คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ทำเลทอง
ตอนที่ 15 ทำเลทอง
เช้าวันต่อมา
ยามเช้ามนตราตื่นก่อนเป็นคนแรก อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้ดื่มเหล้ากับเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลาย กลุ่มคนที่พากันดื่มเหล้ากันเมื่อคืนนอนกระจายกันเต็มลานหน้าเรือน
พวกเขาไม่กลัวหนาวกันเลยหรือ
มนตราเห็นว่าดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว เธอจึงถือโอกาสที่ยังไม่มีใครตื่นพาน้องชายเดินไปอาบน้ำที่ลำธารท้ายหมู่บ้าน
เมื่อคืนเธอแค่เช็ดตัวให้ตนเองลวก ๆ เท่านั้น บุรุษอยู่เต็มบ้านเช่นนี้จะให้แก้ผ้าอาบน้ำอย่างสบายใจได้อย่างไร
อาเยี่ยนถูกพี่สาวปลุกก็ไม่งอแงเลยแม้แต่น้อย เขาลุกขึ้นนั่งหลับตามองซ้ายมองขวา หญิงสาวเห็นดังนั้นก็ใช้นิ้วเรียวยาวเปิดหนังตาช่วยอีกแรง
"ว่าอย่างไรคนเก่งของพี่ใหญ่..หากเจ้ายอมตื่นพี่ใหญ่จะพาไปดูกระต่ายดีหรือไม่"
อาเยี่ยนน้อยเบิกตากว้าง เมื่อวานพี่ชายพาเขาไปเล่นกับกระต่ายจนเหนื่อย ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน ตื่นมาอีกทีก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว
เด็กน้อยกระโดดขึ้นนั่งตักพี่สาว ออดอ้อนให้เธออุ้ม ร่างเล็ก ๆ ของฉินฉินวัยสิบสามปีผอมแห้ง แต่ยังยอมอุ้มน้องชายเดินออกจากบ้านไป เธอใช้วิธีเดินชิดขอบกำแพงเอา จะให้ข้ามตัวผู้อาวุโสที่นอนอยู่เกรงว่าคงไม่เหมาะสม
บ้านมารดาของหญิงสาวอยู่กลางหมู่บ้าน ระหว่างทางย่อมต้องเจอผู้คนที่ตื่นมาทำไร่ทำนาแต่เช้า
ชาวบ้านเห็นสองพี่น้องแต่ไม่มีใครเข้ามาทัก หรือพูดอะไรไม่ถูกหูให้ได้ยินอีก ต่างพากันก้มหน้าทำงานเหมือนยุ่งมากจนมองไม่เห็นคน
มนตราเดินผ่านพวกเขาไป ไม่มองให้เสียสายตาเช่นกัน
ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุดแล้ว
เป็นเสี่ยวชิงบุตรสาวของลุงหวังเดินกลับมาพร้อมพี่ชาย หลังจากเข้าไปเก็บผักในสวนผักของครอบครัว นางเห็นสองพี่น้องกำลังเดินมาทางตนก็รีบเอ่ยปากทักทายก่อนทันที
"ฉินฉิน! นี่ยังเช้ายิ่งนัก พวกเจ้าจะไปไหนกันหรือ"
ปากเล็กของฉินฉินฉีกยิ้มตอบกลับสองพี่น้อง ด้วยแววตาทอประกาย
"ข้าจะพาอาเยี่ยนไปเดินเล่นเจ้าค่ะ พวกท่านเพิ่งกลับมาจากสวนหรือ"
"ใช่ ผักในสวนของข้าโตพอจะเก็บได้แล้ว ท่านพ่อบ่นอยากกินผักลวก ข้าเลยต้องตามใจเขาเสียหน่อย..พวกเจ้าสองพี่น้องกินอะไรกันมาหรือยัง ไปกินข้าวที่บ้านข้าก่อนสิ"
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ...เอ่อ..ม่านอวี้ฉันขอโทษ เอ๊ย ข้าขออภัยด้วยเจ้าค่ะ เมื่อวานข้าได้เสนอชื่อท่านให้รับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านคนใหม่แก่ใต้เท้าฉู่ไป ทั้งที่ความจริงแล้วข้าควรจะมาถามความเห็นของท่านก่อน"
