ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวน้อยผู้มั่งคั่ง (จบแล้ว) มี E-BOOK

    ลำดับตอนที่ #23 : อย่าทำให้ฉันหัวร้อน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    ตอนที่ 23 อย่าทำให้ฉันหัวร้อน

    เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ มนตราเดินออกมาหาคนที่รออยู่ด้านนอกร้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ผิดกับอีกคนที่ดูเหมือนสติหลุดลอยไปไกลแล้ว

    หญิงสาวเล่าทุกอย่างให้คนหน้าเหมือนเพื่อนเก่าฟัง โดยอ้างว่าเธอฝันถึงตัวเขาและเธอเมื่อชาติที่แล้วในอีกพันปีข้างหน้า

    ในตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เด็กสาวตรงหน้าอาจจะเคยถูกม้าถีบหัวจนสติเลอะเลือนก็เป็นได้

    แต่ยิ่งได้ฟังในสิ่งที่เธอเล่า เขายิ่งเหมือนเห็นตนเองที่มีนิสัยเหมือนกับคนในความฝันของเธอไม่มีผิดเพี้ยน

    "เจ้าจะบอกว่าเราเคยเป็นสหายกันมาก่อนหรือ แล้วข้ายังเป็นลูกน้องของเจ้าอีกด้วย"

    "จะเรียกลูกน้องก็พูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ เรียกว่าเป็นหุ้นส่วนกันดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าและเขาคอยต่อสู้กับปัญหามากมายแต่แรกเริ่มจนจบ"

    มนตราเห็นชายตรงหน้ามีสีหน้าไม่สู้ดี เหมือนความคิดในหัวของเขากำลังตีกัน..

    เอาเถิด...เธอรอได้ หากทามไทในยุคโบราณนี้จำเธอไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เธอจะเดินหน้าตื๊อขอให้เขามาเป็นเพื่อนกันอีกครั้งจนได้

    จางหมินมึนงงเล็กน้อย แต่เขาไม่รู้สึกอยากกีดกันหญิงสาวตรงหน้า หรือว่าสิ่งที่นางพูดจะเป็นความจริง เราสองคนเคยเป็นสหายกันมาก่อน

    "ที่เจ้ามาหาข้าเพื่อบอกเรื่องนี้หรือ"

    มนตราเกือบลืมเหตุผลที่แท้จริงในการมาเยือนในครั้งนี้ไปเสียแล้ว เธอรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ

    "พอดีสหายข้าที่รออยู่ด้านนอกถูกสามีเมิน ข้าอยากช่วยนางเสียหน่อย"

    มนตราเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้ชายหนุ่มรับฟังด้วยท่าทางสงบนิ่ง คนภายนอกย่อมดูไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

    "ข้าอยากให้ท่านช่วยแปลงโฉมนางให้เป็นคนใหม่ เอาให้สวยน่ากินยิ่งกว่าอนุภรรยาเหล่านั้น"

    จางหมินตกลงโดยไม่เก็บเงินแม้แต่อีแปะเดียว แต่แลกกับการที่หญิงสาวและสหายผู้ถูกสามีเมินต้องช่วยทำให้ร้านของเขากลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง

    ......

    หลังจากเห็นฉินฉินเดินออกมา หยางมี่ก็รีบวิ่งไปถามไถ่สหายตัวน้อยทันที กลัวว่านางจะถูกบุรุษตัดแขนเสื้อเอารัดเอาเปรียบ

     

    "เขารังแกเจ้าหรือไม่ เหตุใดจึงเข้าไปนานกันนักเล่า เราเปลี่ยนร้านกันเถิด ข้ารู้สึกว่าที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัยเลย"

    มนตราตบหลังมือสาวสวยตรงหน้า แล้วลากนางเข้าไปในร้านเพื่ออธิบายแผนการแปลงโฉมครั้งนี้ให้ฟังคร่าว ๆ

    "เขาเป็นสหายของข้าเองท่านวางใจได้..หยางมี่เราไม่มีเวลาแล้ว ไปวัดตัวด้านในกันเถิด"

    ทั้งสามคนใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยามในการเตรียมชุด มนตราที่เคยจับธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นมาก่อนในโลกเดิมมีส่วนช่วยจางหมินออกแบบชุดด้วย ชุดนั้นตัดออกมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีหยางมี่ช่วยปักลาย และจางหมินเป็นคนปิดจบช่วยเย็บชุดให้เรียบร้อย

