ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #15 : แหวนมิติ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 15 แหวนมิติ

    ตงซิ่วรีบคลานเข้ามาในถ้ำหลังจากได้ยินเสียงร้องของพี่ชาย เมื่อเข้ามาด้านในก็เห็นพี่ชายกำลังนั่งคุกเข่าคำนับอากาศอยู่

    เด็กชายได้แต่ยืนสงสัย พอเงยหน้ามองก็เห็นมารดายิ้มให้อย่างปลาบปลื้มใจ เหมือนดีใจอะไรสักอย่าง

    “ระหว่างที่ข้าคลาดสายตาไปมันเกิดอะไรขึ้น!?”

    [เจ้านายมาหาข้าสิขอรับ ข้าน้อยอยู่นี่]

    เสียงตำราในหีบร้องเรียกให้เจ้านายมาหาตน สมบัติวิเศษของตงซิ่วคือคลังความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรต่าง ๆ นั่นเอง

    หากเขาเรียนรู้ครบกระบวนความ ก็จะเลื่อนขั้นเป็นหมอเทวดาได้

    “เจ้ารองไม่ต้องตกใจ รีบเข้าไปคุยกับตำราให้เข้าใจเร็วเข้า แล้วอย่าลืมขอบคุณท่านเจ้าป่าด้วยเล่า”

    ฟางเหนียงบอกกับบุตรชายคนรอง นางคิดว่าตำราที่ลองเปิดดูแล้วพบว่ามีเพียงหน้ากระดาษเปล่า คงมีแค่คนที่มันเลือกเท่านั้นที่มองเห็นตัวอักษรได้ บุตรชายคนโตได้ดาบวิเศษไปแล้ว ตำราก็คงเป็นของตงซิ่ว

    ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเค่อคนที่ตั้งแง่คิดว่าพี่ชายเป็นบ้า ก็กำลังคุกเข่าเอาหัวโขกกับพื้นขอบคุณท่านเจ้าป่าที่มอบของวิเศษให้

    “ของข้าเป็นอาวุธ ของน้องรองเป็นตำรา แล้วของท่านแม่เล่าเป็นอะไร?”

    เซี่ยเหิงตื่นเต้นอยากเห็นของวิเศษที่มารดาได้รับ ฟางเหนียงจึงคลำผนังถ้ำหาช่องเล็ก ๆ ตามที่ระบบบอก จนปลายนิ้วไปเคาะโดนกล่องไม้เล็ก ๆ จึงรีบหยิบมันเปิดออกดู พบว่ามีแหวนสองวงอยู่ด้านใน

    “…”

    ทั้งสามคนยืนล้อมวงมองแหวนในกล่องไม้ มันคือแหวนหยกมันแพะธรรมดาที่มีราคาสูง แต่ไม่ได้หายากขนาดนั้น หากมีเงินก็หาซื้อได้ทั่วไป ดูอย่างไรมันก็ไม่ใช่ของวิเศษสักนิด

    “ธรรมดามากเลยขอรับ”

    ฟางเหนียงหันขวับมองบุตรชายหน้าบูดบึ้ง นี่ข้ากำลังถูกลูกขิงใส่อยู่หรือนี่ โธ่เอ๊ย รู้แล้วน่า ก็เห็นพร้อมกันอย่ามาซ้ำเติมกันนักสิ!

    “ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ของวิเศษ แต่น่าจะขายได้เงินอยู่นะ”

    ฟางเหนียงไม่คิดมาก เพราะอย่างไรลูกก็ได้ของดีไปแล้ว นางอยากลองใส่แหวนดูเผื่อใส่เข้ากับนิ้วได้จะได้เก็บไว้หนึ่งวง

    ทว่าทันทีที่นิ้วสัมผัสกับแหวน ก็มีแสงสีขาวพุ่งเข้าใส่ตาของคนทั้งสาม สักพักร่างของพวกเขาก็หายไปพร้อมกับแสงนั้น

    พร้อมกับถ้ำที่เคยเป็นโพรง ถูกปิดผนึกดังเดิมกลายเป็นหน้าผาธรรมดา จนไม่อาจรู้ได้ว่าเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนมันเคยเป็นถ้ำสมบัติมาก่อน

    วาบ...ฟุบ

    ร่างของคนทั้งสามตกลงบนพื้นหญ้าหนานุ่ม ฟางเหนียงตกใกล้ ๆ กับพื้นที่ลาดชัน กลิ้งอยู่หลายตลบจนตกลงไปในน้ำดังตู้ม!

