คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ลูกข้าใครอย่าแตะ
บทที่ 22 ลูกข้าใครอย่าแตะ
วิญญาณที่ตายด้วยเหตุไฟไหม้ กลับมาอยู่ในสภาพที่ดีเมื่อได้รับบุญจากฟางเหนียง ที่นั่งกรวดน้ำให้ต่อหน้าพวกเขา
นานมากแล้วที่ไม่ได้รับแสงวิญญาณบริสุทธิ์เช่นนี้ อาการแสบร้อนจากบาดแผลที่ถูกแส้หวายอาคมตีก็หายไปแล้วเช่นเดียวกัน
ฟางเหนียงพนมมือท่วมหัวหลังกรวดน้ำเสร็จ นางหันกลับมามองสำรวจดวงวิญญาณ ดูจากชุดแล้วส่วนใหญ่เป็นคนงาน ส่วนเจ้านายเท่าที่ดูด้วยตาเปล่าแล้วไม่น่าจะมี
สภาพเสื้อผ้าของแต่ละคนขาดวิ่นเหมือนตอนตาย
อ่า...ก่อนจะทำบุญให้คนนอก เช่นนั้นหาเงินมาซื้อเสื้อผ้าให้ผีในบ้านก่อนดีกว่า
“อะแฮ่ม ใครในที่นี้ใหญ่สุดยกมือขึ้น”
เหล่าดวงวิญญาณพร้อมใจกันชี้นิ้วไปที่นายบำเรอหนุ่มทันที นาทีนี้หากมีใครต้องแตกสลายก็สมควรเป็นเขา เพราะเขาเป็นคนยุยงให้ดวงวิญญาณทั้งนอกและในเล่นงานครอบครัวของฟางเหนียง
หญิงสาวมองสำรวจวิญญาณนายบำเรอหนุ่ม เขาเป็นผีตัวเดียวที่มีเสื้อผ้าหรูหราสวมใส่ เป็นเพราะตอนที่ตายใหม่ ๆ คนรู้จักได้ทำบุญส่งมาให้ เขาจึงใส่ชุดนี้มานานมาก ๆ และไม่คิดอยากจะเปลี่ยนด้วย
“เจ้าไม่พอใจอะไร ไหนพูดมา ในเมื่อมีโอกาสให้อธิบายแล้ว ก็อย่าเล่นตัวนักเลย ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยข้าเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้แล้ว”
ฟางเหนียงเกลียดจริตจะก้านของนายบำเรอหนุ่มเสียเหลือเกิน ท่วงท่าของเขาอ่อนหวานนุ่มนวลราวกับอิสตรี ยิ่งตอนชายตามองมาที่ข้า จริตช่างน่าโดนตบเสียจริง
“ข้าไม่อยากให้เจ้าอยู่ที่นี่!”
ผีนายบำเรอตะคอกกลับมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ซื้อที่ดินคืนไปสิ จ่ายมาหนึ่งพันตำลึงทอง”
“นี่เจ้า! อย่าคิดว่าข้าไม่เห็นนะว่า เจ้าซื้อที่ดินผืนนี้ไปเท่าไหร่ มันไม่ถึงจำนวนที่เจ้าเรียกข้าด้วยซ้ำ”
ฟางเหนียงยักไหล่ทำท่ากวนบาทาใส่ผีนายบำเรอ ที่โกรธจนผมเผ้าชี้ฟูเตรียมแสดงอิทธิฤทธิ์ ให้ใครบางคนได้เห็นนั่นก็คือตัวนางเอง
“ช่วยไม่ได้ อย่างไรที่ดินมันก็มีราคาขึ้นลง ตามความพึงพอใจของเจ้าของที่ว่าจะขายราคาเท่าไหร่ จะขายทั้งทีก็ต้องเอากำไรไม่ใช่หรือ? นี่มันที่ดินในเมืองเชียวนะ”
“เจ้า!”
