ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #20 : บ้านเช่าผีสิง

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 20 บ้านเช่าผีสิง

    “นี่เจ้ายังไม่พอใจอีกหรือ! ข้าพาเจ้าเดินดูจวนมาหลายที่แล้วนะ เงินค่าจ้างที่เจ้าให้มามันไม่คุ้มค่าเหนื่อยเลยสักนิด ทำข้าเสียเวลาจริง ๆ”

    แม่ค้าขายซาลาเปาบ่นอย่างหัวเสีย ที่มาเจอคนอย่างฟางเหนียง พานางเดินดูจวนมาหลายหลัง นางก็เอาแต่ต่อรองราคาจนเจ้าของบ้านเอาไม้ไล่ตี พอเจอหลังที่ราคาถูกใจ นางก็ไม่พอใจกับขนาดบ้านอีก

    พานางเดินมาเกือบครึ่งเมือง ดูจวนไปมากกว่ายี่สิบหลัง ก็ยังไม่มีหลังไหนถูกใจนางอีกหรือ?

    หญิงวัยกลางคนอยากจะระเบิดอารมณ์ใส่ฟางเหนียงเหมือนที่ทำกับลูกสะใภ้ที่บ้าน แต่ก็ไม่กล้าเพราะแค่เห็นหน้าฟางเหนียง ก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นคนแรงเหมือนกัน

    เอาแค่ขนาดตัวก็เสียเปรียบแล้ว เกิดตบตีกันขึ้นมาจริง แล้วถูกอีกฝ่ายใช้ร่างอวบอ้วนกระโดดทับ ข้าไม่ตายเลยหรือ?

    “แม่นางเจ้าเลือกมาสักหลังเถอะ ข้าต้องรีบกลับไปขายของต่อ”

    ฟางเหนียงเองก็อารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน อากาศก็ร้อน เดินนาน ๆ ก็เหนื่อย ยิ่งมาเจอนายหน้าตีมึนที่พาไปดูแต่จวนอะไรก็ไม่รู้

    พอไม่เอาก็ทำหน้าบึ้งใส่ หากคัดกรองตามสิ่งที่ข้าต้องการสักนิด ทุกอย่างมันก็ง่ายขึ้นแล้ว! นี่เล่นพาข้าไปแต่จวนหลังที่ดูแล้วน่าจะได้ค่านายหน้าเยอะ ไม่สนใจความต้องการของลูกค้า

    คิดว่าบ่นเป็นคนเดียวหรือ!?

    “ข้าบอกไปแล้วไงว่าข้าต้องการความเป็นส่วนตัว จวนที่ท่านพาข้าไปดูแต่ละหลังอยู่กลางชุมชนที่มีคนเยอะเกินไป เสียงดังเอะอะโวยวาย ซ้ำยังมีกำแพงสูงแค่เอวเด็กอีก”

    “ความเป็นส่วนตัวหรืออย่าได้ถามหา! หากท่านไม่อยากเสียเวลา เช่นนั้นมีจวนร้างให้ข้าดูหรือไม่เล่า หากถูกใจไม่แน่ข้าอาจจะซื้อก็ได้!”

    นายหน้าจัดหาบ้านในคราบแม่ค้าซาลาเปา เมื่อได้ยินความต้องการใหม่ของลูกค้า นางก็กลับมามีใจทำงานอีกครั้ง

    “มีจวนผีสิงเจ้าจะดูหรือไม่ หากครั้งนี้เจ้ายังไม่สนใจอีก เราสองคนก็แยกทางกันไปเถอะ! เชิญเจ้าไปหาคนอื่นได้เลย ข้าเหนื่อยกับเจ้าแล้ว”

    “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ถ้าจวนหลังที่ท่านกำลังพาไปไม่ถูกใจข้าอีก อย่าหวังจะได้เงินเพิ่มจากข้า!”

