ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #17 : พรของซีซวน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 17 พรของซีซวน

    เจ้าของเกวียนเห็นฟางเหนียงไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่มอีก เขาทำท่าฟึดฟัดจะริบเงินไม่รับงานนี้แล้ว แต่ฟางเหนียงมีหรือจะง้อ

    นางยื่นมือเตรียมจะคว้าเอาเงินคืนมา อีกฝ่ายก็เกิดใจฝ่อคิดว่าไม้นี้ไม่ได้ผล จึงรีบไล่ให้สองแม่ลูกขึ้นเกวียน

    ไหนคนสกุลหยางของนางป่าวประกาศนักหนาว่า ลูกสาวเป็นพวกหัวอ่อนใช้กำลังข่มขู่นิดหน่อยนางก็ยอมแล้วไง

    พวกคนโกหกทำข้าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์!

    ฟางเหนียงส่งบุตรชายคนโตกับบุตรชายคนรองไปปลูกบรรดาผลไม้ต่าง ๆ อยู่ในมิติ เมื่อถึงเวลากินข้าวพวกเขามีหน้าที่จัดหามาให้มารดาและน้อง ๆ ที่อยู่ด้านนอกมิติกิน

    มีเสี่ยวไป่อยู่ด้านในคอยสอนวิธีการใช้งานเครื่องมืออยู่ ฟางเหนียงเลยไม่เป็นห่วงคนด้านในเท่าไหร่นัก ตอนนี้พวกเขาเป็นกำลังหลักของบ้านต้องเรียนรู้งานให้มาก ๆ

    ระหว่างนั่งอยู่ในเกวียน หญิงสาวทอดสายตามองดูทิวทัศน์รอบข้าง มองไปทางไหนก็เจอแต่ป่าสีเขียวสบายตา สลับกับที่ดินของชาวบ้าน

    บางคนปลูกผัก บางคนกำลังเกี่ยวข้าวเตรียมปลูกรอบสอง เพราะน้ำและดินแถบนี้อุดมสมบูรณ์ดี บางคนใช้ที่ดินของตนเลี้ยงสัตว์ ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหลกับชีวิตเรียบง่ายเช่นนี้

    อยากอยู่ไปนาน ๆ ยิ่งนัก

    พอหันกลับมามองบุตรชายคนที่สาม ก็เห็นเขาทำคิ้วขมวดจ้องมองวัวแก่ไม่วางตา เหมือนมีเรื่องคิดมากอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง

    “เจ้าสามเป็นอะไรไปหรือ?”

    เด็กชายสะดุ้งมองมารดาก่อนจะก้มหน้าส่ายหัว ฟางเหนียงเอื้อมมือดึงให้เขามานั่งข้างตน แล้วออกปากเค้นถามข้อมูล

    อายุแค่นี้มีเรื่องให้ต้องคิดจนคิ้วขมวดชนกันเป็นปมเชียวหรือ

    “บอกแม่มา มีเรื่องอะไรกันแน่ เจ้าไม่สบายตรงไหนหรือ?”

    หากเป็นเรื่องมิติ เด็ก ๆ ทั้งสองคนที่ไม่ได้ไปตามสมบัติด้วย ฟางเหนียงอธิบายพวกเขาเกี่ยวกับมิติของนางแล้ว ก่อนจะกล่อมพวกเขานอน

    เด็กคนนี้ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องของมารดา แต่กำลังคิดถึงสิ่งที่เขากำลังประสบพบเจออยู่ต่างหาก

    มือน้อย ๆ กำชายเสื้อมารดาหันข้างซุกหน้าผากกับอกอวบ พลางพึมพำถามเสียงเบา

    “ท่านแม่ข้าได้ยินในสิ่งที่เจ้าวัวคิดขอรับ”

    “…”

    ฟางเหนียงฟังครั้งแรกก็ไม่ได้ตกใจหรือรู้สึกแปลกใจอะไร นางเตรียมตัวมาดีแล้วว่า บุตรชายทั้งสองคนที่ไม่ได้ของวิเศษ ต้องมีอะไรบางอย่างตามมาภายหลังแน่

