ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #22 : ลูกข้าใครอย่าแตะ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 22 ลูกข้าใครอย่าแตะ

    วิญญาณที่ตายด้วยเหตุไฟไหม้ กลับมาอยู่ในสภาพที่ดีเมื่อได้รับบุญจากฟางเหนียง ที่นั่งกรวดน้ำให้ต่อหน้าพวกเขา

    นานมากแล้วที่ไม่ได้รับแสงวิญญาณบริสุทธิ์เช่นนี้ อาการแสบร้อนจากบาดแผลที่ถูกแส้หวายอาคมตีก็หายไปแล้วเช่นเดียวกัน

    ฟางเหนียงพนมมือท่วมหัวหลังกรวดน้ำเสร็จ นางหันกลับมามองสำรวจดวงวิญญาณ ดูจากชุดแล้วส่วนใหญ่เป็นคนงาน ส่วนเจ้านายเท่าที่ดูด้วยตาเปล่าแล้วไม่น่าจะมี

    สภาพเสื้อผ้าของแต่ละคนขาดวิ่นเหมือนตอนตาย

    อ่า...ก่อนจะทำบุญให้คนนอก เช่นนั้นหาเงินมาซื้อเสื้อผ้าให้ผีในบ้านก่อนดีกว่า

    “อะแฮ่ม ใครในที่นี้ใหญ่สุดยกมือขึ้น”

    เหล่าดวงวิญญาณพร้อมใจกันชี้นิ้วไปที่นายบำเรอหนุ่มทันที นาทีนี้หากมีใครต้องแตกสลายก็สมควรเป็นเขา เพราะเขาเป็นคนยุยงให้ดวงวิญญาณทั้งนอกและในเล่นงานครอบครัวของฟางเหนียง

    หญิงสาวมองสำรวจวิญญาณนายบำเรอหนุ่ม เขาเป็นผีตัวเดียวที่มีเสื้อผ้าหรูหราสวมใส่ เป็นเพราะตอนที่ตายใหม่ ๆ คนรู้จักได้ทำบุญส่งมาให้ เขาจึงใส่ชุดนี้มานานมาก ๆ และไม่คิดอยากจะเปลี่ยนด้วย

    “เจ้าไม่พอใจอะไร ไหนพูดมา ในเมื่อมีโอกาสให้อธิบายแล้ว ก็อย่าเล่นตัวนักเลย ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อยข้าเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้แล้ว”

    ฟางเหนียงเกลียดจริตจะก้านของนายบำเรอหนุ่มเสียเหลือเกิน ท่วงท่าของเขาอ่อนหวานนุ่มนวลราวกับอิสตรี ยิ่งตอนชายตามองมาที่ข้า จริตช่างน่าโดนตบเสียจริง

    “ข้าไม่อยากให้เจ้าอยู่ที่นี่!”

    ผีนายบำเรอตะคอกกลับมา

    “ถ้าอย่างนั้นก็ซื้อที่ดินคืนไปสิ จ่ายมาหนึ่งพันตำลึงทอง”

    “นี่เจ้า! อย่าคิดว่าข้าไม่เห็นนะว่า เจ้าซื้อที่ดินผืนนี้ไปเท่าไหร่ มันไม่ถึงจำนวนที่เจ้าเรียกข้าด้วยซ้ำ”

    ฟางเหนียงยักไหล่ทำท่ากวนบาทาใส่ผีนายบำเรอ ที่โกรธจนผมเผ้าชี้ฟูเตรียมแสดงอิทธิฤทธิ์ ให้ใครบางคนได้เห็นนั่นก็คือตัวนางเอง

    “ช่วยไม่ได้ อย่างไรที่ดินมันก็มีราคาขึ้นลง ตามความพึงพอใจของเจ้าของที่ว่าจะขายราคาเท่าไหร่ จะขายทั้งทีก็ต้องเอากำไรไม่ใช่หรือ? นี่มันที่ดินในเมืองเชียวนะ”

    “เจ้า!”