ม่านอวี้เป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ เขามีคู่หมั้นคู่หมายเป็นหญิงสาวในเมือง แต่นานมากแล้วที่ไม่ได้ติดต่อกัน มีเพียงฝ่ายหญิงที่ส่งจดหมายมาขอเงินเขา แต่ไม่ยอมออกมาเจอหน้ากัน
มนตรานิ่งไปสักพักก็มีความทรงจำของฉินฉินผุดขึ้นมา ก็ให้รู้ว่าฉินฉินเองก็รู้เรื่องนี้เช่นนี้กัน เด็กสาวเคยเห็นสาวรับใช้ของฝ่ายหญิงมาขอเงินม่านอวี้ถึงเรือน ใจความว่าคุณหนูของตนป่วยต้องการยาแต่ไม่มีเงินรักษา
ด้วยความเป็นห่วงคนรัก ชายหนุ่มจึงยอมควักเงินเก็บของตนส่งให้สาวใช้ผู้นั้นนำไปซื้อยารักษานาง
"ท่านโดนหลอกแล้วเจ้าค่ะ หากนางรักท่านจริง นางจะทำทุกวิถีทางเพื่อมาเจอคนรักให้ได้ แต่นี่อะไรต้องการเพียงแค่เงินเท่านั้น หน้าตาสวยดังนางฟ้าลงมาจุติบนโลกมนุษย์หรือ ถึงได้คิดว่าตนวิเศษวิโสนัก แม้แต่หน้ายังไม่ยอมมาให้เห็น"
ฉินฉินได้แค่คิดไม่กล้าพูดออกมา..
ม่านอวี้เห็นหญิงสาวเหม่อลอย ก็นึกว่าอีกฝ่ายรู้สึกผิดที่พูดเช่นนั้น
"ข้าเข้าใจ..ดีเสียอีก เป็นผู้ใหญ่บ้านย่อมเท่ากับว่าเป็นคนของทางการ ใครเล่าจะไม่ชอบ..ข้าต้องขอบใจเจ้าเสียด้วยซ้ำ"
ร่างเล็กถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก อาเยี่ยนที่ถูกพี่สาวอุ้มเอาไว้หันหน้ามองคนนั้นคนนี้ที ในที่สุดเขาก็ทนรอไม่ไหวแล้ว
"พี่ใหญ่อาเยี่ยนอยากไปดูกระต่ายแล้ว"
ม่านอวี้หัวเราะเสียงดังลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู ก่อนจะชวนน้องสาวของตนกลับจวนก่อน
วงแขนเล็ก ๆ ของฉินฉินอุ้มน้องชายเดินชมวิวไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบร้อน เมื่อเดินพ้นเรือนหลังสุดท้ายมาได้ บรรยากาศรอบข้างก็เปลี่ยนไปกลายเป็นอุโมงค์ป่าทึบ เดินเท้าต่ออีกหน่อยก็เจอพื้นดินกว้างยาวสุดลูกหูลูกตา ไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้ามาไกลถึงที่นี่นอกจากเธอ
แค่ทางเข้าป่าทึบพวกเขายังไม่กล้าย่างกรายเข้ามา เพราะกลัวจะถูกสิ่งอัปมงคลตามติดตัวกลับบ้านไปด้วย
ตั้งแต่โบราณมามีความเชื่อว่า ใครที่เดินผ่านป่าทึบจะกลับมาตายที่เรือนอย่างปริศนาหาสาเหตุการตายไม่ได้
ในความทรงจำของฉินฉินกำลังบอกมนตราว่า ร่างเล็ก ๆ นี้เดินสำรวจป่ามาหลายครั้งก็ไม่เห็นเป็นอะไร บางทีภายในป่าอาจมีสมุนไพรล้ำค่าซ่อนอยู่
