ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #21 : ตงหยางน้อยเจอดี

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 21 ตงหยางน้อยเจอดี

    กลับมาถึงจวนฟางเหนียงก็ยังไม่สำรวจบริเวณโดยรอบ นางเดินข้ามผ่านธารน้ำมุ่งตรงไปสำรวจภายในจวนก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะชวนลูก ๆ ช่วยกันทำความสะอาดบางจุดก่อน คืนนี้ต้องมีที่ซุกหัวนอน!

    “เจ้าใหญ่เจ้ารองดูน้องด้วยนะลูก แล้วก็ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม เร่งมือสักนิดเราต้องออกไปขายไข่เต่าที่ปั้นไว้อีกนะ”

    “ขอรับท่านแม่”

    ทุกคนตื่นเต้นกับจวนหลังใหญ่ในตัวเมือง ที่มีพื้นที่กว้างขวางมาก เรือนรอบ ๆ ก็มีหลายหลังแต่ละหลังไม่เล็กเลย ทุกคนมัวแต่ดีใจจนลืมสังเกตน้องเล็กที่มีอาการแปลกไป

    ตอนที่อยู่ด้านในมิติเด็ก ๆ ไม่มีอะไรทำ ฟางเหนียงที่แอบงีบหลับไปครู่หนึ่งจึงลืมตาตื่น ทว่าตื่นขึ้นมาอีกทีพวกเด็ก ๆ ก็ได้พากันปั้นแป้งขนมไว้ถึงสามพันลูก ดูทรงแล้วหากขายไม่หมด ก็ต้องแจกแล้วงานนี้

    หญิงสาวเดินแยกตัวมาสำรวจครัวที่สร้างแยกกับจวนใหญ่ ขนาดครัวถือว่าใหญ่พอสมควร เป็นครัวของพวกคนมีเงินโดยแท้ พื้นที่กว้างขวาง มีหลายเตาเหมาะแก่การทำอาหารจำนวนมาก

    ส่วนเรือนย่อยก็มีอยู่สองหลังใหญ่กับอีกหนึ่งหลังเล็ก ที่น่าจะใช้เป็นพื้นที่เก็บฟืน

     ดูด้วยตาตอนแรกฟางเหนียงคิดว่ามีจวนแค่หนึ่งหลัง คือจวนหลังเล็กที่ข้ามสะพานไปก็เจอทันที แต่ที่ไหนได้มันคือสถานที่ไว้พักผ่อนมองดูน้ำไหลผ่านเฉย ๆ

    เพราะจวนที่ใช้อาศัยแท้จริงแล้วนั้น อยู่ด้านหลังป่าไผ่ต่างหาก พื้นที่ด้านนอกกับบริเวณจวนแบ่งแยกชัดเจน

    ความเป็นส่วนตัวให้คะแนนเต็มสิบส่วน มีต้นไผ่สูงลิ่วเป็นรั้วกั้นระหว่างเขตจวนกับเขตที่ดินด้านนอก และยังมีกำแพงธรรมชาติอย่างลำธารน้ำตื้นเท่าหัวเข่ากั้นอีกหนึ่งชั้น

    บรรยากาศภายในห้องครัววังเวง เพราะสภาพแวดล้อมไม่อำนวย หญ้าสูงจนรุกรานเข้ามาถึงภายในห้องครัว หากปรับปรุงวิสัยทัศน์ดี ๆ แล้วคงจะน่าอยู่ไม่น้อย

    ตลอดเวลาที่ฟางเหนียงทำความสะอาดห้องครัวอยู่คนเดียว นางรู้สึกเหมือนมีใครมาอยู่เป็นเพื่อน บรรยากาศภายในครัวเย็นยะเยือก ทุกครั้งที่มีลมพัดผ่าน นางมักจะได้กลิ่นเนื้อไหม้ลอยมาเตะจมูก

    จะบอกว่าเป็นเศษซากจากเหตุการณ์ไฟไหม้คงไม่ใช่ เพราะเวลาก็ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว กลิ่นไม่น่าจะแรงถึงเพียงนี้นะ

    โธ่เอ๊ย เป็นผีที่เฮี้ยนเหลือเกิน แดดจ้าเช่นนี้ยังออกมาหลอกมาหลอนกันได้ ยอมใจในความพยายามจริง ๆ