    นางสำลักน้ำตะเกียกตะกายว่ายท่าหมาตกน้ำขึ้นมาบนฝั่ง โดยมีลูก ๆ ช่วยกันดึงมือให้นางขึ้นมาจากน้ำ

    “แค่ก ๆ ตกใจหมดเลย โอ๊ย แสบตาชะมัด ไม่ใช่ตาบอดแล้วหรือ แสงสว่างวาบขนาดนั้นน่ะ”

    “ทะ...ท่านแม่”

    ฟางเหนียงรับรู้ถึงเสียงอันสั่นเครือของลูกไม่น้อย จึงลืมตาขึ้นดู

    [ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะนายหญิง คุณชายทั้งสองด้วยนะเจ้าคะ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ที่นี่คือมิติแห่งการเกษตร พืชผลที่ถูกปลูกที่นี่จะโตเร็วกว่าด้านนอกหนึ่งร้อยเท่า]

    [แต่มีข้อแม้ว่าต้องลงมือปลูกเองเท่านั้น เห็นโกดังตรงนั้นหรือไม่ ด้านในนั้นมีอุปกรณ์ทุกอย่าง ที่จะช่วยทุ่นแรงในการเพาะปลูกเจ้าค่ะ]

    [ส่วนน้ำในลำธารเป็นน้ำวิเศษ ที่เชื่อมต่อกับสวรรค์ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ทุเลาลงได้]

    [นายน้อยคนรองสามารถตักไปใช้ได้เจ้าค่ะ ส่วนคุณชายใหญ่ทุกครั้งที่รับการฝึกอันหนักหน่วงจากดาบวิเศษ เมื่อลงมาแช่น้ำที่นี่ร่างกายจะรู้สึกสดชื่นขึ้นเจ้าค่ะ]

    [มิตินี้คนนอกไม่สามารถเข้าได้ นอกจากครอบครัวของนายหญิงเจ้าค่ะ หากในอนาคตคุณชายทั้งสองคิดร้ายต่อมารดา ระบบจะลบความทรงจำของท่าน และท่านจะไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของระบบอีก]

    เสือขาวตัวเท่าลูกแมวกระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ มันพูดเจื้อยแจ้วอธิบายเกี่ยวกับมิติอยู่นานสองนาน

    ฟางเหนียงรู้จักกับระบบมาก่อนแล้วจึงไม่ได้ตกใจอะไร เสือขาวก็เหมือนแมวน่ารักเกินกว่าที่จะกลัว แปลกตรงที่มันพูดได้ก็เท่านั้น

    “โอ้ ดีเลยถ้า เช่นนี้สมมุติว่าข้าปลูกข้าว กี่วันถึงจะเก็บเกี่ยวได้”

    [สิบห้าวันโดยประมาณเจ้าค่ะ]

    “แล้วเลี้ยงสัตว์เล่า?”

    [ได้เจ้าค่ะ แต่ในมิติจะเกิดการเวียนว่าย ตาย เกิดเร็วมาก นายหญิงต้องคิดให้รอบคอบ]

    “ดีหมดทุกอย่าง ยกเว้นต้องลงมือปลูกเองนี่แหละ เด็ก ๆ แม่ว่าเราไปสำรวจรอบ ๆ กันดีกว่า”

    ในมิติมีทุ่งหญ้าเขียวขจียาวไกลสุดลูกหูลูกตา มีภูเขาน้ำตกอยู่หนึ่งลูก มีโรงนาขนาดใหญ่ไว้เก็บของ และเก็บผลผลิตทุกอย่างที่ทำการปลูกในมิติ

    จะว่าไปแล้วก็เปรียบเสมือนหลุมดำ ดูภายนอกเหมือนเก็บของได้น้อย แต่หากเข้าไปจริง ๆ แล้วมันกว้างมากพอให้เก็บผลผลิตได้ไม่จำกัด

    ตงซิ่วเห็นมารดาดูปกติมาก เหมือนไม่ตกใจกับสิ่งที่เห็น นี่มันดีกว่าของวิเศษที่ตัวเขากับพี่ชายได้มาเสียอีก ท่านแม่ได้ดินแดนที่อัดแน่นอยู่ในแหวนหนึ่งวง แต่นางไม่ตกใจดู ๆ ไปแล้วเหมือนรู้มาก่อน

    “ท่านแม่ไม่ตกใจหรือขอรับ?”

