คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #46 : April Fools' Day [NoGun]
April
Fools’ Day
‘ พี่โน่! หยุดก่อน! จะลากกันไปไหนเนี่ย! ’
เสียงหวานของผู้ชายตัวเล็กร้องถามด้วยความสงสัยหลังจากถูกพี่ชายร่วมวงการที่นับถือเหมือนพี่ชายแท้ๆฉุดดึงให้วิ่งตามมายังมุมลับตาคนหลังจากจบการถ่ายทำละคร
'เรือนแพ' ชายหนุ่มผู้พี่พาน้องชายมาหยุดหลังกำแพงไม่ไกลจากกองถ่ายมากนัก
เขารอจนกระทั่งหายหอบเหนื่อยจึงยิ้มให้เจ้าตัวดีที่กำลังทำหน้ามุ่ย
‘ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ
เดี๋ยวหมดอารมณ์หรอก ’ ร่างสูงเอ่ยพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่ม
‘ อารมณ์อะไร? ’
‘ อารมณ์อยากบอกรักกันไง ’
โตโน่พูดโต้งๆ ทำเอาคนฟังมึนไปพักหนึ่งก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง
‘ บอกรักอะไรนะ ’
‘ พี่รักกัน ’
‘ ฮะ? ’
‘ พี่รักกัน
พี่อยากได้กันเป็นแฟน คบกับพี่นะ ’
‘ หา... ’
‘ เลิกงงสักที ตอบตกลงได้แล้ว -*-
’
‘ พี่จะบ้าเหรอ
นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ’
‘ ก็ไม่ได้ล้อเล่นไง
พี่พูดจริงๆ พี่รักกัน สับสนตัวเองมานานเหมือนกัน แต่พอเริ่มรับได้ก็รีบมาบอก
กลัวคนอื่นมาซิวไปเสียก่อน ’
‘ คิดง่าย ทำง่ายไปไหม ’
‘ เลิกถามแล้วตกลงสักทีเถอะ
หายไปนานเดี๋ยวก็โดนสงสัยหรอก ’
‘ พี่จะไม่ให้เวลากันหน่อยเลยเหรอ
’
‘ เอาไปทำไม
มองตาก็รู้แล้วว่ากันคิดเหมือนพี่ ’ ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจจนคนฟังอ้าปากค้างอีกรอบ
‘ มั่นใจเกินไปหรือเปล่าพี่โน่
ใครบอกว่ากันชอบพี่ ’ กันท้วงทันทีที่หาเสียงตัวเองเจอ
‘ ริท พี่ถามมันมาแล้ว ’
‘ ไอ้เตี้ย ไอ้เพื่อนเฮงซวย ’
กันคาดโทษริทไว้ในใจ
‘ ตกลงเป็นแฟนกันนะ ’
‘ ขอกัน.... ’
‘ ไม่ต้องขอแล้ว
ตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วนะ กันเป็นของพี่ ห้ามไปมีใครที่ไหน ไม่งั้นพี่จัดหนักแน่ ’
พูดจบปุ๊บ ร่างสูงก็เดินหนีกลับเข้าไปในกองละครทันที
ทิ้งให้คนอายุน้อยกว่ายืนงงเป็นไก่ตาแตก
‘ คนบ้าอะไร เอาแต่ใจชะมัด ’
กันบ่นพึมพำกับตัวเองแต่ถามว่าคบไหม ก็คบกันมาหลายปีแล้วล่ะ
จนกระทั่ง...
.
.
.
