คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Only Me [SonProck] 3/3
#3#
รุ่งเช้า
ร่างสูงสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา เขายันตัวเองลุกขึ้นนั่ง
มือหนากุมขมับด้วยความมึนศีรษะ ดวงตาเรียวเล็กกวาดมองไปรอบห้อง
แปลกใจที่สภาพเตียงของเขาเละเทะไปหมดแต่ไม่นานเขาก็เลิกสนใจ
ร่างสูงถดตัวเตรียมลุกจากเตียงแต่แล้วเท้าของเขาก็สัมผัสกับบางอย่างบนพื้น
ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อหยิบขึ้นมาดูแล้วพบว่าเป็นเสื้อนักศึกษาที่กระดุมขาดหลุดรุ่ย
สนงง
เขามองรอบกายอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้งและพบว่านอกเหนือจากเสื้อนักศึกษาแล้วยังมีคราบเลือดดวงเล็กๆแห้งกรังอยู่บนเตียงอีกด้วย
คราวนี้ร่างสูงใช้สมองครุ่นคิดอย่างหนัก
แล้วไม่นานภาพในอดีตก็ย้อนกลับเข้าสู่ความทรงจำของเขา มือหนากำเสื้อนักศึกษาแน่น
ความรู้สึกผิดบีบรัดจนเจ็บปวด
“ ริน... ”
ร่างสูงนึกถึงคนตัวบางขึ้นมาได้
เขารีบคว้าผ้ามาพันเอวและวิ่งหาร่างบางรอบห้องแต่ก็ไร้วี่แวว
สนคว้าโทรศัพท์มือถือก่อนจะเช็คตารางเวลาของริน
เมื่อพบว่าวันนี้ไม่มีเรียนและไม่มีงาน สนจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปหารินที่บ้าน
2 ชั่วโมงต่อมา ร่างสูงก็ขับรถเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านหลังใหญ่ เขาพรวดพราดเข้าไปในบ้านและถามหารินจากแม่บ้าน
เมื่อทราบว่าร่างเล็กนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สระว่ายน้ำ เขาจึงรีบวิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว
ไม่นานก็พบว่ารินกำลังนั่งอยู่บริเวณศาลาไม้สักโดยมีหนังสือเรียนเปิดค้างไว้แต่ดวงตาหวานกลับเหม่อมองไปทางอื่น
ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามเรียบเรียงคำพูดและสงบจิตสงบใจ
จากนั้นจึงสาวเท้าเข้าไปหาร่างเล็ก
“ ริน ” เสียงเรียกของสนทำให้รินสะดุ้งน้อยๆ
ร่างเล็กหันมาตามเสียงเรียกก่อนจะยิ้มบางๆให้สน
“ พี่สน มาทำไมเหรอครับ ” รินถามและพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่แสดงท่าทีให้ความหวังอะไรอีก
ไม่เช่นนั้นสนก็จะตามตื้อเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆ
“ ริน เรื่องเมื่อวาน...พี่ขอโทษ ”
สนพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้ารู้สึกผิด
“ พี่จะขอโทษรินทำไม รินต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ
รินรับความรู้สึกของพี่ไว้ไม่ได้ ”
“ รินไม่ต้องขอโทษพี่หรอก มันไม่ใช่ความผิดของรินเลย
มันเป็นความผิดของพี่เอง พี่ไม่ห้ามใจตัวเอง ทั้งที่รินไปดูแลพี่ด้วยความเป็นห่วง แต่พี่กลับ......
”
“ เดี๋ยวนะ ไปดูแล? พี่สนไม่ได้หมายถึงเรื่องจูบเหรอครับ ”
รินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ เรื่องนั้นมันไม่สำคัญอีกแล้ว ในเมื่อรินรักเขา พี่ก็พร้อมจะถอย
ส่วนเรื่องเมื่อคืน ถ้าเขาไม่เข้าใจ พี่จะไปอธิบายเองว่ามันไม่มีอะไร ”
“ เมื่อคืน? เดี๋ยวนะพี่สน เมื่อคืนมันอะไร พี่หมายความว่ายังไง
รินงงไปหมดแล้ว ”
“ ก็เมื่อคืนรินไปหาพี่... ”
“ จะเป็นไปได้ไงครับ เมื่อคืนรินอยู่บ้าน แล้วก็ไม่เคยไปคอนโดพี่ด้วย
จะไปถูกได้ยังไง มีแต่ปรกที่ไป ”
“ ห๊ะ? ปรก? ” ร่างสูงทวนคำช้าๆ พอรินพยักหน้ารับ
เขาก็เริ่มเรียบเรียงความคิดเสียใหม่และคำตอบที่ได้ก็ทำให้ชาวาบไปทั้งร่าง
“ พี่สน เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ”
“ ริน ปรกอยู่ไหน ” สนถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
ท่าทางของเขาทำให้รินตกใจเล็กน้อย
“ ยะ..อยู่ในห้อง น่าจะหลับ เห็นปัณณ์บอกว่ากลับเกือบสว่าง ”
“ ขอบใจนะ ”
สนรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจสายตางุนงงของริน
เขาวิ่งขึ้นบันไดจนมาหยุดอยู่หน้าห้องนอนของปรก
ร่างสูงถือวิสาสะเปิดเข้าไปโดยไม่ขออนุญาตและพบว่าปรกยังคงนอนขดตัวอยู่บนเตียงกว้างโดยมีผ้านวมผืนหนาปิดถึงลำคอ
