ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านพี่เจ้าขา ข้าอยากรวย (จบแล้ว) มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #10 : หนทางหาเงิน

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 66


    บทที่ 10 หนทางหาเงิน

    ฟางเหนียงกลับมาซักผ้าต่อให้เสร็จ สักพักก็เข้าครัวไปทำอาหารกลางวันให้ลูก ๆ กิน แม้ว่านางเองจะทำงานมาเหนื่อย ๆ เช่นกัน

    ข้าวเที่ยงวันนี้คือข้าวไข่เจียวทรงเครื่อง ที่ทำง่ายและไม่เหนื่อย เพราะใช้บุตรชายทำ...

    อาหารมื้อนี้ทุกคนมีส่วนร่วมด้วยกันหมด

    “เจ้าใหญ่รับหน้าที่หุงข้าวและทอดไข่ จำที่แม่สอนเมื่อวานได้หรือไม่”

    “ได้ขอรับ”

    “เจ้ารองเป็นคนปรุง ไม่ต้องห่วงแม่จะคอยกำกับเอง”

    “ขอรับ”

    “เจ้าสาม เจ้าสี่เป็นคนใส่เครื่อง แม่จะหั่นผักและแบ่งหมูไว้ พวกเจ้าอยากกินอะไรก็ตักใส่ลงไปในถ้วย จากนั้นส่งต่อให้พี่ชายของเจ้าตอกไข่ใส่และปรุง งานง่าย ๆ แค่นี้ทำได้หรือไม่ลูก”

    “ทำได้ขอรับ”

    น้องเล็กทั้งสองคนของบ้านตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน ตื่นเต้นมากนั่งมองมารดาหั่นผักเตรียมเครื่องให้ตาแป๋ว

    พวกเขาชอบมากที่เลือกของชอบได้ แม้ว่าสุดท้ายจะต้องเทใส่พวกมันทั้งหมดอยู่ดี แต่เด็กทั้งสองคนมีความสุขมาก ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำอาหารมื้อนี้

    ไข่เจียวของเซี่ยเหิงที่ประหยัดน้ำมันขั้นสุด ออกมาอร่อยปนขมนิด ๆ เพราะเขาทำไหม้ มัวแต่ห่วงเรื่องน้ำมันจนลืมดูหม้อ รู้ตัวอีกทีก็ถูกมารดาตีไหล่ให้ดูไข่เจียวเกรียม ๆ เสียแล้ว

    สุดท้ายต้องรีบพลิกไข่กลับด้าน มันไหม้ตรงกลางนิดหน่อย แต่ตัดออกก็กินได้แล้ว แม้ว่ากลิ่นไหม้จะยังคงอยู่ก็ตาม

    พี่ชายคนโตของบ้านรับผิดชอบด้วยการกินไข้ไหม้ ส่วนไข่อร่อย ๆ ยกให้น้อง ๆ อีกตามเคย

    ในภายภาคหน้าหากใครได้บุตรชายข้าเป็นสามีก็ถือว่าโชคดีมาก

    ระหว่างที่กินข้าวฟางเหนียงก็เล่าแผนการหาเงินให้ลูก ๆ ฟัง พลางถามความคิดเห็นของพวกเขา

    “แม่ว่าจะเข้าเมืองไปเปิดแผงขายอาหารดู พวกเจ้าต้องตามไปด้วย คงอีกหลายวันกว่าจะพร้อม ระหว่างนี้ใช้จ่ายเงินประหยัดหน่อยเล่า เราจะเข้าไปขายอาหารในเมืองสองครั้งต่อเดือน คงไม่ได้ขายทุกวันเพราะยังต้องกลับมาทำงานที่ไร่ของเราอีก ก็ถือเป็นการพักไปในตัว”

    “แต่แม่บอกตามตรงว่า ยังไม่ค่อยพร้อมทำอาหารขายสักเท่าไหร่ คงต้องทดลองทำให้หลายคนชิมรสชาติก่อน หากได้สูตรที่อร่อยแล้วค่อยเข้าเมือง พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร”

    ตงซิ่วเห็นด้วย เพราะน้องชายทั้งสองยังไม่มีโอกาสเข้าไปเที่ยวเล่นในเมือง ถ้าจะไปก็ต้องไปกันหมดทั้งบ้าน

    อีกอย่างกิจการของท่านแม่ต้องมีคนช่วยอย่างน้อยสองคน จะฝากน้องชายให้บ้านใหญ่เลี้ยงพวกเขาก็กลัวจะน้อยใจทีหลัง

    ท่านแม่เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นระหว่างที่ท่านพ่อไม่อยู่ต้องเชื่อฟังนางให้ดี เซี่ยเหิงลอบมองน้องชายที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

    สองพี่น้องนี้แค่สบตากันก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่

    “พวกข้าเชื่อฟังท่านแม่ขอรับ แต่เรื่องปลูกผัก ที่ดินของเรา...”

