ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวน้อยผู้มั่งคั่ง (จบแล้ว) มี E-BOOK

    ลำดับตอนที่ #13 : แลกเปลี่ยน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    ตอนที่ 13 แลกเปลี่ยน

    ชาวบ้านยังคงยืนรอลุ้นว่าหญิงสาวที่พวกตนรังเกียจมานานจะได้อะไรกลับไปบ้าง หากนางเผลออยู่คนเดียวเมื่อไหร่ พวกเขาจะใช้กำลังบังคับเอาของเหล่านั้นมาเป็นของตนเหมือนดังที่ผ่านมา

    ถึงแม้นิสัยและท่าทางของหญิงสาวจะเปลี่ยนไปมาก แต่ถึงอย่างไรจิตใต้สำนึกความกลัวของนางอาจยังทำงานอยู่ หากเอาเรื่องในอดีตมาข่มขู่ นางต้องยอมมอบเงินให้พวกเขาแน่

    ชาวบ้านหลายคนหันมองหน้ากันราวกับมีเลศนัย แน่นอนว่าท่าทางแปลกประหลาดของพวกเขา ไม่อาจรอดพ้นสายตาเหยี่ยวของหญิงสาวไปได้

    ดวงตากลมโตกวาดตามองชาวบ้านที่พากันยืนอออยู่เต็มหน้าเรือน บดบังทัศนียภาพที่งดงามไปหมด

    "เอ้า..เรื่องก็จบแล้วยังจะดูอะไรอีก กลับไปทำงานของตัวเองต่อสิ..หรือใครอยากดูต่อ ข้าคิดเงินดีหรือไม่ จ่ายมาคนละสิบอีแปะข้าจะให้ดูจนพอใจเลย"

    หญิงสาวฉีกยิ้มหวานแบมือขอเงิน..เอ้า..เธอหน้าด้านพอที่จะเรียกเก็บเงิน หากพวกเขายังหน้าด้านดูต่อก็ต้องจ่ายเงินมาสิ

    "มันจะมากเกินไปแล้วนะ!"

    นางชิงเยี่ยนสหายของนางเฉียนคงลืมตัวไปแล้วว่า เพื่อนรักของตนนั้นได้ถูกเนรเทศออกนอกเมืองไปเสียแล้ว

    ตามความทรงจำที่เหลืออยู่ ดูเหมือนนางชิงเยี่ยนจะเคยร่วมมือกับนางเฉียนใช้กำลังทุบตีเจ้าของร่างเดิมเมื่อนางยังเด็ก เพื่อแย่งชิงปิ่นเงินสามอันซึ่งเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่มารดาผู้ให้กำเนิดทิ้งไว้ให้เป็นของต่างหน้า นางเฉียนได้ไปสองอันส่วนนางชิงเยี่ยนได้ไปหนึ่งอัน

    หน้าไม่อายตรงที่วันนี้นางยังกล้าปักปิ่นเงินนั้นมาอีกเสียด้วย

    ใบหน้าของสาวน้อยฉินฉินยิ้มเย็น พลางก้าวเดินออกไปนอกประตู จากนั้นก็เงื้อมือตบนางชิงเยี่ยนท่ามกลางความตกใจของผู้คน

    ร่างอวบอ้วนของหญิงวัยกลางคนล้มตึงจนแผ่นดินแทบสะเทือน เหตุเพราะนางอ้วนเกินไป หากไม่มีใครเข้ามาพยุงนางคงลุกไม่ขึ้นแน่ จึงทำได้เพียงตะเกียกตะกายเหมือนหมูถูกน้ำร้อนสาดอยู่บนพื้น

    สะใภ้ใหญ่ของนางชิงเยี่ยนที่ตามแม่สามีมาด้วยรู้สึกอับอายยิ่งนัก แต่ต้องช่วยแม่สามีขึ้นมาอยู่ดี

    มนตราผลักสตรีผู้นั้นออกก่อนจะก้มลงกระชากปิ่นบนหัวของนางชิงเยี่ยนมาถือไว้เอง

    สะใภ้ใหญ่เห็นดังนั้นรีบตวาดใส่หญิงสาวทันที นางจ้องปิ่นเงินนั้นมานานหลายปี และคิดมานานว่าหลังจากแม่สามีตาย ปิ่นเงินนั้นต้องตกเป็นของนางเท่านั้น

    "เจ้าทำอะไรของเจ้า! กล้าลักขโมยของกลางวันแสก ๆ รึ"

    ใต้เท้าฉู่เดินมาช่วยเจรจา กลัวว่าเด็กสาวที่ตนพึงใจจะถูกรุมทำร้าย

    มือเล็ก ๆ ของฉินฉินกำปิ่นเงินไว้แน่น ก้มหน้ามองนางชิงเยี่ยนด้วยแววตาอาฆาต

    "ถามนางดูสิ..เมื่อหลายปีก่อนนางร่วมมือกับนางเฉียนลงมือทุบตีข้าอย่างทารุณจนข้าขาหัก เพื่อแย่งสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ท่านแม่ของข้าทิ้งไว้ให้..ปิ่นเงินชิ้นนี้ท่านเป็นคนหักขาข้าแย่งไป..ใช่หรือไม่เล่าท่านป้า"

