ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF: Yaoi The Star) Sassy Love (โน่กัน / อสรพิษ)

    ลำดับตอนที่ #24 : Only One [RitzPunn] 2/3

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 289
      1
      31 ม.ค. 59

    #2#



    เสียงบอกเลิกคลาสดังขึ้น บรรดานักศึกษาพากันเก็บกระเป๋าก่อนจะเดินออกไปจากห้องจนเกือบหมด เหลือเพียงร่างบางที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหน้าสุดของห้องเรียน กำลังจดเล็กเชอร์ลงไปในสมุดเล่มบางอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมกับไล่นิ้วไปตามตัวอักษรในชีทเรียนตรงหน้าโดยไม่สนใจคนอื่นๆแม้แต่น้อย 


    ส่วนข้างกันนั้นคือร่างเล็กของเพื่อนสนิทที่กำลังเก็บหนังสือลงไปในกระเป๋าอย่างเชื่องช้าราวกับว่าพยายามจะถ่วงเวลา ดวงตาคู่เรียวเหลือบมองคนข้างกายเป็นระยะๆพลางครุ่นคิดถึงสิ่งที่เขาตั้งใจว่าวันนี้จะทำให้ได้ เขามองจนกระทั่งปัณณ์วางปากกาในมือแล้วปิดหนังสือลงและหันมามองเขากลับทำให้ริทสะดุ้งรีบเบือนหน้าหลบสายตา


    “ เป็นอะไรริท ”

    “ เปล่า ไม่ได้เป็นไร กลับบ้านกันเถอะ ” แน่นอนว่าประโยคแรกเขาไม่กล้าพูดออกไปแน่ๆ

    “ แน่ใจเหรอว่าไม่เป็นอะไร ”  

    “ อือ ” ริทรับคำสั้นๆพร้อมทั้งก้มหน้าหลบสายตา ปัณณ์มองนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะเก็บของใส่กระเป๋าและเดินนำริทออกจากห้องเรียนไป


    ตลอดทางที่เดินไปยังลานจอดรถ ริทได้แต่มองคนที่เดินนำหน้าพลางครุ่นคิดสิ่งที่ต้องการจะทำแต่ไม่มีจังหวะสักทีเพราะปัณณ์มักถูกทักทายจากคนที่เดินผ่านไปมาเสมอ ดวงตาสีนิลเป็นประกายเมื่อได้ทักทายกับคนรู้จักโดยเฉพาะผู้หญิง นั่นทำให้ริทอึดอัด อยากดึงให้คนตรงหน้ามาสนใจเขาคนเดียวแต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวปัณณ์โกรธ รอยยิ้มหวานๆนั้นเขาต้องการเป็นเจ้าของมันเพียงผู้เดียว ต้นคอ แขน เอว เขาอยากเป็นคนที่ได้กอดมันคนเดียวเท่านั้น แต่.........................


    ...ปัญหาก็คือว่าเขาจะกล้าสารภาพรักเมื่อไรนี่สิ -*-... 


    “ เตี้ย! เดินให้มันเร็วๆหน่อยได้ไหม ” เสียงของปัณณ์ทำให้ริทสะดุ้ง เขาเงยหน้าขึ้นจากพื้นก็พบว่าปัณณ์กำลังมองมาด้วยสายตาเหวี่ยงเล็กๆ 

    “ สูงตายเลยมึงอ่ะ ” ริทบ่นงึมงำก่อนจะรีบสาวเท้าเดินไปหาปัณณ์ 

    “ บ่นอะไร ”

    “ ไม่มี ไปๆ ไปบ้านได้แล้ว ” ริทฉวยโอกาสดึงมือปัณณ์มากุมไว้และออกเดินไปด้วยกัน รอยยิ้มจางๆปรากฎบนริมฝีปากอิ่มเมื่อเพื่อนสนิทไม่สะบัดมือออกตามที่เขาคาดไว้

    “ ทำไมมือเย็นจังริท ” 

    “ เอ่อ...อากาศมันเย็นไง ริทหนาว ” ริทแถ เขาไม่มีทางให้คนข้างๆรู้เด็ดขาดเลยว่าตื่นเต้น 

    “ เย็น? ลมพัดเอื่อยอย่างกับเต่าขี้เกียจเดินแบบนี้เนี่ยนะ? ” 

