ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุมิติเพื่อความร่ำรวย มีE-BOOK

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ส้มแจ่มแม่ค้าปากแจ๋ว 1

    • อัปเดตล่าสุด 6 ส.ค. 66


    ตอนที่ 1 ส้มแจ่มแม่ค้าปากแจ๋ว

    “ยั่ว ๆ จ้า ส้มตำร้านน้องส้มแจ่มเผ็ดอร่อยเพราะใส่ผงชูรสสิบโล ใครกินแล้วไม่ตายมากินฟรีได้เลยจ้า ส่วนใครกินแล้วตายก็อย่ามาจองเวรกันเลยน้า น้องกลัวผีค่ะคุณพี่ขา ถ้าเข้าใจตรงกันแล้ว แวะเวียนเข้ามานั่งในร้านก่อนได้นะจ๊ะ~”

    ใครขับรถผ่าน ‘หมู่บ้านโคกควยใหญ่’ จะได้ยินเสียงแม่ค้าวัยยี่สิบสองปีตะโกนแข่งกับเด็กแว้น เพื่อโปรโมตร้านส้มตำของเธอ ต่อให้คำพูดดูไม่น่าฟังแต่รสชาตินั้นอร่อยเลิศ เด็ดเสียจนคนที่อยู่บ้านไกลยังเหมารถตู้เดินทางหลายร้อยกิโลเมตร เพื่อมากินฝีมือของส้มแจ่มคนงามให้หายอยากก็มีมาแล้ว

    บ้านของหญิงสาวอยู่บ้านนอกที่มีแต่วัวแต่ควายเดินเล็มหญ้าอยู่ตามไหล่ทาง มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทุ่งนา ความเจริญยังเข้าไม่ถึงขนาดร้านขายของชำยังมีน้อยเสียจนนับนิ้วได้

    ร้านค้าเปิดแต่ละทีเหมือนอยู่ในสมรภูมิรบ ใครแย่งกันซื้อของได้ก็ชนะไป แต่พอถึงเวลาคิดเงินที เมื่อลูกค้ามีเงินไม่พอ สุดท้ายก็ต้องขอเซ็นไว้ก่อน รอให้ลูกหลานส่งเงินมาให้ถึงค่อยกลับมาจ่ายวันหลัง เรียกได้ว่าการแย่งกันซื้อของถือว่าเป็นกิจวัตรประจำวันของคนในหมู่บ้านนี้เลยก็เป็นได้

    ยิ่งถึงช่วงเวลาเทศกาลสำคัญ แล้วลูกหลานที่กระจายไปทำงานกันอยู่ตามหัวเมืองหรือจังหวัดต่าง ๆ จะกลับมาเยี่ยมผู้เฒ่าผู้แก่ วันที่เงียบสงบก็กลับกลายเป็นครึกครื้นขึ้นมาทันที

    นอกจากช่วงเทศกาลแล้ว คนเฒ่าคนแก่ก็รอวันเลือกตั้ง เพราะจะมีคนใหญ่คนโตมาหามาหาถึงที่ ช่วงเวลานี้ทุกคนชอบมาก เพราะรู้ว่าจะมีคนเอาเงินมาให้ถึงที่ ได้สองร้อยบ้าง ห้าร้อยบ้าง บางคนก็ได้ถึงหนึ่งพันบาทต่อหัว เอาไปซื้ออะไรกินได้ตั้งเยอะ

    หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย ส้มแจ่มไม่ขอเรียนต่อมหา’ลัย ต่างจากเพื่อนสนิทที่แยกย้ายไปเรียนต่อในเมืองกรุง ส้มแจ่มอยากอยู่บ้านหาเงินเลี้ยงดูพ่อที่วัน ๆ เอาแต่ปลูกต้นไม้อยู่ในป่า กลัวว่าสักวันลูกหลานจะไม่มีต้นไม้ใหญ่ให้พึ่งพิง ส้มแจ่มบ่นพ่อทุกวันว่าปลูกไปก็ถูกรัฐบาลถางทิ้งอยู่ดี แต่คนแก่พูดยังไงก็ไม่ฟัง ดื้อรั้นเอาใจยากยิ่งกว่าเด็กสามขวบซะอีก

    เรียนจบแล้วงานที่ทำก็มีแต่งานในไร่ กว่าพวกมันจะโตให้เก็บผลผลิตก็อีกนาน ส้มแจ่มนึกอยากจะมีร้านเป็นของตัวเอง เธอขโมยไก่พ่อเชือดคอย่างขายตั้งโต๊ะเปิดแผงขายส้มตำเล็ก ๆ อยู่หน้าบ้าน

    เธอฝันตั้งแต่เด็กแล้วว่า อยากมีร้านส้มตำเป็นของตัวเอง ดีกว่าเอาแต่คิดแต่ฝัน สู้ลงมือทำดีกว่าถึงแม้ร้านจะไม่ได้ใหญ่โตแต่ก็พอถูไถได้อยู่

    “ขายอะไรล่ะลูก”

