คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ฉินฉิน
ตอนที่ 1 ฉินฉิน
ฉินฉินเด็กสาวอายุสิบสามปีอยู่ในสภาพเนื้อตัวเปื้อนเลือด นางถูกโยนออกมาจากบ้านหลังน้อยที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่ยังเล็ก
เมื่อห้าปีก่อนตอนที่นางอายุเพียงแค่เจ็ดปี นางได้สูญเสียมารดาไปเหตุเพราะยามนั้นนางเกิดป่วยไข้ บิดามารดาจึงพากันเข้าป่าตามหาสมุนไพรหายากมาขายเพื่อพานางไปรักษา
แต่โชคไม่เข้าข้างนัก นางจางผู้เป็นมารดาไม่ทันระวังถูกหมีป่าทำร้ายจนบาดเจ็บไปทั่วร่างกาย สามีตามมาพบในภายหลังหวังจะช่วยภรรยา ทว่ากลับสายไปเสียแล้ว นางจางทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้จากโลกนี้ไปแล้ว
มู๋เฉินผู้เป็นสามีทำได้เพียงรอเวลาให้หมีป่าตัวใหญ่กลับเข้าป่าไป เขาจึงนำร่างภรรยากลับลงมาจากเขา ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างพากันใส่ร้ายเด็กหญิงตัวน้อยว่าเป็นตัวอับโชค กล่าวหาว่านางใช้ชีวิตของมารดาแลกให้ตนเองหายจากอาการป่วยไข้
มู๋เฉินไม่เคยโทษบุตรสาวเพราะเรื่องนี้เลย เขาตั้งใจทำงานหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว และเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้เขาไม่มีเวลาดูแลบุตรสาวและบุตรชายที่อายุเพียงสามปี จึงจำใจต้องแต่งงานใหม่กับหญิงม่ายที่มีลูกติดเป็นบุตรสาวเข้าบ้านมา
ตั้งแต่ที่บิดามีภรรยาใหม่ เขาเริ่มไม่สนใจบุตรสาวและเอาแต่ตรากตรำทำงาน เมื่อได้เงินมาก็ส่งให้นางเฉียนภรรยาใหม่เป็นคนเก็บ
นางเฉียนไม่ชอบลูกติดสามีใหม่ ต่อหน้ามู๋เฉินนางแสร้งทำเป็นมารดาเลี้ยงที่คอยดูแลเอาใจใส่ลูกเลี้ยงทั้งสองคนอย่างดี ทั้งยังคอยหาข้าวหาน้ำให้กินไม่ขาดตกบกพร่อง
ทว่าผ่านไปได้เพียงสองปีมู๋เฉินที่ถูกจ้างวานให้ไปส่งสินค้าต่างเมือง กลับถูกโจรฆ่าตายเพื่อปล้นชิงทรัพย์ระหว่างทาง ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้กลับบ้านอีก แม้แต่ศพกว่าจะถูกนำมาทำพิธีฝังข้างศพภรรยาเก่าเวลาก็ผ่านไปนานนับเดือน
เพล้ง
เสียงจานข้าวตกแตกพร้อมกับเศษหัวมันที่เหลือเพียงชิ้นเดียวในบ้านตกกระจายลงบนพื้น
"ข้าบอกแล้วอย่างไรให้เจ้าไปขอทานหาข้าวมาให้ข้ากับบุตรสาวของข้ากิน เห็นเจ้าออกไปทั้งวันกลับได้มาเพียงแค่มันหัวเดียวจะพอยาไส้ได้อย่างไร"
ฉินฉินกอดน้องชายเอาไว้แน่น กลัวว่าหากเจ้าตัวน้อยร้องไห้ออกมาจะยิ่งทำให้แม่เลี้ยงของตนโกรธมากกว่าเดิม
"ท่านป้าพรุ่งนี้ข้าจะหาข้าวมาให้ท่านเจ้าค่ะ ข้าจะไปรับจ้างล้างจานตามเหลาอาหารนำเงินมาให้ท่าน"
พอได้ยินเรื่องเงินนางเฉียนก็อารมณ์ดีขึ้นมาฉับพลัน นางเลิกสนใจลูกเลี้ยงแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง เพื่อค้นหาเงินของสามีที่นางแอบเก็บซ่อนเอาไว้ แล้วจูงมือพาบุตรสาวออกไปหาอะไรกินในเมือง