    นางชิงเยี่ยนเหงื่อแตกพลั่กหลบสายตาเด็กสาวแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

    "เจ้าพูดเรื่องอะไรปิ่นเงินอันนั้นสามีข้าซื้อให้เมื่อหลายปีที่แล้ว"

    ใบหน้าเล็กของฉินฉินพยักหน้ารับนางหยิบปิ่นเงินขึ้นมาดูว่า ตรงก้นหอยของปิ่นมีชื่อตนเองอยู่หรือไม่

    “ท่านแม่หวังอยากจะได้บุตรสาวมาก่อนจะแต่งงานกับท่านพ่อเสียอีก นางปักผ้าทำงานเก็บเงินซื้อปิ่นเงินมาได้สามอันและสลักชื่อบุตรสาวเอาไว้”

    “เมื่อเห็นว่ามีตัวอักษรอยู่ มือเล็กก็ยื่นส่งให้ใต้เท้าฉู่ช่วยอ่าน อันที่จริงนางก็อ่านออกเช่นกัน แต่ร่างนี้ไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อน เพียงข้ามวันจู่ ๆ จะให้นางอ่านหนังสือได้ขึ้นมา มีหวังชาวบ้านได้หาว่าเธอเป็นปีศาจแน่

    "ใต้เท้าฉู่ท่านช่วยอ่านตัวอักษรที่สลักตรงหัวปิ่นให้ทีจะได้รู้กันไปว่าข้าหรือนางกันแน่ที่พูดความจริง"

    ใต้เท้าฉู่พยักหน้ารับปิ่นมาถือไว้ มือของเขาเผลอแตะโดนนิ้วของหญิงสาวทำให้หูของเขาขึ้นสีจนแดงก่ำอย่างไม่ทราบสาเหตุ

    อี้เทียนชะโงกหน้ามาดูด้วยอีกคน สักพักก็เอ่ยชื่อบุตรสาวขึ้นมา

    "ฉินฉิน ชื่อที่สลักอยู่บนปิ่นเป็นชื่อของบุตรสาวข้า..เจ้ามันหญิงใจดำกล้าลงมือแย่งชิงของกับเด็กตัวเล็ก ๆ อีกทั้งยังทำร้ายนางจนบาดเจ็บหนัก..อย่าหวังว่าข้าจะปล่อยเจ้าไป"

    ฉินฉินรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างร้อนวูบวาบอยู่ตรงข้อมือ แต่นางไม่สนใจจึงปล่อยผ่านไป แล้วหันมาลูบแขนปลอบให้บิดาใจเย็น ๆ

    "ท่านพ่อตอนนั้นลูกทุกข์ทรมานเหลือเกิน พวกนางใจร้ายมากต้องการชิงของไปยังไม่พอ ยังร่วมมือช่วยกันหักขาข้า แล้วโยนไปขังไว้ในห้องเก็บฟืนอีก พวกเขาทำเช่นนั้นเพราะไม่อยากให้ข้ามีแรงเดินไปขอความช่วยเหลือได้ กว่ากระดูกจะสมานกันดีเวลาก็ผ่านไปหนึ่งปีเต็ม ๆ ข้าต้องทนทุกข์ทรมานทุกคืน เกือบจะเอาชีวิตน้อย ๆ ไม่รอดแล้ว"

    มนตราเอ่ยพูดตามความทรงจำที่มี นางชิงเยี่ยนใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยุงตนเองลุกขึ้นหมายจะวิ่งหนี นางกลัวความผิดที่ตนเคยทำในอดีตจะย้อนกลับมาเล่นงานตน

    ทหารหลวงรู้หน้าที่จับตัวนางชิงเยี่ยนเอาไว้ แล้วหันมารับคำสั่งจากผู้เป็นนาย

    ใต้เท้าฉู่นัยน์ตาโกรธเกรี้ยว เขาเคยแขนหักมาก่อน แต่มีหมอรักษาให้อย่างดี ความเจ็บปวดเป็นเช่นไรเขารู้ดีเช่นกัน

    แต่กับหญิงสาวที่ไม่มีทั้งยาและไม่มีที่พักฟื้นดี ๆ นางย่อมทรมานมากกว่าเขาหลายเท่านัก

    "โบยนางห้าสิบที! ลากนางไปโบยกลางหมู่บ้าน ให้ชาวบ้านดูเป็นเยี่ยงอย่าง ทำผิดต้องได้รับโทษ..ลากตัวมันไป!"

    ใต้เท้าฉู่หันมายื่นปิ่นส่งคืนเจ้าของเดิม..