    นายหน้าขายบ้านเฉพาะกิจที่อยากได้ส่วนต่าง เดินนำฟางเหนียงพาเดินลัดเลาะผ่านชุมชน ผ่านป่า ข้ามสะพาน ข้ามแม่น้ำ แล้วมาหยุดอยู่ตรงกำแพงเมืองที่มีแต่ป่าไผ่

    สถานที่แห่งนี้คือจวนเก่าของเศรษฐีคนหนึ่ง ที่ถูกโจรปล้นฆ่ายกครัว ซ้ำคนร้ายยังลงมือจุดไฟเผาจนวอดเหลือแต่เศษซาก

    อดีตที่แห่งนี้เคยเป็นจวนหลังใหญ่แสนงดงาม แต่ยามนี้กลับกลายเป็นป่าไผ่น่าหวาดกลัว แม้จะเคยมีคนมาปลูกบ้านทับที่ แต่สุดท้ายอยู่ได้ไม่นานก็หนีหายไปเพราะถูกผีหลอก

    เพราะเหตุนั้นแม้จะติดป้ายประกาศขายมานับสิบปีแล้ว ก็ยังไม่มีใครซื้อต่อจากเขาเลย

    ฟางเหนียงมองดูสภาพแวดล้อม แถวนี้อยู่ติดมุมกำแพงเมืองพอดี ไม่มีเพื่อนบ้าน แต่มีลำธารตัดผ่าน มีพื้นที่กว้างขวาง ไม่คิดไม่ฝันว่าที่แห่งนี้คือจวนที่อยู่ในตัวเมือง

    ...บรรยากาศดีสุด ๆ

    ด้านหลังกำแพงยังมีภูเขาอีก ราคาต้องแพงมากแน่ ๆ

    “พื้นที่รกร้างเช่นนี้ คงไม่มีใครเข้ามาอยู่นานแล้วสินะ พี่สาวท่านช่วยบอกข้าที ที่แห่งนี้เจ้าของขายเท่าไหร่หรือเจ้าคะ น้องสาวคนนี้มีเงินไม่มากนัก หากพี่สาวช่วยข้าต่อรองราคาได้ เงินจำนวนนี้เป็นของท่านเจ้าค่ะ”

    เมื่อเจอจวนที่ถูกใจแล้ว ฟางเหนียงก็ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้อีก

    นางเหนื่อยแล้ว และต้องการบ้านหลังนี้มาก จึงรีบผูกมิตรกับอีกฝ่ายทันที จบงานแล้วอย่าได้เจอกันอีกเลย!

    แม่ค้าซาลาเปามองก้อนตำลึงเงินสองก้อนในมือของฟางเหนียง นางมีใจอยากช่วยขึ้นมาทันที ฟางเหนียงเองก็ไม่สนใจเงินที่ต้องเสียไป เพราะนางตั้งใจแล้วว่าที่ดินแห่งนี้จะสามารถทำเงินได้มากกว่าที่คิด

    คุ้มค่าต่อการลงทุน

    “ข้าไม่ปิดบังเจ้า ที่แห่งนี้มีประวัติไม่ดี ไม่มีใครกล้าอยู่เพราะผีดุมาก ข้าเกิดมาสามสิบกว่าปียังไม่เคยเห็นมีใครมาอยู่ที่แห่งนี้เลย เจ้าของก็อยู่ในหมู่บ้านข้างหน้านั่นแหละ ข้าจะพาเจ้าไปต่อรองราคาดู”

    “เจ้าของที่ว่า ใช่คนที่กำลังเดินมาหรือไม่?”

    ฟางเหนียงชี้นิ้วไปด้านหลังแม่ค้าซาลาเปา มีชายชราเดินถือไม้เท้ามุ่งตรงมาทางนี้ เขาดูกล้า ๆ กลัว ๆ อย่างไรก็ไม่รู้ ตลอดทางเอาแต่หันมองไปรอบ ๆ และทุกครั้งที่มีลมพัดผ่าน เขาก็เกือบลืมอายุโยนไม้เท้าหันหลังวิ่งหนีกลับไปแล้ว

    หญิงวัยกลางคนหันกลับไปดู พอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร นางก็รีบวิ่งเข้าไปประคองทันที เจ้าของที่ดินก็เป็นเครือญาติห่าง ๆ กับนางเอง

