คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : สงสาร
ตอนที่ 17 สงสาร
ก่อนจะเข้าเมืองมนตราขอให้หูต้าลู่พาเธอแวะหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจะเลี้ยงไก่เป็นหลัก
มาถึงหน้าหมู่บ้านมนตราก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งถือจอบถางหญ้าอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน จึงแวะสอบถามว่ามีใครเลี้ยงไก่ที่โตพอจะขายเธอได้บ้าง
"พี่ชายข้าอยากจะมาติดต่อซื้อไก่สักห้าสิบตัว ไม่ทราบว่าจะไปติดต่อใครได้บ้าง"
ชายผู้นั้นแบกจอบเดินเข้ามาหา มีลูกค้ารายใหญ่มาถึงที่ เขาจะปล่อยมือไปได้อย่างไร นางต้องการไก่มากขนาดนี้แสดงว่าต้องเร่งรีบใช้มากเป็นแน่
หากเขาโก่งราคานางสูงขึ้นจะได้กำไรมากกว่าเดิมหลายเท่านัก เช่นนี้คงดีท่านแม่จะได้เลิกด่าว่าเขาเสียทีว่าเป็นคนไม่เอาไหน...ชายหนุ่มนึกคิดในใจ
ชายหนุ่มมีแผนการในใจแต่กลับทำท่าทีเหมือนไม่แน่ใจ
"แม่นางไก่ในหมู่บ้านข้าหากโตพอที่จะขายได้ จะมีพ่อค้าจากต่างเมืองมากว้านซื้อไปหมด แต่ที่โรงเลี้ยงไก่ที่บ้านข้ายังพอมีเหลือตามที่เจ้าต้องการ ราคาอาจจะเพิ่มมากขึ้นหน่อย ไม่ทราบว่าแม่นางสนใจอยากไปดูก่อนหรือไม่"
ใบหน้าของนักธุรกิจสาวจากโลกอนาคตเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ภายในหัวของเธอกำลังคำนวณกำไรต้นทุนทั้งหมดไว้แล้ว
เธอมาซื้อถึงที่ยังคิดจะราคาเพิ่มอีกหรือ คิดว่าเธอโง่หรืออย่างไรกัน
"ที่ตลาดในเมืองขายไก่หนึ่งตัวสิบห้าอีแปะ แล้วท่านจะขายให้ข้าราคาเท่าไหร่หรือเจ้าคะ"
"ข้าให้เจ้าราคาสิบสามอีแปะ"
มนตราได้ยินราคาก็แทบรับไม่ได้ อย่างน้อยมาซื้อถึงโรงเลี้ยงไก่แล้วมันต้องสักสิบอีแปะสิ
ตามความทรงจำเดิมในยุคนี้เนื้อไก่มีราคาถูกกว่าเนื้อหมูมาก เนื้อหมูที่ขายอยู่ในตลาดมีราคาสามสิบอีแปะต่อหนึ่งจิน
เพราะหมูกว่าจะโตใช้เวลานาน ออกลูกแต่ละครั้งได้ไม่กี่ตัว ไม่เหมือนไก่ที่ฟักไข่ได้ทีหลาย ๆ ฟอง อีกทั้งยังโตเร็วลงทุนน้อยแต่ขายคล่อง หากบ้านไหนอยากทำอาหารที่มีเนื้อสัตว์ประกอบ ส่วนใหญ่จะเลือกใช้ไก่กัน
ชายผู้นี้คิดว่าข้าเป็นเด็กอมมือหรืออย่างไร ถึงกล้าหลอกกันได้!
