ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #2 : ข้าไม่ได้อยากมีลูก!!

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 2 ข้าไม่ได้อยากมีลูก!!

    นี่ฉันมาทำอะไรที่นี่กันแน่ แล้วมี...ลูกเหรอ?

    คนอย่างมรกตไม่อยากมีลูกก่อนมีสามีหรอกนะ เอาผู้ชายมาให้ฉันสิ! ทำไมมาแค่ลูกล่ะ คนมันอยากมีผัวทำไมโชคชะตาไม่เข้าข้างกันบ้าง!

     แง~ แม่จ๋าหนูขอโทษนะที่สานฝันของแม่ ที่อยากเห็นหนูอยู่กับผู้ชายก่อนตายไม่ได้ แต่แม่น่าจะดีใจนะที่ได้หลานพร้อมใช้ อ้อ...ลูกหนูปากหมาเหมือนหนูเลยอะ หนูเข้าใจความรู้สึกของแม่แล้ว ฮือ ๆ

    “ท่านแม่ฟื้นแล้วหรือขอรับ”

    เสียงของเด็กชายตัวเล็กถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เอาจริง ๆ คือเบาเหมือนยุงบินผ่านก็ว่าได้ แสดงอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด มรกตก้มหน้ามองตามเสียง ก็เห็นเด็กชายวัยห้าหกขวบปี กำลังหลบอยู่ด้านหลังพี่ชายพลางกอดขาเขามองสำรวจมารดา

    ฮะ สามคนเลยเหรอ!

    “ท่านห้ามดุด่าน้องข้า ครั้งนี้ข้าไม่ยอมท่านอีกแล้ว”

    “อะไร...ฉันแค่มองยังไม่ได้พูดอะไรเลย เด็กนี่! เธอเก่งแต่จ้องจับผิดฉันนี่แหละ อย่ามาชวนทะเลาะเลย สรุปเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร แล้วฉันเป็นใคร ใครแม่ของพวกเธอกัน หวังว่าคงไม่ใช่ฉันหรอกนะ”

    “ใครอยากให้ท่านเป็นแม่ของพวกข้า ท่านคลอดพวกข้ามาอย่างเดียวเท่านั้น แต่ไม่เคยหาข้าวหาน้ำให้กิน มีของดีก็คอยแต่แอบเอามากินในห้องคนเดียวหมด ไม่สนเลยว่าพวกข้าต้องทนหิวโหยเพราะท่าน”

    “นี่ท่านตกน้ำจนความจำเสื่อมไปแล้วหรือ แต่นิสัยร้ายกาจยังคงอยู่สินะ ข้าทนไม่ไหวแล้ว หากท่านพ่อกลับมา ท่านเตรียมตัวกลับไปอยู่กับสกุลเดิมของท่านได้เลย!”

    มรกตยามนี้จำต้องอยู่ในสภาวะจำยอม หากไม่ยอมตอนนี้เจ้าเด็กปากเสียได้ทำอย่างที่พูดเป็นแน่

    ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเลยโว้ย! ความทรงจำของร่างนี้ก็ไม่มีให้เห็น ถ้าเลือกได้ฉันก็ไม่อยากอยู่ในร่างของนังหมูตอนนี่นักหรอก

    “ใจเย็น ๆ ก่อน ตอนนี้ฉันกำลังสับสน เลยอารมณ์ร้อนไปนิดหนึ่ง ขอโทษได้ไหมล่ะพ่อหนุ่ม แม้แต่ชื่อตัวเองตอนนี้ฉันยังจำไม่ได้ ถึงได้ถามเธอไง เข้าใจตรงกันนะ เรามาผูกมิตรกันก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งตีกันเลย”

    “ท่านน่าจะตกน้ำจนน้ำเข้าสมองกลายเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ คนชั่วเช่นท่านความจำเสื่อมได้อย่างไร น่าจะอยู่จดจำความชั่วที่ท่านทำไปตลอดชีวิตถึงจะถูก!”