    ยายสาป้าข้างบ้านออกมารดน้ำผัก เห็นส้มแจ่มกำลังนั่งสับมะละกอเตรียมไว้ขายวันนี้ ก็ทักถามขึ้นมาว่าเด็กคนนี้สร้างเรื่องอะไรอีกแล้ว

    “ขายส้มตำจ้ะยายสา ช่วยหนูซื้อสักครกสิ ครกละยี่สิบบาทเอง ไม่แพงเลยยาย อร่อยน้า”

    ราคาคนบ้านนอกขายกันเองก็ราคาเบาเช่นนี้เป็นเรื่องปรกติ ของที่ใช้ขายก็เอามาจากในบ้าน มะละกอไปขโมยบ้านตามา ถั่วฝักยาวมะเขือที่ไร่ของป้าปลูกอยู่ก็ไปเก็บมากินได้ ต้นทุนวันนี้มีแค่ผงนัวห่อละสิบบาท ขายครกละห้าบาทก็ยังมีกำไรอยู่

    ยายสามองเข้าไปในบ้าน บนแคร่มีถาดใส่ส้มตำวางอยู่ ของเช่นนี้ทุกบ้านเขาทำกินเองได้จะได้ถูกปาก ไม่มีใครเสียเงินซื้อหรอก แต่ยายสาเห็นส้มแจ่มมาตั้งแต่เกิด เห็นเด็กอยากมีรายได้ก็นึกอยากจะสนับสนุน

    “เอามาให้ยายครกหนึ่งก็ได้ ขอตำป่านะ แซ่บ ๆ เด้อหล่า”

    “แหะ ๆ ไม่มีจ้ะยาย มีแต่ตำปลาร้าอย่างเดียว แล้วก็ไก่ย่างหนึ่งตัว ยายเป็นลูกค้าคนแรกของวัน หนูให้กินฟรีเลยจ้ะทดลองฝีมือ แต่ถ้ายายท้องเสียเก็บค่าเสียหายที่พ่อหนูได้เลยนะ”

    ส้มแจ่มแกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละ อันที่จริงเธอชอบตำส้มตำกินเองอยู่แล้ว ถ้าตอนกลางวันทำเยอะไป ก็ลามไปฝากเพื่อนบ้านข้างเคียงอยู่บ่อย ๆ

    เป็นลูกหลานชาวอีสาน ถ้าตำส้มตำไม่เป็น ถือเป็นบาปคักสู

    โป๊ก ๆ ๆ

    เสียงตำส้มตำดังตั้งแต่กลางหมู่บ้านไปถึงท้ายหมู่บ้าน ยายสากำลังเตือนว่าให้เบาแรงลงหน่อยเดี๋ยวครกก็แตกหรอก แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากพูด

    เพล้ง!

    ครกแตกคามือส้มแจ่ม

    “เจริญละไอ้ลูกคนนี้ หาเรื่องพังข้าวของที่บ้านอีกแล้ว พ่อมึงเป็นกำนันรึไงถึงผลาญเงินไม่หยุดแบบนี้น่ะฮะ”

    “แหม ๆ กลับมาถึงบ้านก็อวยพรกันเลยเหรอคะคุณพ่อขา~ ทำไงได้เล่า ครกมันเก่าแล้วอะ ออกแรงนิดเดียวก็แตกกระจุยเหมือนรอวันมรณะอยู่แล้ว ยายสาจ๊ะหนูว่าวันนี้คงไม่รอดแล้วจ้ะ ไว้กินวันอื่นเนอะ แต่ถ้ายายสาอยากกินจริง ๆ ขอหนูยืมครกบ้านยายได้ไหมจ๊ะ”

    ยายสาเห็นลางไม่ดี ก็รีบโบกมือปฏิเสธวิ่งเข้าบ้านปิดรั้วหนีหายไปเลย

    นายทองดีพ่อของส้มแจ่มยกมือตีหน้าผากตัวเอง นึกลำบากใจที่มีลูกสาวสร้างเรื่องเก่งขนาดนี้ เขาเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวมาหลายปี ไปไหนมาไหนก็หิ้วลูกไปด้วย ชีวิตลูกหลานชาวไร่ลูกสาวของเขาเรียนรู้มาตั้งแต่ยังพูดไม่ได้ ทั้งจิตใจและร่างกายแข็งแกร่งไม่ต่างจากผู้ชาย ความเป็นกุลสตรีไม่มีเลยสักนิด

    ดูมันเถอะ ขนาดเรียนจบแล้วบอกให้เรียนต่อมหา’ลัยก็ไม่ยอมไป บอกอยากอยู่กับพ่อ ไม่ถามบ้างเลยว่าพ่ออยากอยู่กับเอ็งไหม

    “ลูกชายเพื่อนพ่อเขาซื้อไก่ทอดผู้พันในห้างมาฝาก นี่แบ่งมาให้เอ็งกินกับข้าวเหนียวด้วย ไปจัดใส่จานไปลูก กล่องใหญ่ดีแต่แพงไปหน่อย ซื้อทอดกินเองยังได้เยอะกว่านี้อีก แล้วนี่ไก่ชนพ่อหายไปไหน!?”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×