ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #11 : ทวงที่ดินคืน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 11 ทวงที่ดินคืน

    เดินมาได้สักพักตงซิ่วก็ชี้ให้มารดาดูที่ดินของบิดา ไร่นาอยู่ติด ๆ กันหมด แบ่งแยกเขตแดนด้วยต้นไม้ ไม่มีใครรุกล้ำที่ดินของคนอื่น เพราะไม่อยากมีปัญหามากนัก อย่างไรก็เป็นคนที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน

    บ้านสกุลเดิมของฟางเหนียงหน้าหนาพอสมควร ถึงขั้นมาปลูกเถียงนาน้อยทำกินในที่ดินคนอื่น ปักหลักปลูกผักเอาไปขายให้คนในหมู่บ้านของตัวเอง คนที่ประจำการอยู่คือพี่ชายคนที่สามของนางนั่นเอง

    ชาวบ้านที่ทำงานอยู่ในที่ดินของตัวเอง เมื่อเห็นคนที่คิดว่าต้องตายไปแล้วแน่ ๆ เดินตัวปลิวผ่านหน้าของตน ทุกคนก็ต่างตกใจไม่คิดว่าฟางเหนียงจะรอดชีวิตกลับมาได้

    กรรมของนางหนักหนาเกินกว่าจะพ้นภัยที่คุกคามถึงชีวิต แต่หากนางพ้นภัยในครั้งนี้ ชีวิตของนางจะเปลี่ยนผันนำสิ่งดี ๆ เข้ามาในหมู่บ้าน

     หลวงจีนผู้หนึ่งที่เคยเดินทางผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน ได้เคยกล่าวไว้ตอนที่เจอกับฟางเหนียง เมื่อตอนที่นางท้องบุตรชายคนโต

    วันนี้นางดูเปลี่ยนไป ดูสะอาดสะอ้านมากขึ้น ทุกคนเลื่อนสายตามองว่านางจะมาสร้างเรื่องอะไรอีก ทำไมถึงต้องถือขวานเหมือนมาหาเรื่องคนเช่นนั้น

    ในเมื่ออยากรู้ก็ต้องเดินตามหลังนางไป เผื่อช่วยเหลืออะไรได้บ้าง แม้ว่าแท้ที่จริงแล้วก็แค่อยากสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน

    ฟางเหนียงมุ่งตรงไปยังเถียงนาน้อย ก็เห็นบุรุษรูปร่างอ้วนท้วมเหมือนตนนอนกรนคร่อก ๆ ไม่เกรงใจแดดที่เลียตูดอยู่ นางก็ไม่สนใจรีบเดินดุ่ม ๆ ไปปลุกให้เขาตื่นลุกมาตีกัน เอ๊ย ไม่ใช่ ๆ ลุกขึ้นมาคุยกันดี ๆ

    เฮ้ย! ตื่นได้แล้ว รีบเก็บข้าวเก็บของออกไปซะ ก่อนที่ขวานในมือของข้ามันจะสร้างเรื่องไปปักอยู่บนหัวของเจ้า!”

    หญิงสาวใช้ด้ามขวานสะกิดปลุกคนให้ตื่น เจ้าตัวลุกขึ้นงัวเงียก็เห็นน้องสาวยืนจ้องหน้าอยู่ เขาทักนางอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก ที่ถูกปลุกให้ตื่นจากห้วงความฝัน

    “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ กล้าดีอย่างไรมาปลุกข้านังบ้า!”

    คราวนี้ถูกคนด่าว่าบ้าก็รู้สึกไม่เจ็บเท่าไหร่นัก ฟางเหนียงเท้าเอวเชิดหน้าใส่เขาอย่างอวดดี ไม่มีท่าทีเกรงกลัวเหมือนแต่ก่อน

    “ไม่ใช้ตีนถีบก็บุญหัวแล้ว เก็บของไปนอนดมตูดแม่ที่บ้านไป! ที่ดินของข้าไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาทำกินอีกแล้ว อ้อ อย่าลืมจ่ายค่าเช่าที่ย้อนหลังด้วยเล่า เจ้ารองแม่คิดค่าเช่าที่เท่าไหร่ดี”

    “สิบตำลึงเงินขอรับ”

    ตงซิ่วยืนเคียงข้างมารดาตอบคำถามอย่างรวดเร็ว แต่เงินแค่นี้เทียบกับสิ่งของที่พวกเขาเคยเอาไปไม่ได้ด้วยซ้ำ

    หยางชุนไป่ไม่เข้าใจว่าสองแม่ลูกพูดเรื่องอะไร ไหนจะชาวบ้านที่มามุงดูรอบ ๆ อีก...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!

