คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : อย่าทำให้ฉันหัวร้อน
ตอนที่ 23 อย่าทำให้ฉันหัวร้อน
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ มนตราเดินออกมาหาคนที่รออยู่ด้านนอกร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ผิดกับอีกคนที่ดูเหมือนสติหลุดลอยไปไกลแล้ว
หญิงสาวเล่าทุกอย่างให้คนหน้าเหมือนเพื่อนเก่าฟัง โดยอ้างว่าเธอฝันถึงตัวเขาและเธอเมื่อชาติที่แล้วในอีกพันปีข้างหน้า
ในตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เด็กสาวตรงหน้าอาจจะเคยถูกม้าถีบหัวจนสติเลอะเลือนก็เป็นได้
แต่ยิ่งได้ฟังในสิ่งที่เธอเล่า เขายิ่งเหมือนเห็นตนเองที่มีนิสัยเหมือนกับคนในความฝันของเธอไม่มีผิดเพี้ยน
"เจ้าจะบอกว่าเราเคยเป็นสหายกันมาก่อนหรือ แล้วข้ายังเป็นลูกน้องของเจ้าอีกด้วย"
"จะเรียกลูกน้องก็พูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ เรียกว่าเป็นหุ้นส่วนกันดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าและเขาคอยต่อสู้กับปัญหามากมายแต่แรกเริ่มจนจบ"
มนตราเห็นชายตรงหน้ามีสีหน้าไม่สู้ดี เหมือนความคิดในหัวของเขากำลังตีกัน..
เอาเถิด...เธอรอได้ หากทามไทในยุคโบราณนี้จำเธอไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เธอจะเดินหน้าตื๊อขอให้เขามาเป็นเพื่อนกันอีกครั้งจนได้
จางหมินมึนงงเล็กน้อย แต่เขาไม่รู้สึกอยากกีดกันหญิงสาวตรงหน้า หรือว่าสิ่งที่นางพูดจะเป็นความจริง เราสองคนเคยเป็นสหายกันมาก่อน
"ที่เจ้ามาหาข้าเพื่อบอกเรื่องนี้หรือ"
มนตราเกือบลืมเหตุผลที่แท้จริงในการมาเยือนในครั้งนี้ไปเสียแล้ว เธอรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
"พอดีสหายข้าที่รออยู่ด้านนอกถูกสามีเมิน ข้าอยากช่วยนางเสียหน่อย"
มนตราเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้ชายหนุ่มรับฟังด้วยท่าทางสงบนิ่ง คนภายนอกย่อมดูไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
"ข้าอยากให้ท่านช่วยแปลงโฉมนางให้เป็นคนใหม่ เอาให้สวยน่ากินยิ่งกว่าอนุภรรยาเหล่านั้น"
จางหมินตกลงโดยไม่เก็บเงินแม้แต่อีแปะเดียว แต่แลกกับการที่หญิงสาวและสหายผู้ถูกสามีเมินต้องช่วยทำให้ร้านของเขากลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง
......
หลังจากเห็นฉินฉินเดินออกมา หยางมี่ก็รีบวิ่งไปถามไถ่สหายตัวน้อยทันที กลัวว่านางจะถูกบุรุษตัดแขนเสื้อเอารัดเอาเปรียบ
"เขารังแกเจ้าหรือไม่ เหตุใดจึงเข้าไปนานกันนักเล่า เราเปลี่ยนร้านกันเถิด ข้ารู้สึกว่าที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยเลย"
มนตราตบหลังมือสาวสวยตรงหน้า แล้วลากนางเข้าไปในร้านเพื่ออธิบายแผนการแปลงโฉมครั้งนี้ให้ฟังคร่าว ๆ
"เขาเป็นสหายของข้าเองท่านวางใจได้..หยางมี่เราไม่มีเวลาแล้ว ไปวัดตัวด้านในกันเถิด"
ทั้งสามคนใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยามในการเตรียมชุด มนตราที่เคยจับธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นมาก่อนในโลกเดิมมีส่วนช่วยจางหมินออกแบบชุดด้วย ชุดนั้นตัดออกมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีหยางมี่ช่วยปักลาย และจางหมินเป็นคนปิดจบช่วยเย็บชุดให้เรียบร้อย
ชุดที่ได้เป็นเสื้อเกาะอกสีแดงสดเผยทรวดทรงองค์เอวอย่างไม่ปิดบัง เป็นส่วนบนที่เอาไว้ใส่คู่กับกระโปรงสีแดงปักลายกุหลาบสีทอง ซึ่งความพิเศษของชุดนี้มนตราได้นำความคิดจากการเคยเข้าร่วมงานแฟชั่นวีคมาผสมผสาน กลายเป็นชุดกระโปรงจีนโบราณแบบผ่าข้างเผยให้เห็นเรียวขาอ่อน
หยางมี่ไม่กล้าใส่เพราะไม่เคยเปิดเผยเนื้อหนังให้ใครเห็นมาก่อนนอกจากสามี พอนึกถึงคืนวันเข้าหอสุดเร่าร้อนระหว่างเขากับนางแล้ว หญิงสาวก็อดหน้าแดงไม่ได้
"เอ้า..รีบเข้าไปเปลี่ยนสิหยางมี่ เราต้องไปทำแผนต่อไปอีกนะ นี่ฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้วด้วย เจ้าอย่าประวิงเวลาอีกเลย"
จางหมินที่ยืนพิงกำแพงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วช่วยพูดอีกแรง..
