ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวน้อยผู้มั่งคั่ง (จบแล้ว) มี E-BOOK

    ลำดับตอนที่ #12 : จ่ายมาสิ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    ตอนที่ 12 จ่ายมาสิ

    ผู้ใหญ่บ้านเห็นลูกบ้านของตนหลายคนถูกจับกุมตัวพร้อมกัน ก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว

    ไม่รู้ว่าลมเย็นพัดมาจากไหนทั้ง ๆ ที่ตอนนี้อยู่ช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิ

    ใต้เท้าฉู่หัวเราะเบา ๆ มองไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ถูกลมพัดโอนไปเอนมา

    "บิดามารดาของนางคงจะมาร่วมทวงความยุติธรรมให้กับบุตรของพวกเขา พวกเจ้าทำเรื่องอะไรไว้อย่าคิดว่าคนตายจะมองไม่เห็น"

    "ท่านใต้เท้าพูดเรื่องอะไรหรือขอรับ ข้าน้อยไม่เข้าใจ"

    ผู้ใหญ่บ้านยังคงทำหน้าตาเหมือนตนไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย พวกเขาทำกันเอง ข้าไม่ได้สั่งให้พวกเขาไปทำพิธีขับไล่ผีร้ายเสียหน่อย

    ร่างเล็กเดาว่าเรื่องคงจะอีกยาวจึงบอกให้ใต้เท้าฉู่และบิดาบุญธรรมนั่งอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้าน เพื่อรอนางจัดการเรื่องตรงหน้าเสียก่อน

    "ท่านพ่อนั่งลงก่อนเถิด กว่าเรื่องจะจบคงอีกนาน ไม่แน่ว่าตอนท่านกลับฟ้าอาจจะมืดแล้วก็ได้"

    อี้เทียนยอมนั่งลงก่อนจะโบกมือให้ผู้น้อยนั่งตาม ต่อให้ใต้เท้าฉู่จะเป็นคนของทางการ แต่การนับลำดับอาวุโสต้องมาก่อนเสมอ

    "เจ้าไม่กลับพร้อมกับพ่อหรือ"

    หญิงสาวมองเข้าไปในตัวบ้าน..

    "ข้าอยากจะอยู่ในบ้านของมารดา ที่ข้าไม่เคยมีโอกาสได้อยู่ตลอดหลายปีมานี้"

    ใต้เท้าฉู่ไม่สนใจผู้ใหญ่บ้านที่ยืนตากแดด เขาสนใจหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า

    "เจ้าแน่ใจรึ..สตรีอยู่ผู้เดียวย่อมไม่ปลอดภัย ให้ข้าส่งคนมาคอยเฝ้ายามให้ดีหรือไม่ ข้าเป็นห่วงกลัวว่าพวกเขาจะย้อนกลับมาเล่นงานเจ้า"

    อี้เทียนอยากจะมองบนให้กับความเป็นห่วงที่มีมากเกินไปของใต้เท้าฉู่เสียเหลือเกิน เขาไม่เห็นหรือว่ามีบิดาของนางนั่งกั้นกลางอยู่...ทำอะไรไม่คิดนัก

    คะแนนติดลบ! เจ้าหมดสิทธิ์ในตัวบุตรสาวข้านานแล้วท่านใต้เท้าฉู่

    "อะแฮ่ม..ข้าไม่รบกวนท่านหรอก บุตรสาวของข้า ข้าดูแลเองได้..คืนนี้ข้าและบุตรชายจะอยู่เป็นเพื่อนนางเอง..นางหนูในเรือนของเจ้าพอจะมีห้องว่างให้ข้าและพี่ชายของเจ้าพักอาศัยสักคืนหรือไม่"

    "มีเจ้าค่ะ"

    "เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว หากใต้เท้าฉู่อยากจะช่วยเหลือพวกข้าจริงละก็..ส่งคนของท่านไปซื้อเครื่องนุ่งห่ม และของใช้จำเป็นมาให้ที ข้าไม่อยากใช้ของต่อจากนางมารร้ายนั่น พูดแล้วโมโหอย่าให้ข้าได้เจอนะ จะสับนางสองแม่ลูกออกเป็นชิ้น ๆ ขอให้พระลงโทษอย่างหนัก หึ"