สนปิดประตูเบาๆก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ร่างบนเตียง
“ ปรก ”
ร่างสูงส่งเสียงเรียกแต่ปรกยังคงนอนนิ่ง
เขาทรุดกายลงนั่งข้างร่างบาง มือสั่นเทาร่นผ้านวมลงช้าๆ ไม่ต้องค้นหาให้เสียเวลา
เขาก็พบรอยช้ำตามซอกคอและแผ่นอกที่โผล่พ้นชายเสื้อออกมา
ริมฝีปากสีอ่อนบวมอย่างเห็นได้ชัด ร่างสูงสบถด่าตัวเองเบาๆ เขาไม่คิดเลยว่าน้ำเมามันจะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ปลายนิ้วเรียวลูบรอยช้ำบนเนื้อเนียนช้าๆ
อยากขอโทษเป็นพันครั้งแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเพียงพอสำหรับความผิดนี้หรือเปล่า
“ อืม..... ” เสียงครางแผ่วเบา
ทำให้สนสะดุ้งและผุดลุกขึ้นยืนเหมือนเดิม
เขามองร่างที่กำลังจะตื่นด้วยหัวใจเต้นระรัว
“ นาย...! ” ปรกลุกขึ้นนั่งเมื่อลืมตาตื่นและเห็นว่าใครยืนอยู่ข้างเตียง
“ ปรก พี่... ” สนยื่นมือมาหาปรกแต่ร่างบางกลับถอยร่นไปทางอื่น
“ นายมาได้ยังไง ออกไปเลยนะ ”
ปรกรวบผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงลำคอเมื่อเห็นว่าสนกำลังมองเขาอยู่
“ ปรก ฟังพี่ก่อนได้ไหม พี่ขอโทษ เมื่อคืนนี้พี่ไม่ได้ตั้งใจ ”
สนพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
น้ำเสียงและสรรพนามที่เคยใช้กับปรกก็แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมากขึ้น
“ เมื่อคืนนี้อะไร มัน...มันไม่มีอะไรสักหน่อย ”
ปรกเบือนใบหน้าหนีไปอีกทาง
“ อย่าโกหกเลย ถึงพี่จะเมาแต่พี่ก็จำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ” คำพูดของสนทำให้ปรกหันขวับ
“ แล้วจำได้ไหมว่าเมื่อวานนายเรียกชื่อใครตลอดเวลาที่...... ”
ปรกหยุดพูดไปด้วยไม่อยากเอ่ยถึงอีก
“ จำได้สิ พี่เรียกชื่อ...ริน ”
ถ้อยคำที่ร่างสูงเอ่ยกรีดหัวใจของคนฟังให้เจ็บปวด
เขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรแต่รู้ว่าเกลียดที่สุด...เขาเกลียดที่ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของใคร...
“ งั้นก็แสดงว่าเมื่อคืนนายกอดริน ไปหารินเถอะ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ”
“ แต่พี่รู้แล้วไงว่าพี่กอดปรกไม่ใช่ริน พี่ถึงมาขอโทษ ”
“ ไม่ต้องขอโทษอะไรทั้งนั้น มันไม่มีอะไร
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ ออกไปซะ ” ปรกพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดหากแต่แววตาหวานกลับไหววูบจวนเจียนจะมีน้ำตา
“ ปรก... ” สนมองดวงตาคู่นั้นด้วยความสงสารและปวดหนึบในอกไปพร้อมกัน
“ ออกไปสิ!! ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!! ”
“ ปรก ฟังพี่ก่อนได้ไหม พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ.... ”
“ บอกให้ออกไปไง! ฉันรู้แล้วว่านายไม่ได้ตั้งใจ
ไม่ต้องมาย้ำให้ฉันสมเพชตัวเองไปมากกว่านี้!! คำขอโทษของนาย
ฉันก็รับไว้แล้ว ดังนั้น...ออกไปซะ แล้วไม่ต้องมาเจอกันอีก!!
”
“ ปรก ”
“ ออกไปสิ! ”
“ ได้ แล้วพี่จะมาใหม่ พี่จะรอให้ปรกพร้อมที่จะฟังพี่เสียก่อน ”
สนเดินคอตกกลับออกไป
ทันทีที่ประตูปิดสนิท
น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลรินจากดวงตาคู่สวยช้าๆ
มือบางพยายามปาดออกพร้อมสบถด่าตัวเองที่ร้องไห้อย่างไร้เหตุผล
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงร้องไห้ ทำไมต้องรู้สึกปวดหนึบในอก
เหมือนหัวใจกำลังโดนมือของใครบางคนบีบรัด แล้วในเมื่อไม่อาจห้ามน้ำตาได้ เขาจึงปล่อยให้มันไหลอยู่อย่างนั้น
ร่างบางทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับซุกหน้าลงบนหมอนเพื่อซ่อนรอยน้ำตา
.
.
.
2 อาทิตย์ผ่านไป
รถยนต์คันหรูจอดอยู่หน้าอาคารเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ซึ่งเป็นคณะที่ปรกเรียนอยู่
ร่างสูงสง่าในชุดเชิ้ตสีกลมท่ากับกางเกงสแล็กสีดำรวมทั้งสวมรองเท้าหนังแก้วสีดำมันเงากำลังยืนพิงรถและชะเง้อมองไปในอาคารเรียนเป็นระยะ