"นี่แม่นาง เจ้ารักสามีเจ้าจริงหรือไม่ เหตุใดถึงยอมให้อนุภรรยาชั้นต่ำแย่งตัวเขาไปได้เล่า หากเจ้ายังยอมต่อไป ไม่แน่สามีของเจ้าอาจจะถูกเป่าหู และสั่งปลดตำแหน่งเจ้าลงมาเป็นอนุภรรยาแทนก็ได้ ถึงวันนั้นเจ้าจะมาโอดครวญภายหลังก็สายไปเสียแล้ว"
หยางมี่เห็นสายตาที่มุ่งมั่นตั้งใจของคนทั้งสองก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา นางขอตัวเข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังของร้านคนเดียว ใช้เวลาไม่นานนางก็เดินออกมาด้วยท่าทีเขินอายอย่างไม่มั่นใจ
มือเรียวเล็กยกมือขึ้นปิดหน้าอกที่ล้นทะลักออกมา จนเสื้อเกาะอกแทบจะปริแตก
มนตราเห็นแล้วอดก้มมองสิ่งนั้นของร่างนี้ไม่ได้ เหตุใดสวรรค์ถึงไม่ประทานหน้าอกโคนมมาให้เธอบ้าง ในโลกเดิมเธอนั้นมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน แต่สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย...
"สวยมาก! ต้องอย่างนี้สิถึงจะเหมาะกับเจ้า ยามอยู่กับสามีสองต่อสองเจ้าควรแต่งแบบนี้ให้เขาเห็นบ่อย ๆ นะ รับรองว่าว่านหลงต้องหลงภรรยาเอกเช่นเจ้าหัวปักหัวปำแน่นอน"
มนตราเองก็เปลี่ยนชุดแล้วเช่นเดียวกัน แต่เปลี่ยนเป็นชุดสาวใช้แทน ด้วยรูปร่างของเธอในตอนนี้ไม่เหมาะกับการแต่งสวยสักนิด หากแต่งออกมามันคงดูเหมือนพยายามมากเกินไป อาจกลายเป็นตัวตลกในสายตาผู้อื่นให้เขาหัวเราะเยาะเอาได้ ยามนี้ชุดสาวใช้นั้นนับว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว
"จางหมินข้ารู้ว่าเจ้ามีร้านลับที่ไปบ่อย ๆ พาพวกข้าไปได้หรือไม่"
จางหมินทำเป็นไม่รู้เรื่องที่หญิงสาวพูดจึงไม่ตอบกลับไป
คราแรกมนตราตั้งจะพาสหายคนใหม่ไปหอนางโลม แล้วให้แม่เล้าที่นั่นช่วยจัดหาชายหนุ่มมาให้
แต่คิดดูอีกทีเมื่อมีหอนางโลมสำหรับบุรุษและสตรีแล้ว ก็ต้องมีหอนายโลมสำหรับบุรุษตัดแขนเสื้อบ้างสิ ถึงจะไม่ได้เปิดเผยให้คนนอกรับรู้ แต่มันต้องมีคนกล้าเปิดกิจการนี้บ้างแหละ
มนตราส่งยิ้มหวานให้ เขาคิดว่าเธอจับโกหกเขาไม่ได้หรือ..