[ พี่โน่ ทำไรอยู่ ]
[ ทำงาน ]
[ ดึกแล้วนะ น่าจะพักบ้าง ]
[ ยังไม่ง่วง ]
[ พักมาคุยกับกันสักสิบนาทีไม่ได้เหรอ
กันเหงานะ เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย ]
[ เดี๋ยวก็เจอกันอยู่แล้ว ตอนนี้พี่ทำงาน ]
[ พี่โน่ กันรู้ว่าพี่งานเยอะ
กันก็มีงานเหมือนกัน แต่เราน่าจะมีเวลาให้กันบ้างนะ
เราห่างกันไปมากทุกทีแล้ว...จนทุกวันนี้กันแทบไม่แน่ใจแล้วว่าเรายังคบกันอยู่ ]
กันระบายออกมา น้ำเสียงผ่านโทรศัพท์มือถือของกันเต็มไปด้วยความน้อยใจ
ตั้งแต่แยกย้ายกันไปตามทางเดินของตัวเอง โตโน่ก็ไม่มีเวลาให้เขาเหมือนเก่า
ยิ่งรับละครด้วย มีกระแสคู่จิ้นใหม่ ละครก็ดัง มันทำให้พวกเขายิ่งห่างไกลกันไปอีก
จากที่เคยเจอหน้ากันก็กลายเป็นคุยกันผ่านโทรศัพท์ ไลน์ก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง
บางครั้งโทรหาก็ถามคำตอบคำ ถ้าเขาไม่เริ่มก็ไม่มีใครต่อบทสนทนา ยิ่งนานวัน
ยิ่งคุยกันน้อยลง
[ กัน เราห่างกันสักพักเถอะนะ ]
ประโยคเดียวที่ได้ยิน
ทำให้หัวใจคนฟังแทบหยุดเต้น
[ พี่...หมายความว่ายังไง ]
[ ก็...หมายความตามที่บอกนั่นแหละ ]
[ ทำไม ] เงียบไปนานกว่าที่กันจะหาเสียงตัวเองเจอ
[ พี่...ขอเวลาทบทวนความรู้สึกตัวเองสักหน่อย
]
[ ถ้ากัน...ไม่ให้ล่ะ ]
ถ้ากันเอาแต่ใจเหมือนวันที่พี่บังคับให้เป็นแฟน
พี่จะยอมตามใจกันไหม
[ ตอนนี้ความรู้สึกของพี่มันเปลี่ยนไปแล้วแต่พี่ยังไม่แน่ใจว่าหมดรักหรือแค่...เอาเป็นว่า...ขอเวลาพี่หน่อยเถอะ...ห่างกันสักพัก...เผื่ออะไรจะดีขึ้น
]
[ แล้ว...ต้องห่างเท่าไรเหรอ ] เสียงที่ถามนั้นสั่นเครือก่อนที่น้ำใสๆจะเอ่อล้นจากดวงตาหวาน
[ ไม่รู้สิ คง...จนกว่าพี่จะหายเบื่อ ]
แล้วน้ำตาของกันก็หลั่งรินพร้อมกับเสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่ถูกตัดไป...
………………………………………………………………….
“ กัน ”
“ ..... ”
“ กัน ”
“ ..... ”
“ ไอ้กันโว้ย!! ”
“ โอ๊ย ริท! จะตะโกนทำไม!!
” กันหันมาโวยเพื่อนสนิทที่จู่ๆก็ตะโกนใส่หูทั้งที่นั่งติดกันบนรถตู้ซึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
“
ก็เรียกตั้งนานไม่ยอมขานเลยนึกว่าไม่ได้ยินไง ”
“
ได้ยินแต่คิดเรื่องอื่นอยู่เลยไม่อยากตอบมีไรไหมเตี้ย ”
“ ถุย! มึงสูงตายล่ะ! ”
“ สกปรก ” กันทำปากยื่นใส่เพื่อน
“ กูไม่ได้ถุยจริงๆสักหน่อย