    หญิงสาวหัวเราะกับท่าทางที่แสดงเกินจริงของผู้เป็นบิดา

    บางครั้งเขาก็ดูสุขุมดุดัน บางครั้งก็กลายเป็นคนติดตลก

    ข้าเลือกบิดาไม่ผิดคนจริง ๆ

    ใต้เท้าฉู่ตั้งใจจะใช้โอกาสนี้แสดงความจริงใจต่อหญิงสาว ด้วยการอยู่เฝ้ายามรักษาความปลอดภัยให้จนถึงเช้า หวังจะครองพื้นที่ในหัวใจนางได้บ้าง

    ใครจะไปคิดว่าจะมีก้างขวางคอชิ้นใหญ่เป็นพ่อตาในอนาคต ดูท่าเส้นทางความรักในครั้งนี้ของเขาจะวิกฤตตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มเสียแล้ว

    หูต้าลู่พาอาเยี่ยนน้อยไปดูกระต่ายที่ทิ้งเอาไว้ตรงเรือนร้างท้ายหมู่บ้าน เขาอุ้มเด็กชายที่หลับปุ๋ยไปแล้วกลับมาด้วยหน้าตาบูดบึ้ง

    พอเขาเห็นน้องสาวเพียงคนเดียวก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นเล่าจากตรงไหนก่อนดี

    "ท่านพ่อ..ท่านต้องไปดูสถานที่หลับนอนของน้องสาวอีกแห่ง สถานที่นั้นมันแย่ยิ่งกว่าห้องเก็บฟืนด้านหลังเรือนเสียอีก"

    หูอี้เทียนตกใจยิ่งนัก...ยังมีแย่กว่านั้นอีกหรือ

    "จริงรึ! เจ้านำทางพ่อไป พ่อต้องได้เห็นมันกับตา"

    หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในบ้านกุมขมับ พวกเขายังพบเธอยังไม่ทันข้ามวันก็ดูว่าจะรักเธอมากเสียเหลือเกิน พร้อมบวกทุกสถานการณ์ ใครที่มาหาเรื่องเธอในอนาคต เตรียมตัวถูกสองพ่อลูกใช้มีดวิ่งไล่ฟันได้เลย

    "ท่านทั้งสองคนหยุดก่อนเถิด ท่านพ่อเราจัดการเรื่องตรงนี้ให้จบก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ ส่วนพี่ใหญ่ข้ารบกวนท่านพาอาเยี่ยนไปนอนด้านในได้หรือไม่"

    "ได้ ๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่เอง ใครมันกล้าด่าเจ้า ก็ตะโกนเรียกพี่ดัง ๆ พวกเจ้าระวังปากให้ดี!"

    หูต้าลู่อุ้มอาเยี่ยนเดินเข้าไปในบ้าน ไม่วายหันมาพูดขู่ชาวบ้านส่งท้าย

    นี่ฉันมามีพี่ชายเป็นมาเฟียในยุคโบราณหรืออย่างไร เขาช่างไม่เกรงกลัวอะไรเอาเสียเลย กล้ามากที่ขู่ชาวบ้านต่อหน้าใต้เท้าผู้ผดุงความยุติธรรม

    โอ๊ย..มนตราอยากจะเป็นลม

    ก่อนที่หญิงสาวจะเป็นลม ก็มีผู้อาวุโสประจำตระกูลถูกเรียกมารวมตัวกัน พวกเขาได้รับข่าวว่าคนในตระกูลของตนทำผิด

    จึงมาช่วยไกล่เกลี่ย เผื่อใต้เท้าหนุ่มจะเกรงใจคนหัวหงอกบ้าง

    แต่ยังมีผู้อาวุโสบางคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยนั่งแยกเป็นสองกลุ่ม พวกเขาทนดูพฤติกรรมอันเลวร้ายเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว วันนี้ต้องพูดทุกอย่างให้มันจบสงสารเด็กตาดำ ๆ ที่ต้องมารับกรรมอยู่หลายปี

