ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกิดใหม่ครั้งนี้ขอให้ร่ำรวยเงินทอง (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #14 : สตรีจอมขี้เกียจจ่ายตลาด

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 66


    บทที่ 10 สตรีจอมขี้เกียจจ่ายตลาด

    เหลียนฮวานั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีสามีเป็นคนเข็นอยู่ด้านหลัง มีสามีดีสบายไปทั้งชาติจริงด้วย เจออย่างนี้ไปจะไม่ให้ข้าคลั่งรักได้อย่างไร

    ร้านค้าที่นางต้องการซื้อของเป็นร้านแรก คือร้านของป้าจาง

    “ป้าจางข้ามาแล้ว...”

    เสียงร้องเรียกของหญิงสาวดังมาแต่ไกล นางจางกำลังจัดของอยู่ในร้านต้องชะโงกหน้าออกมาดู นางเป็นคนเดียวที่ไม่เชื่อข่าวลือไร้สาระของเหลียนฮวา

    คนในหมู่บ้านว่างมากเวลาส่วนใหญ่มักใช้พูดถึงเรื่องบ้านอื่น พูดไปพูดมาไม่เคยพูดถึงสิ่งดี ๆ เลยสักครั้ง ความทุกข์ของผู้อื่นคือความสนุกของเรา คนประเภทนี้ส่วนใหญ่สามีล้วนหมางเมินถึงได้ขาดความอบอุ่น

    อ้าว ไม่เจอกันนาน ตั้งแต่แต่งงานก็หายเงียบไป ท้องรึยังเล่า?”

    นางจางยิงคำถามเด็ดใส่หลานสาวทันที นางหายไปตั้งสองเดือนสงสัยสามีไม่ยอมปล่อยให้ออกจากบ้าน ดูเอาเถอะเด็กพวกนี้ ถึงขั้นต้องนั่งรถเข็นกันเลยทีเดียว

    หญิงวัยกลางคนมองสองสามีภรรยาแล้วเข้าใจผิดไปไกล

    “แหม~ ข่าวดียังไม่มีเจ้าค่ะ ป้าจางข้ามาซื้อของ แต่ว่าขอติดเงินไว้ก่อนได้หรือไม่ เดี๋ยวท่านพ่อมาจ่ายให้เหมือนเคยเจ้าค่ะ”

    “เมื่อเช้าพ่อของเจ้ามาแล้วรอบหนึ่ง เอาสิ อยากได้อะไรก็เลือกเอาเถอะ”

    “แหะ ๆ ข้ามาหาท่านเมื่อวานแต่ร้านปิด เกรงใจเจ้าค่ะเลยไม่ได้เรียกท่านออกมา”

    “คราวหลังมาแล้วก็เรียกได้ ลูกชายป้านอนเฝ้าร้านทุกวัน”

    นางจางมองหญิงสาวแล้วแอบเสียดายเล็กน้อย แต่เดิมนางตั้งใจหมั้นหมายเหลียนฮวาให้กับบุตรชายคนโต เด็กคนนี้ขยันทำมาหากินไม่น้อย เห็นห้าวหาญไม่อ่อนหวานเช่นนี้ แต่นางเป็นคนอ่อนโยนไม่น้อย

    เหลียนฮวาก้าวลงจากรถเข็นโดยมีสามีคอยประคองไม่ห่าง ปากหยักเอ่ยเรียกภรรยาอย่างนั้น ภรรยาอย่างนี้ไม่หยุด ทำเหมือนว่าหากเท้าแตะพื้นนางจะสลายหายไป

    “โธ่พ่อหนุ่ม ภรรยาของเจ้าขาไม่ได้หัก นางเดินเองได้ ดินหน้าร้านเป็นดินธรรมดาไม่เจือปนยาพิษ อย่าห่วงไปเลย”

     นางจางมองดูคู่สามีภรรยาที่รักและห่วงใยกันเหลือเกิน เด็กน้อยในวันวานได้เจอคนที่รักนางมากเช่นนี้ ข้าเองก็ปลื้มใจไม่น้อย

    ระหว่างที่เหลียนฮวากำลังเลือกซื้อของอยู่นั้น นางจางได้เล่าเรื่องข่าวลือที่เริ่มลือไปไกลแล้ว เหมือนมีใครจงใจปล่อยข่าวให้ร้ายเหลียนฮวา

    “คนพวกนั้นหาว่าเจ้าขี้เกียจได้อย่างไร เมื่อก่อนเนื้อที่ร้านข้าก็ได้เจ้าจับมาฝากขายในราคาถูก เพ่ย! ยังไม่รู้บุญคุณอีก ไม่วายมาบ่นกับข้าว่าหลังจากเจ้าแต่งงานไปแล้วเนื้อกลับมีราคาสูงขึ้น ข้าคันปากเหลือเกินว่า ที่ได้ซื้อเนื้อราคาถูกก็เป็นเพราะคนที่พวกเขานินทาขายให้นั่นแหละ”