แน่นอนว่าลักษณะท่าทางของเขาดึงดูดสายตานักศึกษาคนอื่นได้มากพอสมควรทำให้ร่างสูงต้องคอยขยับแว่นกันแดดให้เข้าที่เข้าทางเสมอ
ไม่นานร่างบางที่เขาต้องการพบก็ปรากฎสู่สายตาและเมื่อปรกเห็นสนก็เดินเลี่ยงไปอีกทางเช่นกัน
“ ปรก! เดี๋ยวก่อน! ” เสียงทุ้มร้องเรียกแต่คนที่เดินนำหน้าไม่คิดจะหยุดฟัง
เขาจึงเร่งฝีเท้าจนตามทัน
มือหนาคว้าแขนเล็กไว้แต่ปรกสะบัดออกทันควันก่อนจะหันมาเผชิญหน้า
“ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่อยากเห็นหน้านายอีก ทำไมพูดจาไม่รู้เรื่องสักที
” ปรกพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
เขาไม่อยากทะเลาะกับคนตรงหน้าให้อายคนทั้งมหาวิทยาลัย
“ แต่พี่จำได้ว่าเรายังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักที
พอเห็นหน้า ปรกก็เอาแต่ไล่พี่ หลายวันมานี่ก็หลบหน้าพี่อีก
ไปหาที่บ้านก็ไม่เคยอยู่ พอมาหาที่นี่ก็ชอบอ้างว่ามีธุระด่วน
ปรกเป็นแบบนี้แล้วเมื่อไรเราจะเข้าใจกันสักที ”
“ ฉันผิด? ” ปรกถามพลางชี้หน้าตัวเอง
“ ไม่ใช่แบบนั้น พี่แค่อยากให้เราปรับความเข้าใจกัน
อย่ามึนตึงแบบนี้ได้ไหม พี่รู้สึกไม่ดีเลย ”
“ ฉันก็รู้สึกไม่ดีเวลาที่เห็นหน้านาย แล้วเลิกพูดแบบนี้สักทีเถอะ
มันไม่ชินได้ยินแล้วขนลุกไปยันง่ามขา ” ปรกทำหน้าบึ้งก่อนจะหันหลังเดินหนีไปอีก
“ เดี๋ยวสิปรก ” สนวิ่งมาดักหน้า
“ หยุดตามมาสักทีได้ไหม ฉันไม่อยากฟังนายอธิบายอะไรทั้งนั้น
แค่นั้นมันก็ชัดเจนมากพอแล้วว่านาย... เอาเป็นว่าเลิกยุ่งกันสักทีเถอะ ”
ปรกจะเดินไปทางอื่นแต่สนกลับยื้อข้อมือเอาไว้
“ ถ้าปรกไม่ฟัง พี่จะเอาเรื่องที่ปรกขโมย..... ”
“ เอาสิ ” เสียงปรกแทรกขึ้นมาก่อนสนจะพูดจบ
นั่นทำให้ร่างสูงรู้ว่าเขาพลาดอีกแล้ว
“ เอ่อ...ปรก พี่ขอ... ”
“ อยากเอาเรื่องนั้นไปบอกนักข่าวหรือแจ้งตำรวจก็ทำเลย อยากทำอะไรก็ทำ
จะเรียกตำรวจมาจับฉันเข้าคุกเมื่อไรก็บอก ฉันจะได้ลาพ่อแม่พี่น้องฉันทัน ”
ปรกมองสนด้วยแววตาตัดพ้อ มือบางสะบัดหลุดก่อนจะเดินกระแทกไหล่แกร่งจากไป
“ เดี๋ยวปรก พี่ขอโทษ ปรก.. ” เมื่อหายอึ้ง สนก็รีบวิ่งตามปรกไป
แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าปรกกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาผู้ชายอีกคน
รอยยิ้มหวานที่ปรกส่งให้คนอื่น มันทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง
“ รอนานไหมครับพี่ปานเทพ ” ปรกถามชายคนนั้น
หมอนั่นส่ายหน้าก่อนจะชี้ชวนปรกเดินไปที่รถซึ่งจอดไม่ห่างกันมากนัก
“ ปรก ” สนรีบเรียกเอาไว้และเดินไปหยุดอยู่ข้างปรก
มือหนาคว้ามือบางแต่เจ้าตัวกลับปัดออก
“ ใครเหรอปรก ” ชายคนนั้นถามขึ้น
“ เขามาตามจีบรินน่ะครับ แต่รินไม่ใจอ่อนสักที
เขาก็เลยมาตื้อขอให้ผมช่วย ”
“ ปรก มันไม่.... ” สนพยายามจะปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าปรกจะไม่ฟัง
“ พี่ปานเทพไม่ต้องไปใส่ใจหรอก เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวลูกค้าที่พี่นัดไว้จะรอนาน
”
“ อืม งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ขอให้จีบรินได้เร็วๆ ”
ผู้ชายคนนั้นเอ่ยด้วยถ้อยคำและท่าทีที่สุภาพก่อนจะเปิดประตูรถให้ปรกเข้าไปนั่ง
เขาค้อมศีรษะให้สนอีกครั้ง ก่อนจะอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ
สนพยายามเคาะหน้าต่างเรียกแต่ปรกก็เมินเฉยซ้ำดูท่าทางจะเร่งให้อีกฝ่ายเคลื่อนรถออกไปอีก
มันทำให้เขาหงุดหงิด ยิ่งเห็นสายตาผู้ชายคนนั้นที่มองปรก
เขาก็รู้ว่าหมอนั่นคิดไม่ซื่อ
แต่ปรกคงไม่เอะใจอะไรเพราะคงเห็นว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน
อยากตามไปดึงกลับมาแต่ก็กลัวว่าจะยิ่งไม่เข้าใจกันมากกว่าเดิม
แค่นี้ปรกก็ไม่ฟังเขามากพอแล้ว
“ ทำไมปรกไม่ให้โอกาสพี่บ้างเลย ”
สนพึมพำพลางมองรถคันสวยพาปรกจากไปจนลับสายตา
“ พี่ไม่คิดจะตามไปหน่อยเหรอ ” เสียงของผู้มาใหม่ทำให้สนสะดุ้งโหยง