    “ นั่นแหละ สงสัยจะไม่ค่อยสบายด้วยมั้ง ” 

    “ จริงเหรอ ไหนดูสิ ” ปัณณ์ขยับตัวเข้ามาใกล้และยกมืออีกข้างขึ้นมาทาบบนหน้าผากริท 

    “ ปัณณ์ ริทไม่เป็นไรมากหรอก อย่าห่วงเลย ” ริทรีบผละออกห่างเพราะกลัวว่าเสียงหัวใจจะเต้นแรงจนปัณณ์ได้ยิน 

    “ ไม่ห่วงได้ยังไง เพื่อนเตี้ยๆตัวผอมๆแบบนี้มีคนเดียวเลยนะ ถ้าหนาวตายขึ้นมาจะทำยังไง ” คำพูดของปัณณ์ทำให้ริทกรอกตาไปมา 

    “ ถ้าไม่อยากให้ริทหนาว ปัณณ์ก็มากอดริทสิ ริทจะได้หายหนาว ” แกล้งหยอดด้วยความหมั่นไส้ 

    “ กอด? แบบนี้เหรอ? ” พูดจบปัณณ์ก็โผเข้ามากอดริทเสียแนบแน่นจนคนท้าตาค้างด้วยความอึ้ง ไม่คิดว่าปัณณ์จะทำตามคำพูดหยอกเอินของเขา     

    “ แน่นๆสิ ” ริทกระซิบบอกข้างหูปัณณ์ก่อนจะยกมือตัวเองขึ้นกอดตอบ สองแขนของเขากระชับร่างของปัณณ์เอาไว้

    “ พอเลย ปล่อยริท เดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิด ” ปัณณ์ดิ้นน้อยๆ ริทจึงยอมปล่อยออก


    ทันทีที่เป็นอิสระ ปัณณ์ก็รีบสาวเท้าเดินนำหน้าไปทันที แต่มันก็ทำให้ริทเห็นว่าหน้าหวานๆนั้นแดงระเรื่อชวนมองแค่ไหน ริทอมยิ้มก่อนจะเดินตามปัณณ์ไปช้าๆ ในสมองคิดไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีตรวมไปถึงถ้อยคำที่ปรกและกันเคยบอกเอาไว้  


    ‘ หรือว่าเราจะมีหวังเหมือนที่พวกนั้นบอก ’


    ...แล้วจะสารภาพรักยังไงดีล่ะ... 


    ‘ ปัณณ์ กุหลาบแดง 1 ดอกแทนใจริทนะ มันหมายความว่าปัณณ์เป็นที่หนึ่งของริทคนเดียว ’
    ...ไม่ว่ะ เลี่ยนไป ไม่ใช่แนว... 


    ‘ ริทรักปัณณ์ ’
    ...ไม่ดี อันนี้ดูตรงและเสี่ยงหน้าแตกเกินไป...


    “ จะทางไหนก็ไม่กล้าสักทางเลย ทำไมปอดแหกจังวะไอ้ริท! ” ริททึ้งผมตัวเองด้วยความขัดใจ 


    พลั่ก! 


    “ โอ๊ย! ” 


    เพราะไม่ได้ดูทาง ริทจึงเดินชนกับอะไรบางอย่างจนเสียหลักหงายหลังไปกองกับพื้น เขาค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง ก้นกกระบมเล็กน้อย เขาคลำมันป้อยๆก่อนจะมองหาสิ่งที่ชนแล้วก็พบว่า...........ปัณณ์ก็นั่งกุมเข่าอยู่ที่พื้นเช่นกัน ดวงตาหวานมองเขาอย่างหงุดหงิด ไม่ต้องสืบเลยว่าเมื่อกี้เขาชนกับอะไร -_-;;  


    “ เดินดีๆไม่เป็นเหรอริท ดีนะที่เข่าลงก่อนและมือยันไว้ทัน ไม่งั้นหน้าทิ่มพื้นไปแล้ว -*- ”

    “ ขอโทษ มัวแต่มองอย่างอื่นเพลินเลยลืมมองทาง ”

    “ มองอย่างอื่น? เหอะ...ถ้ายังไม่อยากกลับบ้าน อยากไปมองสาวที่ไหนก่อนก็ไปได้เลยนะ ” ปัณณ์พูดพลางพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล พอทำท่าจะล้มลงมาอีก ใครบางคนก็โผล่มาคว้าเอวปัณณ์ไว้ซะก่อน 

    “ ระวังหน่อยสิพี่ ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกพลางรวบเอวบางมากอดแน่นขึ้น 

    “ ขอบใจนะตาม ” 


    ...ใช่แล้ว คนที่ทำตัวเป็นพระเอก คือ ตูมตาม เด็กหน้าหม้อที่ริทแสนเกลียดขี้หน้า... 