แล้วตกลงคิดอะไรอยู่ ทำไมเหม่อขนาดนี้ ” ริทโยนเรื่องของตัวเองทิ้งแล้วถามเรื่องของเพื่อนแทนอย่างห่วงใย
“ คิดเรื่อยเปื่อย ”
“ อ๋อ นึกว่าพี่คิดถึงพี่โน่ซะอีก ”
ริทยิ้มแซว เขารู้ดีว่าเพื่อนกับพี่ชายกำลังแอบคบกันอยู่
แต่เขายังคงไม่รู้ว่าเมื่อคืนคนเป็นพี่เพิ่งตัดสัมพันธ์กับเพื่อนรักทางโทรศัพท์
“ ทำไมต้องคิดถึงคนพรรค์นั้นด้วยล่ะ ”
กันทำท่าปฏิเสธทั้งที่ในใจยอมรับว่าเขากำลังนึกถึงอดีต
นึกถึงทุกเรื่องที่มีโตโน่รวมถึงเรื่องเมื่อคืนด้วย
“ น้ำเสียงอย่างนี้แสดงว่างอนพี่โน่อีกแน่
มึงอย่างอนมากสิวะ เดี๋ยวพี่มันก็เบื่อหรอก ”
คำว่าเบื่อของริทเหมือนคมมีดที่แทงเข้ามาในใจกันจนมิดด้าม
“ พี่โน่ก็คงเบื่อจริงๆแหละ ”
กันแค่นยิ้มสมเพชตัวเอง
“ เฮ้ยๆ กูพูดเฉยๆ อย่าเก็บเอาไปคิดมากสิ
มันไม่มีอะไรหรอกน่า ลิ้นกับฟันมันก็ต้องมีกระทบกันบ้าง เดี๋ยวก็ดีเองแหละ
แล้วนี่อีกไม่กี่นาทีก็ถึงกองถ่ายแล้ว ยิ้มหน่อยน่า
เดี๋ยวคนที่กองก็ตกใจคิดว่าคนร้องเพลงประกอบละครเรื่องนี้ไปกินรังแตนมาหรอก ”
ริทเอื้อมมือมาดึงแก้มกัน
กันจึงฝืนยิ้มตามเพื่อให้เพื่อนสบายใจก่อนจะหันไปมองนอกหน้าต่างเหมือนเดิม
ตลกร้ายของวันนี้
คือ การที่เขาต้องไปถ่ายเส้นภาพประกอบเพลงละครในวันเดียวกับที่โตโน่มีถ่ายละครพอดี
ละครเรื่องใหม่ของโตโน่เป็นแนวพีเรียด
ร่างสูงแสดงประกบคู่กับนางเอกคู่จิ้นคนดังโดยมีเขาเป็นคนร้องเพลงประกอบละคร
จากที่เคยดีใจและเฝ้ารอให้ถึงวันนี้กลับกลายเป็นว่าเขาอยากยืดเวลาออกไปไม่อยากให้ถึงวันนี้เลย
ไม่อยากให้ถึงวันที่เราต้องเลิกกัน อยากหยุดเวลาไว้แค่วันเก่า
วันที่เรายังรักกันเหมือนเดิม
“ ไอ้กัน ” เสียงเรียกของริททำให้กันหันไปมอง
“ อะไร ”
“ กูรู้ว่ามึงยังไม่พร้อมจะเล่า
กูจึงไม่บังคับ แต่จำไว้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตมึง กูจะไม่ทิ้งมึงไปไหน
มึงยังมีกูอยู่นะกัน ”
วันนี้เป็นวันหยุดของริทแต่พอกันโทรไปชวนให้มาเป็นเพื่อน
เขาก็ไม่ลังเลที่จะตอบตกลง
ไม่ใช่เพราะคิดถึงมากแต่เพราะน้ำเสียงของกันตอนนั้นน่าเป็นห่วงจนเขาไม่อยากทิ้งเพื่อนให้ไปทำงานคนเดียว
กันเป็นคนที่ชอบคิดมาก เก็บทุกอย่างมาคิดจนเขากับพี่โน่เป็นห่วงบ่อยๆ
“ ขอบใจนะริท ” กันยิ้มอ่อนๆให้เพื่อน
ไม่ว่าเมื่อไร ริทก็ไม่เคยทิ้งเขาไปไหนจริงๆ
.
.
.
