ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวน้อยผู้มั่งคั่ง (จบแล้ว) มี E-BOOK

    ลำดับตอนที่ #18 : ไก่ขอทาน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    ตอนที่ 18 ไก่ขอทาน

    ฉินฉินขอให้หูต้าลู่ช่วยเก็บใบบัวมาให้ เป็นเพราะต้องใช้ใบที่มีขนาดใหญ่และจำนวนเยอะมาก ๆ ไก่หนึ่งตัวต้องใช้ใบบัวอย่างน้อยสี่ใบในการห่อ

    ต้องใช้ใบบัวทั้งหมดอย่างน้อยสี่ร้อยกว่าใบ กว่าจะเก็บครบคงต้องใช้เวลานานมาก ๆ มนตราจึงเอ่ยขอให้ทหารสองนายที่อยู่ช่วยสร้างจวน ไปช่วยพี่ชายเก็บใบบัว เธอจะไปเตรียมอย่างอื่นรอ

    ทางด้านอี้เทียนเข้าไปตัดไผ่ในป่ามาเหลาเป็นตอกไม้ไผ่สำหรับใช้มัดไก่ตามที่บุตรสาวต้องการ ส่วนอาเยี่ยนตัวน้อยกำลังนอนหลับกลางวันพร้อมกับกระต่ายทั้งสามตัวอยู่ในห้อง

    มนตราเห็นเขาแอบร้องไห้คงจะเสียใจที่เธอเชือดไก่ที่น่ารักสำหรับเขา แต่น่ากินสำหรับเธอ

    คงต้องให้เขาโตกว่านี้จนกว่าจะเรียนรู้ด้วยตนเองได้ หากสงสารสัตว์มากเกินไปเขาจะกลายเป็นมนุษย์ผักเอาได้ เป็นประเภทที่ว่าแค่ได้กลิ่นเนื้อก็จะอาเจียน แบบนั้นคงเป็นการเกิดมาที่ใช้ชีวิตไม่คุ้มค่าแน่

    ส่วนมนตราแยกมาเตรียมน้ำหมักสำหรับหมักไก่ ทั้งยังมีไส้หอม ๆ ที่คิดค้นขึ้นมาเองอีก เป็นไส้ผักบ้าง ไส้เผ็ดบ้างแล้วแต่คนกินชอบ บางตัวก็ไม่มีไส้

    ส่วนเครื่องในไก่เธอก็ไม่ให้ทิ้ง แต่นำใส่ตะกร้าทิ้งไว้ในน้ำ ให้สายน้ำที่ไหลไปตามกระแสช่วยชำระล้างคราบดินออก เธอตั้งใจจะหมักทำเป็นเครื่องในเสียบไม้ย่าง ทำคล้ายอาหารเช้ายอดนิยมรองจากหมูปิ้งที่เมืองไทย

    แค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว

    เหล่าทหารเรียกกำลังเสริมมาเพิ่ม เพียงแค่วันเดียวพวกเขาก็ช่วยกันถางหญ้าปรับพื้นที่กันเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะพากันเข้าป่าลึกไปตัดไม้

    มนตราเลือกใช้ไม้เนื้อแดงทั้งหลังจะได้แข็งแรง อีกทั้งยังดูสวยงามเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว

    ทหารหญิงที่เจ้าเมืองส่งมาคุ้มกันหญิงสาวชั่วคราวทั้งห้าคน ยามนี้ได้กลายเป็นลูกมือช่วยทำครัวไปเสียแล้ว

    เจ้าเมืองหลิงหลงเอ็นดูเด็กสาวมาก เขาไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจ เพราะทุกครั้งที่นึกถึงบุตรชายของตน จะมีร่างของเด็กสาวบอบบางแทรกเข้ามาในหัว เขาคิดไปเองว่านางเป็นคู่บุพเพสันนิวาสของบุตรชายตนแน่นอน

    ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่านางจะถูกชาวบ้านย้อนกลับมาทำร้าย จึงส่งหทารหญิงมาคอยคุ้มครองนางจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะสงบ

    ทางด้านมนตรากำลังไล่ตรวจดูไก่ทุกตัวว่าสะอาดดีแล้วหรือไม่ หากมีขนไก่เล็ก ๆ หลงเหลืออยู่เธอจะใช้ไฟลนออกทันที จากนั้นก็นำไปคลุกกับน้ำหมักที่เตรียมไว้และแช่ทิ้งไว้ครึ่งชั่วยาม

