คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : เข้าเมืองกันเถอะ
บทที่ 16 เข้าเมืองกันเถอะ
เมื่อสำรวจมิติจนพอใจแล้ว ฟางเหนียงก็พาลูก ๆ ทั้งสองออกจากมิติมาหยุดอยู่ตรงหน้าผาที่เคยเป็นปากถ้ำมาก่อน
ไม่มีใครสังเกตเลยว่าถ้ำได้หายไปแล้ว แต่ตอนนี้ต้องรีบลงจากเขาแล้ว ก่อนที่ฟ้าจะมืดไปมากกว่านี้
ลับหลังพวกเขาจากไปบนหน้าผา ก็ปรากฏเงาร่างสีขาวของชายชรา กำลังทอดสายตามองสามแม่ลูกจากบนผา พลางส่ายหน้ากับชะตาของหญิงสาวต่างโลก ที่ต้องมาประสบเคราะห์กรรมที่ตนนั้นไม่ได้ก่อ
“ข้าช่วยเท่าที่จะช่วยได้ แต่จากนี้ไปข้าคงยื่นมือเข้าไปยุ่งมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว หากเจ้าประพฤติดี คนเขาจะเมตตาเจ้าเองนังหนู”
พูดจบเงาร่างสีขาวก็พลันหายไป ภูเขาทั้งลูกถูกพรางสายตาด้วยหมอกหนาดังเดิม มีเพียงผู้มีบุญสัมพันธ์เท่านั้นที่จะเข้ามาหาสมุนไพร หรือของป่าบนภูเขาลูกนี้ได้
ส่วนคนนอกที่ไม่ได้รับอนุญาต หากลักลอบเข้ามาก็จะหลงทางสามวันถึงจะหาทางออกเจอ ชาวบ้านถึงไม่มาที่ป่าแถวนี้ และคงมีเพียงสามแม่ลูกสกุลซ่งเท่านั้นที่กล้าเข้าไป
แม้ว่ากลับมาถึงบ้านเหนื่อยแค่ไหน แต่ก็ต้องทำหน้าที่แม่ต่อ ระหว่างที่รอให้เซี่ยเหิงไปรับน้อง ๆ กลับมา ฟางเหนียงก็เริ่มทำอาหารรอ
ข้าวเย็นวันนี้ทำง่าย ๆ เพราะร่างกายเหนื่อยล้าเกินไป จนแทบไม่มีแรงทำอะไรต่อไปแล้ว ตอนนี้ท้องไม่หิวมาก แต่อยากนอนพักมากกว่า
หมูทอดงากินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในยามนี้ เพียงเท่านี้เด็ก ๆ ก็ยิ้มแก้มปริแล้ว
ตงซิ่วกินอิ่มคนแรก ก็ถูกมารดาใช้ให้เอาหมูทอดที่แบ่งไว้ไปให้คนบ้านใหญ่ได้กินด้วย
“พรุ่งนี้เช้าเราจะเข้าเมืองกัน เพราะฉะนั้นพวกเจ้าต้องเข้านอนแต่หัวค่ำ เซี่ยเหิงเจ้าไปติดต่อจ้างวานเกวียนเทียมวัวมาที แม่ว่าแม่เดินทางไกลไม่ไหวหรอก เรื่องราคาคนเขาคิดเท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้น”
“ท่านแม่จะเข้าเมืองไปทำอะไรหรือขอรับ?”
“ไปดูลู่ทางหาเงินอย่างไรเล่า แม่ว่าเริ่มเร็วหน่อยก็ดี เรามีทุกอย่างพร้อมแล้วนี่ จะมัวนั่งขี้เกียจชาตินี้ก็ไม่มีวันรวยกับเขาหรอก”
“อีกอย่างแม่ติดหนี้เสี่ยวไป่อยู่หนึ่งร้อยตำลึงทอง แม่อยากปลดหนี้ให้หมดก่อนพ่อของเจ้ากลับมา”
“ขอรับ”
เซี่ยเหิงไม่ถามให้มากความ เรื่องหนี้สินหนึ่งร้อยตำลึงทอง สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดและไม่เคยคิดอยากจะมี แต่เขาเชื่อว่ามารดาเก่งพอ นางสามารถหาเงินได้มากกว่าหนึ่งร้อยตำลึงทองเสียอีก
ในหมู่บ้านไม่มีเกวียนเทียมวัวให้เช่า ถึงมีก็คงไม่มีใครอยากให้ตัวกาลกิณีอย่างฟางเหนียงนั่ง!