และเพื่อไม่ให้สมุนไพรล้ำค่านั้นถูกพบ คนยุคก่อนจึงต้องออกกุศโลบายหลอกให้คนกลัว มนตราวิเคราะห์จากความทรงจำและคิดว่าต้องเป็นเช่นนั้น ผนวกกับบริเวณนี้ยังมีสัตว์มีพิษทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ซ่อนอยู่ พิษของมันให้เดาคงร้ายแรงนัก หากโดนกัดไม่ทันตั้งตัวพิษอาจแล่นเข้าสู่หัวใจก็เป็นได้
มีคนเชื่อย่อมมีคนไม่เชื่อ สมุนไพรล้ำค่าที่ว่าคงถูกคนรุ่นเก่าเข้ามาเก็บไปขายหมดแล้ว อาจเหลือเพียงเห็ดป่าให้เก็บเท่านั้น หากโชคดีหน่อยอาจจะเจอโสมต้นเล็ก ๆ เหมือนที่ฉินฉินคนเก่าเจอ
หญิงสาวพาน้องชายเดินขึ้นเขาไปยังเรือนร้าง พอเห็นกระต่ายน้อยอาเยี่ยนก็ดิ้นจะลงให้ได้ มนตราเห็นว่าทางเดินปลอดภัยจึงปล่อยให้เขาไป
อาเยี่ยนที่คุยกับสัตว์ได้กำลังเล่าเรื่องที่ตนเองพบเจอมาให้กระต่ายสามพี่น้องฟัง เล่าออกรสอย่างเป็นตุเป็นตะ ไม่รู้ว่ากระต่ายน้อยได้ฟังบ้างหรือไม่ เห็นมันนอนหลับตาหูลู่ตกลงมาบนพื้น
มนตราไปยืนอยู่ริมเขาและมองลงมาจากมุมสูง เธอเห็นเป็นพื้นที่ทำไร่ทำนาที่ผ่านกาลเวลามาหลายปี พื้นที่นั้นคงไม่มีคนผ่านเข้ามานานแล้ว หญ้าถึงได้สูงปกคลุมพื้นดินไปหมด ข้างกันมีคลองน้ำไหลผ่านเหมือนมีคนเคยขุดเอาไว้
"นี่มันทำเลทอง! มีน้ำมีดินครบไม่มีใครต้องการเลยหรือ คนพวกนี้จะขี้ขลาดตาขาวไปถึงไหน แต่ก็ดีโชคก้อนใหญ่นี้จะได้เป็นของฉันคนเดียว"
อาเยี่ยนเห็นกระต่ายหลับไปแล้วเกิดรู้สึกเบื่อหน่าย ร่างผอมแห้งจึงเดินมานั่งคอตกข้างพี่สาว
"พี่ใหญ่กระต่ายน้อยหลับไปแล้ว พวกมันเอาแต่บอกว่าเบื่อ ไม่อยากฟังอาเยี่ยนบ่นอีก"
เห็นน้องชายไม่มีความสุข มนตราจึงชวนเขาไปเล่นน้ำ เธอเห็นกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ที่มีไข่อยู่เต็มท้อง นึกอยากจะจับพวกมันขึ้นมาย่างจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บ ๆ แต่น้องชายผู้รักสัตว์กลับเอาน้ำตาเข้าสู้
อาเยี่ยนน้อยทั้งกอดทั้งซบ ขอร้องให้พี่สาวไว้ชีวิตพวกมัน
มนตราได้แต่อดทนหาจังหวะที่น้องชายเผลอ แล้วจับพวกมันโยนเข้าไปในมิติช่องว่างบนข้อมือ หากพวกมันหาทางกลับลงน้ำเองได้ ก็ให้ถือว่ารอดชีวิตไปแต่ถ้าไม่ละก็...เตรียมลงท้องเธอได้เลย
ขณะที่สองพี่น้องกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน อี้เทียนที่นอนหลับเป็นตายก็ตื่นขึ้นมา มองซ้ายมองขวาหาบุตรสาวไม่เจอนึกว่านางถูกลักพาตัวไป
"พวกเจ้าตื่นได้แล้ว..มีใครเห็นลูกสาวข้าบ้าง"
หูต้าลู่ถูกบิดาถีบตกชานเรือนตื่นขึ้นมานั่งด้วยความมึนงง ไม่ทันได้หาสาเหตุก็ได้ยินเสียงบิดาโวยวายดังลั่น
ตาแก่ในสายตาลูกชายวิ่งไปทางนั้นทีทางโน้นทีเหมือนหมาบ้า เขาผู้เป็นบุตรชายย่อมรู้วิธีรับมือดี เพียงแต่ต้องรอให้บิดาใจเย็นก่อนถึงจะคุยกันได้
"ท่านพ่อหาอะไรหรือ"
"น้องสาวเจ้าหายไปแล้ว!"