    ฟางเหนียงเอี้ยวตัวหันมองบุตรชาย เจ้าใหญ่ของนางกลายเป็นก้อนหินไปแล้ว ส่วนเจ้าลูกคนรองยังคงรักษาท่าทีได้ดี สงสัยก็ถามออกมาไม่เหนียมอาย ส่วนเรื่องตกใจไว้ค่อยทำทีหลัง

     “ไม่เห็นต้องตกใจ ตอนที่แม่สลบไปก็มาอยู่ในดินแดนที่คล้าย ๆ เช่นนี้ แม่นึกว่าตัวเองตายไปแล้วเสียอีก สุดท้ายก็รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด เพราะเจอควายเหล็กในมิติขวิดเอา”

    “เจ้ายังไม่เคยเห็นควายเหล็กสินะ เอาเป็นว่าแม่เคยอยู่ในที่แปลกประหลาดมาก่อนน่ะจ้ะ”

     สามวันเหมือนสามร้อยปีที่แม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ภาษาพูดก็ไม่เหมือนโลกของเรา วัฒนธรรม สิ่งรอบตัวก็ไม่เหมือนกัน แม่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมานาน ก็เลยลืมทุกอย่างที่โลกเก่าจนสิ้น

    รีบ ๆ เดินสำรวจด้านในกันดีกว่า จะได้กลับบ้านกัน ป่านนี้น้อง ๆ คงรอแย่แล้ว สงสัยอะไรอีกก็ค่อยไปคุยกันที่บ้าน”

    หญิงสาวเดินนำหน้าบุตรชายไปสำรวจโรงนาเก็บของ ด้านในมีเครื่องมือทุ่นแรงมีตั้งแต่เสียมเล็ก ๆ ยันรถไถคันเท่าช้าง ไปจนถึงรถขุดดินรุ่นที่ดีที่สุดในโลก

    หากต้องการอะไรเกี่ยวกับการเกษตร โรงนาแห่งนี้มีหมดทุกอย่าง

    เดินไปเดินมาเด็กชายทั้งสองก็ไม่ตื่นเต้นอีกต่อไปแล้ว แต่พวกเขารู้สึกเหนื่อยแทน จนต้องหยุดนั่งพักมองมารดาเดินตัวปลิวลืมน้ำหนักของตัวเอง

    นางเดินไปตรงนั้นทีตรงนู้นที ใครว่านางไม่ตื่นเต้นกันเล่า นางเก็บอาการอยู่ต่างหาก!

    เสือน้อยเดินตามเจ้านายไม่ห่าง นางสงสัยอะไรมันก็ตอบได้หมด

    [นายหญิงท่านยังไม่ตั้งชื่อให้ข้าน้อยเลยนะเจ้าคะ]

    ฟางเหนียงไม่สนใจเสือขาวที่เดินตามติดแจ นางกำลังนั่งเลือกเมล็ดพันธุ์ผักที่ต้องการเพาะปลูก คิดไว้ว่าจะทำอาหารขายในเมือง คงเป็นบะหมี่เกี๊ยวน้ำต้มยำหมู เน้นผักกับเส้นลูกค้าจะได้อิ่ม ๆ ใส่หมูเยอะกว่าร้านอื่นหน่อย เพราะข้าวางแผนไว้แล้วว่าจะเลี้ยงหมูในมิติด้วย

    “อืม เจ้าเหมือนแมว เช่นนั้นชื่อเจ้าเหมียวดีหรือไม่”

    […]

    “ไม่พอใจหรือ ชื่อเจ้าเหมียวน่ารักดีออก”

    [แต่ข้าน้อยเป็นเสือที่น่าเกรงขาม]

    ฟางเหนียงเลื่อนสายตามองมัน ตั้งแต่หูที่ตั้งชันไล่ไปจนถึงปลายหาง ตัวยาวเท่าไม้บรรทัดเอาอะไรมาน่าเกรงขาม ออกไปด้านนอกมีหวังได้ถูกวัวไล่ชนเอาน่ะสิ

    “งั้นเสี่ยวไป่แล้วกัน”

    เสี่ยวไป่น้อยถอนหายใจ ไม่ว่าจะกี่ภพชาติก็ยังคงถูกตั้งชื่อว่าเสี่ยวไป่ทุกครั้งไป เจ้านายหัวทึบคนนี้ไม่คิดจะใช้สมองสักนิดเลยหรือ

    เอาเถอะ เสี่ยวไป่ก็เสี่ยวไป่ ดีกว่าชื่อเจ้าเหมียวแล้วกัน

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×