    เอาละ สิ่งที่เจ้าขอมันเป็นไปไม่ได้ จะมาไล่กันได้อย่างไรเล่า ข้าต่างหากที่เป็นใหญ่ ณ ผืนดินแห่งนี้ ต่อให้เจ้าจะเป็นผีที่ตายและอยู่มานานก็ตาม ต้องเชื่อฟังข้าสิ”

    “เอาเช่นนี้ ข้ามีข้อเสนอให้กับพวกเจ้า หากจะอยู่ก็อยู่ต่อได้ แต่ต้องคอยช่วยกันสอดส่องดูแลความปลอดภัยให้ข้า ห้ามให้คนนอกรุกรานเข้ามา หากทำได้ข้าจะแบ่งพื้นที่ป่าไผ่ทางด้านนั้น ให้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกเจ้าโดยเฉพาะ”

    “ว่าอย่างไรข้อเสนอของข้าน่าสนใจหรือไม่เล่า?”

    ผีทุกตัวจับกลุ่มเอาหัวชนกัน เพื่อปรึกษาว่าควรรับข้อเสนอดีหรือไม่ สตรีนางนี้โหดร้ายมากนางไม่เกรงกลัวอะไรเลย มีอย่างที่ไหนถือเจ้าสิ่งแปลกประหลาดนั่นไล่ตีผี

    ตายมานับสิบปีเพิ่งจะเคยเจอสตรีใจกล้าเช่นนี้ แต่ถ้ายอมรับข้อเสนอของนาง หนทางไปเกิดใหม่ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม

    ไหนจะแสงสีขาวที่นางมอบให้ เหมือนได้เติมเต็มอะไรบางอย่าง อย่างน้อยก็ดีกว่าไปเป็นสมุนนายบำเรอของเจ้านายเก่า

    วิญญาณตนนี้น่าตายซ้ำนัก! ริอ่านพาเหล่าวิญญาณทำชั่วหลอกหลอนคนไปทั่วจนไม่ได้ผุดได้เกิด ทั้งยังถูกผู้คนเหล่านั้นสาปแช่งอีก

    “ข้าว่าพวกเราควรรับข้อเสนอของนางนะ”

    “ข้าเห็นด้วย”

    หลังจากตัดสินใจได้แล้ว วิญญาณทุกตนก็ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า จะทำตามที่ฟางเหนียงบอก คือจะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุข ขอเพียงอย่างเดียวคือช่วยทำให้พวกเขาได้ไปเกิดใหม่ก็พอ

    เอาละ ข้าจะพยายามทำบุญให้พวกเจ้าบ่อย ๆ ทุกครั้งหลังจากทำบุญจะนึกถึงพวกเจ้าก็แล้วกันนะ ตอนนี้ก็แยกย้ายไปพักเถอะ นั่งตากแดดนานแล้ว ส่วนเจ้ากับข้าเรายังมีเรื่องต้องสะสางกันอยู่!”

    ผีนายบำเรอมองตาขวางใส่วิญญาณตนอื่น ที่ทอดทิ้งเขาไปร่วมมือกับฟางเหนียง

    หญิงสาวหันกลับมาสนใจผีตัวเดียวที่เหลืออยู่ ตั้งใจลากเขาไปคุยกันให้เข้าใจที่มุมมืด เกรงว่าหากถูกแดดนาน ๆ เขาจะตายอีกรอบเอาได้

    ทว่าในระหว่างที่กำลังเอื้อมมือคว้าจับตัวเขา ความทรงจำของนายบำเรอหนุ่มก็พุ่งเข้าใส่ฟางเหนียงอย่างจัง

    ในอดีตเขาเป็นเพียงบุตรพ่อค้า ที่ช่วยบิดาขายของในทุกวัน ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นร้านค้าข้าวขนาดใหญ่ของบุตรชายนายอำเภอในสมัยนั้น

    ทุกครั้งที่คุณหนูใหญ่จากจวนเศรษฐีตระกูลมู่มาหาคู่หมั้นหนุ่ม ก่อนกลับนางมักจะแวะเวียนมาซื้อของที่ร้านของเขาเป็นประจำ

    ชายหนุ่มทำหน้าที่ของตนดั่งเช่นทุกวัน แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าสายตาที่อีกฝ่ายมองตนอยู่ทุกวันนั้น แฝงไปด้วยความหมายใด

    จนวันหนึ่งกิจการของบิดาเกิดปัญหา ต้องการใช้เงินก้อนใหญ่อย่างเร่งด่วน คุณหนูใหญ่ที่แต่งงานไปแล้ว จึงส่งคนของนางมาติดต่อเขาให้ไปหาที่จวนสกุลเดิมของนาง หรือจวนของเศรษฐีตระกูลมู่