เขาหันไปมองก็พบเด็กผู้ชายที่มีใบหน้าเหมือนคนที่เพิ่งจากไปเป็นพิมพ์เดียวกัน
“ เอ่อ... ”
“ กันครับ เราไม่ค่อยคุ้นเคยกัน พี่คงแยกลำบาก ”
กันแนะนำตัวเองอย่างรู้ทัน
เขารู้ว่าสนยังแยกตนเองกับปัณณ์ไม่ออกเนื่องจากไม่ค่อยมีโอกาสพบกันสักเท่าไร
เพราะโตโน่และริทคอยกันท่าตลอด
“ อ่า... ขอโทษนะ ”
“ พี่นี่เอาแต่ขอโทษนะ ”
“ ก็พี่ไม่รู้จะพูดคำไหนนี่ แล้วกันมาทำอะไรที่นี่ ”
“ เรียนสิครับ คณะกัน ” กันชี้ไปทางด้านหลังของเขา
มันคือตึกคณะบริหารธุรกิจ
“ อ๋อ ”
“ แล้วตกลงพี่จะไม่ตามปรกไปเหรอ
พี่ผู้ชายคนนั้นสายตาไม่น่าไว้ใจเลยนะ ”
“ หมอนั่นเป็นคนไม่ดีเหรอกัน ” สนมีสีหน้าร้อนรน
นั่นทำให้กันแย้มยิ้มถูกใจ
“ เปล่าครับ พี่ปานเทพเป็นคนดี เป็นรุ่นพี่ของปรก
ปรกกำลังจะไปฝึกงานที่บริษัทของเขาเลยต้องดูที่ทางเผื่อไว้บ้าง ”
กันพูดพร้อมกับลอบสังเกตสีหน้าของสนไปด้วยและใบหน้าที่เก็บความดีใจไว้ไม่มิดก็ทำให้กันพึงพอใจมากทีเดียว
“ งั้นเหรอ จริงสิ..กันต้องไปเรียนใช่ไหม งั้นพี่กลับก่อนนะ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นจะไปหาปรก
ถ้าเขากลับมาแล้วช่วยโทรบอกพี่ที ” สนยิ้มบางๆให้กันก่อนจะผละออกมา
“ ถัดจากคณะกัน เป็นคณะนิเทศศาสตร์นะครับ ”
เสียงของกันทำให้สนชะงักและหันมามองด้วยความไม่เข้าใจ
“ ..... ”
“ เผื่อพี่อยากไปหาริน...คนที่พี่บอกว่าชอบ...บ้าง อีก 10 นาทีรินก็เลิกเรียนแล้ว ถ้าอยากไปรับก็รีบหน่อยนะครับ ”
กันอมยิ้มก่อนจะเดินไปทางคณะของตนเอง
ร่างสูงยืนอึ้งกับคำพูดทิ้งท้ายของกัน
เขามองตามแผ่นหลังเล็กจนลับตาก่อนจะมองเลยไปยังตึกคณะนิเทศศาสตร์
ขายาวขยับจะเดินไปทางนั้นแต่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็หยุดเดิน ดวงตาคมมองตึกเรียนของรินอย่างครุ่นคิด
อยากเดินไปรอรับกลับบ้านแต่บางสิ่งกลับร่ำร้องให้เขากลับไปที่รถและออกไปจากที่แห่งนี้
...เหมือนมันพยายามจะบอกว่า...ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา...
+_+_+_+_+
O = N = L = Y = M = E +_+_+_+_+
“ หยุดเดี๋ยวนะ ตะวัน พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไปยุ่งกับคนบ้านนั้น
ทำไมไม่ฟังพี่ ” ชายหนุ่มถามพลางกระชากแขนน้องชายให้หยุดเดินหนีและหันมาเผชิญหน้า
“ พี่อาทิตย์ ผมโตแล้วนะ ผมจะคบหากับใครมันก็เรื่องของผม
พี่ไม่มีสิทธิ์มาบังคับ ” คนเป็นน้องหันมาโต้เถียง
“ แต่เราก็รู้ว่าบ้านนั้นมันมีแต่คนเลว โดยเฉพาะเม็ดทราย ”
“ ผมไม่รู้ว่าพี่ไปเจออะไรมาบ้าง แต่สำหรับผม แก้มใสไม่ใช่คนไม่ดี! ” ตะวันหมุนตัวกลับและเดินหนีพี่ชาย
“ เลิกเดินหนีพี่เดี๋ยวนะปรก!! ”
ชายหนุ่มกระชากแขนเล็กอย่างแรง ทำให้ร่างเล็กเซมาปะทะแผ่นอก
“ คัท!!! ” เสียงผู้กำกับตะโกนเสียงดัง ทำให้นักแสดงนำทั้งสองคนสะดุ้ง
“ ขอโทษครับพี่สันต์ ” สนรีบเอ่ยปากขอโทษ
ก่อนจะหันไปมองหน้ารินแล้วสายตารู้สึกผิด
แต่รินยิ้มให้น้อยๆเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
“ ทำไมช่วงนี้ไม่มีสมาธิเลยห๊ะ? ไปๆๆ ไปสงบสติอารมณ์สัก 15 นาที พักๆๆ!!! ”
ชายหนุ่มเดินไปทางห้องที่ถูกเซตให้กลายเป็นห้องพักนักแสดง
วันนี้เขามาถ่ายละคร แม้ว่าปกติจะเน้นถ่ายแบบเป็นหลักและเล่นละครมาไม่กี่เรื่อง
เขาก็ไม่เคยผิดพลาดบ่อยขนาดนี้ ร่างสูงหลับตาลงพลางยกมือขึ้นนวดคลึงบริเวณขมับ
ก่อนจะลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีใครมานั่งลงข้างๆและพอเห็นว่าเป็นริน สนก็ขยับกายนั่งให้สุภาพมากขึ้น
“ พี่ขอโทษนะริน ทั้งที่เป็นเรื่องแรกของรินแท้ๆ
พี่กลับทำให้มันยุ่งยากมากกว่าเดิม ”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่พี่สนเป็นอะไรหรือเปล่า
ทำไมช่วงนี้พี่ดูแปลกไป ”
“ แปลกไป? แปลกยังไง ”
“ ก็หมู่นี้พี่ชอบใจลอย ขาดสมาธิ หงุดหงิดง่าย ” รินพูดแค่นั้นทั้งที่ความจริงอยากบอกด้วยว่าช่วงนี้สนพูดถึงปรกบ่อยกว่าชื่อของเขาเสียอีก
“ งั้นเหรอ พี่ขอโทษนะ ” สนเอ่ยเบาๆ
ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างพวกเขาครู่หนึ่ง ก่อนที่รินจะเป็นฝ่ายเปิดปากถามก่อน
“ ทำไมพี่ถึงชอบรินเหรอ ” สนมองหน้าคนถามด้วยความแปลกใจแต่ก็ยอมเอ่ยบอกสาเหตุ
“ มันไม่เชิงชอบหรอก ตอนนั้นพี่แค่ปลื้มเพราะรินน่ารัก เรียบร้อย
อ่อนโยน เสียงเพราะ ตาหวาน ยิ้มสวย ยิ่งมอง พี่ก็ยิ่งอยากรู้จัก
ยิ่งเห็นข่าวรินตามสื่อต่างๆก็ยิ่งปลื้มมากขึ้นเรื่อยๆ ”
“ ปลื้มจนแอบเก็บของๆรินกลับบ้านแบบนั้น ไม่น่าปลื้มรินด้วยเหตุผลพวกนี้เลยนะ
” รินแซวขำๆ
“ รินรู้ได้ยังไง อ่า...ปรกคงบอกสินะ ” สนยิ้มจางๆ
“ พี่ไม่รู้สึกกลัวที่รินรู้ความจริงว่าพี่ทำตัวเหมือนพวกโรคจิตเหรอ
”
“ กลัว?? ไม่นี่ รินกลัวพี่หรือเปล่าล่ะ ”
“ ไม่ครับ แล้วพี่ชอบรินตอนไหนเหรอ ”
“ อืม....ชอบเหรอ พี่เริ่มชอบรินจริงๆจังๆตอนที่พี่ป่วยมั้ง ไม่สิ
ไม่ใช่มั้ง แต่มันใช่เลย ถึงพี่จะมองไม่เห็นแต่พี่ก็สัมผัสได้ว่าใครจริงใจ
ทุกสัมผัสที่พี่ได้รับจากรินมันอ่อนโยน
มันทำให้พี่มีความสุขทุกครั้งที่มีรินอยู่ข้างๆ
คนอื่นก็ดูแลดีนะแต่ไม่มีใครเหมือนริน ”
“ สรุปว่าพี่ชอบริน เพราะรินดูแลพี่ใช่ไหม ”
“ อือ ใช่ ” ปรกระบายยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเมื่อนึกถึงวันเวลาเหล่านั้น
ท่าทีของเขาทำให้รินตัดสินใจว่าควรบอกความลับให้ฟังสักที
“ พี่สนไม่เอะใจอะไรบ้างเลยเหรอ ”
“ หือ? เอะใจอะไร ”
“ พี่ลองคิดในมุมของคนที่ไม่ได้ตาบอดดูนะ กันมีแฟนแล้ว
พี่ก็เห็นว่าพี่โน่หวงแค่ไหน ขนาดวันเปิดตา พี่ยังแทบไม่ได้ใกล้กันเลย
ปัณณ์ก็เข้ามาหาพี่นับครั้งได้ แทบไม่เคยอยู่ติดบ้านเพราะต้องทำโปรเจ็คจบ
พี่คงรู้เพราะปัณณ์ไม่มีท่าทีคุ้นเคยกับพี่เลย ส่วนริน พี่ว่ารินฮอตไหม ”
“ ห๊า? ก็เอ่อ....ใช่ ”
“ อื้อ แล้วคนฮอตแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลพี่กัน? ”
สิ้นคำพูดของริน
สนก็นั่งทบทวนตามที่คนตัวเล็กบอกก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อประติดประต่อเรื่องราวได้
“ รินอย่าบอกนะว่าที่ผ่าน..... ”
“ ปรกเป็นคนดูแลพี่มาตั้งแต่ต้น
เขาปลอมตัวเป็นคนอื่นเพื่อจะได้ดูแลพี่โดยไม่ทำให้พี่รำคาญใจ พี่มองไม่เห็น
พี่คงไม่มีทางรู้ ”
“ จริงเหรอริน ” สนถามเสียงแผ่วเบา รู้สึกสับสนและอึ้งไปหมด
ไม่คิดฝันว่าสิ่งที่ตนเองเชื่อมาตลอดมันจะผิดขนาดนี้
“ ครับ รินไม่เคยได้ดูแลพี่เลย มีแต่ถามสารทุกข์สุขดิบเท่านั้น
คนที่อยู่ข้างพี่มาตลอดคือปรกไม่ใช่ริน ”
“ ..... ” สนนิ่งอึ้ง
หัวใจของเขาเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆกับความจริงที่ได้รับรู้
“ เมื่อกี้นี้พี่บอกว่าชอบรินคนที่ดูแลพี่ตอนที่ป่วยใช่ไหม
งั้นก็ไม่ใช่รินคนนี้แล้วล่ะครับ ”
รินยิ้มก่อนจะลุกขึ้นเพื่อออกไปเตรียมตัวแสดงอีกครั้ง
แต่เขาก็ชะงักเมื่อเห็นรุจยืนอยู่
“ พี่กำลังจะมาตามพอดีเลย ”
รุจเดินมาหารินพร้อมกับคว้ามือบางมากุมไว้แล้วยิ้มให้คนตัวเล็ก
รินจึงยิ้มตอบกลับไปและกระชับมือหนาให้แน่นกว่าเดิม
“ ..... ”
“ สน พี่จะบอกอะไรให้อีกอย่างนะ
คนเรามักรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แอบชอบเสมอ
แต่เมื่อครู่นายกลับไม่รู้สึกอะไรเมื่อรินพูดถึงความลับของนาย
แล้วคนเรามักไม่มีเหตุผลในการชอบใครสักคนหรอก ”
“ ..... ”
“ นายลองทบทวนดูดีๆนะ สาเหตุที่ทำให้อารมณ์ของนายแปรปรวน
สาเหตุที่ทำให้หัวใจของนายเต้นผิดจังหวะ สาเหตุที่ทำให้นายขาดสมาธิทำงาน
สาเหตุที่ทำให้นายว้าวุ่น ใครที่นายพูดถึงบ่อย ใครที่นายมองหาตลอดเวลา
ใครที่ทำให้ใจของนายเพ้อพร่ำ ใครที่ทำให้นายคิดถึงและเจ็บปวดเวลาที่ห่างเหินกัน
ใครที่ทำให้นายร้อนรนเมื่อเห็นเขาอยู่กับคนอื่น ”
“ ..... ”
“ ขอให้รู้ใจตัวเองเร็วๆนะก่อนที่จะเสียหัวใจของนายไป ”
รุจพูดทิ้งท้ายก่อนจะพารินออกไป
“ ปรก ”
ร่างสูงพูดพึมพำก่อนที่รอยยิ้มกว้างจะแต่งแต้มเต็มใบหน้าหล่อเหลา
...หัวใจของเขา...แทบจะโบยบินไปหาเจ้าของหัวใจเสียเดี๋ยวนี้...