“ เข้าไปในห้อง ”
เสียงเข้มเอ่ยออกมาจากร่างสูงในชุดไทยย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5 เขากำลังมองคนที่ตัวเล็กกว่าตนเองนิดเดียวแต่แต่งกายไม่ต่างกันด้วยใบหน้าขึงขัง
มือเรียวชี้ไปทางห้องว่างห้องหนึ่งที่ไม่ใช้งาน
“ ไม่ ” เสียงหวานปฏิเสธทันควัน
เรื่องอะไรเขาจะต้องเข้าไปอยู่ในห้องเงียบๆทั้งที่เขาก็มาทำงานเหมือนกันแม้จะเสร็จงานแล้วก็ตาม
“ เอ่อ...ริทว่าใจเย็นๆก่อนนะ ”
“ เงียบไปเลยริท
ถ้าจะมาแล้วชวนกันเล่นซนแบบนี้ วันหลังไม่ต้องมา ”
“ ริทไม่ได้ซน! ”
ริทหันมาเถียงพี่ชายบ้าง
“ กันก็แค่เดินถ่ายรูประหว่างรอรถกลับบ้าน
งานกันเสร็จแล้ว กันจะทำอะไรก็ได้ ”
“ ด้วยการปีนป่ายสารพัดและวิ่งไปมานั่นน่ะเหรอ
นี่มันเรือนไทยนะ ต้นไม้ใบหญ้าก็ปลูกมาหลายร้อยปีทั้งนั้น
แล้วไอ้เรื่องที่เที่ยวชวนไอ้เจษไปถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้หรือชวนคุยสองต่อสองนี่ก็เลิกสักที
หมอนั่นต้องแสดงละคร ต้องใช้สมาธิในการจำบท ห้ามไปเข้าใกล้...ห้ามกวนมัน... ”
โตโน่กระแอมสองสามครั้งก่อนจะเสสายตามองไปทางอื่น
“ กันไม่ได้กวน
แล้วเจษก็เข้ามาคุยกับกันเองด้วย กันไม่ได้กวนเจษสักหน่อย ”
“ แต่มันกวนพี่! ”
“ กวนอะไร ”
กันเริ่มเสียงดังเมื่อโตโน่ขึ้นเสียงใส่
ตอนนี้คนในกองกำลังหยุดพักเพื่อเตรียมถ่ายทำฉากต่อไป
บางคนที่อยู่บนเรือนก็เงี่ยหูฟังสามพี่น้องคุยกันไปด้วย
ไม่มีใครกล้าห้ามเพราะกลัวโดนลูกหลงแถมผู้จัดการสาวของโตโน่ยังบอกว่ามันเป็นเรื่องปกติ
พวกเขาจึงปล่อยไป
“ กวนสายตา มันทำให้พี่หงุดหงิด
กันก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบ ทำไมถึงดื้อแบบนี้ ” โตโน่พยายามปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง
เพราะรู้ว่าถ้าใช้ไม้แข็ง กันจะยิ่งไม่เชื่อฟัง
“ พี่จะชอบหรือไม่ชอบ มันก็เรื่องของพี่
กันจะคุยกับใครมันไม่เกี่ยวกับพี่ ลืมไปแล้วเหรอว่าเรา...ไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว
” ประโยคหลังกันพูดให้ได้ยินเพียงแค่สามคนเท่านั้น พูดไปก็เจ็บที่ใจไป
ยิ่งเห็นที่โตโน่หยอกล้อนางเอกของเรื่องวันนี้
ยิ่งเข้าใจได้ดีว่าอะไรที่ทำให้เรื่องของเรามาถึงทางตัน
แต่จะให้เขาลุกไปแย่งคืนก็ใช่ที่
ในเมื่อไม่รัก...ก็ต้องปล่อยไป...มันถูกแล้ว
“ พี่แค่บอกว่าให้เราห่างกันสักพัก
เรายังไม่ได้เลิกกัน แล้วในเมื่อเรายังไม่เลิกกัน ทุกเรื่องของกัน
พี่ต้องเกี่ยวได้ทั้งนั้น ”
“ เห็นแก่ตัว ” กันพูดลอดไรฟันด้วยความโกรธ
“ เข้าไปในห้อง
ไม่อย่างนั้นพี่จะอาละวาดให้งานพังไปเลย กันคงไม่อยากให้งานของคนอื่นพังเพราะกันเป็นต้นเหตุใช่ไหม
” โตโน่ขู่ ทำให้กันกำมือแน่นและโกรธมากขึ้นแต่ไม่ทันต่อปากต่อคำ ริทก็ห้ามทัพ
“ กัน เข้าไปในห้องก่อนเถอะนะ
ไว้อารมณ์เย็นกว่านี้แล้วค่อยมาคุยกันใหม่ จริงๆเราก็เล่นสนุกกันมาทั้งวันแล้ว
ตอนนี้ก็ใกล้ค่ำด้วย เข้าห้องพักผ่อนสักหน่อยก็ดีนะ กัน~~ ” ริทอ้อน กันเห็นแก่เพื่อนจึงยอมทำตาม
“ กันไปรอในห้องก็ได้
แต่จำไว้ว่ากันไปเพราะริทขอไม่ใช่เพราะพี่ ”
พูดจบกันก็เดินตามริทเข้าไปในห้องที่โตโน่บอก
“ เฮ้อ... ” ร่างสูงถอนหายใจทันทีที่อีกฝ่ายลับสายตาไป
ก่อนจะเดินถือบทไปนั่งอ่านเพื่อถ่ายทำฉากต่อไป
………………………………………………………………….