    เรื่องนี้เกิดจากที่เมื่อก่อนยามที่ล่าสัตว์ได้จำนวนมากและคนที่บ้านกินไม่ทัน เหลียนฮวาก็จะเอามาฝากขายที่ร้านป้าจาง โดยแบ่งกำไรให้ป้าจางสองส่วน แต่มีข้อแม้ตรงที่ห้ามเปิดเผยว่าใครเป็นคนขาย

    นางจางถึงจะพูดมากไปบ้าง แต่นางเป็นคนรักษาสัญญา นับจากวันนั้นก็ไม่เคยเปิดปากบอกความลับกับใคร เพราะเหตุนี้ยามที่มีคนมานินทาเหลียนฮวาให้ฟัง นางมักจะคันปากยุบยิบอยากพูดใจจะขาดให้ได้

    “ลำบากป้าจางแล้วเจ้าค่ะ ท่านป้าข้าเลือกของเสร็จแล้ว ท่านแจ้งจำนวนมาได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะบอกท่านพ่อให้เอง”

    เครื่องครัวที่เหลียนฮวาเลือกซื้อ แต่ละอย่างราคาไม่ใช่ถูก ๆ มีตั้งแต่น้ำมันสองไห ข้าวสารหนึ่งกระสอบ เกลืออีกหนึ่งไห เครื่องปรุงรสหลากรส ทั้งซอสถั่วเหลือง น้ำมันหอย น้ำปลา และน้ำตาลทรายขัดสี

    โชคดีที่เหลียนฮวาย้อนยุคมายังบ้านเมืองที่พัฒนาขึ้นมากแล้ว และไม่ได้อยู่ในพื้นที่กันดารมากนัก ของที่นางคุ้นเคยก็มีขายหลายอย่าง

    “ฮ่า ๆ เจ้านี่ซื้อเยอะเหมือนเคย ข้าคิดหกตำลึงเงินพอ บิดาเจ้าจะมาจ่ายให้ภายหลังใช่หรือไม่”

    ป้าจางแอบลดราคาให้ไม่น้อย นัยหนึ่งคือนางเป็นสหายกับบิดาของเหลียนฮวา อีกนัยหนึ่งก็นึกเอ็นดูนางเหมือนบุตรสาวแท้ ๆ คนหนึ่ง

    “ใช่แล้วเจ้าค่ะ อ้อ ป้าจางช่วงบ่ายข้ากับสามีจะไปขายอาหารที่ตลาด ท่านไปอุดหนุนข้าด้วยนะเจ้าคะ”

    “ได้สิ”

    ระหว่างทางเหลียนฮวาก็แวะบอกกับคนรู้จัก ส่วนใหญ่เป็นสหายของบิดาทั้งนั้น นางบอกให้พวกเขาช่วยไปอุดหนุนร้านอาหารของนางด้วย ทุกคนรับปากด้วยเอ็นดูกับความขยันทำมาหากินของหลานสาว

    ส่วนชาวบ้านคนอื่นที่เห็นเหลียนฮวานั่งอยู่บนรถเข็นสบายใจ ก็พากันซุบซิบนินทาว่าขนาดออกมาซื้อของยังทำตัวขี้เกียจไม่ยอมเดินเอง

    สงสารสามีของนางยิ่งนัก ร่างกายไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังต้องมาคอยเอาใจภรรยาที่มีดีแค่หน้าตาอีก

    “แหม ช่วยไม่ได้นะ ข้าได้สามีดีนี่นา เขากลัวข้าเหนื่อยถึงไม่อยากให้ข้าเดินเอง เฮ้อ~ ท่านพี่ท่านทำให้สัมภเวสีแถวนี้อิจฉาตาร้อนเสียแล้ว แต่ก็อย่างว่าโชคชะตาใครโชคชะตามัน ถ้าไม่ได้ดีเหมือนผู้อื่นก็อย่าอิจฉาไปเลย ระวังจะนอนไม่หลับเอาได้ หึ ๆ”

    เหลียนฮวาพูดเสียงดัง ต่อให้ไม่ตั้งใจฟังก็ยังได้ยินเต็มสองหูอยู่ดี กลุ่มแม่บ้านที่นั่งจับเข่าพูดถึงเรื่องผู้อื่นหน้าแตกกันเป็นแถว

    สามีของพวกนางขยันทำงานก็จริง แต่กลับไม่มีใบหน้าหล่อเหลาเหมือนสามีของเหลียนฮวา ผู้ซึ่งตกเป็นขี้ปากของพวกนางช่วงนี้

    ระหว่างทางกลับบ้าน หญิงสาวขอแวะสวนผักของพี่ชาย เพื่อเก็บผักสมุนไพรสำหรับทำลาบปลาทอด นางแอบเก็บต้นหอม ผักชี สะระแหน่ และหอมแดง โชคดีนักที่สวนผักตระกูลหยางมีครบทุกสิ่งที่ต้องการ