“เอาละ สิ่งที่เจ้าขอมันเป็นไปไม่ได้ จะมาไล่กันได้อย่างไรเล่า ข้าต่างหากที่เป็นใหญ่ ณ ผืนดินแห่งนี้ ต่อให้เจ้าจะเป็นผีที่ตายและอยู่มานานก็ตาม ต้องเชื่อฟังข้าสิ”
“เอาเช่นนี้ ข้ามีข้อเสนอให้กับพวกเจ้า หากจะอยู่ก็อยู่ต่อได้ แต่ต้องคอยช่วยกันสอดส่องดูแลความปลอดภัยให้ข้า ห้ามให้คนนอกรุกรานเข้ามา หากทำได้ข้าจะแบ่งพื้นที่ป่าไผ่ทางด้านนั้น ให้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกเจ้าโดยเฉพาะ”
“ว่าอย่างไรข้อเสนอของข้าน่าสนใจหรือไม่เล่า?”
ผีทุกตัวจับกลุ่มเอาหัวชนกัน เพื่อปรึกษาว่าควรรับข้อเสนอดีหรือไม่ สตรีนางนี้โหดร้ายมากนางไม่เกรงกลัวอะไรเลย มีอย่างที่ไหนถือเจ้าสิ่งแปลกประหลาดนั่นไล่ตีผี
ตายมานับสิบปีเพิ่งจะเคยเจอสตรีใจกล้าเช่นนี้ แต่ถ้ายอมรับข้อเสนอของนาง หนทางไปเกิดใหม่ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม
ไหนจะแสงสีขาวที่นางมอบให้ เหมือนได้เติมเต็มอะไรบางอย่าง อย่างน้อยก็ดีกว่าไปเป็นสมุนนายบำเรอของเจ้านายเก่า
วิญญาณตนนี้น่าตายซ้ำนัก! ริอ่านพาเหล่าวิญญาณทำชั่วหลอกหลอนคนไปทั่วจนไม่ได้ผุดได้เกิด ทั้งยังถูกผู้คนเหล่านั้นสาปแช่งอีก
“ข้าว่าพวกเราควรรับข้อเสนอของนางนะ”
“ข้าเห็นด้วย”
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว วิญญาณทุกตนก็ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า จะทำตามที่ฟางเหนียงบอก คือจะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุข ขอเพียงอย่างเดียวคือช่วยทำให้พวกเขาได้ไปเกิดใหม่ก็พอ
“เอาละ ข้าจะพยายามทำบุญให้พวกเจ้าบ่อย ๆ ทุกครั้งหลังจากทำบุญจะนึกถึงพวกเจ้าก็แล้วกันนะ ตอนนี้ก็แยกย้ายไปพักเถอะ นั่งตากแดดนานแล้ว ส่วนเจ้ากับข้าเรายังมีเรื่องต้องสะสางกันอยู่!”
ผีนายบำเรอมองตาขวางใส่วิญญาณตนอื่น ที่ทอดทิ้งเขาไปร่วมมือกับฟางเหนียง
หญิงสาวหันกลับมาสนใจผีตัวเดียวที่เหลืออยู่ ตั้งใจลากเขาไปคุยกันให้เข้าใจที่มุมมืด เกรงว่าหากถูกแดดนาน ๆ เขาจะตายอีกรอบเอาได้
ทว่าในระหว่างที่กำลังเอื้อมมือคว้าจับตัวเขา ความทรงจำของนายบำเรอหนุ่มก็พุ่งเข้าใส่ฟางเหนียงอย่างจัง
ในอดีตเขาเป็นเพียงบุตรพ่อค้า ที่ช่วยบิดาขายของในทุกวัน ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นร้านค้าข้าวขนาดใหญ่ของบุตรชายนายอำเภอในสมัยนั้น
ทุกครั้งที่คุณหนูใหญ่จากจวนเศรษฐีตระกูลมู่มาหาคู่หมั้นหนุ่ม ก่อนกลับนางมักจะแวะเวียนมาซื้อของที่ร้านของเขาเป็นประจำ
ชายหนุ่มทำหน้าที่ของตนดั่งเช่นทุกวัน แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าสายตาที่อีกฝ่ายมองตนอยู่ทุกวันนั้น แฝงไปด้วยความหมายใด
จนวันหนึ่งกิจการของบิดาเกิดปัญหา ต้องการใช้เงินก้อนใหญ่อย่างเร่งด่วน คุณหนูใหญ่ที่แต่งงานไปแล้ว จึงส่งคนของนางมาติดต่อเขาให้ไปหาที่จวนสกุลเดิมของนาง หรือจวนของเศรษฐีตระกูลมู่
นางเสนอให้เขามาเป็นนายบำเรอลับ ๆ ของนาง แลกกับนำเงินไปช่วยฟื้นฟูกิจการของบิดา
เขาต้องอาศัยอยู่ที่จวนสกุลเดิมของนาง เพื่อไม่ให้สามีของนางจับได้ ส่วนคนในจวนก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นว่า คุณหนูใหญ่ทำสิ่งใด เพราะทุกคนต่างมีเรื่องสกปรกของตัวเองที่ซ่อนไว้เช่นเดียวกัน
นางใจกล้านักที่เลี้ยงชายชู้ไว้ที่จวนสกุลเดิม
ชายหนุ่มเองก็มองไม่เห็นหนทางอื่น นอกจากขายตัวเองให้กับคุณหนูใหญ่ รอคอยให้นางมาหาอยู่ที่เรือนของนาง
จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต...