    ลุงหวังก็เข้าร่วมด้วย เขาพาคนทั้งครอบครัวมาช่วยหญิงสาวที่เขาเห็นมาตั้งแต่นางยังเล็ก

    นางไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย เหตุใดต้องตกเป็นที่เหยื่อด้วย

    ไม่นานบริเวณลานหน้าเรือนและบริเวณนอกกำแพงเรือนของฉินฉิน ก็มีคนมากมายมารวมตัวกัน ชาวบ้านมารวมตัวกันที่นี่จนหมดทั้งหมู่บ้าน

    หากฉันเป็นโจรคงใช้โอกาสนี้ปล้นแน่..มนตราได้แต่คิดติดตลกในใจ

    ใต้เท้าฉู่ลุกขึ้นยืนประกาศความผิดของชาวบ้านกลุ่มนี้ให้ทุกคนได้ฟัง

    มีชาวบ้านหลายคนเห็นเป็นเรื่องปรกติ เพราะที่ผ่านมาพวกเขาก็ทำเช่นนี้กับสองพี่น้องมาโดยตลอด มองไม่เห็นความผิดว่ามันแปลกตรงไหน

    "ท่านใต้เท้า..หลานของข้ายังเด็กนักนางคงจะถูกชัหจูงให้ทำเรื่องสนุกเท่านั้นนางไม่รู้ว่าการกระทำเช่นนี้มันผิดให้โอกาสเด็กมันอีกครั้งเถิดอย่างลงโทษมันเลย"

    ผู้อาวุโสตระกูลจินที่คนในตระกูลของเขาอยู่ในกลุ่มชาวบ้านที่กระทำผิดช่วยพูดให้คนของตน

    "ใช่ ๆ หลานข้าก็เช่นกัน เขาทำร้ายเด็กสองคนนั้นจนชิน ที่ผ่านมาไม่เห็นจะเป็นอะไร จะมาเอาผิดตอนนี้ให้เรื่องมันใหญ่โตทำไมกัน ปล่อย ๆ ไปเถิด นางหนูฉินฉินถือว่าตาแก่หัวหงอกคนนี้ขอร้องเจ้าก็แล้วกันนะ"

    อี้เทียนโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ดูอย่างไรในกลุ่มชาวบ้านที่กระทำผิดคนที่อายุน้อยที่สุดน่าจะอยู่ราว ๆ สามสิบปี นี่หรือที่เรียกว่าเด็ก...ตาแก่พวกนี้เป็นเช่นนี้นี่เอง คนในตระกูลถึงได้กลายเป็นคนมีปัญหาไปหมด

    ผู้อาวุโสที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่พอใจเช่นเดียวกัน ใช้ไม้เท้ากระแทกดินหลายครั้งด้วยความอัดอั้นตันใจ

    "เจ้าคนตระกูลจิน! หลานของเจ้าทำความผิดแทนที่จะลงโทษ กลับโยนความผิดให้นางหนูคนนี้อีก นางต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกกระทำไม่ใช่ลูกหลานของเจ้า แก่แล้วสมองเสื่อมหรือ จิตใต้สำนึกผิดชอบชั่วดียังทำงานอยู่หรือไม่ หัวหงอกที่ได้มามันทำให้ความเป็นคนของเจ้าเสื่อมไปด้วยหรือ..นางหนูไม่ต้องกลัว วันนี้ข้าจะปกป้องเจ้าเอง"

    มนตราปลื้มใจแทนฉินฉินคนเก่า จึงโค้งขอบคุณอย่างนอบน้อม

    "ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านยาย ท่านพูดได้โดนใจข้ามากเอาหัวใจไปเลย"

    "เจ้าก็สมองกลับด้วยอีกคน พูดอะไรไม่รู้ ข้าฟังไม่เข้าใจ"

    อึก...ไม่น่าพูดเลย โดนไปด้วยอีกคนไหมเล่ายายตาเอ๊ย!