"ข้าจะซื้อตัวละสิบอีแปะ หากท่านไม่อยากขายราคานี้ ข้าจะไปถามชาวบ้านคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านของท่านดู ว่าอย่างไรเล่า”
มนตราลองเสนอดูแต่อีกฝ่ายยังคงเงียบเฉย
“ถ้าท่านไม่สนใจ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ"
หูต้าลู่ไม่รอให้น้องสาวออกคำสั่ง รีบบังคับเกวียนเข้าหมู่บ้านทันที
ชายที่ไม่ยอมขายไก่ในราคาถูกให้มนตราตั้งแต่แรกไม่รั้งเธอเอาไว้ เพราะเขามั่นใจว่าไม่มีใครขายให้สตรีผู้นี้ในราคาต่ำกว่านี้แน่
มนตราคอยให้พี่ชายบุญธรรมแวะถามทีละบ้าน กลับกลายเป็นว่าทุกคนปฏิเสธหมด เพราะไก่ของพวกเขาตัวเล็กไม่สามารถขายได้ ต่างพากันเสียดายที่เงินก้อนโตมาไม่ถึงบ้านของตน
หญิงสาวใช้เวลาไม่นานก็เจรจาต่อรองราคากับชายชราคนหนึ่งมาได้ นางตกลงจะซื้อไก่หนึ่งร้อยตัว หากเขาขายให้นางในราคาสิบอีแปะต่อหนึ่งตัว
หลังจากตกลงราคากันได้ เธอก็ขอให้ชายชราจัดการเชือดไก่ถอนขนออกให้ แล้วนำไปส่งที่หมู่บ้านหนานซีของเธอ ซึ่งชายชราก็ไม่คิดเงินค่าขนของไปส่งเพิ่มเพราะเห็นว่าเธอซื้อเยอะมากแล้ว อีกทั้งระยะทางยังไม่ไกลจากกันนัก
"หากบุตรชายข้ากลับมาแล้วจะให้เขาจัดการให้เจ้าทันที"
บุตรชายของชายชราเป็นบัณทิตเป็นที่หมายปองของสาวในหมู่บ้าน แต่เขาไม่เคยชายตามองใครเลย จนบิดาที่อายุมากขึ้นทุกปีหมดหวังแล้วที่จะได้อุ้มหลานก่อนตาย
ชายชราแอบสังเกตว่าสตรีผู้นี้เป็นคนช่างเจรจามีไหวพริบและความรู้ที่ดีไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบง่าย ๆ แต่น่าเสียดายที่ผอมแห้งเกินไป
เจ้าลูกบ้างานนั่นคงจะไม่ชอบนาง
หญิงสาวฉลาดเช่นนี้เหมาะแก่การมาเป็นลูกสะใภ้ของเขายิ่งนัก ต้องไปเรียกยายแก่มาดูเสียแล้ว หากนางถูกใจหญิงสาวผู้นี้ เขาจะได้ลงมือจับคู่หาภรรยาให้กับเจ้าเหยียนซือบุตรชายเพียงคนเดียวของเขาเสีย
มนตราไม่รู้ว่าชายชราคิดจะจับคู่ให้ตนเอง เมื่อการซื้อขายจบลงเธอก็ขอตัวกลับทันที
ชายที่ไม่ยอมขายไก่ให้ตั้งแต่แรก เขาปักหลักรอหญิงสาวอยู่ทางเข้าหมู่บ้าน พอเห็นอีกฝ่ายออกมาตัวเปล่าไม่มีไก่ติดเกวียนมาด้วยก็หัวเราะเยาะ
"เป็นอย่างไรเล่า ไก่บ้านข้าราคาถูกที่สุดแล้ว ตอนนี้เจ้ายังเปลี่ยนใจได้นะแม่นาง"
มนตราเมินเขาแล้วหันไปบอกให้พี่ชายขับเกวียนผ่านชายผู้นั้นไป ให้เขาไปค้นหาความจริงเอาเองเถิด...รู้ทีหลังย่อมเจ็บหนักกว่า
จบการเจรจาซื้อวัตถุดิบหลักไปได้ในราคาเพียงหนึ่งตำลึงเงินเท่านั้น ถือว่าราคาสมเหตุสมผล หากนางได้วัตถุดิบครบและนำไปขาย อาจจะตั้งราคาขายถึงตัวละห้าตำลึงเงิน
กำไรเกินครึ่งเช่นนี้...หนทางรวยมาถึงแล้ว
"พี่ใหญ่ข้าอยากเข้าเมืองไปซื้อพวกสมุนไพรไว้ใช้ดับกลิ่นคาวเจ้าค่ะ"
หูต้าลู่ฟังแล้วก็อาสาจะไปซื้อให้เอง
"เจ้าต้องการอะไรบ้างเล่าน้องรอง"
ร่างเล็กเอ่ยบอกทุกอย่างที่คิดว่าพอจะหาได้ในยุคนี้ ถึงเครื่องจะไม่ครบตามสูตรที่เธอเคยเรียนมา แต่ถึงอย่างไรความอร่อยย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่สดใหม่และฝีมือคนปรุงอยู่ดี ซึ่งเธอเกือบจะมีมันครบแล้ว