    “ พี่ปัณณ์เจ็บขาเหรอ ให้ผมไปส่งไหม เดินเองไม่น่าจะถนัดนะ ”


    ...อะแฮ่ม! ขอโทษนะ มันเป็นหน้าที่พระเอกอย่างตรูครับ พระรองไม่ควรเสนอหน้า...! 

    “ ไม่เป็นไรหรอก ” 


    ...เหอะๆ นางเอกไม่เอาอ่ะ เขาไม่สนมึงว่ะไอ้ตาม ฮ่าๆๆๆๆๆ... 


    “ แต่ผมเป็นห่วง ให้ผมดูแลพี่เถอะนะ ” ตูมตามยื่นหน้าเข้ามาใกล้ปัณณ์ ทำให้ริทมองตาวาว 

    “ หลบไปเลยไอ้ตาม!! ” ริทรีบลุกจากพื้นและรีบเดินไปขวางตูมตามทั้งที่เจ็บระบมก้นไปหมด 

    “ อะไรของพี่เนี่ย ” ตูมตามทำหน้าเซ็งเมื่อริทเดินมาแทรกกลาง 

    “ มาทางไหนกลับไปทางนั้น ปัณณ์มีพี่ไปส่งและดูแลแล้ว นายไม่ต้องเสือ.....ก ” 

    “ ริท! ” ปัณณ์ขึ้นเสียงดุเมื่อเพื่อนพูดคำไม่ดีใส่รุ่นน้อง 

    “ กลับบ้าน! ” ริทดึงปัณณ์ออกมาจากตูมตามและบังคับให้เดินกลับไปทางเดิม 

    “ ไปก่อนนะตาม ” ปัณณ์จึงหันไปบอกลารุ่นน้องด้วยรอยยิ้มแห้งๆก่อนจะเดินไปกับริท สีหน้าของเพื่อนที่เรียบเฉยเล็กน้อยทำให้เขาไม่กล้าว่าที่เพื่อนเสียมารยาท  

    “ เฮ้อ แดกแห้วอีกแล้วแน่ๆเลยว่ะ ” ตูมตามบ่นพลางมองตามแผ่นหลังบางที่ค่อยๆเล็กลงจนหายลับไปจากสายตา 

    .

    .

    .

    .  


    รถยนต์ของริทแล่นมาจอดภายในบริเวณบ้านของปัณณ์ ตลอดทางมีแต่ความเงียบ ทำให้เมื่อกลับถึงบ้าน ปัณณ์ตัดสินใจเปิดประตูรถลงไปโดยไม่คิดจะพูดอะไรกับริทสักคำเช่นกัน ริทมองตามแผ่นหลังบางที่กำลังถูกแม่บ้านเดินมาประคองเพื่อพาเข้าบ้าน เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงเปิดประตูรถและเรียกปัณณ์เอาไว้ ร่างบางจึงหยุดเดินและหันมามองเพื่อนสนิทด้วยแววตาสงสัย 


    “ เอ่อ.... ” แต่พอสบตากันแล้ว ริทกลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น 

    “ มีอะไรริท ”

    “ เอ่อ จะถามว่าโกรธหรือเปล่า เรื่องไอ้ตาม ” แล้วเขาก็ไม่กล้าพูดอีกนั่นแหละ

    “ หือ? ตอนแรกก็โกรธนะ แต่ตอนนี้หายแล้ว ”

    “ งะ งั้นเหรอ เอ่อ แล้ว... ”

    “ แล้ว................ ” ปัณณ์ลากเสียงยาวตามริท 

    “ คือว่าริท...เอ่อ...ริท...ช....ริท.... ” ให้ตายสิ!! ทำไมมันพูดยากจังวะเนี่ย!! -*- 

