นิ่งเงียบไปสักพัก แต่ใบหน้าของนางยังคงปรากฏรอยยิ้มให้เห็น ช่างเป็นสตรีที่สดใสเหลือเกิน

    นางมีรูปร่างท้วมที่คนยุคนี้ให้ความสำคัญ สตรีที่มีสะโพกใหญ่จะคลอดบุตรชายสืบทอดตระกูลได้ หากไม่ติดว่านางมีลูกแล้ว คงมีคนเอ่ยปากสู่ขอสะใภ้เข้าบ้านเป็นแน่

    ฐานะของฟางเหนียงในสายตาชาวบ้าน คิดว่านางมีฐานะพอเลี้ยงดูครอบครัวสามีได้ สตรีเก่งกาจเช่นนี้ใครที่ไหนเล่าจะไม่อยากฝากผีฝากไข้กับนาง

    โธ่ ข้าเข้าใจผิดคิดว่าที่นี่คือเมืองหลักเอาเสียได้ ที่ไหนได้เป็นเพียงอำเภอเล็ก ๆ เองหรือนี่ เสียดายเงินจริง ๆ ข้าเอาไปซื้อที่ดินหมดแล้ว จะไปขอเงินคืนตอนนี้คงไม่ทัน”

    “พี่ชายขอบคุณท่านมากที่เตือนให้ข้ารู้ตัว เช่นนั้นข้าเพิ่มขนมให้ท่านสิบลูกเลย ลองกินดูเจ้าค่ะ รสชาติไม่หวานท่านน่าจะชอบนะ ส่วนนี่ของพี่สาวเจ้าค่ะ”

    เอาขนมให้สามีคนอื่นแต่ไม่ให้ภรรยาเขาด้วย คนเขาจะคิดว่าข้าตีท้ายครัวบ้านคนอื่นเอาได้น่ะสิ ยุคสมัยนี้สตรียิ่งอยู่ยาก หากมีสัมพันธ์กับบุรุษอื่นนอกจากสามีตัวเอง โทษเดียวที่ต้องเจอคือความตาย

    กลับกันหากเป็นบุรุษทำผิด ฝ่ายหญิงก็แค่แต่งเข้ามาเป็นเมียรอง เช่นนั้นระวังตัวไว้ก่อนดีกว่าเรา ยังไม่ทันจะได้เห็นหน้าสามี ข้าไม่อยากไปเป็นเมียรองของใครทั้งนั้น

    หญิงสาวรูปร่างท้วมจากอดีตที่ขี้เหร่จนดูไม่ได้ พอนางดูแลตัวเองอย่างดี ขัดผิว เน้นบำรุงทุกวันเช้าเย็น สภาพก็ดูดีขึ้นมาก สีหน้าสดใส ผิวไม่ขาวมากแต่ก็ขาวกว่าสตรีชาวบ้านธรรมดา

    นางมาอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านวันแรก ก็เอาขนมที่ใช้น้ำมันทอดมาแจกชาวบ้านจนเปิดใจยอมรับนางทันที อีกอย่างผู้คนที่นี่ไม่เคยรู้จักกับฟางเหนียงมาก่อน ไม่เคยได้ยินวีรกรรมของนางก็ยิ่งยินดีต้อนรับนาง

    ฟางเหนียงทอดขนมหมดไปสองถาดใหญ่ ไม่ได้นับว่าแจกไปแล้วทั้งหมดกี่ลูก พอหมดสองถาดก็หยุดแจกทันที

    “ส่วนสำหรับแจกหมดแล้ว ไว้วันหลังได้กำไรเยอะข้าจะกลับมาแจกใหม่นะเจ้าคะ ขออภัยคนที่มาทีหลังแล้วไม่ได้กินด้วย หากแจกให้หมดทุกคนข้าคงไม่เหลือของขายแล้วเจ้าค่ะ”

    คนที่ยังไม่ได้ลองกินทำหน้าเศร้า พวกเขาไม่มีโอกาสได้กินขนมที่ใช้น้ำมันทอดเช่นนี้บ่อย ๆ หรอก กินปีละครั้งยังยากเลย

    ชายวัยกลางคนอุ้มหลานมารับขนมแต่มาไม่ทัน เขาเห็นหลานทำหน้าเศร้า จึงรีบคลำหาเหรียญที่ภรรยาให้ไว้เมื่อเช้าออกมานับทั้งหมดสิบอีแปะ

    “แม่นางข้าขอซื้อสิบอีแปะ”

    “ได้เจ้าค่ะ รอสักครู่นะเจ้าคะ”

    ฟางเหนียงรีบกางถุงกระดาษออก จัดการตักขนมไข่เต่าในถาดใส่ถุงไปสามสิบกว่าลูกจนเกือบล้นถุง สองปู่หลานจ้องมองตาไม่กะพริบ แม่ค้าฟังผิดไปหรือไม่?