    ชานระเบียงเรือนถูกเรียงรายไปด้วยกะละมังไม้เต็มไปหมด ไม่มีที่จะให้เดินไปหมักไก่ได้ที่ หูต้าลู่กลับมาพร้อมใบบัวทั้งหมดสี่ร้อยกว่าใบ เขาเตรียมมาไว้เผื่อเหลือเผื่อขาดจะได้ไม่ต้องกลับไปดำน้ำเก็บใหม่รอบสอง

    มนตราและเหล่าทหารหญิงกำลังช่วยกันยัดไส้ไก่อยู่พอดี จึงขอให้หูต้าลู่ช่วยนำใบบัวไปนึ่งให้อ่อนตัว จะได้นำมาห่อไก่ได้ง่าย ๆ

    ชายหนุ่มได้กลิ่นเครื่องเทศหอม ๆ จนอดใจไม่ไหวอยากกินเสียตอนนี้

    "น้องเล็กเจ้าช่วยทำให้พี่ใหญ่กินก่อนได้หรือไม่ กลิ่นของมันหอมเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน"

    มนตราส่งยิ้มให้พี่ชายก่อนจะพูดเฉือนใจเขา

    "จะไม่มีใครได้กินก่อนทั้งนั้น ยังเหลืออีกหลายขั้นตอน อาจจะใช้เวลาถึงสองชั่วยามกับอีกสองเค่อ ท่านถึงจะได้กินเจ้าค่ะพี่ใหญ่ หุหุหุ"

    หูต้าลู่เดินคอตกหอบตะกร้าใบบัวนำไปนึ่งให้อ่อนตัวตามที่น้องสาวต้องการ

    อี้เทียนทำตอกไม้ไผ่ได้หลายมัด แล้วนำมาให้บุตรสาวดูว่าพอใช้ได้หรือไม่

    "ฉินฉินพ่อทำเสร็จใช่แบบที่เจ้าต้องการหรือไม่"

    หญิงสาวหยิบตอกไม้ไผ่ขึ้นมามัดกับนิ้วมือให้เป็นแหวน เห็นว่ามีขนาดบางกำลังดีและมีมากพอที่จะใช้มัดไก่ทั้งหนึ่งร้อยตัว นางจึงให้บิดานั่งพักก่อน

    อี้เทียนมองไก่ในกะละมังไม้ เขาไม่เคยเห็นใครหมักไก่เช่นนี้มาก่อน สูตรทั่วไปแค่ใช้เกลือถูบาง ๆ เท่านั้นไม่เหมือนของบุตรสาว นางใช้สมุนไพรหลายอย่างที่ดีต่อร่างกาย ทั้งยังผัดไส้ยัดเข้าไปในตัวไก่อีก ขนาดยังไม่สุกก็ยังดูน่ากินขนาดนี้ หากสุกแล้วทุกคนคงแย่งกันกินอย่างแน่นอน

    "ฉินฉินเจ้าเอาสูตรพวกนี้มาจากที่ไหนหรือ"

    หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เธอลืมไปเลยว่าเจ้าของร่างคนเก่าไม่มีความรู้อะไรติดตัวแม้แต่น้อย อย่างดีคงทำได้แค่ผักต้มผักลวกเท่านั้น

    "ข้า...เอ่อ...คิดสูตรขึ้นมาเอง สมุนไพรเหล่านี้มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ข้าเพิ่งเคยทดลองทำครั้งแรกเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี"

    อี้เทียนเห็นบุตรสาวไม่อยากพูดเขาก็ไม่ถามต่อ เห็นนางทำคล่องแคล่วเช่นนี้ต้องไม่ใช่ครั้งแรกแน่นอน และนางไม่ได้ไปขโมยสูตรของใครมา ข้าเป็นพ่อครัวมาสามสิบปียังไม่เคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่าไก่ขอทานมาก่อน

    ใบบัวนึ่งเสร็จแล้วทุกคนช่วยกันห่อให้ครบสี่ชั้นตามที่หญิงสาวต้องการ ต้องห่อให้มิดตัวไก่เพื่อให้มันสุกทั่วทั้งตัว