    “ ริทมีอะไรจะพูดก็พูดสิ ” ปัณณ์ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจเพื่อนสนิทเลยสักนิด 

    “ ริท....คือว่า....ริท....ริท.... ” ริทก้มหน้าลงเพราะไม่กล้าสบตาแต่ตำแหน่งสายตาของเขากำลังทำให้ปัณณ์เข้าใจผิด 

    “ อ๋อ จริงด้วย ลืมไปเลย ขอโทษนะริท ” ปัณณ์ให้แม่บ้านพาเดินมาหาริทก่อนจะค้นของในกระเป๋าสะพาย

    “ หือ? ขอโทษอะไร ” ริทงุนงง 

    “ นี่ไง ปัณณ์ลืมไปเลยว่ายืมริทมา ถ้าริทไม่ทวง ปัณณ์คงไม่ได้คืนให้ซะแล้ว ” ปัณณ์ยิ้มพลางยื่นปากกาสีเขียวให้ริท เขาจำได้ว่ามันเป็นแท่งโปรดของริทเลย  

    “ ห๊ะ? เอ่อ...อือ...ขอบใจนะ ” ริทรับมาด้วยความงุนงงระคนอึ้ง 

    “ วันหลังจะทวงก็บอกตรงๆเลย มัวอ้ำอึ้งอยู่ได้ บางทีทำเรื่องอื่นเพลินๆมันก็ลืมบางเรื่องไปเหมือนกันนะ ไปล่ะ ขับรถกลับบ้านดีๆนะริท ” ปัณณ์ยิ้มหวานให้ริทก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน 

    “ คือ ปัณณ์ มันไม่ใช่.............. ” ริทถอนหายใจอย่างห่อเหี่ยว 


    ...บทจะไม่ฉลาด มันก็ไม่ฉลาดเอาซะดื้อๆเลย...T^T 


    “ อื้อ ไม่เอา ปล่อยสิ ” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลังทำให้ริทขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

    “ นิดเดียวเอง รับรองว่าไม่มีการรุกล้ำ ”

    “ พี่มันเจ้าเล่ห์ เชื่อได้ที่ไหน อื้อ~~ ” 


    ริทหันไปมองด้านหลังเมื่อแน่ใจแล้วว่าเสียงที่ได้ยินนั้นมาจากคู่ไหน ภาพของชายหนุ่มร่างสูงรูปร่างดีกำลังกอดรัดร่างบางของผู้ชายอีกคนแน่น ริมฝีปากก็ไล่ปล้ำจูบอีกคนไม่หยุดหย่อน ร่างบางดิ้นไปมาก่อนจะค่อยๆหยุดดื้อและยินยอมให้อีกฝ่ายจุมพิตอย่างดูดดื่ม ริทมองภาพนั้นอย่างเอือมระอา ความหงุดหงิดที่ติดค้างอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ทำให้เขาไม่คิดจะเกรงใจเพื่อนสักนิด 


    “ ถ้าพี่ยังไม่ได้เป็นแฟนกับเพื่อนผม พี่ควรให้เกียรติเพื่อนผมมากกว่านี้นะครับ ” เสียงที่ทะลุกลางปล้อง ทำให้คนสองคนรีบผละออกห่างจากกัน 

    “ ริท ” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยชื่อคนอายุน้อยกว่า ส่วนเพื่อนของริทกลับเมินมองไปทางอื่นด้วยใบหน้าแดงก่ำ 

    “ แล้วพี่ก็เป็นดารา ทำอะไรต้องระวังนักข่าวหรือคนอื่นในบ้านที่อาจเอาข่าวพี่ไปขายได้บ้างนะครับ ถ้าอยากจะจูบปรกมันแบบเมื่อกี้ ผมแนะนำให้พี่ไปทำในห้องนอนมากกว่าสถานที่โล่งแจ้งแบบนี้ ” ริทพูดรัวก่อนจะเดินไปขึ้นรถตัวเองแล้วขับออกไปทันที 

    “ ไอ้ริทมันหงุดหงิดอะไรมาเนี่ย ” ปรกพูดพึมพำพลางมองตามรถของเพื่อนไป

    “ อย่าไปสนเลย เราไปต่อบนห้องเถอะ พี่ยังจูบไม่พอเลย ”

