คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : เข้าป่าตามฝัน
บทที่ 13 เข้าป่าตามฝัน
“นี่ข้าอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย!”
ภาพจำสุดท้ายของฟางเหนียง คือนางกำลังจะเข้านอนพร้อมกับลูกคนเล็ก ส่วนลูกคนที่สามอยากนอนกับพี่ชาย วันนี้จึงไม่ได้นอนด้วยกัน
ก่อนนอนนางต้มนมให้ลูก ๆ ดื่ม แล้วค่อยกลับเข้าห้องมานอน ทว่าหัวยังไม่ทันจะถึงหมอน สติก็พลันดับวูบล้มลงจนเตียงแทบหัก
“ไม่ใช่ว่าข้านอนทับลูกอยู่นะ ยิ่งอ้วนอยู่ด้วย ลูกข้าได้กลายเป็นกล้วยทับกันพอดี”
ตอนนี้ฟางเหนียงยืนอยู่กลางป่ามองไปรอบ ๆ ก็เจอแต่ป่าท่ามกลางความมืด แสงสว่างเพียงอย่างเดียวที่ทำให้นางมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างยามค่ำคืน คือแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องผ่านแมกไม้ลงมายังพื้นดิน
“สรุปนี่คือความฝันหรือว่ามีใครต้องการให้มากันแน่ ถ้ามีคนให้มาก็ออกมาคุยกันดี ๆ อย่ามาเงียบ พรุ่งนี้ข้าต้องตื่นแต่เช้าไปจับปลาอีก”
ใบหน้ากลมขมวดคิ้วเข้าหากัน นางมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ความฝันมันต้องมีอะไรแน่ ๆ และทันทีที่พูดจบประโยคปุ๊บ ก็มีแสงสีขาวเป็นเส้นทางเหมือนต้องการให้เดินตามไป
ฟางเหนียงเริ่มลังเลแล้วว่า หากเดินตามไปจะเป็นอันตรายต่อตัวเองหรือไม่
ข้ามีลูกให้เลี้ยงตั้งสี่คนยังไม่อยากตายเป็นครั้งที่สองหรอกนะ ขออยู่ต่ออีกสักนิดสัญญาว่าจะเป็นแม่ที่ดี
“บอกไว้ก่อนเลย ถ้าหากทำร้ายกัน ข้าจะตามไปจองเวรจองกรรมให้ปวดหัวตายกันไปข้างหนึ่งเลย”
ป่าที่ฟางเหนียงอยู่ตอนนี้ คือป่าลึกหลังบ้านของนางเอง แต่นางแค่จำไม่ได้เท่านั้น แสงสีขาวพาเดินขึ้นภูเขามาหยุดอยู่ที่หน้าถ้ำ
“ด้านในนี้มีสมบัติอยู่ เจ้าจงมาเอาภายในวันพรุ่งนี้”
หญิงสาวล้มตัวลงนอนบนแง่งหน้าผา มองดวงดาวเพื่อโกยอากาศเข้าปอด หูได้ยินเสียงของชายชราดังเข้ามาในหัว ยังไม่ทันจะได้ถามกลับก็สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมากลางดึกเสียก่อน
พอมองไปรอบ ๆ ห้องก็พบว่าตนเองได้กลับมาแล้ว บุตรชายคนเล็กที่เป็นห่วงว่าตนจะนอนทับ ยามนี้กลิ้งลงไปนอนที่พื้นกับตงซิ่ว ที่แอบเข้ามานอนด้วยกับมารดา
เจ้าเด็กนี่คงเหงาที่ต้องนอนคนเดียว ทั้งที่ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