เซี่ยเหิงต้องเดินเท้าไปที่หมู่บ้านอื่น พอเจอคนยอมให้เช่า อีกฝ่ายกลับเรียกราคาสูงเกินจริง หลังจากต่อรองราคากันอยู่นาน สุดท้ายก็ตกลงราคากันอยู่ที่หนึ่งร้อยอีแปะ
ราคานี้ถือว่าสูงมาก แต่เพราะต้องเดินทางหลายวัน เดินเท้าห้าวัน นั่งเกวียนสามวัน จ่ายเหมา ๆ คนเดียวถุงเงินก็จะเบาหน่อย แม้ว่าความจริงเงินหนึ่งร้อยอีแปะต้องทำงานทั้งอาทิตย์เชียวกว่าจะได้มา
ช่วงเช้ามืดก่อนออกเดินทาง ฟางเหนียงปิดบ้านเสร็จเรียบร้อยก็เดินมาหาคนที่บ้านใหญ่ เพื่อฝากคนบ้านใหญ่ให้แวะเข้าไปช่วยดูบ้านให้
นางกลัวว่าของจะหาย แต่ไม่มีของมีค่าให้ขโมยหรอก มีแต่ของกินที่อยู่ห้องใต้ดิน ส่วนของที่เสียง่ายก็ขนใส่ตะกร้าสานมาให้บ้านใหญ่หมดแล้ว
สะใภ้รองชะโงกหน้าแอบมองแม่สามี ที่ยืนคุยกับสะใภ้สามอยู่ที่หน้าบ้านผ่านประตู นางสั่งให้สามีหยุดเดิน แล้วลงมือรื้อค้นของในตะกร้าที่เขาถือมา
นางแอบเบะปากเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าด้านในมีเนื้อแค่ไม่กี่ก้อน
“น้องสามเข้าป่าล่าสัตว์มาได้ตั้งเยอะ แต่นางกลับแบ่งเนื้อมาให้บ้านของเราเพียงนิด ให้ท่านพ่อท่านแม่กินได้ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ”
“แต่หากเป็นเจ้า คงไม่มีใจแบ่งให้ท่านพ่อท่านแม่ข้าสักชิ้นหรอก น้องสะใภ้สามยังเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แต่เจ้ากลับยังทำนิสัยเดิม รีบไปทำงานได้แล้ว!”
ถูกสามีพูดตอกหน้าสะใภ้รองก็สะอึกไปเล็กน้อย นางไม่กล้าเถียงสามีนิสัยรุนแรงผู้นี้ หากทำให้เขาหงุดหงิดมีแต่นางที่ต้องเจ็บตัวคนเดียว
แต่งงานกันมาหลายปี แต่นางไม่มีบุตรให้เขาเลยแม้แต่คนเดียว จนเขานอกใจไปแอบหลับนอนกับสตรีอื่น จนมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน
ทว่าก่อนที่ชู้รักสามีจะแต่งงานเข้าบ้านอีกคน นางดันติดโรคตายไปเสียก่อน สะใภ้รองจึงต้องจำใจเลี้ยงดูเด็กชายทั้งที่เกลียดชังเข้าไส้!
เป็นนางเองที่เริ่มแอบไปคบชู้กับลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง หลังแต่งงานได้เพียงหนึ่งเดือน พอถูกสามีจับได้ก็ไม่ยอมหย่า เขาเสนอให้นางอยู่ต่อแต่ต้องดูแลลูกของเขาให้ดี ทั้งสองจะเป็นเพียงสามีภรรยาในนามเพียงเท่านั้น ไม่มีสัมพันธ์ทางกายต่อกันอีก
ทางด้านฟางเหนียง นางรู้ว่าถูกแอบมองอยู่แต่ไม่ได้สนใจมากนัก ในบ้านใหญ่ก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินงัวเงียไปหาบิดาขอข้าวกิน เขาเห็นแล้วว่าใครอยู่หน้าบ้าน แต่มองข้ามหัวไปไม่ทำความเคารพใด ๆ ทั้งสิ้น
เด็กคนนี้อายุน่าจะพอ ๆ กันกับตงซิ่ว แต่อีกฝ่ายดูมีเนื้อมีหนังมากกว่า บ่งบอกถึงการเลี้ยงดูอย่างดี
“ฝากท่านแม่ด้วยนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก ว่าแต่เจ้าจะเอาลูก ๆ ไปหมดเลยหรือ?”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ถ้าเอาไปแค่คนสองคน ที่เหลือจะน้อยใจเอาได้”
“ดีแล้ว ดูแลตัวเองให้ดี แล้วจะไปอยู่กี่วันเล่า?”