อี้เทียนว้าวุ่นวิ่งไปเปิดไหเหล้าดู เผื่อบุตรสาวจะเข้าไปซ่อนอยู่ด้านใน
หูต้าลู่ไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนเช่นบิดา จึงพยายามเอ่ยอย่างใจเย็น
"ท่านพ่อน้องสาวอาจจะพาอาเยี่ยนไปเดินเล่นก็ได้ ฟ้าสว่างขนาดนี้นางคงจะไม่นอนหลับอุตุอยู่ในห้องเหมือนกับท่านหรอกขอรับ"
อี้เทียนหยุดวิ่งทันที ที่บุตรชายพูดมาก็อาจเป็นไปได้ เด็กคนนั้นต้องตื่นเช้าจนเคยชิน นางไม่มีทางนั่งรออยู่ในเรือนเฉย ๆ คงออกไปหาอะไรทำแน่
"เจ้าว่าจะมีคนลอบทำร้ายนางหรือไม่"
"ชาวบ้านเขารู้กันหมดแล้วว่าน้องเล็กมีคนหนุนหลัง ยามนี้นางไม่ธรรมดาแล้ว นอกจากใต้เท้าฉู่ยังมีท่านเจ้าเมืองที่เอ็นดูนางด้วยอีกคน ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วงไป เดี๋ยวหยินหยางในกายปั่นป่วนขึ้นมาจะแย่เอานะขอรับ"
อี้เทียนยกมือตบศีรษะบุตรชายโทษฐานพูดจาไม่เข้าหู
"ข้ายังไม่แก่! เจ้าจะแช่งให้ข้ารีบตายไปถึงไหนไอ้ลูกไม่รักดี"
สองพ่อลูกเถียงกันยามเช้าพอหอมปากหอมคอ ก่อนจะพากันเดินเข้าครัวใช้ของที่เหลือจากเมื่อวานมาทำอาหารเช้าให้ทุกคนกิน
ทหารหลวงตื่นขึ้นมาอย่างงุนงง แต่ต้องมีความรับผิดชอบ เมื่อเห็นว่าพวกตนทำบ้านผู้อื่นรกก็ช่วยกันเก็บกวาดจนสะอาดเอี่ยมอ่อง
มนตราที่อาบน้ำเสร็จพาอาเยี่ยนน้อยกลับเรือนมาทันเวลาที่อวี้เทียนทำข้าวต้มเสร็จพอดี ทุกคนเดินเรียงแถวมาตักข้าวต้มคนละถ้วย โดยมีผู้อาวุโสคอยบอกว่าหากไม่อิ่มให้มาเติมใหม่ได้อย่างไม่หวงของ
ใต้เท้าฉู่ขี่ม้ามาแต่เช้า เขากระโดดลงจากหลังม้าเดินตรงมาหาหญิงสาวที่ตนพึงใจ พลางส่งยิ้มหวานอย่างมีความนัยให้นาง
"แม่นางฉินฉินเจ้ากินอะไรแล้วหรือยัง ข้าซื้ออาหารเช้าจากเหลาตี้.."