    “แม่นางข้ามีเงินแค่สิบอีแปะ...”

    “ทราบแล้วเจ้าค่ะ พอดีว่าวันนี้ข้าลดราคา ขนมสิบลูกเพียงสามอีแปะเท่านั้น ท่านมีงบสิบอีแปะข้าให้ไปเลยสามสิบห้าลูกเจ้าค่ะ แต่ถ้ามาซื้อพรุ่งนี้จะขึ้นราคาเป็นสิบลูกห้าอีแปะนะเจ้าคะ ได้แล้วก็ถือดี ๆ นะขนมอันนี้ต้องกินร้อน ๆ ถึงจะอร่อยที่สุด”

    ชายวัยกลางคนที่ได้เป็นปู่เร็วกว่าที่คิดยิ้มรับถุงขนมเอาไว้ ก่อนจะจ่ายเงินให้กับแม่ค้าจิตใจดี โดยไม่ลืมขอบคุณนาง

    ชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่หมดหวังมาไม่ทันแต่ก็อยากกิน ทว่ากลัวไม่มีเงินซื้อ เพราะขนมของฟางเหนียงใช้น้ำมันเยอะ พอได้ยินราคาก็รีบวิ่งกรูกันเข้ามาขอซื้อ

    “แม่นางข้าเอาสิบลูก”

    “ข้าเอายี่สิบลูก”

    “พวกเจ้าอย่าเบียดข้าสิ แม่นางข้าขอซื้อด้วย”

    “โธ่ ๆ ไม่ต้องรีบเจ้าค่ะ วันนี้ข้าเตรียมของมาเยอะ”

    “น้องสาวข้าช่วยเจ้าเอง สิบลูกสามอีแปะใช่หรือไม่ เจ้าคิดเงินไปเถอะ ข้าจะเป็นคนตักขนมช่วยเจ้าเอง”

    สตรีที่เข้ามาทักทายฟางเหนียงอาสาช่วย นางเก็บขนมที่เหลือเอาไปให้คนที่บ้านได้กิน เพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับขนมอร่อย ๆ จึงอาสาช่วยงาน ส่วนสามีของนางก็ช่วยจัดแถวให้กับชาวบ้าน

    ฟางเหนียงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาร้าย หากมีเจตนาไม่ดีจริงคงไม่บอกให้ข้าเป็นคนเก็บเงินหรอก ภายภาคหน้าหากข้าต้องการขยายสาขา ต้องดึงตัวนางมาเป็นผู้ช่วยอย่างแน่นอน

    “ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นรบกวนท่านด้วย”

    หลังจากส่งรอยยิ้มกลับไปแล้ว มืออวบอ้วนก็ก้มลงไปหยิบถาดขนมที่ยังไม่ได้ทอดขึ้นมาตั้ง ใส่ฟืนเร่งไฟก่อนลงของทอดต่อ

    คนในหมู่บ้านต้องการกินของถูก ใครเล่าจะไปอดใจไหว มีกลิ่นหอมลอยมาเตะจมูกเช่นนี้

    เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ ชาวบ้านได้ขนมกันครบแล้ว ไม่มีใครต่อแถวอีก ฟางเหนียงยกมือปาดเหงื่อ เอ่ยปากขอบคุณสองสามีภรรยาที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ นางตั้งใจจะให้ขนมเป็นค่าตอบแทน แต่พวกเขาไม่รับกลับรีบชิ่งหนีไปก่อน

    “ท่านแม่คนมาซื้อเยอะมากเลยขอรับ ข้านับแล้วมีลูกค้ามาซื้อเท่านี้”

    ซีซวนชูนิ้วทั้งสิบขึ้น เขาวิ่งเล่นกับเพื่อนใหม่จนเหนื่อย มานั่งหลบอยู่หลังร้านคอยนับลูกค้าที่เข้ามาซื้อของ ตงหยางน้อยก็ชูนิ้วตามพี่ชาย เขายังคงพูดน้อยเหมือนเคย