ภาพของบุตรชายทั้งสองนอนกอดกันกลม ทำเอาคนเป็นแม่อดยกยิ้มมุมปากไม่ได้ เด็ก ๆ รักกันมากจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาพวกเขาต้องดูแลกันเองมาโดยตลอด
เพิ่งจะได้สัมผัสความอบอุ่นของมารดาครั้งแรก ก็ตอนที่หญิงสาวจากโลกอนาคตถูกดึงมาสิงสู่ในร่างของหญิงชาวบ้าน ผู้มีจิตใจอำมหิตต่อบุตรของตน
“อืม ในฝันข้าต้องปีนเขาเชียวนะจะไหวหรือ ขนาดในความฝันมีแค่ดวงจิตยังเหนื่อยจนเกือบหัวใจวายตาย เอาร่างจริงไปมีหวังได้ลงไปนอนในหลุมแน่”
ทว่าต่อให้กังวลมากขนาดไหน อย่างไรคืนนี้ก็ต้องหลับพักเอาแรงก่อน ร่างอวบอ้วนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายล้มตัวลงนอน ตื่นเช้ามาอีกทีก็พบว่าสายมากแล้ว
“ท่านแม่ ตื่นแล้วหรือขอรับ”
ซีซวนนั่งเล่นกับน้องในห้องของมารดา เขาได้ยินเสียงนางขยับตัวก่อนจะลุกขึ้นนั่งขยี้ตาด้วยความงัวเงีย จึงลุกขึ้นมานั่งเกาะขอบเตียงถามอย่างเป็นห่วง นี่มันก็สายมากแล้ว อากาศร้อนขนาดนี้ท่านแม่นอนหลับไปได้อย่างไรกัน
“ตื่นแล้วจ้ะ ว่าแต่นี่มันกี่โมงแล้ว”
“ยามอู่ขอรับ” (11.00-12.59 น.)
“ว่าไงนะ! นี่แม่ตื่นสายขนาดนี้เลยหรือ พวกลูกกินข้าวกันรึยัง”
“กินแล้วขอรับ พี่ใหญ่ทำข้าวต้มให้กิน แต่ไม่อร่อยเหมือนที่ท่านแม่ทำเลยขอรับ”
เด็กชายรู้สึกผิดหวังกับอาหารเช้าของวันนี้มาก เขาทำหน้ามุ่ยให้มารดารู้ว่าเขาไม่ชอบอาหารที่พี่ใหญ่ทำจริง ๆ
พี่ใหญ่ใส่เนื้อน้อย ข้าวก็น้อย ไม่เหมือนมารดาที่ใส่ทุกอย่างลงไปเยอะมาก ๆ กินแค่ถ้วยเดียวก็จุกท้องแล้ว
“ฮ่า ๆ ๆ เดี๋ยวฝีมือพี่ชายของเจ้าก็ดีขึ้นเอง ถ้าอย่างนั้นมื้อเที่ยงแม่ทำให้กินเองนะ”
ฟางเหนียงลงจากเตียงมาหอมแก้มลูกทั้งสองอย่างมันเขี้ยว ถึงแม้พวกเขาจะดูผอมแต่ก็ไม่ได้โทรมเหมือนวันแรกที่เจอกัน
นางรู้ดีว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา รวมถึงตัวข้าที่ต้องลดน้ำหนักด้วยเช่นกัน
“แม่จะเข้าครัวตอนนี้เลย เล่นกับน้องไปก่อนนะ”
“ขอรับ”
ฟางเหนียงลุกเดินไปล้างหน้าที่หลังบ้าน ก่อนจะไปทำมื้อเที่ยงให้เหล่าลูกหมูกิน เซี่ยเหิงกับตงซิ่วไปหาอาหารให้ไก่ยังไม่กลับ ฟางเหนียงจึงต้องอยู่บ้านก่อน ยังเข้าป่าเองตอนนี้ไม่ได้ เพราะไม่ชินกับเส้นทางในป่า
[นายหญิงท่านเจ้าเขาได้เข้าฝันท่านรึยังเจ้าคะ?]