"ข้าจำได้หมดแล้ว เจ้าเอาแค่พวกสมุนไพรใช่หรือไม่"
"ขอเหล้าจีนแล้วก็เกลือด้วยเจ้าค่ะ"
"เจ้ายังเด็กจะดื่มเหล้าแล้วหรือ ข้าไม่อนุญาต"
"พี่ใหญ่...ข้าจะเอามาทำอาหารเท่านั้น ไม่ได้เอามาดื่มเอง ท่านวางใจได้ ข้าจะไม่แอบดื่มเด็ดขาด"
แม้ในโลกเดิมที่จากมาเธอโตพอจะดื่มได้แล้วก็ตาม
หูต้าลู่ขับเกวียนมาจอดหลังร้านอาหารของบิดาก่อนจะไปซื้อของ เขาสั่งให้น้อง ๆ รออยู่ในเกวียนไม่ต้องตามไป
"รออยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนเด็ดขาด"
"เข้าใจแล้ว พี่ใหญ่ไปเถิด"
เมื่อพี่ชายไปแล้วมนตราก็หันกลับมาพูดคุยปรับความเข้าใจกับอาเยี่ยนน้อยที่อยู่ข้างกัน
เมื่อครึ่งชั่วยามที่แล้ว อาเยี่ยนที่มาด้วยเขาได้ยินว่าพี่สาวสั่งให้เชือดไก่ที่น่าสงสารเหล่านั้น พยายามจะห้ามปรามแต่ถูกปิดตาเอาไว้ไม่ให้เห็น
มนตรานั้นเข้าใจดีว่าเด็กน้อยยังไร้เดียงสามากเกินไป แต่ทุกครั้งที่บนโต๊ะอาหารมีอาหารจำพวกเนื้อสัตว์เขาก็ฟาดเรียบไม่เหลือ แม้แต่คราบมันบนจานยังแทบไม่มี เพราะเนื้อสัตว์ที่ทำสุกแล้วมันไม่มีชีวิตเด็กน้อยจึงไม่ติดใจ
"อาเยี่ยนเจ้าฟังที่พี่รองพูดให้ดี สัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้มันเป็นอาหารของมนุษย์ เจ้ามีความเมตตาสงสารมันเป็นเรื่องที่ดี แต่เจ้าต้องแยกแยะว่าเราจะปล่อยให้สัตว์ทุกตัวหลุดมือไปทั้งหมดไม่ได้ หากท่านพ่อทำแต่ผักให้เจ้ากินทุกมื้อเจ้าชอบหรือไม่เล่า"
อาเยี่ยนน้อยนั่งกอดอกฟังแล้วส่ายหน้าเบา ๆ
"แต่พี่รอง...ไก่พวกนั้นมันไม่อยากตาย"
มนตราหนักใจยิ่งนัก หากน้องชายยังควบคุมพลังตนเองไม่ได้แบบนี้ ในภายภาคหน้ามีแต่เขาที่จะกลายเป็นบ้าเสียเอง ทุกวันนี้แม้กระทั่งยุงที่บินผ่านไปผ่านมาคุยกันเขาก็เข้าใจที่พวกมันสื่อสารกัน
"อาเยี่ยนเจ้าลองหลับตาดู แล้วนึกถึงแสงเทียนที่ถูกจุดยามค่ำคืน"
เมื่อบอกปากเปล่าไม่ได้ผล เช่นนั้นเธอจะลองเอาหลักจิตวิทยาจากโลกเดิมเข้าสู้ ต้องทำให้เขามีสมาธิจดจ่อกับสิ่ง ๆ หนึ่ง เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง
"พี่รอง...อาเยี่ยนไม่ได้ยินอะไรเลย"
สำเร็จ..เป็นอย่างนี้นี่เอง หากเขาเสียสมาธิจะได้ยินเสียงสัตว์ทุกชนิดพูดคุยกัน แต่หากมีสมาธิไม่วอกแวกเสียงสัตว์เหล่านั้นก็จะหายไป
เมื่อรู้เช่นนั้นร่างบางจึงสั่งให้เด็กน้อยลองนั่งสมาธิดู จนกว่าจิตใจของเขาจะสงบ อย่างน้อยวันนี้อาเยี่ยนจะได้เรียนรู้ว่า หากเขาไม่อยากได้ยินเสียงเหล่านั้น ขอเพียงแค่ทำสมาธิมีจิตใจตั้งมั่นเสียงเหล่านั้นก็จะหายไป
หูต้าลู่กลับมาเร็วกว่าที่คิด เพราะของบางอย่างที่น้องสาวต้องการที่ร้านของบิดามีเตรียมไว้อยู่แล้ว เพียงแค่ต้องซื้อเพิ่มไม่กี่อย่างเท่านั้น และเขามาทันได้ยินที่น้องบุญธรรมทั้งสองคุยกันทั้งหมด
คราแรกเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่น้องสาวพูด แต่ก็นึกได้ว่าอาจจะเกิดบางอย่างกับอาเยี่ยนน้อย..