+_+_+_+_+
O = N = L = Y = M = E +_+_+_+_+
วันต่อมา
หลังจากทำงานจนเสร็จ สนก็รีบขับรถตรงมายังบ้านของฝาแฝด เขากล่าวทักทายทุกคนในบ้านอย่างอารมณ์ดีก่อนจะถามหาปรก
ปัณณ์จึงบอกว่าปรกอยู่ในห้องทำงาน กันอาสาพาสนมาหาปรก
ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกกำลังใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านในโดยมีกันส่งเสียงให้กำลังใจไล่หลังมา
แน่นอนว่าเสียงของพี่ชายทำให้คนกำลังหมกมุ่นกับการเขียนแบบเงยหน้าขึ้นมอง
“ นายอีกแล้วเหรอ บอกแล้วไงว่าไม่ให้มาที่นี่อีก ”
ปรกโยนปากกาเขียนแบบทิ้งอย่างหงุดหงิด ร่างบางลุกจากโต๊ะทำงานเดินมายืนตรงหน้าสน
“ ปรก ฟังพี่หน่อยได้ไหม ขอโอกาสให้พี่ได้พูดความในใจบ้าง ”
“ ฉันไม่อยากฟังคำขอโทษของนายอีกแล้ว ออกไปนะ ”
“ พี่ไม่ไป จะอยู่ตรงนี้จนกว่าจะพูดในสิ่งที่พี่อยากพูดจบ ”
“ งั้นฉันไปเอง!! ” ปรกเดินตรงไปยังประตู
แต่พอหมุนลูกบิดมันกลับเปิดไม่ออก
“ เขย่าให้ตายมันก็ไม่หลุดหรอกปรก ”
เสียงตะโกนดังมาจากอีกฝั่งของประตู
“ เปิดเดี๋ยวนี้นะกัน!! ”
“ ไม่เปิด ถ้าวันนี้คุยกับพี่สนไม่จบก็ไม่ต้องออกมาจากห้อง!! ” กันตอบกลับก่อนจะเดินลงส้นเท้าดังๆเพื่อให้ปรกรู้ว่าเขาไม่ได้รออยู่หน้าห้องอีกแล้ว
“ กัน!! ไอ้ตัวแสบ อย่าให้หลุดไปได้นะ!!! จะจับผูกโบว์ใส่พานถวายให้พี่โน่ปล้ำ 3 วัน 3
คืนพร้อมยาปลุก 10 เม็ดเลย!!! ” ปรกเตะประตูแรงๆเพื่อระบายความหงุดหงิด
พอหันมามองสนเขาก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดี
“ ตกลงจะฟังพี่ได้หรือยัง ”
“ ก็พูดมาสิ ” ปรกยอมฟังเพื่อที่จะได้ไม่ต้องอยู่กับสนนานไปกว่านี้ ร่างบางเดินไปนั่งที่โต๊ะตามเดิมและหยิบน้ำมาดื่มเผื่อจะช่วยให้ใจเย็นขึ้น
“ พี่ชอบปรก ”
พรวด!!!
“ แค่กๆๆ มะ...เมื่อกี้...แค่กๆ...ว่าไงนะ?? ” ปรกสำลักน้ำ
มือบางรีบหยิบทิชชู่มาซับน้ำที่เปื้อนแบบพลางไอไม่หยุด
“ พี่ชอบปรก ไม่สิ...พี่รักปรก ”
“ จะบ้าเหรอ! ฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย!! แล้วนายก็ชอบริน
อย่ามามั่ว!!! ” ปรกชี้หน้าด่าสน
“ พี่ไม่ได้ชอบรินแล้ว ”
“ ตลก วันนั้นนายยังร้องครางแต่ริน ริน ริน รินของพี่
ฟังแล้วชวนประสาทเสีย! แล้วจู่ๆมาบอกว่าไม่ได้ชอบริน
มันเร็วไปไหมไอ้เจ้าชายน้ำแข็ง! ”
“ ปรก พี่ไม่ได้ชอบริน จริงอยู่ว่าครั้งหนึ่งพี่เคยปลื้มเขามาก
มันก็แค่ปลื้ม แต่คนที่พี่หลงรัก คือ คนที่ดูแลพี่ตอนที่พี่ป่วยและเพราะพี่มองไม่เห็น
พี่จึงเข้าใจว่าคนที่ดูแลพี่เป็นริน มันทำให้พี่คิดว่าตัวเองรักริน แต่มันไม่ใช่
พี่รู้ความจริงจากรินหมดแล้ว ”
“ ..... ”
“ คนที่ดูแลพี่มาตลอดคือปรกไม่ใช่ริน
ดังนั้นคนที่พี่รักก็คือปรกไม่ใช่รินเช่นกัน ”
“ ไม่ใช่เพราะว่ารินปฏิเสธมาหรือไงถึงมาบอกรักฉันเพื่อหา...ตัวแทน! ”
“ ไม่ใช่นะปรก พี่ไม่เคยมองว่าปรกเป็นริน ”
“ แต่วันนั้น... ”
“ พี่เมาไง เพราะว่าเมาจึงเข้าใจผิดว่าตัวเองกอดริน
พี่ขอโทษจริงๆสำหรับวันนั้น ” สนมองปรกด้วยสายตาสำนึกผิดจากใจจริง
มันทำให้คนมองหวั่นไหวจนเกือบใจอ่อน
“ ช่างมันเถอะ ก็ไม่ได้แคร์อะไรมากมาย ฉันเป็นผู้ชาย
ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว ”
“ ปรก ให้โอกาสพี่ได้ไหม เริ่มต้นเรื่องของเราใหม่
พี่รู้ว่าปรกก็รู้สึกไม่ต่างจากพี่เท่าไรหรอก ”
“ เพ้อเจ้อ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย! ”