"พาข้าไปหน่อยเถิด ข้าไม่แจ้งทางการให้ไปปิดแหล่งเที่ยวกลางคืนของเจ้าหรอก ข้าแค่อยากไปเปิดหูเปิดตาบ้างเท่านั้นเอง"
จางหมินถูกหญิงสาวทั้งออดอ้อนแกมข่มขู่ไปในตัว เขาถอนหายใจยาวยอมพาพวกนางทั้งสองไปร้านประจำของตนเอง
"ข้าเตือนไว้ก่อน พวกเขาไม่หลับนอนกับสตรี อย่างมากสุดทำได้แค่ช่วยรินเหล้าป้อนอาหารเอาใจให้พวกเจ้าได้เท่านั้น"
มนตราตบหลังจางหมินราวกับเป็นเพื่อนที่คบหามานานอย่างลืมตัว
"ข้ายังไม่ถึงวัยปักปิ่นยังไม่คิดจะเสียพรหมจรรย์ให้ใคร แค่พวกเขายอมร่วมมือด้วยก็ถือเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงแล้ว
เมื่อตกลงกันเรียบร้อย จางหมินก็พาทั้งสองสาวขึ้นรถม้าไป หยางมี่ตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ มนตราต้องช่วยกุมมือนางเอาไว้
"สู้หน่อยสิ หากผ่านวันนี้ไปได้คู่ชีวิตของเจ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวงเชียว..อย่าลืมที่ข้ากำชับไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าอย่าไปยอม"
ทางด้านว่านหลงเขากำลังหลงทาง รู้สึกว่าตนขี่ม้าผ่านมาทางนี้หลายรอบแล้ว แต่คนของเขาบอกมาว่าสตรีสองนางเดินทางมาเส้นทางนี้
แต่นี่เวลาผ่านมาหนึ่งชั่วยามแล้ว แม้แต่เส้นผมของภรรยาเขายังไม่เห็นแม้แต่ปลายเส้นผม ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกนางจะทำอะไรกันไปแล้วบ้าง
มนตราและเหล่าสหายเดินทางมาถึงร้านลับของจางหมินแล้ว ภายในร้านมีบุรุษเปลือยท่อนบนเดินออกมาต้อนรับแขก แต่เมื่อเห็นเป็นสตรีก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
"นายท่านจางหมินพาพวกนางมาทำไมหรือขอรับ"
ก่อนจางหมินจะเอ่ยตอบ มนตราก็เป็นฝ่ายตอบแทน นางให้เงินบุรุษตรงหน้าคนละหนึ่งตำลึงทอง แลกกับการให้ทำอะไรบางอย่าง เหล่าชายหนุ่มไม่สงสัยอะไรอีก เปลี่ยนมาเป็นต้อนรับแขกอย่างดี
จางหมินปลีกตัวไปคุยกับเจ้าของร้าน ส่วนมนตราเดินตัวปลิวไปเปิดห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดและแพงที่สุดของร้านแล้ว
เธอออกเงินให้ก่อน เดี๋ยวค่อยไปเรียกเก็บจากว่านหลงทีหลัง
ทหารหญิงถูกมนตราหว่านล้อมให้ร่วมแผนการด้วย และยังบอกอีกว่าให้ชี้ทางใต้เท้าฉู่ให้เขารู้ว่าพวกนางอยู่ที่ไหน
ใต้เท้าฉู่ได้เบาะแสก็ไม่รอช้า รีบเร่งฝีเท้าม้าวิ่งเข้าตรอกลับไปทันที
ทางด้านมนตรากำลังนั่งกินขนมที่ทางร้านจัดเตรียมเอาไว้ให้ เธอสั่งให้พวกเขาใส่ยาปลุกกำหนัดชนิดเจือจางที่สุดใส่ไว้ในจอกชาของหยางมี่ โดยหวังว่ายามที่นางไม่มีสติ ความกล้าหาญในจิตใต้สำนึกจะออกมาดูโลกเสียที
สตรีย่อมมีเงามืดซ่อนอยู่ภายในใจทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าจะปล่อยให้พวกมันออกมาหรือไม่ก็เท่านั้นเอง
ว่านหลงมาถึงยังไม่ทันเข้าร้านก็ถูกบุรุษเปลือยท่อนบนขวางทางเอาไว้
"หยางมี่เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้นะ!"