    แต่ก็ไม่คาดคิดว่า ท่านเจ้าป่าจะมอบวิชาสื่อสารกับสัตว์ให้กับบุตรชายคนที่สามของนาง

    ถึงว่าเขาเอาแต่จ้องเจ้าวัวแก่อยู่ตลอดเวลา เหตุเพราะได้ยินเสียงความคิดของมันนี่เอง

    หญิงสาวก้มลงกระซิบบุตรชายให้เงียบเสียงลง แล้วส่งสัญญาณไปยังเสี่ยวไป่ ให้ส่งตงซิ่วออกมาดูแลบุตรชายคนเล็กที่หลับอยู่บนตัก

    ส่วนนางจะเข้าไปในมิติพร้อมกับซีซวนน้อย แล้วพาเขาไปหาที่นั่งคุยกันอยู่ใต้ต้นไม้ริมลำธาร

    เอาละ ตรงนี้ไม่มีคนนอกอยู่ ซีซวนน้อยลูกกลัวหรือไม่ ที่ได้ยินเสียงของวัวตัวนั้น”

    เด็กชายรีบส่ายหน้าบอกว่าไม่กลัว เขาเพียงแค่ตกใจ เพราะไม่เคยได้ยินเสียงความคิดของสัตว์มาก่อน

    วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยิน ทำให้ปรับตัวไม่ทัน จนเผลอนึกว่าตัวเองนั้นแปลกประหลาด

    “แม่มีมิติกว้างขวางอยู่กับตัว ถ้าอย่างนั้นแม่ก็เป็นคนแปลกประหลาดเหมือนกันอย่างนั้นหรือ?”

    “ซีซวน ลูกไม่ต้องคิดมาก สิ่งที่ลูกได้รับมันคือพรประเสริฐ ท่านเจ้าป่าคงเห็นว่าลูกรักสัตว์”

    “ขนาดนกที่บาดเจ็บ ลูกยังเอากลับมารักษาที่บ้านจนมันหาย ปลาที่แม่จับได้เจ้ายังนึกสงสาร ไม่อยากให้แม่ฆ่ามันจนแอบเอาไปปล่อย”

    “ความเมตตาต่อสัตว์ของเจ้า ท่านเจ้าป่ามองเห็นถึงได้มอบพรให้ลูกได้สื่อสารกับสัตว์เข้าใจ”

    “ซีซวนเอ๋ย ยามที่พวกมันเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ ลูกของแม่ก็สามารถช่วยเหลือพวกมันได้อย่างตรงจุด ลูกไม่ต้องกลัวเชื่อแม่สิ สิ่งนี้มันดีต่อตัวของลูกเอง”

    ฟางเหนียงพูดปลอบบุตรชาย นางเองก็ยังถือว่าเป็นแม่มือใหม่อยู่ จึงพยายามงัดความรู้ในสมองออกมาใช้ว่าควรปลอบเขาอย่างไร

    ตอนนี้นางรู้แค่ว่าต้องเลี้ยงดูอุ้มชูพวกเขาให้ดี สอนพวกเขาได้ แต่อย่าบังคับให้พวกเขาเดินทางตามที่พ่อแม่เลือกให้ อนาคตจะดีจะร้ายอย่างไร ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าตัวของเขานั้นเลือกทางไหน

    ซีซวนเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นคืออะไร ท่านแม่ให้คำตอบเขาจนกระจ่าง นางอธิบายละเอียดจนเขาไม่นึกว่า สิ่งที่ได้มานั้นเป็นพรหาใช่สิ่งแปลกประหลาดอย่างที่เขาคิด

    เอาละ บอกแม่มาสิว่าวัวตัวนั้นคิดอะไรอยู่

    หญิงสาวหยิบก้อนหินปาลงน้ำ พลางหันไปถามบุตรชายด้วยความอยากรู้

    “เจ้าวัวบ่นว่าอยากได้หญ้าเพิ่มขอรับ หญ้าที่พี่รองเอาให้กินอร่อยมาก มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของอะไรบางอย่างทำให้มันมีความสุข”

    “หืม?”