เขาปกป้องนางด้วยชีวิตของเขา สั่งให้นางหนีไปส่วนเขากวัดแกว่งดาบสู้กับกลุ่มโจรจนตัวตาย ถูกไฟคลอกเผาร่างไม่เหลือแม้แต่กระดูก กลายเป็นขี้เถ้าถูกลมพัดปลิวลอยไปตามลม
ความสัมพันธ์ไม่ได้เริ่มต้นจากความรัก แต่อยู่ด้วยกันนานวันเข้า ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นขาดความรัก และต้องการหาใครสักคนมาเติมเต็มมันก็เท่านั้น
จากเดิมที่ไม่รู้สึกอะไรนอกจากอยากใช้หนี้บุญคุณ ก็เกิดเป็นความรักขึ้นมา เขาเฝ้ารอนางมาโดยตลอด และเชื่อมั่นว่านางยังไม่ตาย เพราะหากนางตายกลายเป็นวิญญาณอย่างไรก็คงได้เจอกัน
เฮือก!
ฟางเหนียงสะดุ้งหอบหายใจเฮือกใหญ่ เหงื่อโทรมกาย หลังจากรับความทรงจำและความรู้สึกของอีกฝ่ายมา
เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงยังไม่ไปไหน เพราะรอคอยใครอยู่นี่เอง
โธ่ พี่ผีผู้น่าสงสาร รักเขาอะไรขนาดนั้น
“เป็นอะไรของเจ้า?”
ผีนายบำเรอสะบัดมือออกอย่างรังเกียจ เขาไม่มีวันยอมให้มนุษย์หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่แตะต้องเนื้อตัวเด็ดขาด
อีกอย่างฟางเหนียงก็สัมผัสตัวเขาไม่ได้อยู่แล้ว แต่เขายังไม่รู้ตัวว่าถูกฟางเหนียงอ่านความทรงจำไปเสียแล้วน่ะสิ
นางยืนหลับตาตัวสั่นเหมือนถูกวิญญาณแฝงร่าง เขามองดูแล้วก็ไม่เห็นมีผีร้ายที่ไหนเข้ามาสิงร่างของนาง
ฟางเหนียงจึงตั้งสติจ้องสบตากับผีนายบำเรอ
“เจ้ารอคอยคุณหนูใหญ่อยู่หรือ ข้าจะช่วยเจ้าตามหานางเอง”
ผีนายบำเรอตกใจที่ฟางเหนียงรู้เรื่องของเขา และเมื่อถูกสะกิดบาดแผลก็เผลออ่อนไหว จนยอมเปิดใจให้กับฟางเหนียง
เขานั้นทำอะไรไม่ได้ ไปไหนก็ไม่ได้ ต้องติดอยู่ในจุดที่ตนเองตาย มีทางเลือกเดียวเท่านั้นที่จะรับรู้เรื่องราวของคนภายนอก
คือต้องร่วมมือกับสตรีนางนี้
“ขอบใจเจ้ามากที่ยื่นมือช่วยเหลือข้า”
“ฮ่า ๆ ข้าเองก็ไม่ใช่คนดีนักหรอก”
รอยยิ้มของฟางเหนียงดูไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด นางไล่ให้ผีนายบำเรอไปหลบแดด ไว้ถึงช่วงเย็นค่อยออกมาหารือกันอีกครั้ง เพราะตอนนี้นางต้องรีบไปขายของแล้ว
ความคิดเห็น