“ ง่วงจะตายอยู่แล้ว ทำไมงานยังไม่เสร็จอีกนะ
” ริทบ่นพลางหาวหวอด ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว กินข้าวก็แล้ว หลับไปตื่นหนึ่งก็แล้ว
ยังไม่มีทีท่าว่างานจะเสร็จเลย รถตู้ที่พวกเขานั่งขามาก็ดันเสีย กลับไม่ได้
ต้องรอให้กองถ่ายเลิกและกลับพร้อมเขาอีก น้ำตาจะไหล T^T
“ อีกสักพักคงเสร็จแล้วมั้ง
มึงเล่นเกมรอไปก่อนสิ ”
กันที่ยืนชะเง้อมองกองถ่ายด้านนอกอยู่ตรงหน้าต่างหันมาบอกริท
“ เล่นจนแบตจะหมดแล้วเนี่ย จะชาร์ตก็เกรงใจเจ้าของบ้าน
เขาอุตส่าห์ให้ยืมบ้านยังจะใช้ไฟบ้านเขาอีก ”
“ พี่ริท! ”
จู่ๆเจษก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามา ทำให้กันกับริทสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ อะ..อะไร ”
“ มีคนบาดเจ็บ พี่ไปช่วยผมดูหน่อยได้ไหม
ไม่รู้ว่าต้องปฐมพยาบาลยังไง ”
“ เออๆ ได้ๆ กันมึงรออยู่ในนี้ก่อนนะ เดี๋ยวกูมา
” ริทลุกอย่างรีบร้อนก่อนจะตามเจษไปโดยที่กันยังไม่ทันพูดอะไร
“ ทิ้งให้เราอยู่คนเดียวเฉยเลย
อุตส่าห์จะตามไปด้วยเผื่อได้เดินดูบรรยากาศด้านนอกบ้างแท้ๆเชียว ” กันถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปมองด้านนอกห้องเหมือนเดิม
คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง สวยงามจับตาก็จริงแต่พอได้เห็นมันกลับทำให้เขาเหงาจับใจเช่นกัน
“ ถ้าพี่ยังอยู่ตรงนี้ จับมือกัน ยิ้มให้กัน
กันคงรู้สึกดีกว่านี้ ”
.
.
.