    ชุดที่ได้เป็นเสื้อเกาะอกสีแดงสดเผยทรวดทรงองค์เอวอย่างไม่ปิดบัง เป็นส่วนบนที่เอาไว้ใส่คู่กับกระโปรงสีแดงปักลายกุหลาบสีทอง ซึ่งความพิเศษของชุดนี้มนตราได้นำความคิดจากการเคยเข้าร่วมงานแฟชั่นวีคมาผสมผสาน กลายเป็นชุดกระโปรงจีนโบราณแบบผ่าข้างเผยให้เห็นเรียวขาอ่อน

    หยางมี่ไม่กล้าใส่เพราะไม่เคยเปิดเผยเนื้อหนังให้ใครเห็นมาก่อนนอกจากสามี พอนึกถึงคืนวันเข้าหอสุดเร่าร้อนระหว่างเขากับนางแล้ว หญิงสาวก็อดหน้าแดงไม่ได้

    "เอ้า..รีบเข้าไปเปลี่ยนสิหยางมี่ เราต้องไปทำแผนต่อไปอีกนะ นี่ฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้วด้วย เจ้าอย่าประวิงเวลาอีกเลย"

    จางหมินที่ยืนพิงกำแพงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วช่วยพูดอีกแรง..

    "นี่แม่นาง เจ้ารักสามีเจ้าจริงหรือไม่ เหตุใดถึงยอมให้อนุภรรยาชั้นต่ำแย่งตัวเขาไปได้เล่า หากเจ้ายังยอมต่อไป ไม่แน่สามีของเจ้าอาจจะถูกเป่าหู และสั่งปลดตำแหน่งเจ้าลงมาเป็นอนุภรรยาแทนก็ได้ ถึงวันนั้นเจ้าจะมาโอดครวญภายหลังก็สายไปเสียแล้ว"

    หยางมี่เห็นสายตาที่มุ่งมั่นตั้งใจของคนทั้งสองก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา นางขอตัวเข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังของร้านคนเดียว ใช้เวลาไม่นานนางก็เดินออกมาด้วยท่าทีเขินอายอย่างไม่มั่นใจ

    มือเรียวเล็กยกมือขึ้นปิดหน้าอกที่ล้นทะลักออกมา จนเสื้อเกาะอกแทบจะปริแตก

    มนตราเห็นแล้วอดก้มมองสิ่งนั้นของร่างนี้ไม่ได้ เหตุใดสวรรค์ถึงไม่ประทานหน้าอกโคนมมาให้เธอบ้าง ในโลกเดิมเธอนั้นมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน แต่สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย...

    "สวยมาก! ต้องอย่างนี้สิถึงจะเหมาะกับเจ้า ยามอยู่กับสามีสองต่อสองเจ้าควรแต่งแบบนี้ให้เขาเห็นบ่อย ๆ นะ รับรองว่าว่านหลงต้องหลงภรรยาเอกเช่นเจ้าหัวปักหัวปำแน่นอน"

    มนตราเองก็เปลี่ยนชุดแล้วเช่นเดียวกัน แต่เปลี่ยนเป็นชุดสาวใช้แทน ด้วยรูปร่างของเธอในตอนนี้ไม่เหมาะกับการแต่งสวยสักนิด หากแต่งออกมามันคงดูเหมือนพยายามมากเกินไป อาจกลายเป็นตัวตลกในสายตาผู้อื่นให้เขาหัวเราะเยาะเอาได้ ยามนี้ชุดสาวใช้นั้นนับว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว

    "จางหมินข้ารู้ว่าเจ้ามีร้านลับที่ไปบ่อย ๆ พาพวกข้าไปได้หรือไม่"

    จางหมินทำเป็นไม่รู้เรื่องที่หญิงสาวพูดจึงไม่ตอบกลับไป

    คราแรกมนตราตั้งจะพาสหายคนใหม่ไปหอนางโลม แล้วให้แม่เล้าที่นั่นช่วยจัดหาชายหนุ่มมาให้

    แต่คิดดูอีกทีเมื่อมีหอนางโลมสำหรับบุรุษและสตรีแล้ว ก็ต้องมีหอนายโลมสำหรับบุรุษตัดแขนเสื้อบ้างสิ ถึงจะไม่ได้เปิดเผยให้คนนอกรับรู้ แต่มันต้องมีคนกล้าเปิดกิจการนี้บ้างแหละ

    มนตราส่งยิ้มหวานให้ เขาคิดว่าเธอจับโกหกเขาไม่ได้หรือ..