    เซี่ยเหิงกัดฟันกรอด เขารู้สึกไม่ยุติธรรมที่สตรีผู้นี้จดจำอะไรไม่ได้เลย มีแต่เขาที่จดจำความเจ็บปวดทุกอย่างได้คนเดียว ตลอดสิบสี่ปีที่ผ่านมาเขาถูกนางทุบตีใช้งานเยี่ยงทาส ด่าทอเสีย ๆ หาย ๆ ต่อหน้าชาวบ้านและคนรักของเขา จนนางไม่อยากแต่งงานใช้ชีวิตด้วย เพราะกลัวแม่สามีข่มเหง จึงหนีไปแต่งงานกับบุรุษอื่นที่อยู่หมู่บ้านข้างเคียงแทน

    หากนางทำร้ายเขาคนเดียวเขาทนได้ แต่นางกลับยังไม่หยุดบ้า เอาแต่ทำร้ายน้อง ๆ ของเขาไม่รู้จบ

    ท่านพ่อของพวกเรานาน ๆ ทีถึงจะอยู่ติดบ้าน เพราะต้องเข้าป่าไปล่าสัตว์อยู่นานหลายเดือนเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว มีนางเพียงคนเดียวที่สุขสบาย เงินที่ท่านพ่อให้ก็นำไปปรนเปรอสกุลเดิมของนางจนหมด!

    “พี่ใหญ่ท่านใจเย็น ๆ ก่อน ท่านไปทำงานต่อเถอะ ข้าจะคุยกับท่านแม่เอง เจ้าสามไปดูน้องเล็กไป อย่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว

    มรกตฟังเด็กสองคนคุยกัน แล้วได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก

    เกือบถูกบุตรชายคนโตบ้านนี้ฆ่าแล้วไหมล่ะ!

    ดวงตาแดงก่ำที่จ้องมองมา ไหนจะมือใหญ่ที่กำหมัดแน่นพร้อมพุ่งเข้าใส่ทุกเมื่อ นี่ข้าเป็นแม่ของเขาจริง ๆ หรือ

    เจ้าของร่างทำอะไรไว้กันนะ ถึงทำให้เด็ก ๆ พวกนี้โกรธแค้นจนถึงขั้นไม่ไว้หน้ากันเช่นนี้ คนที่ต้องมารับกรรมแทนคือคนสวยตาดำ ๆ สงสารตัวเองที่มาเกิดผิดที่จริง ๆ ฮื่อ~

    เซี่ยเหิงฟังคำน้องชายแล้วเบือนหน้าหนี ก่อนจะเดินปึงปังกลับไปผ่าฟืนระบายอารมณ์โกรธภายในออกมา

    ที่บ้านคงมีฟืนใช้ได้นานหลายเดือนทีเดียว วัดจากอารมณ์กรุ่นโกรธแค้นของเจ้าเด็กคนนี้

    ส่วนซีซวนกลับไปที่ห้องแล้ว เพื่อไปดูแลน้องชายคนเล็กที่นอนหลับสนิทจากพิษไข้ แต่หลังจากดื่มยาไปแล้วอาการของเขาก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ

    ท่านแม่ทำผิดที่ไม่ยอมเจียดเงินค่ายาให้น้องเล็ก จนพี่ใหญ่ต้องไปคุกเข่าตากฝน ขอร้องให้ท่านหมอตงหยาเมตตาพวกตน และให้เขายอมมอบยารักษามาให้ก่อน หากบิดากลับมาเมื่อไหร่จะรีบนำเงินมาใช้คืนให้

    ท่านหมอตงหยานึกสงสารจึงให้ยามาถึงสามห่อ วันนั้นจึงทำให้น้องเล็กรอดพ้นจากความตายมาได้

    ก่อนกลับห้องของตนเอง ซีซวนมองมารดาอีกครั้ง ก็เห็นนางจ้องมองเขาอยู่พอดี เด็กชายตกใจกลัวจึงรีบวิ่งหนีไปเหมือนเจอผี

    มรกตยามนี้ยังไม่เห็นใบหน้าของตัวเอง แต่ก็คิดในใจว่าร่างนี้คงน่าเกลียดมาก ถึงทำให้เด็กคนนั้นตกใจกลัว จนวิ่งหนีไม่คิดชีวิตเช่นนั้น