    “แม่รู้แล้ว ไม่ต้องห่วง แม่จะเก็บค่าที่ย้อนหลังให้เอง พวกเจ้าอยู่เฉย ๆ ก็พอ คนหน้าหนาพวกนั้นถึงเวลาชดใช้กรรมแล้ว เรื่องนี้แม่จัดการเองคนเดียวได้ พวกเจ้าไปจัดการงานที่แม่บอกให้เสร็จเถอะ”

    “ส่วนผ้าถ้าแห้งแล้วก็ให้เก็บใส่หีบทันที กลิ่นหอม ๆ จะได้ติดทนนาน แม่จะไปดูที่ดินของเราสักหน่อย”

    หญิงสาวพูดด้วยความมั่นใจ นี่แค่มาเกิดใหม่วันที่สองเท่านั้น นางยังอยากปะทะกับบ้านสกุลเดิมใจจะขาด เพราะคิดแล้วว่าหากประวิงเวลาต่อไปก็มีแต่ทำให้หงุดหงิดใจเสียเปล่า ๆ

    ที่ดินของสามีข้า พวกเจ้ามีสิทธิ์ทำกินหรือ ถ้ามีน้ำใจคอยแบ่งปันผลผลิตมาให้สักนิดก็ว่าไปอย่าง แต่นี่อะไรเงียบกริบยิ่งกว่าสุสานฝังศพไร้ญาติเสียอีก

    ข่าวเรื่องที่ร่างเดิมตกน้ำคงดังเข้าหูพวกเขาแล้ว ทว่าตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็ยังไม่เห็นเงาหัวของพวกเขาสักคน คงกลัวต้องจ่ายค่ารักษาสิท่า

    เหอะ ๆ ครอบครัวเห็นแก่ตัวเช่นนี้ ข้าไม่ต้องการหรอก

    “ท่านแม่จำทางได้หรือขอรับ ท่านรู้ทางไปที่ดินของเราหรือ”

    ฟางเหนียงเบรกความคิดเอาคืนดังเอี๊ยด เมื่อถูกบุตรชายคนรองพูดแทรกขึ้นมา จะว่าไปที่เขาถามก็มีเหตุผล เพราะนางจำไม่ได้จริง ๆ ด้วย

    “เอ่อ เช่นนั้นเจ้ารองไปกับแม่ ส่วนเจ้าใหญ่ดูแลน้องให้ดี ถ้าเกิดอะไรขึ้นให้จำไว้ว่าใช้ขวานจามหัวมันได้เลย เดี๋ยวแม่มาจัดการต่อให้เอง ต่อให้เป็นบ้านสกุลเดิมของแม่มา แม้แต่ปลายเล็บก็ห้ามแตะพื้นบ้านเรา”

    “ข้าตีคนได้จริง ๆ หรือ?”

    เซี่ยเหิงคิดว่าตนเองฟังผิดไป ท่านแม่อนุญาตให้ตีคนจากบ้านสกุลเดิมของนางได้จริงหรือ? เพราะที่ผ่านมาเวลาที่คนบ้านนั้นมาหาทีไร ท่านแม่ก็จะขนของในบ้านยกให้คนพวกนั้นไปจนหมด

    “ถ้าไม่กล้า ก็พาน้องเข้าไปหลบในป่า”

    “ข้ากล้า!”

    “ต้องเช่นนี้สิถึงจะสมเป็นลูกที่ข้าเจ็บท้องคลอดออกมา”

    ตงซิ่วมองมารดาสลับกับมองหน้าพี่ชาย ที่ดูแข็งขันขึ้นมาพร้อมตีคนทุกเมื่อ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกปวดหัว ไม่รู้ว่าท่านแม่จะทำอะไรพิกลอีกหรือไม่ เพราะเดาใจนางไม่ถูกจริง ๆ

    เซี่ยเหิงอุ้มน้องชายทั้งสองคนออกมาส่งมารดา คล้ายการร่ำลาทหารก่อนไปออกรบก็ว่าได้

    “ท่านแม่ต้องทวงที่ดินของเรากลับคืนมาให้ได้นะขอรับ”

    “เชื่อใจแม่คนนี้ได้เลยเจ้าบุตรชาย”

    ฟางเหนียงยามนี้เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าสามี ในมือมีขวานไว้จามหัวคน หากอีกฝ่ายไม่ยินยอมต้องมีเลือดตกยางออกบ้างแหละน่า

    “เจ้ารอง แล้วตอนที่แม่ยังไม่ได้สติ มีใครมาหาบ้างหรือไม่”

    เพื่อความแน่ใจต้องถามเจ้าบุตรชายฉลาดเป็นกรดเสียก่อน เวลาปะทะกันจะได้เองเรื่องนี้มากดดันอีกฝ่ายได้

    “มีแค่บ้านของลุงใหญ่ขอรับ ส่วนบ้านสกุลเดิมของท่านแม่ ไม่มีใครมาเลยขอรับ”

    “เข้าใจแล้ว ถ้ามีการปะทะกัน เจ้าจงไปหลบให้ไกลที่สุด หรือไม่ก็ไปเรียกชาวบ้านมาช่วยแม่ เข้าใจหรือไม่”

    หลังจากสืบเสาะมาแล้วก็รู้ว่า บ้านสกุลเดิมของฟางเหนียงมีพี่น้องทั้งหมดห้าคน นางเป็นลูกคนที่สี่และเป็นผู้หญิงคนเดียวในบรรดาพี่น้องทั้งหมดด้วย

    แต่มารดาของนางไม่ชอบลูกสาว รวมถึงสามีของนางเองก็ไม่อยากได้ลูกสาวเหมือนกัน ด้วยคิดว่าลูกสาวใช้งานไม่ได้ เมื่อถึงเวลาก็ต้องแต่งออกไปอยู่ที่อื่น ชีวิตที่ผ่านมาของฟางเหนียงจึงไม่ราบรื่นนัก

    โชคดีเพียงอย่างเดียวในชีวิตของนาง คือได้แต่งงานกับเฟยหลง

    “ขอรับ”

    ตงซิ่วเองก็เริ่มฮึกเหิมขึ้นมาแล้วเหมือนกัน เขาพร้อมพุ่งชนศัตรูพร้อมกับท่านแม่แล้ว!

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×