    มือก็ทำความสะอาดห้องครัวไป ปากก็พูดคุยกับผี เพื่อหาหนทางปรับตัวอยู่ด้วยกัน ฟางเหนียงไม่กลัว เพราะตอนนี้ตัวนางเองก็เหมือนเป็นวิญญาณดวงหนึ่ง ที่มาอาศัยสิงร่างคนอื่นเหมือนกัน

    “ข้าเองก็เคยผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่กลัวพวกเจ้าหรอก ที่แห่งนี้ข้าซื้อมาด้วยเงินของข้าเอง มันกลายเป็นของของข้าแล้ว จะมาหวงที่หวงถิ่นกันไปเพื่อสิ่งใดเล่า”

    “หากอยากได้บุญข้าจะทำให้เป็นประจำ แต่ไม่ทุกวันหรอกนะ คงทำเฉพาะวันที่ว่างจริง ๆ เท่านั้น แต่ในเมื่ออยากอยู่ต่อก็ต้องหลีกทางให้ข้า ต่างคนต่างอยู่เข้าใจหรือไม่”

    “ข้าเองก็เป็นหนี้เขาเหมือนกัน กู้ยืมเงินมาซื้อบ้าน ถ้าอยากเป็นใหญ่นัก ก็เอาเงินมาช่วยกันจ่ายหนี้สิ แล้วข้าจะยอมแบ่งอำนาจให้”

    หญิงสาวเงยหน้ามองอากาศ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็รู้สึกว่ามีลมพัดต้นไผ่แรงมาก จนเกือบกลายเป็นลมพายุขนาดย่อม

    เหมือนดวงวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ที่นี่ จะไม่ยินยอมให้ครอบครัวของฟางเหนียงอยู่ที่แห่งนี้ง่าย ๆ เสียแล้ว

    “ออกไปนะ!”

    ฟางเหนียงยังไม่ทันจะได้ไฟต์กับผี นางก็ได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากเรือนหลักที่ลูก ๆ ช่วยกันทำความสะอาดอยู่

    หญิงสาวไม่รอช้ารีบสาวเท้าวิ่งกลับไปหาลูกทันที ภาพที่เห็นเมื่อไปถึง ก็เจอบุตรชายคนเล็กร้องไห้ตัวสั่นอย่างหนักซุกอกพี่ชายอยู่ พี่ ๆ อีกสองคนก็ช่วยกันปลอบอยู่ไม่ห่าง

    “เกิดอะไรขึ้น!?”

    “ท่านแม่! น้องเล็กเป็นอะไรก็ไม่รู้ขอรับ เขาเดินไปเปิดหน้าต่างหลังจากนั้นก็วิ่งมากอดข้า เหมือนกำลังกลัวอะไรสักอย่าง หรือว่าจะเป็นวิญญาณของคนที่ตายอยู่ที่นี่”

    เซี่ยเหิงเองก็กลัวเหมือนกัน แต่เขานั้นเป็นพี่ชายคนโต จึงต้องปกป้องมารดากับน้อง ๆ ถึงได้นั่งทำใจดีสู้ผี มองไปตรงหน้าต่างจุดที่คาดว่าน้องชายน่าจะเจอดี

    “ไม่ต้องกลัว ที่แห่งนี้เป็นของเราแล้ว”

    ปัง!

    สิ้นเสียงของฟางเหนียงลมวูบใหญ่ก็พัดหน้าต่างดังสนั่น เด็ก ๆ กระโจนเข้าหามารดาด้วยความตกใจและหวาดกลัว

    ทว่าฟางเหนียงไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ความรู้สึกที่นางมีอยู่ตอนนี้คือความโกรธต่อผี ที่กล้ามาหลอกหลอนลูก ๆ ของนาง

    “ไม่พอใจอะไรก็มาพูดกับข้านี่ ถ้าเก่งมากนักเหตุใดถึงไม่แสดงตัวออกมาเล่า ตอนตายก็ได้ข่าวว่าเป็นผู้ใหญ่ เหตุใดมาคราวนี้ถึงหลอกแต่เด็กน้อยเล่า ไอ้ผีขี้ขลาด ออกมาสิ!”