    “เจ้าพูดอีกทีสิ”

    “บอกให้ออกไป ข้าจะใช้ที่ดินทำมาหากินแล้ว ปลิงควายอย่างพวกเจ้าหมดเวลามาสูบเลือดสูบเนื้อแล้ว จ่ายค่าเช่าที่ย้อนหลังมาด้วย”

    หยางชุนไป่ยกมือขยี้ตาเล็กน้อย เขารู้สึกว่าน้องสาวแปลกไป อีกทั้งสิ่งที่นางพูดมายังมีบางประโยคที่ฟังไม่เข้าใจ

    แต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคอจึงจ้องสบตานาง ข่มขู่ให้นางหยุดการกระทำก้าวร้าวนี้เสีย หากไม่อยากถูกท่านแม่ตีตาย

    “เจ้ากล้าไล่ข้าหรือ?”

    เห็นอีกฝ่ายยังไม่เข้าใจ ฟางเหนียงก็ใจดีขยายความให้ฟัง สมองอันน้อยนิดที่มีจะได้เข้าใจในสิ่งที่นางต้องการได้ง่ายขึ้น ดูสายตาที่มองมาสิ น่าจับควักมาโยนให้ปลากินเสียจริง

    “ข้าตาสว่างแล้ว ไม่หลงกลให้พวกเจ้าหลอกใช้อีกแล้ว”

    “ตอนข้าแต่งออกมาก็ขูดรีดสินสมรสข้าไปตั้งเท่าไหร่ ยังไม่พอใจก็กลับมาเกาะข้ากินอีก ถามหน่อยเถอะหน้าของเจ้าทำด้วยหินหรืออย่างไร เหตุใดถึงได้หน้าด้าน มาเกาะน้องสาวที่ออกเรือนไปแล้วกินอีก”

    “ตอนข้าเจ็บป่วยใกล้ตาย พวกเจ้ากลับหายหัวไม่เหลียวแล ยามข้าปกติสุขกลับวิ่งกระดิกหางดิก ๆ มาขอส่วนบุญเป็นสัมภเวสี ข้าที่ผ่านความตายมาแล้วรู้เห็นแจ้งว่าอะไรควรตัดขาด!”

    “ข้าไม่ขอนับญาติกับพวกเจ้าอีก รีบเก็บของแล้วไสหัวไป ผลผลิตเหี่ยว ๆ ของเจ้าข้าให้เวลาเก็บภายในวันนี้ ถ้าข้ามวันไปแล้วยังอยู่ ข้าจะเอาไปสับเป็นอาหารไก่ให้หมด เอ้า! ยังหน้าด้านอยู่ทำไม ไปสิ!”

    ชาวบ้านที่เดินตามมาดูว่านางจะทำอะไร พากันตกใจเป็นแถบ ไม่คิดเลยว่านางจะกล้าไล่พี่ชายออกไปจากที่ดินตัวเอง

    อีกอย่างผักที่อยู่ในไร่ก็เป็นนางเองนี่แหละ ที่ปลูกให้กับคนบ้านสกุลเดิมเอาไปขายเก็บเงินไว้ใช้กันเอง พวกเขามีหน้าที่แค่ผลัดเปลี่ยนกันมาดูว่า ฟางเหนียงจะอู้งานหรือไม่

    หยางชุนไป่ในตอนนี้หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น ที่ถูกนังไร้ค่าตัวถ่วงของบ้านทำให้เขาขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย และเขาสัมผัสได้ว่านางไม่เกรงกลัวเขาเหมือนแต่ก่อนแล้ว