“ ใช่ ปรกไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ปรกชอบพี่ พี่รู้ เพียงแค่ว่าปรกยังไม่รู้ใจตัวเอง
”
“ ไอ้หลงตัวเอง เอาอะไรมาตัดสินว่าฉันชอบนาย ”
“ ทุกอย่างนั่นแหละ
ปรกยอมให้พี่กอดทั้งที่ความจริงแล้วปรกสามารถชกพี่จนน่วมได้เลย
ปรกยอมอ่านหนังสือยอมเล่านิทานให้พี่ฟังทั้งที่ปรกไม่ชอบ
ปรกยอมดูแลพี่ทั้งที่ปกติปรกไม่เคยแคร์ใครอยู่แล้วถ้าคนนั้นไม่สำคัญพอ
ปรกยอมทนทำอะไรที่ไม่ชอบเพื่อพี่
พี่สัมผัสได้ว่าปรกทำด้วยใจและเพราะแบบนั้นพี่จึงหลงรักคนที่ดูแลพี่ ”
สนเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงาน
มือหนาวางทาบไปบนมือบางแต่ปรกกลับชักออกและผุดลุกขึ้นยืน
“ ฉันก็แค่ต้องการรักษาภาพพจน์ ไม่อยากให้ใครมองว่าทำคนบาดเจ็บแล้วยังไม่มีความรับผิดชอบอีก
” ปรกจะเดินหนีไปอีกทางเพื่อรักษาระยะห่างแต่สนกลับรั้งแขนเอาไว้
คราวนี้สะบัดยังไงก็ไม่หลุด
“ ถ้าปรกแคร์ภาพพจน์ตัวเองคงไม่รับจ้างขโมยของชาวบ้านหรอก -_- ”
“ นี่มาง้อหรือมาแขวะ -*- ”
“ ง้อสิ ปรก...หายโกรธพี่เถอะนะ พี่รักปรกจริงๆ เชื่อพี่เถอะนะ
เริ่มต้นกันใหม่ จะไม่ทำให้เสียใจอีกแล้ว จะดูแลปรกให้ดี พี่ขอโทษที่รู้ตัวช้า
ไม่เคยรู้ว่ารักใครจนเสียปรกไป แต่วันนี้พี่รู้ใจตัวเองแล้ว
พี่จึงอยากขอโอกาสแก้ตัวใหม่ ให้พี่จีบปรกอีกครั้งได้ไหม ”
สนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเว้าวอน แววตาของเขากำลังหลอมละลายกำแพงในใจปรกให้จางหาย
“ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย ” ปรกเสสายตามองไปทางอื่น
“ พี่ก็ไม่ได้ชอบผู้ชายแต่พี่แค่ชอบปรก
แล้วคนที่พี่ชอบมันดันเป็นผู้ชายก็แค่นั้น ปรก... ความรักมันไม่แบ่งเพศหรอกนะ
ในเมื่อรักแล้วย่อมคือรัก ไม่ต้องหาเหตุผลมายืนยัน รักก็คือรัก
ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมารองรับทั้งนั้น พี่รักปรกจริงๆนะ ขอโอกาสให้พี่ได้ไหมครับ ”
สนยื่นมือมากุมมือบางไว้อีกครั้ง
มองสบดวงตากลมโตเพื่อถ่ายทอดความจริงใจทั้งหมดที่มีให้ปรกได้รับรู้
ปรกมองสนนิ่งพลางครุ่นคิดไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่สนจะบุกเข้ามาในห้อง
ตอนนั้นเขาอยู่กับปัณณ์ น้องชายของเขาก็ถามเขาเรื่องสนว่าเมื่อไรจะใจอ่อน
‘ เขาตามตื้อขนาดนี้แล้ว ยังคิดว่าเขาชอบรินอีกเหรอ ’
ใช่....เขาดูออก
เขารู้ เขาไม่ได้โง่ที่จะมองไม่ออกว่าสนกำลังชอบตนเอง
แต่เขากลัวว่ามันไม่ใช่ของจริง กลัวว่าสนจะมองเขาเป็นตัวแทนของรินเหมือนคืนนั้น
เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมต้องกลัว เขาไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด
รู้เพียงแค่ว่าเขาเกลียดการเป็นตัวแทนของใคร โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง
มันเจ็บยิ่งกว่ามีคนทักผิดเสียอีก
ไม่มีใครยินดีที่จะให้คนอื่นกอดโดยที่เขามองเห็นเราเป็นอีกคนหรอก
‘ ให้โอกาสเขาเถอะนะ
ถือซะว่าเป็นการให้โอกาสตัวเองด้วย ’
ปัณณ์บอกว่าเขาชอบสน
แม้เขาจะเถียงหัวชนฝาเท่าไร แฝดน้องก็หาเหตุผลมาหักล้างคำพูดของเขาได้หมด
แต่จะให้เขารักกับเพศเดียวกัน มันทำใจลำบาก เขาไม่เคยมีความคิดจะรักผู้ชายสักนิด
นอกจากเพื่อนสนิทและพี่น้องแล้ว เขาไม่เคยมีใจให้ผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น
การจะยอมรับความรู้สึกของสน มันจึงเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับเขาเกินไป
หมอนั่นเป็นผู้ชาย เขาก็เป็นผู้ชาย...จะรักกันยังไง?