    ครืด~ จู่ ๆ ก็มีเสียงเล็บขูดผนังด้านนอกดังรอบจวน เหล่าดวงวิญญาณที่ตายอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามาอยู่ จึงรวมพลังกันสร้างปาฏิหาริย์ให้มนุษย์ที่มีกายหยาบได้ประจักษ์

    [นายหญิง คุณชายน้อยมีพรมองเห็นเหล่าดวงวิญญาณเจ้าค่ะ พวกมันได้กลิ่นหอมจากตัวคุณชายน้อย และพยายามกัดกินดวงวิญญาณของเขา]

    “ฮะ?”

    [พวกมันอยากอาศัยร่างของนายน้อย แล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้งเจ้าค่ะ สถานการณ์ตอนนี้อันตรายมาก นายหญิงต้องตัดสินใจแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อ]

    “เสี่ยวไป่เจ้าทำอย่างไรก็ได้ให้ข้ามองเห็นผี ข้าขอแส้หวายลงอาคมกำราบผีของหลวงพ่อปลาฉลามด้วย อ้อ ขอยันต์กันผีสักแผ่นไม่ให้พวกมันเข้ามาในจวนได้!”

    ฟางเหนียงตัดสินใจจะออกไปไฟต์กับผีด้วยตัวเอง ในเมื่อคุยดี ๆ แล้วไม่ชอบ ก็ออกมาให้ข้าตีแต่โดยดีเถอะ ลูกข้าใครอย่าแตะ!

    [ข้าน้อยสามารถทำให้นายหญิงเห็นวิญญาณได้ แต่ได้ไม่นานนะเจ้าคะ พลังของข้ามีไม่มาก]

    “ไม่เป็นไร ข้าใช้เวลาไม่นานหรอก”

    ฟางเหนียงหยิบแส้หวายลงอาคม ที่ลอยอยู่กลางอากาศมาถือไว้ แล้วใช้ยันต์ติดไว้ตรงประตูทางเข้า ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงสีทอง แผ่รัศมีปกคลุมจวนทั้งหลังเอาไว้

    ด้านนอกมีภูตผีหน้าตาน่ากลัว พยายามทำลายม่านป้องกันเข้ามาด้านใน ทำให้ตอนนี้ไม่ใช่แค่ตงหยางน้อยคนเดียวที่มองเห็นผี ทุกคนในที่นี้ต่างมองเห็นเหมือนกันหมด

    เด็ก ๆ ตัวแข็งทื่อไปแล้ว เหลือแต่ฟางเหนียงที่จ้องสบตากับผีร้ายด้วยความอาฆาต

    คิดว่าโกรธเป็นคนเดียวรึไง!

    เหมือนเจ้าผีร้ายพยายามบอกฟางเหนียงเช่นนั้น

    “ผีหลอก!!”

    “หลับตาเสียถ้าไม่อยากเห็น พวกเจ้าอยู่ในนี้นะแม่จะออกไปด้านนอก”

    “ระวังตัวด้วยนะขอรับท่านแม่”

    ฟางเหนียงกำลังโกรธจัด ที่ถูกผีร้ายจ้องมองนางอย่างเหยียดหยามทางสายตา แล้วหันไปสั่งลูก ๆ ให้หลบอยู่ในจวนเพื่อความปลอดภัย

    พวกเขาเชื่อใจมารดา และคิดว่าผีน่ากลัวพวกนั้นไม่สามารถทำอะไรท่านแม่ได้อยู่แล้ว

    ก็ท่านแม่ตอนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าผีอีก

    ร่างอวบอ้วนเดินทะลุม่านกั้นออกไปเผชิญหน้ากับผีร้าย ไม่รอให้พวกมันพุ่งเข้าใส่ก่อน มืออวบอ้วนก็กำแส้หวายแน่น แล้วใช้แส้หวายไล่ฟาดดวงวิญญาณร้าย จนพวกมันเจ็บปวดลงไปดิ้นอยู่ที่พื้น บางตัวยังไม่วายมองเหยียดเพื่อนผีด้วยกันเองด้วย

    เจ้าตัวนั้นอ่อนแอยิ่งนักสงสัยเพิ่งตายได้ไม่นาน แพ้แม้กระทั่งมนุษย์หมูที่ดูไม่มีพิษมีภัย!