นานหลายนาทีเลยทีเดียวที่ริทหายไปและกันยังคงยืนชมจันทร์อยู่ตรงหน้าต่างห้องคนเดียวแบบนั้น
เขามัวแต่เหม่อลอยจนไม่ทันรู้สึกตัวว่ามีใครลอบเข้ามาในห้อง
กว่าจะรู้ตัวก็ถูกคว้าเอวบางเข้าไปกอดเสียแล้ว กันสะดุ้งด้วยความตกใจ
ยิ่งพอรู้ว่าเป็นใครก็ยิ่งพยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนแต่ยิ่งดิ้น
แขนแกร่งกลับยิ่งกอดรัดแน่นมากขึ้น
“ ปล่อยนะพี่โน่! ”
“ ไม่ปล่อย ” ร่างสูงกระซิบข้างใบหูบาง
หากกันหันมามองสักนิดคงได้เห็นรอยยิ้มที่เขาคิดถึง
“ ปล่อยสิ! ”
“ ไม่ปล่อย พี่เคยบอกแล้วไง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะไม่ปล่อยกันไปอีก ”
“ เมื่อคืนพี่ก็ปล่อยแล้ว จำไม่ได้หรือไง ”
“ เมื่อคืนเหรอ จำไม่ได้แฮะ
จำได้แค่ว่าพี่คิดถึงกัน ”
“ โกหก กันไม่เชื่อพี่หรอก ปล่อยนะ! ”
“ ไม่ปล่อยครับ...ที่รักของพี่ ”
“ พี่โน่ กันบอก... ”
ยังพูดไม่ทันจบ
เสียงดนตรีจากที่ไหนไม่รู้ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
มันเป็นทำนองที่กันคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะช่วงนี้ติดเพลงนี้ไม่น้อย
ติดจนยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อมาร้องตามงานอีเวนท์ให้แฟนคลับได้ฟัง
กันหยุดดิ้นแล้วหันไปมองใบหน้าคนที่ยืนกอดเอวเขาอยู่ด้านหลัง
รอยยิ้มหวานของโตโน่ทำให้กันหันกลับไปทางเดิมด้วยความสับสน
ไม่เข้าใจว่าโตโน่ต้องการจะทำอะไรกันแน่ พอจะเอ่ยปากถาม
เสียงทุ้มต่ำของโตโน่ก็ขัดขึ้นด้วยการขับขานบทเพลงเสียก่อน
ออเจ้าเอย
เคยรู้หรือไม่ ตรงนี้ยังมีใคร ฤทัยห่วงหา
ออเจ้าเอย งามประกายนภา ขอมองไม่ยอมนิทรา ขอชื่นตาให้พี่ชื่นใจ
กลัวฉันกลัวว่าจันทร์จะลาจากฟ้าไกล กลัวฉันกลัวว่าใจจะขาดเมื่อร้างลา
กลัวฉันกลัวออเจ้าจะไกลไม่เห็นหน้า กลัวชะตาจะมาพรากเรา
เพียงลับตากระวนกระวายและร้อนรน เพียงมืดมนพี่จะทานทนได้รึเปล่า
เพียงยิ้มมาหัวใจเบิกบานคลายทุกข์เศร้า เราหนอเรา คะนึงถึงออเจ้าเอย
กลัวฉันกลัวว่าจันทร์จะลาจากฟ้าไกล กลัวฉันกลัวว่าใจจะขาดเมื่อร้างลา
กลัวฉันกลัวออเจ้าจะไกลไม่เห็นหน้า กลัวชะตาจะมาพรากเรา
เพียงลับตากระวนกระวายและร้อนรน เพียงมืดมนพี่จะทานทนได้รึเปล่า
เพียงยิ้มมาหัวใจเบิกบานคลายทุกข์เศร้า เราหนอเรา คะนึงถึงออเจ้าเอย
เราหนอเรา
.
.
คะนึงถึงออเจ้าเอย
“ พี่คิดถึงกันนะ เมื่อก่อนเคยรักอย่างไร
วันนี้พี่ก็ยังรักกันอย่างนั้น มันไม่เคยเปลี่ยน ”
“ นี่มัน...อะไรกัน? ” กันถามเสียงสั่นพร่า
ดวงตากลมโตมีน้ำตาเอ่อคลอ เขาไม่เข้าใจ สับสนและงุนงงไปหมด เมื่อคืนบอกเลิก
ตอนนี้กลับมาร้องเพลงนี้ให้ มันหมายความว่ายังไง?