    “ใช่แล้ว ๆ ท่านลุงข้าพาคนมาดูบ้านเจ้าค่ะ นางกำลังหาจวนเช่า แต่ถ้าสู้ราคาไหวนางพร้อมซื้อจวนนี้นะเจ้าคะ”

    ชายชราปฏิเสธการประคองจากหลานสาวนอกไส้ อีกฝ่ายมีนิสัยอย่างไรมีหรือเขาจะไม่รู้ สิ่งที่เขาสนใจมีเพียงสตรีอวบอ้วนที่สนใจซื้อที่ดินของตนต่างหาก ถึงได้กลับมาเหยียบที่ดินผีสิงแห่งนี้อีกครั้ง

    “หมู่ละสิบตำลึงทอง แม่นางสู้ไหวหรือไม่ ทั้งหมดมียี่สิบห้าหมู่”

    ฟางเหนียงยิ้มด้วยใบหน้าใสซื่อ พยายามทำตัวให้เป็นมิตรต่อสายตาของชายชรามากที่สุด

    ฟันที่ถูกฟอกมาอย่างดีตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา สะท้อนกับแสงอาทิตย์แยงตาให้ชายชราวิงเวียนไปครู่หนึ่ง การตัดสินใจเรื่องเงินของเขาจะได้ถดถอยลง

    ช่างเป็นการโจมตีที่แยบยลมาก

    “เสี่ยวไป่ ยี่สิบห้าหมู่นี่มันกี่ไร่กัน?”

    [ราว ๆ ยี่สิบห้าไร่เจ้าค่ะนายหญิง]

    ฟางเหนียงคิดคำนวณถึงส่วนได้ส่วนเสีย เงินสองร้อยห้าสิบตำลึงทองมันเยอะมากนะ แต่นี่มันก็ที่ดินในตัวเมืองเชียว มีกำแพงล้อมรอบบ่งบอกว่าอยู่ในเขตกำแพงเมืองจริง ๆ ไม่ใช่ที่ดินนอกกำแพงเมือง

    คิด ๆ ดูแล้วราคานี้คงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ย่านการค้าสำคัญ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด

    เอาละ ข้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อ!

    “สองร้อยสามสิบตำลึงทองขาดตัว! หากท่านรับได้กับราคานี้ข้าพร้อมจ่ายเจ้าค่ะ”

    [นายหญิงมีเงินหรือเจ้าคะ ท่านยังติดหนี้ข้าอยู่เลย]

    “ก็ขอยืมเจ้าเพิ่มอย่างไรเล่า”

    […]

    เสี่ยวไป่พูดไม่ออก เงินที่เจ้านายกู้ยืมไปยังไม่ได้คืนเลยแม้แต่อีแปะเดียว ตอนนี้นางคิดจะกู้ยืมเพิ่มอีกแล้ว

    เช่นนี้เบื้องบนจะอนุมัติหรือไม่นะ งานข้าช่างหนักหน่วงเสียจริง ขอยื่นซองขาวลาออกได้หรือไม่นะ ข้าก็เปรียบเหมือนพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งดี ๆ นี่เอง...

    ชายชราไม่คิดอะไรมาก เขาอยากขายบ้านและที่ดินแถวนี้ให้พ้นสายตาไป หากเป็นเมื่อก่อนราคานี้เขาไม่มีทางขายแน่ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องสองพันตำลึงทองขึ้นไป

    ทว่ายุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว บริเวณโดยรอบก็ไม่ใช่ย่านการค้าสำคัญอีกต่อไปแล้ว มันแทบจะกลายเป็นเขตรกร้าง ที่ถูกทางการหมางเมิน หวังว่าสักวันจะมีคนเข้ามาพัฒนาเขตแห่งนี้ ให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

    “ตกลง ข้าขายให้ในราคาที่เจ้าเสนอมา”

    ฟางเหนียงกำลังถูมืออวบอ้วนของตน เพื่อเตรียมต่อรองราคาอีกรอบถึงกับไปไม่ถูก ไม่คาดคิดว่าชายชราที่มีไฝเม็ดใหญ่ตรงปากจะว่าง่ายเช่นนี้