ขณะที่ฟางเหนียงกำลังนั่งแช่น้ำในลำธาร ชำระล้างคราบเหงื่อผ่อนคลายร่างกายอยู่นั้น เสียงของระบบก็ดังขึ้นมาในหัว
“มาแล้ว”
[รับทราบเจ้าค่ะ เช่นนั้นนายหญิงต้องเร่งออกเดินทาง เดี๋ยวจะไม่ทันการณ์เอา หากข้ามวันไปแล้วสิ่งของที่อยู่ในถ้ำจะกลับคืนสู่ถิ่นเดิม]
“แล้วของที่ว่ามันคืออะไร ในความฝันมีแต่เสียงของชายชราดังเข้ามาในหัว บอกเส้นทางแต่ไม่ได้บอกว่าของด้านในคืออะไร”
[นายหญิงต้องไปดูด้วยตาตัวเองเจ้าค่ะ]
“ลึกลับขนาดนั้นเลย”
เวลาล่วงเลยเข้ายามบ่าย ฟางเหนียงเอาลูกคนเล็กไปฝากไว้บ้านใหญ่ ส่วนซีซวนออกไปเล่นกับสหายในหมู่บ้านแล้ว เหลือแค่สองพี่น้องคนโตเท่านั้นที่ต้องติดตามมารดาขึ้นเขา
“ท่านแม่รู้หรือว่าจุดที่ท่านแม่ฝันอยู่ที่ภูเขาลูกใด?”
ตงซิ่วอดถามไม่ได้ จู่ ๆ มารดาก็บอกว่าอยากขึ้นเขาไปตามหาสมบัติในความฝัน พอถามว่าอยู่ที่ไหนนางก็บอกว่าอยู่ที่ถ้ำบนภูเขา
รอบ ๆ หมู่บ้านมีภูเขาเป็นสิบลูก ยังไม่นับภูเขาที่ทับซ้อนกันอยู่ด้านหลังอีก ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหนด้วยซ้ำ
ท่านแม่จะเข้าป่าเสี่ยงอันตรายทำไม?
ทางด้านฟางเหนียงไม่สนว่าลูกจะบ่นอะไร นางอยากรู้ใจแทบขาดว่าสิ่งที่ท่านเจ้าป่ามอบให้คืออะไร แต่หากเป็นสมบัติก็จะเอาไปเป็นทุนเปิดร้าน ลองเสี่ยงไปตามหาดูก่อนคงจะดีกว่านั่งอยู่บ้านเฉย ๆ แล้วมานึกเสียดายภายหลัง
“ถ้าไม่อยากไปแม่ก็จะไม่บังคับ”
“ใช่แล้วน้องรอง เจ้าบ่นตั้งแต่ยังไม่ทันได้เข้าป่าด้วยซ้ำ ข้าฟังเจ้าบ่นแล้วปวดหูนัก หากเจ้าไม่อยากไป ข้าไปกับท่านแม่แค่สองคนก็ได้”
ตงซิ่วไม่พูดอะไรอีก เก็บเสบียงใส่ย่ามมัดไว้กับตัวเดินตามหลังมารดาเข้าไปในป่า ฟางเหนียงตั้งใจหาจุดเริ่มต้นในความฝัน รอบ ๆ มีแต่ต้นไม้ก็จริง จุดสังเกตคือที่พื้นจะมีก้อนหินรูปหัวใจอยู่
“ช่วยกันมองหาหินรูปร่างตามนี้นะ มีดอกไม้สีขาวขึ้นล้อมรอบ พอมองไปด้านบนจะพบเจอกับแสงจันทร์ลอยอยู่เหนือศีรษะพอดี แต่เวลานี้มันกลางวันน่าจะเป็นดวงอาทิตย์ลอยอยู่แทน”
หญิงสาวใช้กิ่งไม้วาดรูปตัวอย่างบนดินให้ลูก ๆ ดู
แต่การเดินเท้าเข้าป่ามาครั้งนี้มีเรื่องน่าแปลก เพราะเดินกันมาสักพักแล้วแต่ยังไม่เจอสัตว์ป่าดุร้ายสักตัว มีกระต่ายป่าวิ่งผ่านหน้าให้เห็นอยู่บ้าง แต่ฟางเหนียงปล่อยมันไปไม่จับมาทำอาหาร ทำเอาลูก ๆ ทั้งสองเสียดายเนื้อชิ้นใหญ่แทน
เนื้อกระต่ายย่างมันอร่อยมาก เซี่ยเหิงพยายามโน้มน้าวมารดาให้จับกระต่ายไว้กิน ผลสุดท้ายกลับโดนมารดาเขกหัวไปสองที
เนื้อในย่ามตัวเองก็มียังห่วงเรื่องกินอีกเจ้าเด็กนี่
ความคิดเห็น