    “เจ้าจะต้องเสียใจที่ทำกับข้าเช่นนี้”

    “ทำไม? จะวิ่งกลับบ้านร้องไห้ฮือ ๆ พาคนมาทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ คิดว่าคนในหมู่บ้านกวางน้ำจะยืนดูเฉย ๆ หรือ เหอะ อีกอย่างข้าพร้อมไปที่ศาลเสมอนะ หากพวกท่านต้องการ”

    “คิดให้ดี ๆ ว่าจะเลิกยุ่งกับข้าตัดขาดกันไปเลย แล้วให้เรื่องมันจบ ข้าจะไม่ถือสากับสิ่งที่พวกเจ้าเคยหลอกใช้ข้า หรือจะทำตัวเป็นปลิงต่อไป รอให้ข้าเอาเรื่องขึ้นศาลฟ้องร้องเรียกเงินดีเล่า?”

    “ที่ข้าต้องการคือตัดขาดจากสกุลนี้ ถือเสียว่าข้าเกิดมาจากกอไผ่ ที่ผุดขึ้นมาจากดินไม่มีครอบครัว”

    หยางชุนไป่รู้แล้วว่าน้องสาวพูดจริง สายตาของนางมีความดื้อดึงแฝงอยู่ เขาจึงต้องเก็บอารมณ์ไว้ภายใน ลองให้โอกาสนางเป็นครั้งสุดท้าย เพราะถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่ถิ่นของเขา

    “น้องสี่เจ้าโกรธเคืองที่ไม่มีใครไปเยี่ยมเจ้าหรือ? โธ่ ทุกคนต่างยุ่งวุ่นวายกับงานที่ล้นมือ จึงยังไม่มีโอกาสไปหาเจ้า เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ พี่สามจะพาท่านแม่มาหาเจ้า”

    “เหอะ เจ้ารู้สาเหตุที่ข้าตกน้ำหรือไม่เล่า”

    ฟางเหนียงแอบหลอกถามเกี่ยวกับสาเหตุการตายของร่างเดิม ในใจลึก ๆ กำลังร้องเตือนว่าชายผู้นี้มีส่วนเกี่ยวข้อง

    หยางชุนไป่ไม่รู้ตัวว่าถูกหลอกถาม จึงสารภาพไปจนหมดสิ้น

    “ก็ภรรยาของข้าต้องการกินปลา เจ้าอาสาลงไปจับปลามาให้ ข้านอนอยู่รู้ตัวอีกทีก็มีเสียงเอะอะโวยวายว่ามีคนตกน้ำ พอข้าเข้าไปดูก็พบว่าเป็นตัวเจ้า พี่สามเห็นสภาพเจ้าก็นึกกลัว ถึงได้ขอตัวกลับบ้านไปก่อน หรือว่าเจ้าจะโกรธเคืองข้าด้วยเรื่องนี้?”

    “สรุปที่ข้าเกือบตาย เป็นเพราะความขี้เกียจของเจ้าเองสินะ เหอะ บัดซบมากชีวิตนี้ หากเจ้ามีใจรักน้องสาวคนนี้สักนิด คงห้ามปรามไม่ให้ข้าลงไปในน้ำลึกเพื่อจับปลาแล้ว แต่เจ้าไม่ห้ามจนเกิดเหตุขึ้น!”

    “ตอนที่มีคนพบข้าจมน้ำอยู่ในลำธารน้ำที่หนาวเหน็บ มันเจ็บลึกจนซึมไปถึงกระดูก ท่านรู้เห็นทุกอย่าง แทนที่จะพาหมอมารักษาข้า แล้วสำนึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้น้องสาวจมน้ำ แต่เจ้าเลือกหนีกลับบ้าน”

    “ไอ้!...ให้เดาคนที่บ้านของเจ้าคงรับรู้เรื่องราวทุกอย่าง แต่กลับไม่มีใครมาเยี่ยมเยียนข้าสักคน แม้แต่คนเดียวก็ไม่มี”

    “ครอบครัวที่เห็นแก่ตัวเช่นนี้ข้าไม่ขอนับญาติด้วย ข้าแต่งงานออกมาแล้วก็เหมือนน้ำที่ถูกสาดออกนอกบ้าน หน้าที่ของข้าไม่ใช่รับใช้ครอบครัวเดิมอีกต่อไปแล้ว”

    “จงจำไว้ให้ดีว่าเจ้าจะไม่ได้อะไรจากข้าอีก ฟางเหนียงคนนี้ขอตัดขาดแม้ตายก็ไม่เผาผี!”