    นางเสนอให้เขามาเป็นนายบำเรอลับ ๆ ของนาง แลกกับนำเงินไปช่วยฟื้นฟูกิจการของบิดา

    เขาต้องอาศัยอยู่ที่จวนสกุลเดิมของนาง เพื่อไม่ให้สามีของนางจับได้ ส่วนคนในจวนก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นว่า คุณหนูใหญ่ทำสิ่งใด เพราะทุกคนต่างมีเรื่องสกปรกของตัวเองที่ซ่อนไว้เช่นเดียวกัน

    นางใจกล้านักที่เลี้ยงชายชู้ไว้ที่จวนสกุลเดิม

    ชายหนุ่มเองก็มองไม่เห็นหนทางอื่น นอกจากขายตัวเองให้กับคุณหนูใหญ่ รอคอยให้นางมาหาอยู่ที่เรือนของนาง

    จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต...

    เขาปกป้องนางด้วยชีวิตของเขา สั่งให้นางหนีไปส่วนเขากวัดแกว่งดาบสู้กับกลุ่มโจรจนตัวตาย ถูกไฟคลอกเผาร่างไม่เหลือแม้แต่กระดูก กลายเป็นขี้เถ้าถูกลมพัดปลิวลอยไปตามลม

    ความสัมพันธ์ไม่ได้เริ่มต้นจากความรัก แต่อยู่ด้วยกันนานวันเข้า ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นขาดความรัก และต้องการหาใครสักคนมาเติมเต็มมันก็เท่านั้น

    จากเดิมที่ไม่รู้สึกอะไรนอกจากอยากใช้หนี้บุญคุณ ก็เกิดเป็นความรักขึ้นมา เขาเฝ้ารอนางมาโดยตลอด และเชื่อมั่นว่านางยังไม่ตาย เพราะหากนางตายกลายเป็นวิญญาณอย่างไรก็คงได้เจอกัน

    เฮือก!

    ฟางเหนียงสะดุ้งหอบหายใจเฮือกใหญ่ เหงื่อโทรมกาย หลังจากรับความทรงจำและความรู้สึกของอีกฝ่ายมา

    เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงยังไม่ไปไหน เพราะรอคอยใครอยู่นี่เอง

    โธ่ พี่ผีผู้น่าสงสาร รักเขาอะไรขนาดนั้น

    “เป็นอะไรของเจ้า?”

    ผีนายบำเรอสะบัดมือออกอย่างรังเกียจ เขาไม่มีวันยอมให้มนุษย์หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่แตะต้องเนื้อตัวเด็ดขาด

    อีกอย่างฟางเหนียงก็สัมผัสตัวเขาไม่ได้อยู่แล้ว แต่เขายังไม่รู้ตัวว่าถูกฟางเหนียงอ่านความทรงจำไปเสียแล้วน่ะสิ

    นางยืนหลับตาตัวสั่นเหมือนถูกวิญญาณแฝงร่าง เขามองดูแล้วก็ไม่เห็นมีผีร้ายที่ไหนเข้ามาสิงร่างของนาง

    ฟางเหนียงจึงตั้งสติจ้องสบตากับผีนายบำเรอ

    “เจ้ารอคอยคุณหนูใหญ่อยู่หรือ ข้าจะช่วยเจ้าตามหานางเอง”

    ผีนายบำเรอตกใจที่ฟางเหนียงรู้เรื่องของเขา และเมื่อถูกสะกิดบาดแผลก็เผลออ่อนไหว จนยอมเปิดใจให้กับฟางเหนียง

    เขานั้นทำอะไรไม่ได้ ไปไหนก็ไม่ได้ ต้องติดอยู่ในจุดที่ตนเองตาย มีทางเลือกเดียวเท่านั้นที่จะรับรู้เรื่องราวของคนภายนอก

    คือต้องร่วมมือกับสตรีนางนี้

    “ขอบใจเจ้ามากที่ยื่นมือช่วยเหลือข้า”

    “ฮ่า ๆ ข้าเองก็ไม่ใช่คนดีนักหรอก”

    รอยยิ้มของฟางเหนียงดูไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด นางไล่ให้ผีนายบำเรอไปหลบแดด ไว้ถึงช่วงเย็นค่อยออกมาหารือกันอีกครั้ง เพราะตอนนี้นางต้องรีบไปขายของแล้ว

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×