    “พวกเจ้าตายไปแล้วนะ รู้สึกเจ็บเป็นด้วยหรือ?”

    วิญญาณทาสนายบำเรอหนุ่มเลิกคิ้วถามบ่าวของตน ที่นอนกุมมือจุดที่โดนปลายแส้ฟาด เขาอ้าปากพะงาบ ๆ บอกให้เจ้านายของตนหนี  

    ปีศาจหมูผู้นี้มีของดี

    “ลองโดนดูเองสิ”

    ฟางเหนียงโผล่มาด้านหลังเขา แล้วใช้แส้หวายลงอาคมฟาดใส่เข้ากลางหลังดวงวิญญาณนายบำเรอหนุ่มเต็มแรง จนอีกฝ่ายกระอักเลือดทิพย์ออกมา ล้มหน้าทิ่มดินได้ลิ้มรสความเจ็บด้วยตัวเองจนหายสงสัย

    “พวกเจ้ามีกันเยอะนัก ข้าจะให้โอกาสอีกครั้ง ดวงวิญญาณที่ไม่เกี่ยวข้องกับที่ดินแห่งนี้จงหนีไปเสีย แล้วอย่าได้วนกลับมาอีก!”

    “แต่หากเจอบุตรชายข้าที่ใดก็ขอให้คุ้มครองเขา แล้วข้าจะทำบุญไปให้ พวกเจ้ารับบุญแล้วไปเกิดใหม่ดีกว่า อย่าได้มาแย่งชิงร่างกายลูกข้าอีก”

    “หากยังมีวิญญาณตนใด คิดร้ายต่อบุตรชายข้าเป็นครั้งที่สอง ข้าจะสาปแช่งพวกเจ้าไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีกเลย อยู่เป็นวิญญาณเช่นนี้ไปจนกว่าโลกจะแตกกันไปข้าง”

    วิญญาณที่ตามกลิ่นหอม ๆ มารีบสลายหายตัวไปทันที หลังจากถูกแส้หวายฟาดไปคนละทีสองที

    ซึ่งต่อให้โดนแค่ปลายแส้ ความเจ็บปวดก็แทรกซึมผ่านทุกอณูของดวงวิญญาณอยู่ดี พวกมันจะรู้สึกแสบร้อนเหมือนถูกไฟนรกแผดเผา เจ็บเสียจนนึกว่าต้องตายอีกครั้งเสียแล้ว

     วิญญาณบางดวงที่สมควรไปเกิดใหม่ ถูกพลังของแส้อาคมส่งไปเกิดสมใจ ส่วนวิญญาณร้ายที่ยึดติดกับสถานที่ตอนตายยังคงอยู่

    ฟางเหนียงไล่จับดวงวิญญาณ มารวมกันไว้ที่หน้าห้องครัวเตรียมคิดบัญชีทีเดียว วิญญาณนับร้อยดวงไม่มีใครกล้าหือกับฟางเหนียงอีก เพราะกลัวถูกแส้ในมือของนางตี ได้แต่นั่งคุกเข่ามองดินอย่างสงบเสงี่ยมท่ามกลางแดดร้อน ๆ

    ส่วนฟางเหนียงเดินไปหยุดอยู่ริมลำธาร แล้วใช้กระบอกไม้ไผ่ตักน้ำมาแผ่ส่วนบุญให้กับดวงวิญญาณทั้งหลาย ที่ถูกไฟจากแส้หวายอาคมเล่นงาน เพื่อให้ความเจ็บปวดทุเลาลง

    แต่หากยังกล้าคิดร้าย คิดย้อนกลับมาอีก ไฟจะกลับมาลุกโชนอีกครั้ง ความเจ็บปวดจะเพิ่มทวีคูณ หากไม่อยากเจ็บตัวอีกก็จงไปซะ!

    เฮ้อ~ ชีวิตหนอชีวิต เป็นสาวชาวบ้านแม่ลูกสี่อยู่ดี ๆ ทำไมข้าถึงกลายมาเป็นหมอผีไปได้เล่า ขออยู่อย่างสงบสุขสักวันเลยไม่ได้หรือ

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×