    “ ตลกแล้ว ใครมันจะไปยอมให้จูบ เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ! ” ปรกสะบัดหน้าหนีพลางเดินเข้าไปในบ้าน แต่สนก็ทันเห็นว่าใบหน้าหวานนั้นแดงแค่ไหน ร่างสูงอมยิ้มก่อนจะเดินตามเด็กของเขาเข้าบ้าน   

    “ ไว้เป็นแฟนเมื่อไรจะจูบให้ปากเจ่อเลยไอ้ตัวแสบ ”


    +_+_+_+_+ O = N = L = Y = O = N = E +_+_+_+_+


    วันนี้ริทมาถึงมหาวิทยาลัยก่อนปัณณ์ ในคราวแรกตั้งใจจะไปรับแต่ปัณณ์ดันตื่นสายและจะมาพร้อมกันกับปรกแทน เขาจึงถือโอกาสนี้ทำตามคำแนะนำที่จำมาจากหนังสือ How to เล่มหนึ่ง ริทเดินมายังห้องเรียนและมองไปทางโต๊ะที่ปัณณ์ชอบนั่งทุกครั้งเวลาเรียนวิชานี้ เขาหยิบของที่อยู่ในกระเป๋าออกมาและวางไว้บนโต๊ะของปัณณ์พร้อมแปะกระดาษโน้ตไว้บนของสิ่งนั้น


    ‘ เช้าๆแบบนี้เพิ่มความหวานให้หัวใจหน่อยนะ 
    ทานให้อร่อยล่ะแต่อย่าทานเยอะ เดี๋ยวสำลักความหวานที่ริทอยากมอบให้ปัณณ์
    จาก
    ริท ^3^ ’


    ชายหนุ่มมองขนมอย่างลังเลแต่เขาคิดว่าข้อความนั้นมันน่าจะบอกความนัยนิดนึง ปัณณ์ต้องสงสัยและเดินมาถามว่ามันคือสัญลักษณ์อะไร เขาจะเนียนให้ไปถามเพื่อนผู้หญิงเพราะพวกเธอต้องรู้จักอิโมติคอนรูป ‘จูบ’ แน่ๆ ถึงตอนนั้นปัณณ์คงเข้าใจได้เอง เขาก็ไม่ต้องอายที่จะสารภาพรักอีกต่อไป ริทยกยิ้มให้ตัวเองก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะที่อยู่ด้านหลังสุดของห้อง 


    ...อันที่จริงอยากนั่งด้วยหรอก แต่เขาไม่ถูกกับอาจารย์วิชานี้เอาซะเลย ดังนั้นห่างไว้แหละดี -*-...   


    หลังจากริทมาไม่ถึงชั่วโมง ปัณณ์ก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมเพื่อนคนอื่นๆ ริททำทีเป็นเปิดหนังสือเรียนออกอ่านราวกับไม่สนใจแต่ก็เหลือบมองไปทางเพื่อนสนิทเป็นระยะ ปัณณ์วางกระเป๋าสะพายก่อนจะหยิบช็อกโกแลตซึ่งเป็นขนมที่เขาโปรดปรานที่สุดขึ้นมาอ่านข้อความ ริทเม้มปากแน่น คราวนี้เขามองเพื่อนด้วยสายตาจดจ่อ ปัณณ์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มหวานและหันมาหาเขา 


    ...เอ๊ะ หรือว่าปัณณ์จะเข้าใจแล้ว จริงสิ หมอนั่นฉลาดนี่นา... 


    “ ขอบใจนะริท ” ปัณณ์ตะโกนมาจากหน้าห้องก่อนจะนั่งลงแกะขนมทานและเมื่อทานเสร็จก็......................


    ...ทิ้งกระดาษโน้ตแผ่นนั้นลงถังขยะไปพร้อมๆกันห่อช็อกโกแลตเรียบร้อย... 


    “ ปะ...ปัณณ์ ” ริทอึ้ง มองปัณณ์สลับกับถังขยะไปมา

    “ โคตรอร่อยเลยริท ไว้เลิกเรียนแล้วไปซื้อกันนะ ” ยังมีหน้าหันมาตะโกนบอกเขาอีกด้วย T^T 

    “ อืม ” ริทพยักหน้ารับอย่างเลื่อนลอย พอปัณณ์หันกลับไปที่เดิม เขาก็ฟุบลงกับโต๊ะพร้อมทั้งขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิง 


    ...อุตส่าห์หยอดไปขนาดนั้นแล้วนะ ทำไมยังไม่เข้าใจอีก!!!!!... 