    เฮ้อ~ เป็นคราวซวยของเราแล้วจริง ๆ ที่ได้มาอยู่ในร่างนี้

    ตงซิ่วเดินเข้ามาด้านในห้อง เขาเดินไปเปิดหน้าต่างออก ก็เห็นพี่ชายกำลังผ่าฟืนอยู่หลังบ้าน จึงตั้งใจปิดไว้เหมือนเดิมแต่มีเสียงห้ามก่อน

    “เปิดไว้ก่อนเถอะ หากเธออยู่กับฉันตามลำพังสองคน พี่ชายเธออาจจะเป็นห่วงได้ ให้เขาเห็นทุกอย่างนั่นแหละดีแล้ว

    ในเมื่อเลือกเกิดไม่ได้ ก็คงต้องทำใจปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เรื่องเลวร้ายที่นังหมูตอนนี่ทำไว้ เราคงหนีไปไหนไม่ได้ นอกจากหาทางแก้ไขเรื่องบ้า ๆ นี่ให้มันจบไป ประวัติจะได้กลับมาขาวสะอาดดังเดิม

    อย่างน้อย ๆ ก็ให้เด็กพวกนี้มองว่าเราเป็นคนบ้างเถอะ ไม่ใช่มองเหยียดหยามทำเหมือนเราเป็นตัวเชื้อโรค

    ตอนนี้มรกตพอรู้คร่าว ๆ แล้วว่าตัวเธอตอนนี้อยู่ที่ไหน ดูจากชุดและการพูดจาของเด็กพวกนี้แล้ว เธอน่าจะมาอยู่ในยุคจีนโบราณ หรือไม่ก็ยุคสมัยโชซอน ดีนะที่เราดูซีรีส์ต่างชาติเยอะยิ่งแนวย้อนยุคนี่ชอบเลย

    ก็แหม...ผู้ชายในจอมันน่ากินดีนี่นา

    “นี่ ๆ ไม่ต้องนั่งบนที่นอนหรอกมันสกปรก เดี๋ยวชุดจะเปื้อนเอานะ ยืนคุยกันนี่แหละดีแล้ว”

    ตงซิ่วทำตามที่มารดาบอกแต่โดยดี ด้วยความไร้เดียงสาและไม่คิดเยอะเหมือนพี่ชาย เขาจึงเชื่อว่านางจำอะไรไม่ได้จริง ๆ

    เพราะหากเป็นเมื่อก่อน นางคงไม่มานั่งพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นนี้ เจอหน้ากันทีไรก็มีแต่ดุด่าเขาตลอด ไม่เคยพูดดีด้วยสักครั้ง

    “ท่านแม่จำอะไรไม่ได้จริง ๆ หรือขอรับ”

    “จริงร้อยเปอร์เซ็นต์จ้ะ

    “ข้าก็ว่า...คำพูดคำจาของท่านฟังแล้วแปลกหูพิกล ท่านแม่ลืมวิธีการพูดไปด้วยหรือขอรับ”

    “ใช่แล้ว ๆ เอ่อ...ฉันลืมไปหมดทุกอย่างเลย ตะ...แต่ฉันไม่ได้โง่นะ ยังมีความคิดเป็นของตัวเองอยู่ ใช้ชีวิตประจำวันได้หายห่วงเลย แล้วนี่เธออายุเท่าไหร่เหรอ?”

    ตงซิ่วฟังแล้วคิดประมวลผลอย่างรวดเร็ว ถึงแม้คำพูดของมารดาจะฟังดูแปลก ๆ ชอบกล แต่ก็ยังพอจับใจความสำคัญได้บ้าง

    “ข้าอายุสิบสองขวบปีขอรับ”

    “หืม ยังเด็กอยู่เลยนี่ แต่ตัวโตนะเรา ฉันนึกว่าอยู่มัธยมปลายเสียอีก ว่าแต่ที่นี่มันที่ไหนเหรอ? แล้วฉันเป็นอะไรกับคนในบ้านหลังนี้? เด็กน้อยเธอเล่าทุกอย่างที่เธอรู้ให้ฟังทีสิ”

    “อะ เอ่อ...”