    นางพูดขนาดนี้แล้วแทนที่อีกฝ่ายจะสลด กลับแสดงความโกรธมากกว่าเดิม

    “เจ้าอย่ามาโยนความผิดให้ข้า เป็นตัวเจ้าเองที่อาสาไปจับปลามาให้ภรรยาข้ากิน เจ้าน่าจะตาย ๆ ไปให้พ้นสายตาข้า ข้ายอมอ่อนลงให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ายังมาอวดดีใส่ข้าอีก!”

    “น้องสาวอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่ใช่น้องของข้าสักหน่อย เจ้ามันเป็นแค่ลูกของอนุภรรยาที่ท่านพ่อแอบซ่อนไว้ มารดาก็ตายไปตอนคลอดเจ้า!”

    “เจ้ารู้เรื่องทุกอย่างถึงได้พยายามทำดีกับท่านแม่ หวังต้องการความรักจากนาง เป็นเจ้าเองที่เสนอให้พวกข้าทุกอย่าง จะโยนความผิดให้ครอบครัวข้าได้หรือ!”

    “เจ้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก! ชื่อข้าก็อยู่ในผังตระกูล ข้าเองก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว!”

    “ใครว่าเจ้ามีชื่ออยู่ในตระกูลหยาง ข้าจะบอกให้เอาบุญ ในผังตระกูลไม่มีชื่อของเจ้า”

    สิ้นสุดคำนั้นจากท่าทีเศร้าสร้อยจนเกือบหลั่งน้ำตา แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มยกขึ้นมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์

    เรื่องแก้ง่ายกว่าที่คิดเอาไว้มาก

    “โอ้ เป็นเช่นนี้นี่เอง ในเมื่อข้าไม่ใช่คนในครอบครัวของเจ้า ก็ตัดขาดกันได้ง่ายมาก พรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมืองไปแจ้งความ ที่พวกเจ้าเข้ามาทำกินในที่ดินคนอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของที่”

    “ข้าให้เวลาเจ้าเอาเงินค่าเช่าที่มาจ่ายก่อนข้ามวัน รีบไปสิ มายืนอยู่ทำไม ญาติกันก็ไม่ใช่แล้วนี่ ไอ้อ้วน!”

    หยางชุนไป่รู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก เขาจะเข้าไปตีน้องสาวที่ไม่เคยนับญาติด้วย แต่ในมือนางมีของมีคม ขืนเข้าไปใกล้ก็เป็นตัวเขาเองมากกว่าที่เสียเปรียบ

    ข้าจะไปบอกให้ท่านแม่จัดการเจ้า!”

    “ไปเลย แม่ของเจ้าไม่ใช่แม่ของข้าสักหน่อย ทำไมข้าต้องกลัว มากันทั้งตระกูลก็ยังได้ จะได้คิดบัญชีทีเดียว”

    ฟางเหนียงยิ้มอย่างสะใจ ถึงแม้จะไม่ได้ด่าคนให้หนำใจอย่างที่คิดไว้ ปัญหาที่คิดว่าน่าจะแก้ไขได้ยากกลับแก้ง่ายกว่าที่คิดเอาไว้

    ดูเหมือนบ้านของร่างเดิมจะกลัวทางการมาก ตอนที่พูดว่าจะเข้าเมืองไปแจ้งความ อีกฝ่ายก็ตกใจจนเซถอยหลังไปสองก้าว

    คนพวกนี้ต้องมีเรื่องอะไรปิดบังไว้อยู่แน่นอน

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×