    ...ไม่เข้าใจไม่พอ ไม่คิดจะสงสัยหรือถามอะไรเลยด้วย...!!! 


    “ ไอ้บื้อเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ” 

    .

    .

    .

    ตอนนี้ริทกับปัณณ์กำลังอยู่ในห้องสมุด ความจริงแล้วเขาตั้งใจจะไปรวมกลุ่มกับกันแต่ปัณณ์ดันลากเขามาอ่านหนังสือเพราะวิชาตอนบ่ายจะมีสอบเก็บคะแนน ภายในห้องสมุดเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ทำให้ริทที่กำลังอิ่มท้องหมาดๆเริ่มตาปรือปรอยแต่ปัณณ์ก็มักสะกิดหัวเขาด้วยฝ่ามือเสมอ ริทจึงต้องพยายามถ่างตาอย่างหนักเพื่อไล่จำเนื้อหา แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่เข้าสมอง เขาจึงเปลี่ยนเป็นขยับเข้าไปใกล้เพื่อนสนิทและนั่งจ้องหน้าหวานๆนั้นแทน  


    “ จะจ้องหน้าอีกนานไหมริท ” ปัณณ์ถามโดยไม่ละสายตาจากหนังสือเรียน 

    “ นาน ” คำตอบของเขาทำให้ปัณณ์หน้ามาค้อนขวับ 

    “ ถ้าสอบตกจะถีบให้หงายหลังเลย ” ปัณณ์พูดขู่ไปงั้น ความจริงริทฉลาดมาก อ่านรอบเดียวก็จำได้หมด แต่เสียอย่างเดียวคือมันไม่ค่อยอ่านเนี่ยแหละและถึงไม่อ่านมันก็ได้คะแนนดีพอๆกับเขาทุกที เห็นคะแนนมันทีไร เขาล่ะอยากปาหนังสือทิ้ง เลิกเรียนแม่ม! -*- 

    “ โห เล่นแรง ทำไมจดเยอะจังวะ ” ริทยื่นหน้าเข้าไปดูสมุดของปัณณ์ แน่นอนว่ามันทำให้ใบหน้าของเขาและปัณณ์ห่างกันไม่มากนัก  

    “ ก็จดตามที่อาจารย์เน้น ” ปัณณ์หันหน้ามาตอบริท ปลายจมูกของพวกเขาเฉียดกันเล็กน้อย

    “ เอ่อ ” ริทอึ้งไปเมื่อสบดวงตาหวานที่ทำให้โลกทั้งใบของเขาหยุดหมุน ดวงตาของฝาแฝดเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเขาเสมอ ทุกครั้งที่เผลอไปสบตานานๆมันทำให้หัวใจของคนมองเต้นผิดจังหวะ 

    “ เป็นอะไรอีกล่ะริท ” ปัณณ์ไม่ได้ถอนใบหน้าออกแต่กลับขยับเข้ามาใกล้จนริทต้องเป็นฝ่ายล่าถอยเสียเอง 

    “ ไม่ได้เป็นไร อ่านต่อเถอะ ” 


    เมื่อปัณณ์หันกลับไปสนใจหนังสือเรียน ริทก็พลูลมหายใจออกมา ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขิน หัวใจยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะเช่นเดิม แตกต่างจากปัณณ์ที่ยังคงนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไร แน่นอนว่ามันทำให้ริทเซ็งเบาๆอีกครั้ง 


    ปัณณ์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เขาดูไม่ออกเลยว่ารู้สึกยังไงกับเขากันแน่ ริทมักแปลกใจเสมอที่พวกฝาแฝดมั่นใจว่าปัณณ์คิดเช่นเดียวกันกับเขาทั้งที่ตัวเองยังหาความรู้สึกที่ ‘ตรง’ กันจากเพื่อนไม่เจอเลย 