    ใต้เท้าฉู่ฟังคำนั้นแล้วก็หน้าบึ้งตึงเช่นเดียวกัน...

    "เห็นแก่ที่พวกท่านเป็นผู้อาวุโส ข้าที่เป็นผู้น้อยกว่าจะไม่เอาผิดพวกท่านฐานใส่ร้ายแม่นางฉินฉิน ทว่าบุตรหลานของพวกท่านทำผิด ท่านใต้เท้าศาลตัดสินได้ตัดสินมาแล้วว่า ให้พวกเขาขอโทษแม่นางและน้องชายจากใจจริง พร้อมกับต้องมอบเงินปลอบขวัญให้แม่นางฉินฉินคนละสิบตำลึงเงิน"

    ชาวบ้านฮือฮาทันที เงินมากถึงเพียงนั้นพวกเขาทำงานทั้งปียังเก็บไม่ได้เลย เหล่าผู้อาวุโสต่างหน้าเสียไปตาม ๆ กัน จ้องหน้าบุตรหลานของตนตาเขม็ง

    "พวกข้าไม่มีเงินมากถึงเพียงนั้น ท่านช่วยลดให้หน่อยได้หรือไม่"

    มีผู้อาวุโสคนหนึ่งถามแทรกขึ้นมาเสียงเบาหวิว คงอับอายที่ต้องมาต่อราคากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง กลับไปจะต้องสั่งสอนบุตรชายของตนเองให้หลาบจำ จะได้ไม่สร้างเรื่องเสียเงินเช่นนี้ขึ้นมาอีก

    มนตราถึงกับแสยะยิ้ม นึกขอโทษฉินฉินอยู่ในทีที่วันนี้เธอใช้ใบหน้านี้แสดงอาการเอือมระอามาตลอดทั้งวัน

    ร่างเล็กหันไปถามผู้ใหญ่บ้านที่ยืนหลบมุม ทำเหมือนไม่มีใครเห็นตน

    "ท่านลุงผู้ใหญ่บ้าน ที่ดินในหมู่บ้านขายอยู่ที่ราคาเท่าไหร่หรือเจ้าคะ"

    "เจ้าจะถามไปทำไม"

    อี้เทียนถกแขนเสื้อแสดงกล้ามแขนที่ผ่านการสับหมูมาทั้งชีวิต หากเขาออกแรงต่อยคนทีเดียว อีกฝ่ายอาจจะมองเห็นดาวตอนกลางวันแสก ๆ ก็เป็นได้

    "ลูกสาวข้าถาม เจ้าก็ตอบมาสิ"

    ผู้ใหญ่บ้านไม่เกรงกลัวเลยสักนิด ที่นี่เป็นถิ่นของตนคนนอกไม่มีอำนาจมากพอจะสั่งเขาได้ นอกจากใต้เท้าหนุ่มและเหล่าทหารที่ยืนอยู่ตรงนี้

    "ข้าสงสัยมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร ไปเป็นบิดานางตั้งแต่ตอนไหนรึ..บิดานางตายไปแล้ว เจ้าอย่าสำคัญตัวผิดนักเลย"

    "ท่านลุงผู้ใหญ่บ้าน โปรดให้เกียรติบิดาบุญธรรมข้าด้วยเจ้าค่ะ ข้านับถือเขาเป็นบิดาแท้ ๆ ของข้า คนนอกเช่นท่านรู้เพียงเท่านี้พอแล้ว ท่านจะตอบคำถามข้าได้หรือยัง"

    "ใช่ อย่าเสียเวลานักเลย ข้าต้องกลับไปรายงานทุกอย่างให้ท่านเจ้าเมืองทราบอีก หากเจ้ายังจะทำให้เรื่องมันยืดยาวมากกว่าเดิม ก็กลับไปหาท่านเจ้าเมืองพร้อมกับข้าตอนนี้เลยดีหรือไม่"