“ ขอโทษที่บอกว่าให้เราห่างกันจนกันเข้าใจว่าพี่บอกเลิก
ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้ ถึงแม้ว่าพี่จะตั้งใจแต่พอเห็นกันร้องไห้จริงๆ
พี่ก็เจ็บปวดไม่ต่างจากกันเลย ”
“ พี่ตั้งใจ? หมายความว่ายังไงพี่โน่ ”
กันปาดน้ำตาออกด้วยตัวเองและหันกลับมาเผชิญหน้ากับโตโน่
นัยน์ตาหวานเปลี่ยนจากสายตาหงอยเหงาเป็นคาดคั้นเอาเรื่อง
“ กันรู้ไหม พี่รอวันนี้มานานแค่ไหน
เราไม่ได้เจอกันเลย พอจะได้เจอกันที พี่ก็อยากจะ...เซอร์ไพรส์กันบ้าง แหะๆ ”
โตโน่ยิ้มเจื่อนๆ
“ เซอร์ไพรส์? อย่าบอกนะว่า... ”
“ อือ เรื่องทั้งหมด มันเป็นเรื่องโกหก
พี่ไม่ได้คิดจะห่างหรือเลิกกับกันจริงๆหรอก พี่แค่อยากทำให้กันประหลาดใจเฉยๆ ”
“ .... ”
“ กัน~~ ”
“ ..... ”
“ กันครับ ”
“ ..... ”
“ กัน...โอ๊ยๆๆ ”
โตโน่ร้องลั่นเมื่อกันระดมมือใส่ตามร่างกาย ทั้งหยิกทั้งทุบจนเอนตัวหลบแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือจากเอวบาง
“ เล่นบ้าอะไรของพี่ รู้ไหมว่ากันเสียใจแค่ไหน
มันไม่มีอะไรทำหรือไงถึงต้องเล่นแบบนี้ ไอ้พี่โน่เฮงซวย ไอ้กุ๊ย ไอ้บ้า!! ”
“ โอ๊ยๆๆ กันๆๆ พอได้แล้ว พี่เจ็บนะ ”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น กันจึงหยุดตีแต่ไม่วายเมินไม่ยอมสบตา
“ พี่ขอโทษ ก็วันนี้วันที่ 1 เมษา มันก็ต้องทำแบบนี้ถึงจะพีคสิ ”
“ 1 เมษาเหรอ ”
กันนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะนึกออกว่ามันเป็นวัน April Fools’ Day!!!
“ หน้ากันมันโง่เหรอพี่โน่!!!
” กันวีนอีกรอบ
“ ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่แบบนั้น พี่แค่อยากตามเทรนด์บ้างเท่านั้นเอง
จริงๆพี่แค่อยากเซอร์ไพรส์ด้วยการร้องเพลงออเจ้าเอยที่กันชอบให้ฟัง
แต่ริทมันบอกว่าเชย กันจะเบื่อเอา พี่เลยทำตามแผนที่ริทบอก ”
“ ริทเหรอ ”
“ ใช่ ”
“ เจษด้วยสินะ ”
“ ใช่ ”
“ หนอย! ไอ้ริท!!
ไอ้เจษ!! ”
“ กูขอโทษ! / ผมขอโทษ! ” เสียงตะโกนของริทกับเจษดังมาจากหน้าห้อง
ทำให้กันโผจะไปเอาเรื่องแต่โตโน่ไม่ยอมให้ไป
“ ช่างเขาเถอะน่า
อย่าเสียเวลาไปเอาเรื่องในวันนี้เลย เสียเวลาอยู่กับพี่นานๆจะดีซะกว่า ”
โตโน่ยิ้มกริ่มก่อนจะก้มลงหอมแก้มนิ่มของคนในอ้อมกอดไปฟอดใหญ่
“ วันหลังอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ
มันไม่สนุกนะพี่โน่ จะเล่นก็หามุขอื่น กันร้องไห้แทบตายเลยรู้ไหม ”
“ ครับ ต่อไปจะไม่เล่นแบบนี้อีกแล้ว ขอโทษนะ ”
“ อือ ”
กันพยักหน้ารับก่อนจะร้อนไปทั้งดวงหน้าอีกรอบเมื่อโตโน่โน้มมาหอมแก้มอีกฟอด
“ สุขสันต์วันโกหกนะ ”
“ .... ”
“ ถึงวันนี้หรือวันต่อๆไป
พี่จะมีเรื่องโกหกหรือปิดบังเยอะแยะไปหมด แต่มีเรื่องเดียวเท่านั้นที่พี่จะไม่มีวันโกหก
”
“ .... ”
“ เรื่องที่พี่รักกัน