    +_+_+_+_+ O = N = L = Y = O = N = E +_+_+_+_+


    เช้าวันต่อมา ริทเปลี่ยนแผนบอกรักใหม่อีกครั้ง คราวนี้เขาทำตามคำแนะนำของริน อันที่จริงรินไม่ได้แนะนำอะไรมากหรอก แค่บอกว่าให้ลองใช้วิธีคลาสสิกดูบ้างเพราะปัณณ์ชอบเรื่องโรแมนติกตามวรรณกรรมคลาสสิกมากกว่าเรื่องราวสมัยใหม่ น่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่า 


    ริทเห็นว่ามันน่าสนใจ เขาจึงตัดสินใจใช้วิธีเขียน ‘จดหมายรัก’ แทนการสรรหาวิธีบอกรักแนวๆตามสมัยนิยม กระดาษแผ่นน้อยถูกบรรจุลงในซองสีชมพูหวานกว่ายี่สิบซอง เขาเดินไปยังล็อคเกอร์ของปัณณ์ซึ่งวางอยู่ในห้องชมรมทัศนศิลป์และใส่จดหมายทั้งหมดไว้ในตู้ก่อนจะเดินไปหลบมุมคอยแอบมองปัณณ์ เขามั่นใจว่าวันนี้ปัณณ์จะมาที่นี่เพราะตอนเย็นร่างบางมีนัดสอนพิเศษรุ่นน้องในชมรมที่นี่  


    ไม่นานปัณณ์ก็เดินเข้ามาในห้องชมรมตามที่ริทคาดเพื่อนำหนังสือเรียนที่หอบหิ้วจากบ้านมาเก็บไว้รอสอนน้อง ริทแอบมองอยู่ด้วยหัวใจตุ้มๆต่อมๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาสื่อให้ปัณณ์รับรู้ชัดเจนว่า 


    ‘ริทรักปัณณ์’


    ปัณณ์วางกระเป๋าสะพายไว้ที่โต๊ะก่อนจะเดินไปยังล็อคเกอร์เก็บของและทันทีที่เปิดออก จดหมายนับสิบฉบับก็ไหลทะลักออกมาจากล็อคเกอร์นั่นจากนั้นจึงลงไปกองอยู่ที่พื้นจนเกือบหมด ปัณณ์ตกใจตาโตพลางรีบก้มลงไปเก็บมันรวมกันไว้อย่างลวกๆ ท่าทางเหวอๆและใบหน้าเหรอหราของเขาเป็นที่ถูกอกถูกใจของริทยิ่งนัก ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าคนที่เขารักช่างน่ารักเหลือเกิน 


    ...หวังว่าจะเข้าใจสักทีนะ ปัณณ์... 


    ปัณณ์มองจดหมายพลางพลิกไปมาแต่ก็ไม่พบชื่อผู้ส่งสักฉบับ ร่างบางมีสีหน้างุนงงก่อนจะเดินไปนั่งที่มุมห้องและเปิดออกอ่านทีละฉบับแล้วจึงพบว่าทุกฉบับมีแค่ประโยคเดียว คือคำว่า ‘I LOVE YOU’ 


    “ ไอ้พวกตัวแสบแน่ๆเลย ”


    ปัณณ์ถอนหายใจออกมาราวกับเซ็งชีวิตเพราะเข้าใจว่าโดนรุ่นน้องแกล้งอีกแล้ว เขาเหลียวมองไปรอบห้องก็ไม่พบใครที่จะลากมาเอาผิด ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพลางเดินไปทางมุมห้องอีกด้านหนึ่งโดยไม่ทันสังเกตว่าเพื่อนสนิทเดินออกมาจากมุมอับสายตาที่หลบซ่อนอยู่ ริทมีสีหน้าแดงระเรื่อพลางก้มหน้ามองพื้นด้วยความเขินก่อนจะเอ่ยเรียก


    “ ปัณณ์ ” ริทเงยหน้าขึ้นพร้อมส่งยิ้มละลายใจให้เพื่อนสนิท แต่แล้วก็ต้องยิ้มเก้อเมื่อ............. 

    “ ไม่มีใครสอนหรือไงว่าอย่าล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่น ” 


    ...จดหมายรักถูกทิ้งลงถังขยะไปอย่างพร้อมเพรียงทุกฉบับไม่มีตกหล่น!!!...