    "แม่นางเจ้ามีเรื่องอะไรติดใจกับใครอีกหรือไม่ ข้าจะทวงความยุติธรรมให้เจ้าเอง"

    มือเล็กของฉินฉินรับปิ่นมาเก็บไว้ใต้แขนเสื้อแล้วกวาดตามองชาวบ้าน

    "พวกท่านยังไม่ไปอีกหรือ อย่าคิดว่าข้าจำไม่ได้ว่าใครเคยทำอะไรไว้ หากให้พูดถึงความผิดของพวกท่าน ใช้เวลาทั้งวันคงสาธยายไม่จบ”

    “กลับไปเสีย..ถือว่าข้าทำทานให้แก่บิดามารดาที่ตายไปก็แล้วกัน"

    ชาวบ้านได้ยินดังนั้นต่างกรูกันวิ่งไปคนละทิศละทาง กลัวจะถูกโบยเหมือนนางชิงเยี่ยน บางคนไม่ทันระวังสะดุดขาตนเองล้มจนถูกคนที่ตามหลังเหยียบตัวผ่านไป ลำบากบุตรหลานต้องย้อนกลับมาลากตัวกลับไป

    ตาคู่กลมมองหน้าเรือนที่โล่งขึ้นมาทันตา ดู ๆ ไปแล้วคล้ายมีเศษใบไม้ลอยปลิวไปตามลม บรรยากาศดีขึ้นฉับพลัน ไม่มีคนมาแย่งอากาศหายใจจากนางอีกแล้ว หญิงสาวหันกลับมาหากลุ่มชาวบ้านที่ร่วมมือทำพิธีขับไล่ตน

    "ในเมื่อพวกท่านยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะยกที่ดินตรงไหนมอบให้ข้า เอาอย่างนี้ดีหรือไม่เล่า หากรวมเงินที่พวกท่านต้องชดใช้ร่วมกันแล้ว ทั้งหมดน่าจะประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงินหรือ อ่า...สิบห้าตำลึงทอง”

    “ท่านลุงผู้ใหญ่บ้าน เงินมากขนาดนี้คงเพียงพอที่จะกว้านซื้อที่ดินท้ายหมู่บ้านได้ใช่หรือไม่ รวมทั้งเรือนร้างติดริมน้ำด้วย ไหน ๆ ก็ไม่มีใครกล้าไปแถวนั้นอยู่แล้ว ฉินฉินคนนี้ขอซื้อเอาไว้ก็แล้วกัน เอาที่ดินพวกเขาแลกเปลี่ยนแทนเงิน ท่านคงจะจัดการให้ข้าได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ"

    ใต้เท้าฉู่เห็นด้วย หากนางเลือกเอาที่ดินในหมู่บ้าน ไม่รู้ว่าในอนาคตชาวบ้านคนอื่นที่มีที่ดินติด ๆ กันจะเล่นแง่อะไรอีก ให้นางครอบครองที่ดินที่ไม่มีใครต้องการแต่เพียงผู้เดียวนั้นเหมาะสมแล้ว

    "ฉินฉินเรื่องนี้ข้าจะส่งคนมาวัดที่ดินให้เจ้าเอง..หมู่บ้านของเจ้าไม่มีผู้ใหญ่บ้านอีกแล้ว เจ้ามีคนที่คิดว่าเหมาะจะรับหน้าที่นี้แทนคนเก่าหรือไม่"

    ผู้ใหญ่บ้านฟังจบก็ถึงกับเข่าทรุดเป็นลมล้มพับไป จนบุตรชายที่ยืนอยู่ข้างกันต้องเข้ามาช่วยประคองเอาไว้

    "ท่านใต้เท้าพูดถึงอะไรหรือขอรับ บิดาของข้าเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่แล้ว จะหาคนมาแทนได้อย่างไร"

    "เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ความสามารถของบิดาเจ้ามีไม่เพียงพอ อีกทั้งจิตใจยังเอนเอียงเข้าข้างคนของตนไม่มีความยุติธรรม คนเช่นเขาคงรับตำแหน่งนี้ต่อไปไม่ได้..อย่ามาขวางหูขวางตาข้าอีก พาบิดาเจ้ากลับไปเสีย"

    เฟยอวี้บุตรชายผู้ใหญ่บ้านจ้องหน้าฉินฉินเป็นครั้งสุดท้าย เขาวางแผนบางอย่างเอาไว้ในใจ นางในตอนนี้มีคนใหญ่คนโตหนุนหลัง หากเขาทำให้นางชอบตนได้ชีวิตต่อจากนี้คงสุขสบายมากยิ่งขึ้น

    ชายหนุ่มขอตัวกลับทันที เขาไม่คัดค้านการปลดบิดาออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านอีกต่อไป

    ถึงแม้บิดาไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้วก็แล้วไปสิ ในอนาคตเขาจะขึ้นเป็นขุนนางใหญ่ ถึงตอนนั้นตำแหน่งเล็ก ๆ ของบิดาย่อมไม่อยู่ในสายตาอีกต่อไป

    สายตาที่เฟยอวี้มองมาทำให้มนตรารู้สึกขนลุก ชายผู้นี้หน้าตาอย่างกับโจรป่าไม่เอาการเอางาน บิดาส่งเสียให้เรียนก็ไปมีเรื่องทะเลาะกับผู้อื่นจนโดนไล่ออกมา

    เขาคิดอะไรอยู่กันนะถึงได้มองเธอเช่นนี้


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×