    "พาข้าไปหน่อยเถิด ข้าไม่แจ้งทางการให้ไปปิดแหล่งเที่ยวกลางคืนของเจ้าหรอก ข้าแค่อยากไปเปิดหูเปิดตาบ้างเท่านั้นเอง"

    จางหมินถูกหญิงสาวทั้งออดอ้อนแกมข่มขู่ไปในตัว เขาถอนหายใจยาวยอมพาพวกนางทั้งสองไปร้านประจำของตนเอง

    "ข้าเตือนไว้ก่อน พวกเขาไม่หลับนอนกับสตรี อย่างมากสุดทำได้แค่ช่วยรินเหล้าป้อนอาหารเอาใจให้พวกเจ้าได้เท่านั้น"

    มนตราตบหลังจางหมินราวกับเป็นเพื่อนที่คบหามานานอย่างลืมตัว

    "ข้ายังไม่ถึงวัยปักปิ่นยังไม่คิดจะเสียพรหมจรรย์ให้ใคร แค่พวกเขายอมร่วมมือด้วยก็ถือเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงแล้ว

    เมื่อตกลงกันเรียบร้อย จางหมินก็พาทั้งสองสาวขึ้นรถม้าไป หยางมี่ตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ มนตราต้องช่วยกุมมือนางเอาไว้

    "สู้หน่อยสิ หากผ่านวันนี้ไปได้คู่ชีวิตของเจ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวงเชียว..อย่าลืมที่ข้ากำชับไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าอย่าไปยอม"

    ทางด้านว่านหลงเขากำลังหลงทาง รู้สึกว่าตนขี่ม้าผ่านมาทางนี้หลายรอบแล้ว แต่คนของเขาบอกมาว่าสตรีสองนางเดินทางมาเส้นทางนี้

    แต่นี่เวลาผ่านมาหนึ่งชั่วยามแล้ว แม้แต่เส้นผมของภรรยาเขายังไม่เห็นแม้แต่ปลายเส้นผม ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกนางจะทำอะไรกันไปแล้วบ้าง

    มนตราและเหล่าสหายเดินทางมาถึงร้านลับของจางหมินแล้ว ภายในร้านมีบุรุษเปลือยท่อนบนเดินออกมาต้อนรับแขก แต่เมื่อเห็นเป็นสตรีก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

    "นายท่านจางหมินพาพวกนางมาทำไมหรือขอรับ"

    ก่อนจางหมินจะเอ่ยตอบ มนตราก็เป็นฝ่ายตอบแทน นางให้เงินบุรุษตรงหน้าคนละหนึ่งตำลึงทอง แลกกับการให้ทำอะไรบางอย่าง เหล่าชายหนุ่มไม่สงสัยอะไรอีก เปลี่ยนมาเป็นต้อนรับแขกอย่างดี

    จางหมินปลีกตัวไปคุยกับเจ้าของร้าน ส่วนมนตราเดินตัวปลิวไปเปิดห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดและแพงที่สุดของร้านแล้ว

    เธอออกเงินให้ก่อน เดี๋ยวค่อยไปเรียกเก็บจากว่านหลงทีหลัง

    ทหารหญิงถูกมนตราหว่านล้อมให้ร่วมแผนการด้วย และยังบอกอีกว่าให้ชี้ทางใต้เท้าฉู่ให้เขารู้ว่าพวกนางอยู่ที่ไหน

    ใต้เท้าฉู่ได้เบาะแสก็ไม่รอช้า รีบเร่งฝีเท้าม้าวิ่งเข้าตรอกลับไปทันที

    ทางด้านมนตรากำลังนั่งกินขนมที่ทางร้านจัดเตรียมเอาไว้ให้ เธอสั่งให้พวกเขาใส่ยาปลุกกำหนัดชนิดเจือจางที่สุดใส่ไว้ในจอกชาของหยางมี่ โดยหวังว่ายามที่นางไม่มีสติ ความกล้าหาญในจิตใต้สำนึกจะออกมาดูโลกเสียที

    สตรีย่อมมีเงามืดซ่อนอยู่ภายในใจทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าจะปล่อยให้พวกมันออกมาหรือไม่ก็เท่านั้นเอง

    ว่านหลงมาถึงยังไม่ทันเข้าร้านก็ถูกบุรุษเปลือยท่อนบนขวางทางเอาไว้

    "หยางมี่เจ้าออกมาเดี๋ยวนี้นะ!"