    “เถอะน่า...แล้ววันหลังฉันจะให้ขนมเป็นค่าตอบแทน”

    มรกตนึกขยะแขยงเครื่องนอนโกโรโกโสนี่ไม่น้อย จึงขยับตัวลุกขึ้นยืนคุยกับเด็กชายแทน

    เธอคิดเอาไว้ว่าหลังจากรู้เรื่องราวทุกอย่างแล้ว อันดับแรกคงต้องจัดการกับสภาพเน่า ๆ ชวนอาเจียนก่อนเลย

    “ท่านแม่ก็เป็นมารดาของพวกข้าอย่างไรเล่า ท่านอาจจะจำไม่ได้แต่ข้าเป็นบุตรชายของท่าน คนที่ท่านเห็นก่อนหน้านี้ ก็คือลูกของท่านทั้งหมด ท่านแม่น่ะชื่อฟางเหนียง สกุลเดิมอาศัยอยู่ในหมู่บ้านหยู่เปิง...”

    หลังจากฟังอัตชีวประวัติของร่างเดิมอยู่นาน ก็สรุปได้ใจความมาว่า ตอนนี้มรกตทะลุมิติมาอยู่ในยุคจีนโบราณ ในร่างของคนที่น่ารังเกียจที่สุดในหมู่บ้าน ไม่สิ ๆ อาจจะที่สุดในแคว้นเลยก็ได้

    ฟัง ๆ ดูแล้วสตรีผู้นี้เป็นคนที่ไม่สมควรเกิดมาบนโลกนี้ด้วยซ้ำไป วีรกรรมที่นางทำไว้หนักหนาสาหัสพอสมควรเลย

    แทนที่จะเอาเงินที่ได้มาจากสามีเลี้ยงลูกให้ดี นางดันโง่เก็บไว้ที่ตัวเองหนึ่งส่วน อีกเก้าส่วนเอาไปให้สกุลเดิมของตัวเองใช้หมด

    คนสกุลนั้นโดยเฉพาะมารดาของฟางเหนียง ยิ่งเห็นจำนวนเงินก็ยิ่งมองลูกสาวเป็นตัวเงินตัวทองของบ้าน นึกอยากเรียกร้องอะไรก็ได้จากลูกที่ตัวเองบังคับให้แต่งงานกับนายพรานหน้าตาน่ากลัว

    ฟางเหนียงที่อยากได้ความรักจากแม่ก็โง่พอตัว ไม่รู้ว่าตัวเองถูกหลอกใช้ เพราะทิ้งให้ลูกลำบากยังไม่พอ นางยังทั้งด่าทั้งทุบตีรีดไถเอาเงินกับเด็ก ๆ ด้วยคิดว่าสามีแอบเอาเงินให้กับลูก

    นางเหมือนคนบ้าที่ไร้จิตสำนึกจนคนในหมู่บ้านเอือมระอา บางคนก็นึกอยากไล่ให้นางกลับหมู่บ้านสกุลเดิมไปให้พ้น ๆ

    ไม่รู้ว่าฟางเหนียงไปทำอะไรที่แม่น้ำจนตกน้ำตกท่า จมน้ำนานหลายชั่วยามจนใคร ๆ คิดว่านางตายไปแล้ว

    อาการบวมน้ำนั้นดูไม่ออก เพราะนางอ้วนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หมอประจำหมู่บ้านมาตรวจจับชีพจรจนเจอชีพจรเต้นผะแผ่ว นางถึงรอดจากการถูกฝังดิน ยังไม่กลายเป็นศพที่ลูกหลานไม่อยากกราบไหว้

    นางนอนสลบอยู่นานหลายวันก็ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ทว่าภายในร่างก็ไม่ใช่วิญญาณดวงเดิมอีกต่อไปแล้ว กลายเป็นมรกตที่เข้ามาอยู่แทนแบบงง ๆ รับกรรมแทนแบบงง ๆ ได้แต่ฟังบุตรชายตัวเองที่เพิ่งจะเคยรู้ว่ามีเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน คอยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง

    ยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธแทนเด็ก ๆ แอบสงสารตัวเองว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้บ้าง แผ่นดินให้แทรกหน้าหนีก็ยังไม่มีเลยตอนนี้

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×