    ฟางเหนียงทนความน่ารักของลูก ๆ ไม่ไหว จึงนั่งยอง ๆ ก้มลงหอมแก้มเขาไปคนละฟอด

    ขายขนมครั้งแรกได้ลูกค้ามากถึงห้าสิบกว่าคน บางคนสั่งไปสองถุงบ้างสามถุงบ้านตามกำลังที่มี ฟางเหนียงเก็บเงินใส่ถังไม้ไว้ในมิติ กะว่าค่อยกลับไปนับเงินที่บ้านทีเดียว

    “ไปลูก เราไปขายที่ประตูทางเข้าอำเภอดีกว่า แถวนั้นคนคึกคักดีวันนี้น่าจะขายหมดเร็ว”

    ขณะที่กำลังเตรียมเก็บของย้ายสถานที่ขาย ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นมาหา เขาอุ้มเด็กชายมาด้วย ซีซวนจำได้ว่าเขาคือคนที่วิ่งเล่นด้วยกันเมื่อกี้

    “เจ้ากลับบ้านไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

    “ข้าพาท่านพ่อมาซื้อขนมเพิ่ม”

    เด็กชายตัวน้อยตอบเสียงเบาหวิว เขาติดใจขนมของฟางเหนียง ได้ลองกินของแจกไปแล้วรู้สึกไม่พอ จึงรีบกลับไปตามบิดาที่ทำงานอยู่หมู่บ้านข้างเคียงให้มาซื้อ

    “แม่นางขนมนี่ขายอย่างไรขอรับ”

    ฟางเหนียงสำรวจชายหนุ่มตรงหน้า หากเทียบกับชาติที่แล้ว พ่อหนุ่มนี่น่าจะอยู่ในช่วงวัยมัธยมปลาย หรือไม่ก็มหา’ลัยสักประมาณปีหนึ่ง หน้าตาก็ดีมาก ๆ ไม่คิดเลยว่าจะแต่งงานมีลูกแล้ว

    “สิบลูกสามอีแปะเจ้าค่ะ”

    “ข้าเอาสามสิบอีแปะขอรับ”

    โอ้ เจอคนรวยเข้าแล้วเรา เท่าที่รู้มาค่าเแรงขั้นต่ำต่อวันของที่นี่คือวันละยี่สิบอีแปะเท่านั้น ชายผู้นี้น่าจะมีกินมีใช้ระดับหนึ่ง ดูจากเสื้อผ้าของเขาและลูกไม่มีรอยปะชุนเลย

    “ได้เจ้าค่ะ”

    ฟางเหนียงตักส่วนที่ทอดเหลือจากกระทะ ให้สองพ่อลูกกินระหว่างรอของทอดใหม่

    สามสิบอีแปะได้ขนมไข่เต่าตั้งสามร้อยลูกเชียว หากพวกเขากินขนมหมดคงกินข้าวไม่ลงแล้ววันนี้ แต่ลูกค้าซื้อข้าก็ขายให้ ถ้าหน้าตาดีใส่เพิ่มให้อีกสามลูกไปเลย

    “แม่นางลองเข็นไปขายที่หมู่บ้านของข้าดูดีหรือไม่ ขนมอร่อย ๆ ราคาถูกเช่นนี้น่าจะมีลูกค้าเยอะนัก

    ก่อนกลับชายหนุ่มยังไม่ลืมแนะนำให้ฟางเหนียงไปขายขนมที่หมู่บ้านของตน เพราะเพิ่งผ่านฤดูเก็บเกี่ยวมาแต่ละบ้านมีเงินไม่น้อยเลย

    ฟางเหนียงสนใจมาก ดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องเดินไปขายไกล ๆ วันนี้เหนื่อยมาครึ่งค่อนวันแล้ว อยากขายให้หมดเร็ว ๆ เหมือนกัน

    แล้วก็เป็นจริงตามที่ชายหนุ่มว่า หมู่บ้านข้าง ๆ มีกำลังซื้อเยอะกว่าหมู่บ้านที่ฟางเหนียงอาศัยอยู่เสียอีก

    มิหนำซ้ำประชากรยังเยอะกว่าด้วย พวกเขาสั่งแล้วก็ยืนกินหน้าร้านเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่พอก็จะรีบสั่งเพิ่ม ของที่เตรียมมาทั้งหมดถูกคนหมู่บ้านนี้เหมาหมดเกลี้ยง

    แม่ลูกยิ้มแก้มปริเก็บของกลับจวนทันที เมื่อกลับมาถึงจวนยังไม่ทันได้เก็บของ นางก็ล้มตัวหมดแรงที่พื้นห้องโถงจนผล็อยหลับไป

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×