    ห้าวอู่ชอบซื้อเมล็ดพันธุ์จากต่างแดนมาเพาะปลูก ทว่ามีเพียงแปดในสิบส่วนที่รอด ไม่แปลกที่ผักบางอย่างที่นางต้องการถึงมีครบ

    เหลียนฮวาถือตะกร้าเลือกเก็บผักสบายใจ เพราะไม่ต้องเสียเงินซื้อสักอีแปะ แค่ทำอาหารไปฝากเจ้าของสวนสักจานก็พอแล้ว

    จะว่าไปการมีพี่ชายเยอะเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน

    กลับมาถึงบ้านไม่ทันไรสองสามีภรรยาก็แบ่งงานกันแล้ว มู่เฉินรับหน้าที่ดูแลเตาฟืน เขาเป็นคนทอดปลาที่หั่นแบ่งชิ้นเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงนำไปคลุกแป้งลงทอด

    ส่วนเหลียนฮวาล้างผัก หั่นผัก คั่วข้าว และคั่วพริกรอให้สามีเป็นคนมารับหน้าที่ตำต่อ ร่างกายของนางยังเพลียอยู่เล็กน้อย นางไม่ได้แอบขี้เกียจแค่ไม่อยากออกแรงมากไปกว่านี้ เผื่อในท้องจะมีก้อนแป้งมาอยู่แล้ว

    ได้โอกาสหลับนอนกันแค่คืนเดียว หญิงสาวกลับคิดว่าตัวเองจะท้องเสียแล้ว ก็สามีโหมแรงถึงเพียงนั้น หากเจ้าถั่วเขียวน้อยยังไม่ยอมมาเกิด เขาคงผิดหวังน่าดู

    ลาบปลาทอดทำง่ายและใช้เวลาไม่นาน หลังจากเตรียมเครื่องเสร็จก็เททุกอย่างใส่กะละมังไม้สำหรับใช้ในครัวโดยเฉพาะ สองมือออกแรงคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลอีกนิดให้พอมีรสเปรี้ยวนำ เค็มตาม และหวานติดปลายลิ้น ที่สำคัญต้องหอมกลิ่นสมุนไพร รสชาติถึงเครื่องเผ็ดพอประมาณ อาหารจานนี้กินรสจืดไม่อร่อย มันต้องเข้มข้นเผ็ดร้อนถึงเครื่องสิถึงจะแซ่บ

    เหลียนฮวาตักปลาขึ้นมาชิมหนึ่งชิ้น นางทำตาโตสูดปากเสียงดัง

    “แซ่บมาก...”

    หลังจากทำอาหารเสร็จ หญิงสาวก็วิ่งไปหลังบ้านตามหาตัวสามีที่กำลังตัดต้นไผ่เป็นท่อน ๆ สำหรับใส่อาหารขาย นางเห็นเขากำลังยุ่ง ๆ จึงเดินไปป้อนปลาให้สามีถึงที่

    “หืม~ อร่อย ภรรยาอาหารที่เจ้าทำอร่อยยิ่งนัก ข้าชอบ”

    “ก็ลองพูดว่าไม่อร่อยดูสิ คืนนี้ท่านได้นอนนอกบ้านแน่”

    “...”

    “แหะ ๆ ท่านพี่ข้าทำอาหารเสร็จแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปต้มน้ำรอ เราต้องต้มกระบอกไม้ไผ่เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกเสียก่อน”

    “เจ้าไปพักเถอะ เดี๋ยวที่เหลือข้าจัดการเอง”

    “ไม่เอาเจ้าค่ะ”

    นางยืนกรานเช่นนั้นสามีจึงไม่เซ้าซี้ หลังจากเตรียมอาหารขายเสร็จ ก็นำมาตักใส่กระบอกไม้ไผ่ได้มาทั้งหมดห้าสิบสี่กระบอก นางเห็นว่ามีเศษสี่กระบอกจึงเก็บไว้แบ่งให้ท่านพ่อและพี่ชาย

    “ข้าขายสักยี่สิบอีแปะดีหรือไม่เจ้าคะ จะว่าแพงก็คงไม่ ปลาก็ใช้น้ำมันทอด เครื่องปรุงข้าก็ใส่ให้ไม่ยั้ง ยังไม่รวมผักเคียงแยกต่างหากอีก”

    “ข้าว่าไม่แพง เนื้อปลาเยอะเช่นนี้กินได้หลายคน”

    “ดียิ่ง! เช่นนั้นเราไปขายของกันเถอะท่านพี่ ข้าพร้อมแล้ว”

    เมื่อตกลงเรื่องราคากันได้แล้ว เหลียนฮวาก็ไปจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ จัดของใส่รถเข็นพร้อมออกเดินทางไปตลาด นับ ๆ ดูแล้วใช้เวลาเดินเท้าถึงสามเค่อ หากออกเดินทางตอนนี้ไปถึงคงทันเวลาชาวบ้านเสร็จจากงานพอดี

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×