    นึกว่าต้องต่อรองราคาอย่างดุเดือดกันยกหนึ่งให้ ต่อรองราคาจนเส้นเสียงอักเสบกันไปข้าง

    หรือว่าวิธีฉีกยิ้มเห็นฟันสะท้อนแสง เพื่อลดทอนสติปัญญาของข้ามันจะใช้ได้ผลจริง ๆ

    อัจฉริยะเกินไปแล้วนะเรา หุ ๆ ๆ

    “เช่นนั้นก็ไปที่อำเภอทำเรื่องซื้อขายกันตอนนี้เลยเจ้าค่ะ เจ้าใหญ่เจ้ารองไปตัดไม้ไผ่เตรียมทำรั้วตรงที่ดินปากทางเข้า วันนี้เราทำไปแค่นี้ก่อน ไว้มีเงินค่อยทำกำแพงหินใหม่อีกรอบ”

    “ขอรับท่านแม่”

    [ติ๊ง! วงเงินกู้ยืมสองร้อยสามสิบตำลึงทองอนุมัติแล้ว นายหญิงติดหนี้ระบบเป็นจำนวนเงินทั้งหมดสามร้อยสามสิบตำลึงทอง จะถอนเลยหรือไม่เจ้าคะ?]

    “ถอนเลยสิ ข้าต้องรีบใช้เงินนี่ ขอถอนสองร้อยสามสิบตำลึงทอง”

    [เนื่องจากจำนวนเงินที่นายหญิงต้องการมีมูลค่าสูงเกินไป ระบบไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นก้อนตำลึงทองให้ได้ แต่จะมอบเป็นตั๋วเงินให้แทน]

    “ตั๋วเงินอะไรอีกเล่า มันคืออะไร?”

    [ระบบกำลังดำเนินจ่ายตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงทองจำนวนสองใบ และตั๋วเงินสิบตำลึงทองสามใบให้กับท่าน โปรดตรวจสอบและยืนยันการเบิกถอนได้เลยเจ้าค่ะ ตั๋วเงินอยู่ในแขนเสื้อของท่านแล้ว]

    ฟางเหนียงแอบทำเนียนหันหลังให้กับเจ้าของที่ดิน แล้วหยิบตั๋วเงินที่ว่าออกมาดู

    “อ๋อ หน้าตาของตั๋วเงินเป็นเช่นนี้นี่เอง เอาละ ยืนยันการถอนเงิน”

    [รับทราบเจ้าค่ะ]

    เมื่อได้เงินค่าซื้อจวนมาแล้ว ฟางเหนียงก็ไปที่อำเภอพร้อมกับชายชรา ใช้เวลาไม่นานชื่อเจ้าของที่ดิน ก็เปลี่ยนมาเป็นชื่อของฟางเหนียง

     แม่ค้าซาลาเปาได้ค่านายหน้าจากฟางเหนียงถึงสองตำลึงเงิน นางเดินยิ้มแก้มปริกลับไปแล้ว ส่วนชายชราได้เงินก้อนโต ก็รีบย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านนอกเมืองทันที

    เขาอยากหนีไปอยู่ให้ไกลจากจวนผีสิงให้เร็วที่สุด ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้สมัยหนุ่ม ๆ ทุ่มเงินทั้งหมดไปกับที่ดินอาถรรพ์เช่นนั้น

    แม้จะมีคนเคยเตือนแล้วเขาก็ไม่ยอมเชื่อ สุดท้ายเสียทั้งเงิน ทั้งที่อยู่ ทั้งที่ดิน ไม่มีเงินเหลือติดตัวต้องจำใจอยู่ที่หมู่บ้านเดิมต่อไป วันนี้ชีวิตของชายชราจึงเหมือนตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้ง

    ฟางเหนียงเดินกลับจวนพร้อมกับรอยยิ้มเช่นเดียวกัน ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีที่ดิน มีบ้านเป็นของตัวเองเร็วเช่นนี้  เช่นนั้นก็คงได้เวลาหาเงินแล้วสินะ สู้เว้ย!!

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×