"อาเยี่ยนฟังที่สัตว์พูดคุยกันเข้าใจอย่างนั้นหรือ..แสดงว่าที่เขางอแงตอนอยู่เล้าไก่เป็นเพราะสาเหตุนี้ เขาได้ยินที่พวกมันพูดคุยกัน"
หูต้าลู่รู้ดีว่าความสามารถของน้องชายไม่ธรรมดา แต่เขากลับไม่คิดเปิดโปงสองพี่น้อง แต่ช่วยเก็บเป็นความลับแทน
เขายิ้มแย้มเดินกลับมาที่เกวียนวัว พลางชูถุงขนมในมือให้น้อง ๆ ดู
"พี่ใหญ่กลับมาแล้ว! พวกเจ้าดูนี่ข้าซื้อขนมมาฝาก"
อาเยี่ยนน้อยหลุดจากสมาธิ เขาคว้าถุงขนมไปถือเอาไว้แล้วเปิดออกดูเห็นเป็นขนมแป้งทอดที่เขาชอบกินที่สุด
"อาเยี่ยนจะไม่แบ่งพี่รองหน่อยหรือ"
เห็นน้องชายเอาแต่จ้องขนมที่อยู่ด้านในถุงกระดาษ เขาคงตัดสินใจไม่ได้ว่าจะแบ่งชิ้นไหนให้กับพี่ ๆ ดี
เด็กชายตัวน้อยยอมหยิบชิ้นที่ใหญ่ที่สุดส่งให้พี่สาว ก่อนจะหยิบชิ้นที่เล็กที่สุดส่งให้พี่ชาย
หูต้าลู่ที่เป็นคนซื้อมาทำได้เพียงร้องไห้น้ำตาตกใน เจ้าตัวน้อยของเขายังคงยกให้พี่สาวเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอสินะ
มนตราเดินไปตรวจสอบของที่พี่ชายซื้อมาให้ เห็นว่าวัตถุดิบมีครบแล้วก็ชวนทุกคนกลับบ้านทันที
พอกลับมาถึงเรือนเธอก็เพิ่งนึกได้ว่าตนลืมซื้อเกวียนวัวเสียแล้ว อย่างไรกลับไปตอนนี้คงไม่ทันจึงปล่อยผ่านไปก่อน กลัวว่าหากเดินทางไปมาไม่จบสิ้นแผนการวางขายไก่ขอทานคงต้องถูกเลื่อนออกไปอีก
ไก่ที่จัดการทำความสะอาดทั้งหนึ่งร้อยตัวถูกนำมาส่ง ก่อนที่หญิงสาวจะเดินทางกลับมาถึงแล้ว อี้เทียนเห็นบุตรสาวบุญธรรมสั่งไก่มาเยอะก็ตกใจ
นางเอาไก่มาทำอะไรตั้งหนึ่งร้อยตัว
"ท่านพ่อข้าจะทำไปฝากท่านเจ้าเมืองกับทหารในเมืองด้วยเจ้าค่ะ หากมันอร่อยพวกเขาจะได้บอกต่อกัน ไก่ขอทานของข้าจะได้มีชื่อเสียงมากขึ้น"
"เจ้าคิดจะเปิดร้านอาหารจริง ๆ หรือไม่มีสตรีใดเป็นคนทำครัวมาก่อน"
ร้านอาหารทุกร้านจะเลือกใช้บุรุษเป็นพ่อครัว ไม่รู้ทำไมเหมือนกันมนตราเองก็ไม่เข้าใจ หรือเป็นเพราะบุรุษมีพละกำลังมากกว่า ไม่อ่อนแอเหมือนสตรี ถ้าคิดเช่นนั้นจริง เธอก็อยากจะทำให้ดูว่าสตรีตัวเล็ก ๆ ก็ค้าขายได้เช่นกัน
"ท่านพ่อข้าอยากลองดู หากไม่ลงมือทำจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะไหวหรือไม่ไหวกันแน่ หากคนเรามีความตั้งใจมากพอ ไม่ว่าจะขาดทุนสักเท่าไหร่ก็ถือเสียว่าเป็นบทเรียนชีวิต"
แน่นอนว่าในโลกเดิมเธอก็มีหลักการเช่นนี้ยึดนำต่อการทำธุรกิจ และมันก็ประสบผลสำเร็จดีเสียด้วย จึงอยากนำมาปรับใช้อีกครั้งในโลกนี้
อี้เทียนลูบหัวบุตรสาวบุญธรรมอย่างเอ็นดู เขาเห็นความมั่นใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยมของนาง ก็พอจะทำนายอนาคตล่วงหน้าได้แล้ว
ร้านขายไก่ย่างของบุตรสาวข้าจะต้องโด่งดังไปทั่วแคว้นหมิงแน่นอน
การค้ายังไม่ทันเริ่มคนเป็นพ่อก็ยกยอบุตรสาวขึ้นฟ้าเสียแล้ว...
ความคิดเห็น