มันจะเป็นความจริงเสมอและตลอดไป ”
“ พี่โน่... ”
“ พี่รักกันนะ ดวงใจของพี่ ”
ริมฝีปากหยักกดจูบลงบนริมฝีปากบางเบาๆซึมซับความหอมหวานให้สมกับความคิดถึงก่อนจะถอนริมฝีปากออก
“ ฉวยโอกาสหลายรอบแล้วนะ ”
กันบ่นงุบงิบกับแผ่นอกแกร่ง โตโน่หัวเราะขำก่อนจะเชยปลายคางอีกคนให้เงยขึ้นสบตา
“ พี่บอกรักแล้ว
กันจะไม่บอกให้พี่ชื่นใจบ้างเลยเหรอ ” ได้ยินดังนั้น กันก็เสหลบสายตา
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจ แต่พอโตโน่โน้มใบหน้าเข้าหาอีกครั้ง
เขาก็เอนตัวหลบก่อนจะเอ่ยออกมา
“ กันก็รักพี่โน่เหมือนเดิมนั่นแหละ
ถ้าไม่รักจะนั่งร้องไห้เป็นชั่วโมงๆทำไม ”
“ ชื่นใจพี่จริงเชียว ”
แล้วแก้มใสก็โดนขโมยหอมอีกฟอด
“ พี่โน่พอได้แล้ว ช้ำหมดแล้วเนี่ย ”
กันแกล้งทำหน้างอแต่เมื่อโตโน่หอมอีกก็ไม่ได้หลบ
“ แล้วเพลงเมื่อกี้เพราะไหม ” ร่างสูงเอ่ยถามถึงเรื่องเพลงที่เฝ้าฝึกเป็นอาทิตย์ๆ
“ ก็...พอได้อยู่
ไม่ได้เพราะมากแต่เป็นเวอร์ชั่นที่กันชอบที่สุด ขอบคุณนะพี่โน่ที่ทำเพื่อกัน ”
กันยิ้มหวาน ทำให้ร่างสูงยิ้มออกมาเช่นกัน
ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะประทับจุมพิตอีกครั้งอย่างอ่อนหวาน
...ไม่ว่านานแค่ไหน
ความรักของพวกเขาจะมั่นคงเรื่อยไป...
.
.
.
.
.
บทส่งท้าย
“ ไอ้กัน กูขอโทษ ปล่อยกูไปเถอะ!! ”
ริทอ้อนวอนพลางยื้อตัวเองไม่ให้ไปตามแรงฉุดกระชากของเพื่อนสนิทที่มัดข้อมือของเขาทั้งสองข้างด้วยเชือก
ย้ำว่า...มัด – ด้วย - เชือก!!
แม่ง...ซาดิสต์!!
“ ไม่! ”
“ ไอ้กัน! มึงจะพากูไปไหนเนี่ย! ” ริทร้องถาม จู่ๆเพื่อนก็ลากเขาออกจากคอนโดมายังสถานที่มืดๆน่ากลัว ใจของริทเต้นถี่ด้วยความกลัว
“ กูจะพามึงไปโยนลงบ่อตัวเงินตัวทองไง ให้มันสมกับแผนการของมึงอะ
”
“ ไอ้บ้า! กูไม่ไป
ปล่อยนะเว้ย!! ”
“ กูไม่ปล่อย! ”
“ ไอ้กันนนนน กูไม่อาววววววววววว
กูให้มึงเป็นการะเกดเลยนะเว้ย กูไม่ได้ให้มึงเป็นมธุสร ไอ้บ้ากัน ปล่อยกู!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
”
“ วันนี้จะเป็นวันพบญาติของมึง ไอ้เพื่อนเลว
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ”
“ ไอ้กันนนน มึงบ้าไปแล้วเหรอ ไม่เอา
ปล่อยยยยยย ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย ”
THE
END
:::Writer Talk:::
เล่นคอมมาทั้งวัน ลืมลงฟิคซะงั้น 55555555 อย่างน้อยก็พ้นวันมาหน่อยเดียวเองเนาะ แหะๆ
สุขสันต์วันโกหกย้อนหลังสองนาทีนะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามยังรอยังเม้นกันอยู่นะคะ
ช่วงนี้เรางานเยอะมาก เวลาจะไปติ่งก็ไม่มีเลย 55555 ขอโทษที่ช้าจริงๆค่ะ
ขอบคุณที่ยังรอฟิคเรานะคะ ไว้พบกันใหม่คราวหน้าค่ะ จะไปแต่งฟิคให้จบแล้วลงทีเดียว ><
ความคิดเห็น