“เดินทางไปกลับก็เจ็ดวันแล้ว ข้าว่าจะอยู่ที่นั่นสักเดือนเจ้าค่ะ”
ฟางเหนียงตั้งใจกลับมาเก็บแตงโมไปขายในเมือง นางไม่บอกใครเลยว่าผลผลิตที่อยู่ในที่ดินของนางนั้นคืออะไร รอให้ถึงเวลาทุกคนจะรู้พร้อมกันเอง
ถึงคราวนั้นค่อยคิดหาคำแก้ตัวเอาภายหลัง คงบอกว่ามันขึ้นของมันเอง ใครไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะคนบ้านสามไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน
หรือจะคิดไปว่าคนบ้านใหญ่ปลูกให้ก็ใช่เรื่อง ทำไมพวกเขาถึงไม่ปลูกในที่ดินของตัวเองเล่า ผลไม้ราคาสูงเช่นนี้ใครเล่าจะหยิบยื่นก้อนทองให้ผู้อื่นง่าย ๆ
“ข้าต้องไปรอเกวียนที่หน้าหมู่บ้าน ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
“ไปดีมาดีเล่า”
ฟางเหนียงบอกลาแม่สามี ก่อนจะพาลูก ๆ เดินไปยังจุดที่เซี่ยเหิงนัดหมายกับเจ้าของเกวียนไว้ พอไปถึงก็เห็นอีกฝ่ายมารอก่อนแล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้จูงลูก ๆ ไปนั่ง เจ้าของเกวียนก็แบมือขอค่าจ้างเสียแล้ว
“เงินค่าเกวียนเล่า?”
ฟางเหนียงไม่คิดมาก นางมอบพวงอีแปะพวงเดียวที่เหลืออยู่ให้กับเขา อีกฝ่ายไม่เชื่อใจเพราะรู้ประวัติของร่างเดิมดี จึงนับมันทีละเหรียญต่อหน้านาง
“ครบตามที่ตกลงกันไว้ แต่เจ้าขนกันมาหมดบ้านเลยหรือ?”
อีกฝ่ายถามไม่ใช่เพราะนึกห่วงอะไร แต่เพราะต้องการเล่นแง่เรียกร้องเงินเพิ่มต่างหาก
ฟางเหนียงเองก็ไม่อยากเสียเงินให้กับความเจ้าเล่ห์ของใคร นางส่งยิ้มกลับไปแต่ดวงตาไม่ยอมยิ้มด้วย จ้องเขม็งจนอีกฝ่ายขนลุกไปทั้งตัว
“พวกข้าไม่มีสัมภาระใหญ่ ๆ ถือว่าเจ๊ากันนะเจ้าคะ อีกอย่างข้าจ้างท่านตั้งหนึ่งร้อยอีแปะ เงินจำนวนไม่ใช่น้อย ๆ เลย ท่านว่าหรือไม่เล่า”
“เกวียนของข้าลากพวกเจ้าทั้งหมดไม่ไหวหรอก”
“เชื่อข้าสิเจ้าคะ มันลากไหวแน่นอน ไม่แน่อาจถึงเร็วกว่ากำหนดก็เป็นได้”
ระหว่างที่พูดคุยกัน ตงซิ่วก็แอบกระทำการบางอย่างลับหลังเจ้าของเกวียนวัว เขาเอาหญ้าสดที่พรมด้วยน้ำในมิติให้เจ้าวัวกิน แค่เพียงได้กลิ่นมันก็ทนไม่ไหว รีบเคี้ยวกลืนลงคอทันที ทั้งยังส่งสายตาขอเพิ่มอีก
น้ำในมิติทำให้ร่างกายของวัวแก่ รู้สึกมีพลังกลับมาเหมือนตอนเป็นวัวหนุ่มอีกครั้ง มันร้องเบา ๆ เหมือนอยากบอกว่าขอเปลี่ยนเจ้านายที
ซีซวนที่จับมือน้องชายอยู่ข้างมารดา เขาจ้องมองไปยังเจ้าวัวตาไม่กะพริบ มือน้อย ๆ ยกขึ้นเกาหูคิดว่าตนคงหูฝาดไปเอง
ความคิดเห็น