ว่านหลงสู้แรงคนมากมายไม่ไหวยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก จึงตะโกนเรียกภรรยาเสียงดัง แขกในร้านไม่แตกตื่นเพราะได้รับการแจ้งล่วงหน้าจากหลงจู๊แล้วว่าจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นให้ชม
เสียงของว่านหลงดังมาถึงชั้นสาม ห้องที่สองสาวนั่งอยู่หยางมี่ได้ยินเสียงสามีแต่ก็ไม่นึกสนใจเขา นางทำตามแผนการโดยสั่งให้นายโลมนอนบนตัก ส่วนอีกคนให้โอบไหล่นางไว้แล้วให้เขาคอยป้อนองุ่นเข้าปากตนเอง
มนตราไม่ได้เป็นคนสั่งให้นางทำเช่นนี้ นางทำของนางเองแต่ดูเหมือนว่ายาจะทำงานได้ดีทีเดียว
"ปล่อยให้เขาเข้ามา"
มนตราเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ในห้องพร้อมแล้ว จึงสั่งให้คนปล่อยสามีทึ่มของสหายเข้ามา
ว่านหลงวิ่งตามหลงจู๊ไปติด ๆ เขาร้อนใจจนแทบจะอุ้มหลงจู๊วิ่งอยู่แล้ว
ปัง!
ประตูถูกถีบออกอย่างแรง ภาพที่ว่านหลงเห็นสิ่งแรกคือภรรยาของตนใส่ชุดเปิดเผยเนื้อหนังกำลังแอบอิงกับอกบุรุษอ้าปากรับองุ่นที่เขาป้อนให้
"หยางมี่เจ้า!"
ว่านหลงหมายจะเดินเข้ามาในห้องดึงตัวภรรยาออกมาแต่นางไม่ยอม
"จับตัวเขาไว้"
ทหารหญิงที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเข้ามาจับสองแขนคุมตัวเขาเอาไว้
หยางมี่ใช้หางตาปรายตามองสามี..
"ทำไมเล่า ท่านโกรธข้าหรือที่ข้าทำเช่นนี้..ท่านคงลืมไปแล้วว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาท่านปล่อยให้บรรดาอนุภรรยาทำตัวหยาบคายต่อหน้าข้านับครั้งไม่ถ้วน ท่านรู้สึกเจ็บใจบ้างหรือไม่เจ้าคะท่านพี่..แต่ข้าเจ็บทุกครั้งที่เห็นภาพบาดตาเหล่านั้น ข้าเจ็บที่ต้องเห็นสามีร่วมหลับนอนกับสตรีอื่นตรงหน้า ท่านไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของข้าเลย"
ว่านหลงยืนอึ้งไปแล้ว และใช่เขารู้สึกเจ็บในใจยามเห็นภาพบาดตา..แต่ไม่คาดคิดว่าภรรยาจะอดทนมาได้หลายปีเช่นนี้
"เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกข้าเล่า"
หยางมี่ฟังแล้วนึกโกรธจึงตะคอกกลับเสียงดัง
"ท่านเคยให้โอกาสข้าพูดหรือไม่! ยามพวกนางมาฟ้องท่านว่าข้ารังแก ท่านก็มาเอาเรื่องข้าให้พวกนางสบายใจ ทั้งที่ข้าไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับใคร มีแต่ข้าที่ถูกรังแก เหตุใดข้าต้องเป็นคนผิดอยู่เสมอด้วยเล่า ทำไม!"
มนตราเห็นท่าไม่ดีจึงพาทุกคนออกมาด้านนอก ก่อนจะผลักให้ว่านหลงเข้าไปด้านใน ให้สองสามีภรรยาได้คุยปรับความเข้าใจกันส่วนตัว
"พวกเจ้าไปรับแขกคนอื่นเถิด ทางนี้ไม่มีอะไรให้พวกเจ้าทำแล้ว"
"ขอรับ"
เหล่านายโลมต่างพากันยิ้มตบก้อนทองในกระเป๋ากางเกง
เพียงเท่านี้ก็คุ้มแล้วไม่ต้องเสียตัวกลับได้เงินมาตั้งหนึ่งตำลึงทอง
เห็นคนเดินจากไปกันหมดแล้ว มนตรานึกอยากรู้ว่าด้านในห้องนั้นสถานการณ์ไปถึงไหนแล้ว นางใช้หูแนบกับประตูโดยไม่มีใครเห็น จากที่ฟังดูแล้วเหมือนหยางมี่จะเป็นต่อกว่า
"แม่นางยามนี้ดึกนัก ได้เวลากลับจวนแล้ว"
มนตราไม่อยากให้บิดาเป็นห่วงจึงยอมกลับแต่โดยดี ไม่ลืมฝากให้จางหมินช่วยเป็นหูเป็นตาแทนตนว่า ห้ามให้ว่านหลงทำร้ายภรรยาเด็ดขาด
ความคิดเห็น