    "น้องสาวเจ้าจะย่างทั้งใบบัวเลยหรือ"

    "ไม่ใช่เจ้าค่ะ เราจะเอาดินเหนียวมาพอกอีกหนึ่งชั้น จากนั้นนำไปวางไว้บนกองไฟรอจนกว่าจะสุก"

    "ข้าไม่เคยเห็นใครใช้วิธีเช่นเจ้ามาก่อน มันจะกินได้หรือ"

    "ต้องกินได้สิ..รับรองว่าอร่อยเลิศแน่นอน"

    สูตรที่หญิงสาวเคยทำในโลกเดิมจะต้องใช้แป้งแทนดินเหนียว รสชาติอร่อยเลิศจนเพื่อนสนิทต้องขอร้องให้ทำกินเป็นประจำ มีวันหยุดหรือช่วงเวลาหลังจากทำงานอย่างหนัก ไก่ขอทานจะเป็นอาหารที่มนตราโปรดปรานที่สุด

    ไก่ห่อเสร็จแล้วทุกคนช่วยกันแบกขึ้นรถม้า นำไปย่างบนที่ดินของฉินฉินที่เพิ่งได้มาสด ๆ ร้อน ๆ ซึ่งดินแถบนั้นมีลักษณะเป็นดินเหนียวอยู่เยอะอาจจะเป็นเพราะเคยเป็นนาข้าวมาก่อน

    มนตราทำตัวอย่างให้ทุกคนดู เธอนำดินเหนียวมาพอกทับบนใบบัวเป็นก้อนกลม จากนั้นนำไปวางกลางกองไฟรอให้มันสุก

    "เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย หากไฟแรงก็จะสุกเร็ว พี่ใหญ่ข้าฝากท่านดูตรงนี้ที ข้าจะกลับเรือนไปดูอาเยี่ยนเสียหน่อยเขาน่าจะตื่นแล้ว"

    สองพ่อลูกพากันหาท่อนไม้มานั่งจ้องกองไฟที่ลุกโชน ทหารที่กลับมาจากตัดไม้มองลงมานึกว่าเกิดไฟไม้ ก็พากันโยนท่อนไม้หนาเท่าตัวคนทิ้งเตรียมวิ่งไปช่วยดับไฟ

    "ไปเร็วพวกเรา! หาน้ำมาดับไฟเร็ว"

    "หยุดก่อน! พวกเจ้าดูให้ดี ๆ สองพ่อลูกตระกูลหูกำลังนั่งดูอยู่ อาจจะไม่ใช่อย่างที่พวกเราคิดก็ได้ พวกเขาทำอะไรกันอยู่หรือ"

    "คุณหนูบอกนางจะทำไก่ขอทานไม่ใช่หรือ ส่งคนไปถามสองพ่อลูกตระกูลหูสิ ข้าอยากรู้เช่นเดียวกันไฟไหม้ที่ไหนกลิ่นหอมลอยตามลมมาขนาดนี้"

    สุดท้ายก็เป็นนายทหารสองพี่น้องฝาแฝดอาสาลงเขามาดู จึงทราบว่าเป็นอาหารที่ฉินฉินกำลังทดลองทำจริง ๆ

    พวกเขาเล่าเรื่องที่เกือบจะนำน้ำมาดับไฟ เพราะเข้าใจผิดว่ามีไฟไหม้ให้สองพ่อลูกฟัง อี้เทียนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเสียงดังผสานกับเสียงท้องที่ร้องดังแข่งกัน

    "ฮ่า ๆ ๆ หากลูกสาวข้ารู้ว่าพวกเจ้านำน้ำมาดับไฟ นางต้องโกรธมากแน่ ๆ พวกเจ้าอาจจะไม่ได้กินของดี เจ้าสองคนวางงานในมือก่อนมาช่วยพวกข้าคุมไฟที"

    "ขอรับ"

    ทหารแฝดผู้พี่ส่งน้องชายไปบอกสหายคนอื่นให้ทำงานต่อ พวกเขาจะอยู่ช่วยสองพ่อลูกตระกูลหูทางนี้ก่อน