"ข้ากับลูกจะกลับมายามโหย่ว ระหว่างนี้เจ้าจงทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อย หากข้ากลับมาแล้วเจ้ายังทำงานไม่เสร็จละก็ เตรียมตัวถูกขับไล่ออกจากบ้านหลังนี้ได้เลย"
"เจ้าค่ะ"
เด็กสาวได้แต่ก้มหน้าก้มตายอมรับ นางถูกกดขี่มาตลอดหลายปี ไม่แม้แต่จะลุกขึ้นสู้กับนางเฉียน เพราะหากนางแข็งข้อต่อมารดาเลี้ยงจะไม่ใช่แค่นางที่ถูกตี น้องชายที่สติไม่สมประกอบคนนี้ก็จะพลอยโดนลูกหลงไปด้วย
"พี่ใหญ่..อาเยี่ยนหิวแล้วขอรับ"
ฉินฉินยกมือปัดหยดน้ำตาที่ติดอยู่บนแก้มออก แล้วหันมาคุกเข่าตรงหน้าน้องชายของตน
"เจ้ารอก่อนนะอาเยี่ยน..พี่ใหญ่ทำงานเสร็จแล้วจะพาเจ้าไปหาของกินในป่า..เจ้ารอพี่ใหญ่ได้หรือไม่"
"ได้ขอรับ..แล้วอาเยี่ยน..อาเยี่ยนต้องรอนานหรือไม่ขอรับ"
อาเยี่ยนเคยเป็นเด็กที่ร่าเริงมาก่อน แต่หลังจากบิดาเสียชีวิตลงได้เพียงสามวัน นางเฉียนก็จับน้องชายของนางไปขายให้กับพ่อค้าทาส และได้เงินมาเพียงสองตำลึงเงินเท่านั้น
ฉินฉินไปคุกเข่าอ้อนวอนอยู่หน้าประตูบ้านอยู่หลายชั่วยาม เพื่อขอให้มารดาเลี้ยงพาน้องชายกลับมา ด้วยข้อแลกเปลี่ยนที่ว่าหลังจากนี้นางจะเป็นเสาหลักดูแลทุกคนและหาเงินเข้าบ้านเอง
"ท่านป้า..ท่านคืนเงินมาเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะเอาเงินนั้นไปไถ่ตัวอาเยี่ยนกลับคืนมา ผ่านมาหนึ่งวันแล้วไม่รู้ว่ายามนี้เขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง..ท่านโปรดเมตตาข้าสองพี่น้องด้วยเถิด"
"นางเด็กนี่! พวกเจ้ามันไร้ประโยชน์น้องชายเจ้าวัน ๆ เอาแต่กินนอนทำงานทำการก็ไม่ได้ ข้าไม่อยากเลี้ยงตัวไร้ประโยชน์ไว้ในบ้านหรอกนะ...เจ้าเลิกดื้อด้านแล้วเข้าเมืองไปหางานทำได้แล้ว"
นางเฉียนใจร้ายใจมารเกินจะเยียวยาแล้ว เพื่อความสบายของตนเองและบุตรสาว นางถึงกับออกปากสั่งให้เด็กตัวเล็ก ๆ อายุเพียงไม่กี่ปีเดินเท้าหลายชั่วยามเพื่อไปหางานทำในเมือง
ชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาพากันยิ้มหัวเราะพูดคุยนินทากันอย่างสนุกสนาน ไม่รู้สึกสงสารเด็กสาวเลยแม้แต่น้อย
"เจ้าเด็กอัปมงคล! เกิดมามีแต่สร้างเรื่อง นางเป็นกาลกิณีแม้แต่ชีวิตของบิดามารดานางยังเอาไปได้ ดูยามนี้เอาเถิดขนาดน้องชายของนางยังต้องพลอยซวยเพราะนางเลย..ถุย ๆ ๆ ..กลับกันเถิดขืนอยู่ต่อไปพวกเราอาจจะตายเพราะนางก็เป็นได้"
ชาวบ้านคนอื่นเห็นด้วยพาถ่มน้ำลายใส่กำแพงหน้าเรือนของเด็กสาวแล้วรีบเดินจากไปทันที
ฉินฉินคุกเข่าอยู่อย่างนั้นจนถึงเช้า ก็มีรถม้าคันใหญ่มาจอดตรงหน้าประตูบ้าน แล้วโยนน้องชายที่บาดเจ็บหนักลงบนพื้นอย่างแรง คนบนรถก้าวเดินลงมาพลางตะโกนเสียงดัง
"ออกมา! ข้านำตัวไร้ประโยชน์มาคืน..สินค้าขาดทุนเช่นนี้ข้าไม่ต้องการ!"