    ว่านหลงสู้แรงคนมากมายไม่ไหวยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก จึงตะโกนเรียกภรรยาเสียงดัง แขกในร้านไม่แตกตื่นเพราะได้รับการแจ้งล่วงหน้าจากหลงจู๊แล้วว่าจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นให้ชม

    เสียงของว่านหลงดังมาถึงชั้นสาม ห้องที่สองสาวนั่งอยู่หยางมี่ได้ยินเสียงสามีแต่ก็ไม่นึกสนใจเขา นางทำตามแผนการโดยสั่งให้นายโลมนอนบนตัก ส่วนอีกคนให้โอบไหล่นางไว้แล้วให้เขาคอยป้อนองุ่นเข้าปากตนเอง

    มนตราไม่ได้เป็นคนสั่งให้นางทำเช่นนี้ นางทำของนางเองแต่ดูเหมือนว่ายาจะทำงานได้ดีทีเดียว

    "ปล่อยให้เขาเข้ามา"

    มนตราเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ในห้องพร้อมแล้ว จึงสั่งให้คนปล่อยสามีทึ่มของสหายเข้ามา

    ว่านหลงวิ่งตามหลงจู๊ไปติด ๆ เขาร้อนใจจนแทบจะอุ้มหลงจู๊วิ่งอยู่แล้ว

    ปัง!

    ประตูถูกถีบออกอย่างแรง ภาพที่ว่านหลงเห็นสิ่งแรกคือภรรยาของตนใส่ชุดเปิดเผยเนื้อหนังกำลังแอบอิงกับอกบุรุษอ้าปากรับองุ่นที่เขาป้อนให้

    "หยางมี่เจ้า!"

    ว่านหลงหมายจะเดินเข้ามาในห้องดึงตัวภรรยาออกมาแต่นางไม่ยอม

    "จับตัวเขาไว้"

    ทหารหญิงที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเข้ามาจับสองแขนคุมตัวเขาเอาไว้

    หยางมี่ใช้หางตาปรายตามองสามี..

    "ทำไมเล่า ท่านโกรธข้าหรือที่ข้าทำเช่นนี้..ท่านคงลืมไปแล้วว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาท่านปล่อยให้บรรดาอนุภรรยาทำตัวหยาบคายต่อหน้าข้านับครั้งไม่ถ้วน ท่านรู้สึกเจ็บใจบ้างหรือไม่เจ้าคะท่านพี่..แต่ข้าเจ็บทุกครั้งที่เห็นภาพบาดตาเหล่านั้น ข้าเจ็บที่ต้องเห็นสามีร่วมหลับนอนกับสตรีอื่นตรงหน้า ท่านไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของข้าเลย"

    ว่านหลงยืนอึ้งไปแล้ว และใช่เขารู้สึกเจ็บในใจยามเห็นภาพบาดตา..แต่ไม่คาดคิดว่าภรรยาจะอดทนมาได้หลายปีเช่นนี้

    "เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกข้าเล่า"

    หยางมี่ฟังแล้วนึกโกรธจึงตะคอกกลับเสียงดัง

    "ท่านเคยให้โอกาสข้าพูดหรือไม่! ยามพวกนางมาฟ้องท่านว่าข้ารังแก ท่านก็มาเอาเรื่องข้าให้พวกนางสบายใจ ทั้งที่ข้าไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับใคร มีแต่ข้าที่ถูกรังแก เหตุใดข้าต้องเป็นคนผิดอยู่เสมอด้วยเล่า ทำไม!"

    มนตราเห็นท่าไม่ดีจึงพาทุกคนออกมาด้านนอก ก่อนจะผลักให้ว่านหลงเข้าไปด้านใน ให้สองสามีภรรยาได้คุยปรับความเข้าใจกันส่วนตัว

    "พวกเจ้าไปรับแขกคนอื่นเถิด ทางนี้ไม่มีอะไรให้พวกเจ้าทำแล้ว"

    "ขอรับ"

    เหล่านายโลมต่างพากันยิ้มตบก้อนทองในกระเป๋ากางเกง

    เพียงเท่านี้ก็คุ้มแล้วไม่ต้องเสียตัวกลับได้เงินมาตั้งหนึ่งตำลึงทอง

    เห็นคนเดินจากไปกันหมดแล้ว มนตรานึกอยากรู้ว่าด้านในห้องนั้นสถานการณ์ไปถึงไหนแล้ว นางใช้หูแนบกับประตูโดยไม่มีใครเห็น จากที่ฟังดูแล้วเหมือนหยางมี่จะเป็นต่อกว่า

    "แม่นางยามนี้ดึกนัก ได้เวลากลับจวนแล้ว"

    มนตราไม่อยากให้บิดาเป็นห่วงจึงยอมกลับแต่โดยดี ไม่ลืมฝากให้จางหมินช่วยเป็นหูเป็นตาแทนตนว่า ห้ามให้ว่านหลงทำร้ายภรรยาเด็ดขาด


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×