    ครบหนึ่งชั่วยามร่างเล็ก ๆ ของฉินฉินเดินมาพร้อมกับอาเยี่ยนน้อย หลังจากทดลองนำไก่ออกมาดูหนึ่งตัวว่าสุกหรือยัง แต่ไม่ทันจะได้เห็นไก่ขอทานที่ภาคภูมิใจ หญิงสาวก็เห็นพี่ ๆ ทหารพากันนั่งจ้องกองไฟตาเป็นประกาย

    งานการไม่ทำกันแล้วเพราะได้กลิ่นหอมเย้ายวนเสียขนาดนี้

    "พี่ใหญ่ท่านลองเอาไก่ออกมาดูก่อนตัวหนึ่ง”

    “ให้ข้าดูอย่างไรเล่า”

    “อ้อ...ท่านต้องเคาะดินที่แข็งออกแหวกดูไก่ด้านในว่าสุกหรือยัง"

    สองพ่อลูกรีบวิ่งไปใช้ไม้เขี่ยก้อนดินเหนียวออกมา เหล่าทหารไม่น้อยหน้าพากันกรูไปมุงดู อาเยี่ยนน้อยเห็นว่าน่าสนุกเข้าร่วมด้วยอีกคน โดยมีทหารหญิงตามไปไม่ให้เด็กน้อยเผลอเดินเข้าไปใกล้กองไฟ

    มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ตื่นเต้น เจ้าของความคิดเมนูไก่ขอทานกำลังยืนรออยู่ด้านนอกไม่ขอเข้าร่วมวงด้วย

    ร่างกายเธอบอบบางเช่นนี้จะให้ไปเบียดแทรกกับชายฉกรรจ์ได้อย่างไร

    อี้เทียนใช้ก้อนหินกะเทาะดินออกก่อนจะใช้ตะเกียบที่พกติดตัวมาแหวกใบบัวออกดู

    "หืม..กลิ่นหอมมาก ข้าชักจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว"

    ทหารหลายนายท้องร้องเสียงดังพร้อมกัน มนตราอดขำไม่ได้จนต้องปิดปากหัวเราะเบา ๆ

    อี้เทียนหันมากวักมือเรียกบุตรสาวไปร่วมวงด้วย

    ทุกสายตาจับต้องมายังหญิงสาว หวังว่าหญิงสาวจะพยักหน้าบอกว่าสุกแล้วพวกเขาจะได้กินเสียที

    ร่างเล็ก ๆ ของฉินฉินนั่งยอง ๆ ขอตะเกียบจากบิดาแหวกเนื้อไก่ออกดู

    "เสียใจด้วยยังไม่สุกเจ้าค่ะ"

    "โถ่...คุณหนูข้าหิวจะแย่อยู่แล้ว"

    เนื้อด้านในบางส่วนยังไม่สุกดีมีสีอมชมพูอยู่ ซึ่งไก่ดิบไม่ควรกินอยู่แล้ว

    "รออีกแค่สองเค่อน่าจะพอดีกินแล้ว พวกท่านวางใจได้ ข้าจะให้ไก่คนละหนึ่งตัวแก่พวกท่าน จะได้นำกลับไปกินกับครอบครัวนะเจ้าคะ"

    พวกเขาทำงานหนักมาทั้งวัน มนตราคิดว่าไก่หนึ่งตัวยังน้อยไปด้วยซ้ำ แต่เธอคงให้พวกเขามากกว่านี้ไม่ได้จริง ๆ เพราะยังต้องนำไปฝากท่านเจ้าเมืองอีก ไหนจะสหายคนใหม่รวมถึงบรรดาทหารอีก แค่นี้ก็แทบไม่พอแจกจ่ายแล้ว

    ทุกคนเข้าใจดีต่างพากันนั่งรออย่างใจจดใจจ่อจนครบเวลาที่หญิงสาวบอกไว้ อี้เทียนและบุตรชายเป็นฝ่ายจัดการแจกจ่ายตามที่บุตรสาวบอกไว้

    ตกเย็นแล้วเหล่าทหารต่างแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้จะเป็นคนของทางการก็ตาม ทว่าค่าตอบแทนของพวกเขานั้นไม่ได้มีมากพอให้คนในครอบครัวได้กินเนื้อสัตว์บ่อย ๆ

    วันนี้มีเนื้อชิ้นใหญ่ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปย่อมเป็นเรื่องดีนัก


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×