"นางกินแล้ว"
หูต้าลู่ผู้เป็นพี่ชายที่นั่งเล่นเป็นเพื่อนอาเยี่ยนตอบแทนน้องสาว
บิดาเตือนเขาแล้วว่า ไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนคนนี้คิดจะจีบน้องสาวของเขา หากเห็นคนสองคนอยู่ใกล้กันเมื่อไหร่ ให้กันทั้งคู่ออกห่างจากกันทันที
ใต้เท้าฉู่ไม่ยอมแพ้ เขาหาที่นั่งข้างหญิงสาวแล้วหยิบห่อขนมออกมา แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงอี้เทียนก็ดังออกมาจากห้องครัว
"ฉินฉินมาช่วยพ่อหั่นผักในครัว ใต้เท้าฉู่มาถึงแล้วก็ไปเริ่มงานของท่านเสีย อย่ามาเสียเวลาตรงนี้อีกเลย"
ร่างเล็กของฉินฉินวางตะกร้าที่ยังฝึกสานไม่สำเร็จลงตามคำขอ
"ข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ"
อาเยี่ยนได้กลิ่นขนม เขาจ้องมองถุงในมือใต้เท้าฉู่ตาไม่กะพริบ น้ำลายแทบจะหกออกมาอยู่แล้ว
ถึงจะอยากกินแต่ต้องอดทนเอาไว้ เพราะพี่สาวบอกว่าหากเจ้าของเขาไม่อนุญาตห้ามกินเด็ดขาด
"อาเยี่ยนอยากกินขนมหรือ ตอนบ่ายพี่ใหญ่จะพาเจ้าไปซื้อขนมในเมืองเยอะ ๆ เลยดีหรือไม่"
"จริงหรือ..ทำไมท่านใจดีจัง..แต่พี่ใหญ่เคยบอกไว้ว่าห้ามกินของผู้อื่น"
"พี่สาวของเจ้าไม่ใช่พี่ใหญ่อีกต่อไปแล้ว ข้าต่างหากที่เป็นพี่ใหญ่ ต่อจากนี้เจ้าต้องเรียกนางว่าพี่รอง"
ใต้เท้าฉู่เห็นเด็กชายสนใจขนมในมือของตนก็คิดแผนใหม่ขึ้นมาได้
เข้าทางบิดาก็ลำบาก เข้าทางพี่ชายก็ยากเย็น ถ้าเช่นนั้นคงเหลือเข้าทางน้องชายของนางแล้วกัน
"เด็กน้อยข้าให้เจ้า"
อาเยี่ยนน้อยหันหน้าหนีทันทีเมื่อได้ยินคนแปลกหน้าพูดเช่นนั้น เขากำลังต่อสู้กับความอยากกิน แต่ท่านพ่อบอกไว้ว่าพี่ชายหน้าขาวจะมาแย่งพี่สาวไปจากเขา ห้ามคุยกับชายผู้นี้เขาเป็นคนไม่ดี
"ไม่..ไม่กินแล้ว..พี่ใหญ่จะซื้อให้อาเยี่ยนใหม่..ท่านเป็นคนไม่ดีห้ามแย่งพี่สาวไปจากอาเยี่ยนนะ"
หูต้าลู่อยากจะยกนิ้วให้น้องชายคนใหม่ของเขาเสียเหลือเกิน
"อาเยี่ยนทำดีมาก พี่ใหญ่จะเหมาขนมให้เจ้ากินทั้งร้านเลยดีหรือไม่"
จบกัน...ไม่มีทางอื่นเหลือให้เขาลอดเข้าไปแล้ว..
ใต้เท้าฉู่ตัดปัญหาโดยการโยนถุงขนมให้คนของตนกินแทน
เขาเดินคอตกไปทำหน้าที่ต่อจากเมื่อวานให้เรียบร้อย...
อึก..แม่นางข้าจะไม่ยอมแพ้ ยิ่งได้ใจเจ้ามายากเท่าไหร่ ข้าจะยิ่งทะนุถนอมเจ้าให้มากเท่านั้น
ความคิดเห็น