    “ อ้าว ริท มาตั้งแต่เมื่อไร วันนี้จะมาอยู่เป็นเพื่อนสอนพิเศษน้องเหรอ ” ปัณณ์หันมาพบริทก่อนจะรีบเดินมาทักทายเพื่อนที่วันนี้หนีมาเรียนก่อน 

    “ .... ” ริทยังคงเงียบและมองถังขยะตาค้างอยู่แบบนั้น

    “ ริท ” ปัณณ์เอียงคอมองเพื่อนด้วยความสงสัยก่อนจะมองตามสายตาริทไปหยุดที่ถังขยะ 

    “ จดหมาย ” ริทพึมพำเบาๆ 

    “ จดหมายเหรอ อ๋อ พวกรุ่นน้องมันคงแกล้งเขียนมาแหย่ ริทอย่าเข้าใจผิดนะ ไม่ต้องไปสนใจหรอก นี่ไงทิ้งหมดแล้ว ” ปัณณ์พาริทที่ดูเหม่อลอยไปยังถังขยะและชี้ให้เพื่อนสนิทดู 

    “ จดหมาย..... ” ดูเหมือนคำอธิบายของปัณณ์จะไม่เข้าหัวริทเอาซะเลย 

    “ ริท อย่าโกรธนะ ” ปัณณ์เขย่าแขนเพื่อนพลางมองด้วยสายตาเว้าวอน ริทหันมามองปัณณ์ช้าๆ 

    “ ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ ” ริทพูดเบาๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างเลื่อนลอย

    “ ริท ” ปัณณ์มองตามหลังเพื่อนไปอย่างงุนงงก่อนจะเลิกสนใจเพราะกันโทรเข้ามา

    .

    .

    .

    หลังจากเดินหนีปัณณ์มา ริทก็มานั่งถอนหายใจอยู่ที่โต๊ะประจำของกลุ่มจนเพื่อนเริ่มรำคาญแต่สภาพหมดอาลัยตายอยากของเขานั้นทำให้ใครอยากถือสา ริทกวาดตามองเพื่อนก็เห็นว่านอกจากกันที่นั่งเล่นโทรศัพท์แล้วก็ไม่มีใครที่เขาพึ่งพาได้เลย เพราะเพลิงไม่อยู่ ปรกกับรินก็เอาแต่คุยโทรศัพท์ มีกันคนเดียวที่ปากว่าง


    “ กัน ” ริทสะกิดเพื่อนยิกๆ 

    “ หือ? ” กันขานรับแต่ไม่เงยหน้ามอง ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเล่นไลน์

    “ ช่วยหน่อยดิวะ ริทจนปัญญาแล้วเนี่ย ใช้สารพัดวิธีแล้วน้องนายมันก็ไม่เข้าใจสักที ”

    “ อืม ”

    “ กัน สนใจหน่อยสิ ” ริทเขย่าแขนเพื่อนแต่กันสะบัดออก

    “ อย่ากวนสิริท กันคุยกับพี่โน่อยู่นะ ” กันมองเพื่อนด้วยสายตาตำหนิ 

    “ งั้นก็เลิกคุย มานี่ ริทช่วยจบเรื่องให้! ” ริทโผไปแย่งโทรศัพท์ ทำให้กันร้องโวยวายโถมเข้าหาหมายจะแย่งคืน แต่ด้วยความไวที่แตกต่างกันทำให้กันแย่งไม่ได้แถมยังโดนริทอ่านข้อความอีกต่างหาก

    “ อะไรวะ ทำไมมีแต่ตัวเลข ” ริทถามด้วยความงุนงงก่อนจะถูกกันแย่งมือถือไป

    “ โค๊ดลับรหัสป้องกันคนเผือกแบบมึงไงริท ” กันมองค้อนแล้วจึงกลับไปคุยกับโตโน่ต่อโดยไม่สนใจสายตาของริทที่มองมา


    ...แต่นั่นมันกลับทำให้ริทคิดอะไรดีๆออก...       


    “ คราวนี้แหละต้องได้ผลแน่ๆ.............มั้ง ” ริทอมยิ้มพลางนึกถึงใบหน้าของปัณณ์ด้วยมั่นใจว่าคราวนี้เขาต้องชนะ(?)ปัณณ์ได้แน่ๆ 



    =+=+=+=+=+=+= To Be Continue =+=+=+=+=+=+=


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×