นางเฉียนได้ยินคนโวยวายอยู่หน้าเรือน นางไม่กล้าออกมาแต่แอบดูสถานการณ์ผ่านทางช่องเล็ก ๆ ตรงประตู
"ตัวซวยทั้งพี่ทั้งน้องวัน ๆ สร้างแต่เรื่อง...ข้าจะทำอย่างไรดีเงินก็ใช้เล่นพนันจนหมดแล้วด้วย"
ฉินฉินวิ่งเข้าไปดูอาการของน้องชาย ก็เห็นเขาสลบไปแล้ว ดูเหมือนจะจับไข้ด้วย อีกทั้งบริเวณหน้าผากยังมีรอยแผลขนาดใหญ่คล้ายกับถูกของแข็งบางอย่างตี
"นางหนูแม่เลี้ยงของเจ้าไม่อยู่หรือ"
ชายชราที่มาพร้อมกับรถม้าเดินมาถามเด็กสาว เขาเคยได้ยินเรื่องราวของนางผ่านหูมาบ้าง ภายในใจก็แอบสงสาร แต่เพราะตนยึดถืออาชีพนี้เป็นหลักจะให้มาใจอ่อนกับผู้คนเช่นนี้เห็นทีจะไม่ได้
"อยู่ด้านในเรือนเจ้าค่ะ"
นางเฉียนที่แอบดูอยู่นึกโมโหที่ลูกเลี้ยงเอ่ยถึงตน ถึงกับเปิดประตูอย่างแรงแล้ววิ่งมาจิกหัวเด็กสาว พลางตวัดมือตบซ้ำ ๆ หลายที
เพียะ..เพียะ...เพียะ
"นางเด็กโง่..เจ้าจะบอกเขาทำไมว่าข้าอยู่ด้านใน..เจ้าควรจะปฏิเสธว่าไม่รู้ไปสิ!"
"พอแล้ว! เจ้าเลิกทำร้ายเด็กมันเสีย แล้วเอาเงินคืนข้ามา"
ชายชราทนดูไม่ไหวจึงช่วยออกปากเอ่ยห้ามสตรีใจร้าย
นางเฉียนหยุดมือพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ แล้วยกมือขึ้นถูกันไปมา
"เงินอะไรหรือเจ้าคะ"
"เงินสองตำลึงที่ข้าให้เจ้าไปอย่างไรเล่า! เด็กคนนี้พยศนักแอบหนีออกมาทีเผลอ คนของข้าตามจับตัวมาได้ก็รุมซ้อมเขาอย่างหนัก แต่เขายังไม่ถอดใจกลับหนีออกมาอีกครั้ง ข้าไม่อยากเสียเงินเสียเวลาแล้ว เจ้าเอาคนของเจ้าคืนไปแล้วคืนเงินมาให้ข้าเสีย!"
"ได้อย่างไร..เราต่างซื้อขายกันจบไปแล้ว ท่านไม่พอใจเขาจึงนำมาคืนง่าย ๆ เช่นนี้หรือ ข้าไม่คืน! อีกทั้งเด็กเวรนี่ยังอยู่ในสภาพปางตายอีก ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามันจะมีชีวิตรอด"
นางเฉียนโวยวายพยายามทำใจกล้าหน้าหนาเถียงสู้ เงินเข้ากระเป๋านางมาแล้วไม่มีวันได้กลับคืนไปง่าย ๆ แน่นอน
ฉินฉินทนฟังไม่ไหวจึงลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับแม่เลี้ยงทันที
"น้องชายข้ายังไม่ตาย! ท่านป้าอย่ามาแช่งเขานะ"
"นางเด็กเนรคุณ! เจ้ากล้าขึ้นเสียงใส่ข้าหรือ ได้! ถ้าเช่นนั้นวันนี้เจ้าและน้องชายของเจ้าก็ตายคามือข้าเสียเถิด"
ฉินฉินถูกแม่เลี้ยงทำร้ายร่างกายอย่างหนักจนนางหมดสติไป ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนยังนอนอยู่ลานหน้าเรือนเช่นเดิม ข้างกันมีน้องชายที่ไข้ขึ้นสูงนอนหายใจรวยรินอยู่
เด็กหญิงตัวน้อยในวัยเยาว์กลั้นน้ำตาพลางลากน้องชายเข้าไปยังโรงเก็บฟืนเก่า ๆ ที่เป็นที่นอนของทั้งสองคน
นางใช้มือน้อย ๆ หอบหิ้วถังน้ำที่ต้องเดินเท้าไปตักไกลถึงริมธารท้ายหมู่บ้าน เพื่อนำมาเช็ดคราบเลือดออกให้น้องชาย เด็กน้อยได้แต่เฝ้าภาวนาให้ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่หายดี
ตั้งแต่วันนั้นอาเยี่ยนตัวน้อยที่เคยร่าเริงสดใส ก็กลับกลายเป็นเด็กสติไม่สมประกอบ ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปรกติอีกต่อไป
เขาสามารถสื่อสารโต้ตอบได้เพียงประโยคง่าย ๆ เท่านั้น
ชีวิตสองพี่น้องต้องอยู่อย่างทุกข์ทนทรมาน พวกเขาถูกตบตีไม่เว้นวัน เดินไปทางไหนชาวบ้านมักจะชี้นิ้วแล้วหัวเราะเยาะใส่อย่างสนุกสนานบนความทุกข์ของผู้อื่น
ช่างเป็นมนุษย์ที่ไม่มีจิตเมตตาแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น