    “ระหว่างทางมันเอาแต่นึกถึงหญ้าของพี่รองอยู่ตลอด สักพักก็บ่นหิว บ่นว่าเมื่อไหร่จะได้กินอีก”

    “เช่นนั้นเราตักน้ำใส่กระบอกไม้ไผ่ไว้ เวลาหยุดพักค่อยแอบเอาน้ำไปให้มันดื่ม ระหว่างที่เจ้าของเผลอดีหรือไม่”

    “ดีขอรับ”

    ซีซวนดีใจมาก เขาสงสารเจ้าวัวที่ต้องวิ่งงานอยู่ตัวเดียว ทั้งยังต้องลากเกวียนที่หนักกว่าตัวมันไปตลอดทางอีก

    “หน้าที่นี้แม่มอบให้เจ้า รออยู่ตรงนี้แม่จะไปตัดต้นไผ่ให้”

    ฟางเหนียงลุกขึ้นเดินไปที่ดงไผ่ เพื่อเลือกลำต้นขนาดพอดีตัดมาสองสามกระบอก ใช้ใส่น้ำเก็บไว้ให้เจ้าวัว เอาไว้ให้ตัวเอง และลูกที่อยู่ด้านนอกดื่มด้วย

    เดินทางมาได้สองชั่วยามกว่า ๆ คนขับเกวียนก็ขอหยุดพักที่หมู่บ้านเหลียนฮวา ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีบ่อบัวขนาดใหญ่ คอยเรียกให้นักเดินทางแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน

    ฟางเหนียงเรียกบุตรชายทั้งสอง ที่อยู่ในมิติให้ออกมากินข้าวด้านนอก นางแจกจ่ายข้าวที่ห่ออยู่ในใบบัวออกมาแบ่งให้กับลูก ๆ ไม่ลืมแบ่งให้คนขับเกวียนด้วยหนึ่งห่อ

    มื้อกลางวันคือหมูผัดกระเทียม กินกับข้าวสวยร้อน ๆ ที่เพิ่งอุ่นเสร็จส่งตรงมาจากมิติ ส่วนห่อที่แบ่งให้คนบังคับเกวียนนั้น เป็นอาหารที่เย็นแล้วแต่รสชาติยังอร่อยอยู่

    นางพาลูก ๆ มานั่งกินข้าวบริเวณบ่อบัว ให้ได้มองดอกบัวสีขาว สลับกับดอกบัวสีชมพูบานสะพรั่งสู้กับแสงแดดดูงามตา

    ไม่วายแอบเก็บเม็ดบัวป้อนลูก ๆ เพราะลำธารที่หลังบ้านของตนมีกอบัวอยู่ไม่มาก ทั้งยังมีแต่ดอกไม่มีเม็ดบัวให้กินอีก

    คนบังคับเกวียนเดินเข้าไปหาสหายในหมู่บ้าน มีเวลาพักเพียงสองเค่อ (30 นาที) ซีซวนจึงอาศัยจังหวะที่เจ้าของเกวียนไม่อยู่ วิ่งเอาน้ำวิเศษไปให้วัวแก่ดื่ม

    เด็กน้อยมองมันเลียน้ำในมือ พลางหัวเราะคิกคักไปด้วย เพราะลิ้นใหญ่สาก ๆ ของวัวทำให้เขารู้สึกจักจี้

    “ท่านแม่น้องสามพูดคุยกับสัตว์ได้จริง ๆ หรือขอรับ”

    “จริงสิ”

    “ข้าก็อยากได้ยินเหมือนกัน”

    “ท่านเจ้าป่าให้พรแค่คนละข้อเท่านั้น เจ้าก็ได้ในส่วนของเจ้าไปแล้ว เมื่อคืนก็ฝึกวิชาจนดึกดื่น ไถดินเสร็จก็ไปนอนพักเอาแรงเถอะ”

    “คืนนี้แม่จะพาน้องเข้าไปนอนในมิติ ส่วนพวกเจ้าก็ให้สลับกันออกมาเฝ้ายามด้านนอก อย่าให้คนขับเกวียนสงสัยเล่า”

    “ขอรับ”

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×