    ใต้เท้าฉู่จ้องหน้าผู้ใหญ่บ้านพูดขู่ให้เขาเข้าเรื่องเสียที

    ผู้ใหญ่บ้านกลายเป็นแมวหงอยทันทีเมื่อถูกผู้มีอำนาจข่มขู่

    "ที่ดินในหมู่บ้านทำเลดีหน่อยก็มีราคาสามตำลึงเงิน รองลงมาสองตำลึงเงินขอรับ ที่ดินที่ไม่เป็นที่ต้องการตรงท้ายหมู่บ้านไกลออกไปราคาเพียงหนึ่งตำลึงเงิน"

    มนตรารีบคำนวณสิ่งที่ตนจะต้องได้รับออกมาด้วยความรวดเร็ว

    "หากพวกท่านไม่มีเงินก็ต้องชดใช้เป็นที่ดิน ข้าขอไม่มากหรอกเจ้าค่ะ"

    "มันจะมากเกินไปแล้วนะ เจ้ากล้าข่มขู่เอาที่ดินจากพวกข้าไปเชียวรึ"

    "ผู้อาวุโสท่านใจเย็นก่อนสิเจ้าคะ ข้าไม่ได้ตัดสินเรื่องนี้เอง ท่านเจ้าเมืองเป็นคนตัดสิน ยังมีชาวบ้านมากมายที่อาศัยในเมืองหลวงช่วยเป็นพยานให้ด้วยนะเจ้าคะ หากไม่มีเงินให้ต้องชดใช้เป็นที่ดินแทน..มีตรงไหนไม่ถูกต้องหรือ ท่านเลือกมาหนึ่งอย่างจะจ่ายเป็นเงินหรือที่ดินดี ข้ายินดีรับทั้งหมดเจ้าค่ะ"

    อี้เทียนมองบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยความภาคภูมิใจ

    "ต้องอย่างนี้สิลูกพ่อ อย่าไปยอมพวกมัน กดดันพวกมันให้จนมุมเถิด เอาให้กระอักเลือดจนตาย ข้าจะอาสาขุดหลุมฝังให้เอง"

    ทุกสายตาจับจ้องมาทางอี้เทียนที่กำลังชกลมกลางอากาศด้วยความสะใจจนเขารู้ตัว ร่างเล็ก ๆ เดินไปกระซิบข้างหูบิดา

    "ท่านพ่อเมื่อครู่ท่านพูดออกเสียง ยามนี้ทุกคนได้ยินหมดแล้วเจ้าค่ะ"

    อี้เทียนยืนตัวตรงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระแอมไอกลบเกลื่อน..

    "ขออภัยข้าสะใจเกินไป ใครบอกให้พวกเจ้ารุมรังแกบุตรสาวข้าเล่า"

    ใต้เท้าฉู่รีบพูดเปลี่ยนเรื่องช่วยว่าที่พ่อตาในอนาคต..

    "เอาเถิด พวกท่านตัดสินใจได้หรือยังเล่าว่าจะจ่ายเป็นเงินหรือที่ดิน"

    เหล่าผู้อาวุโสโยนให้คนกระทำผิดตัดสินใจเอง

    เรื่องเช่นนี้พวกเขาไม่ขอเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวให้เสื่อมเสียเกียรติ

    มนตรารอคอยคำตอบด้วยความตื่นเต้น เธอคำนวณจำนวนที่ดินที่ต้องการอย่างน้อย ๆ ต้องมีมากกว่าห้าสิบหมู่แน่

    ชาวบ้านที่ทำผิดมีสิบห้าคน ก็คิดเป็นเงินหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงิน ยังเหลือเงินอีกเยอะยังเอาไปซื้อที่แถวเรือนร้างได้อีก

    ทุกอย่างที่ต้องการจะต้องได้มาแบบไม่เสียเงินแม้แต่อีแปะเดียว

    เรื่องดี ๆ เช่นนี้ใครจะไม่ชอบกันเล่า


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×