‘ ปรกลองโยนคำว่าเพศเดียวกันทิ้งไปดูบ้างไหม
ถ้ามัวแต่ยึดติดกับสิ่งนี้ ปรกก็ต้องว้าวุ่นใจแบบนี้ไปตลอด ปัณณ์เชื่อนะว่าปรกรู้ตัวดีว่าตัวเองเปลี่ยนไป
ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองหน่อย ปรกอย่ากักขังตัวเองไว้แบบนี้เลยนะ
ปล่อยให้หัวใจมันมีอิสระบ้าง ลองเปิดใจให้พี่สนดูบ้าง ปัณณ์ว่ามันไม่เสียหายหรอก ’
‘ ..... ‘
‘ ความรักมันย่อมมีความเสี่ยงเป็นของคู่กันเสมอ
ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบหรอก วันนี้ทุกข์ พรุ่งนี้อาจจะสุขก็ได้
ใครมันจะไปรู้ล่ะจริงไหม ปรกชอบเรื่องท้าทายไม่ใช่เหรอ
ไม่ลองเสี่ยงกับมันหน่อยหรือไง ’
‘ ..... ’
‘ คิดดีๆนะ ความรักมันไม่ได้มาทักทายเราบ่อยนักหรอก ’
นั่นสิ
ความรักมันไม่ได้ผ่านมาบ่อย เขาควรจะปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้จริงๆเหรอ
แล้วถ้าเหตุการณ์เดิมๆเกิดซ้ำอีกล่ะ
ถ้ารินเกิดเลิกกับพี่รุจแล้วสนจะยังคงรักเขาเหมือนเดิมไหม
จะเปลี่ยนใจไปหารินหรือเปล่า ในเมื่อเขาไม่มีอะไรเทียบกับรินได้เลย
“ ปรก เป็นอะไรหรือเปล่า ” เสียงเรียกของสนทำให้ปรกหลุดจากภวังค์
“ ปะ..เปล่า ไม่เป็นอะไร ”
“ ปรก ให้โอกาสพี่เถอะนะ เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง พี่จะจีบปรกให้ได้ ”
“ แต่ฉันไม่ใช่รินนะ ไม่มีอะไรเหมือนรินสักอย่าง ไม่ได้เรียบร้อย
ไม่ได้อ่อนหวาน ไม่ได้น่าทะนุถนอม ไม่ได้ร้องเพลงเพราะ ไม่ได้เรียนเก่ง
ไม่ได้ใสซื่อแบบนั้น ฉันชอบใช้กำลัง ปากเสีย ไม่ห่วงภาพพจน์ตัวเอง ไม่แคร์ใคร
ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง บ้าเงินด้วย ความสามารถพิเศษแบบมิจฉาชีพก็มีพร้อม
นายรับได้เหรอ ”
“ รับได้สิ ก็ทุกอย่างที่ปรกพูดมา พี่เจอมันมาตลอดก่อนที่พี่จะตาบอด -_- ”
“ นาย...!! ”
“ แต่ถึงปรกจะเป็นแบบนั้น พี่ก็ยังอยู่กับปรกตลอดนี่ พี่รับได้
ทุกอย่างที่เป็นปรก พี่รับได้หมด
เพราะนั่นคือปรก...ปรกที่เป็นตัวเอง...เป็นในแบบที่ตัวเองเป็นมาตลอด
ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรทั้งนั้น เพราะพี่จะเปลี่ยนตัวเองและเข้าไปในโลกของปรกแทน
ขอโอกาสให้คนโง่ๆแบบพี่สักครั้งนะครับ ”
ผ่านไปหลายนาที
ปรกยังคงนิ่งเงียบ ร่างบางเบือนหน้าไปทางอื่นและไม่พูดอะไรออกมาอีก
ความนิ่งเฉยของปรก ทำให้คนมองเจ็บแปลบอีกครั้ง
เขายกยิ้มสมน้ำหน้าตัวเองก่อนจะปล่อยมือปรกช้าๆ
การกระทำของเขาเรียกสายตากลมโตให้มองกลับมาด้วยความงุนงง
“ มันคงเร็วไป ปรกคงไม่พร้อม ไว้พี่จะมาใหม่นะ แต่อยากให้รู้ว่าทุกสิ่งที่พี่พูดมันคือความจริงทุกคำ
พี่ไม่ได้มองปรกว่าเป็นตัวแทนของใคร ไม่ได้รักที่ปรกเหมือนรินหรือเหมือนคนอื่น
แต่รักที่ปรกเป็นปรก รักแค่ปรกเท่านั้น ถึงจะรู้ตัวช้า แต่ก็รักปรกจริงๆ ”
สนยิ้มบางๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางประตูห้อง
“ เรียนจบ... ”
“ หือ?? ” สนหันมาเมื่อได้ยินเสียงของปรกเอ่ยขึ้น
ร่างบางยังคงเมินมองไปทางอื่น หากแต่ริมฝีปากกำลังพูดกับเขาอยู่
“ ฉันให้เวลานายจนกว่าฉันจะเรียนจบ ถ้าวันนั้นมาถึง
แล้วนายยังจีบไม่ติดก็ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก
แต่ถ้าวันนั้นนายทำให้ฉันยอมรับนายได้ เราค่อยมาเป็นแฟนกัน แบบนี้ตกลงหรือเปล่า ”
ปรกถามเสียงแผ่วเบา ดวงหน้าหวานแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด
“ หมายความว่าปรกให้โอกาสพี่แล้วใช่ไหม ”
“ ถ้าไม่เข้าใจก็ไปไกลๆเลย!! ” ปรกทำเสียงหงุดหงิดกลบเกลื่อนก่อนจะต่อสายไปหากันเพื่อบอกว่าคุยเสร็จแล้วแต่เมื่อหันกลับมา
สนก็วิ่งพุ่งเข้ามาอุ้มเขาจนตัวลอย
“ เฮ้ย.........ปล่อยนะ!! ”
สนยอมวางปรกลงแต่ยังคงกอดเอวบางไว้เหมือนเดิม
แววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขทำให้คนถูกมองเขินอีกครั้ง
“ พี่ดีใจที่สุดเลยปรก ”
“ รู้แล้วน่า ปล่อยได้แล้ว ฉันจะทำการบ้าน นายจะไปไหนก็ไปเลย ”
สนยอมปล่อยปรกออกจากอ้อมกอด
อยากเห็นหอมขมับบางสักฟอดแต่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเหวี่ยงกระเด็น
แต่มาสะดุดตรงบางคำนี่แหละ
“ ขออย่างหนึ่งได้ไหม ” สนเอ่ยขึ้น
“ ขออะไร ”
“ ช่วยเรียกพี่ว่า ‘พี่สน’
แทนคำว่า ‘นาย’ ได้ไหม
แล้วก็แทนตัวเองว่า ‘ปรก’ ได้หรือเปล่า
”
“ เมื่อกี้บอกว่าอะไรนะ ”
“ เอ่อ......เอาเถอะ จะเรียกอะไรก็ตามสบายเลย จะเรียก ‘ไอ้สน’ พี่ก็รับได้ ” สนมีสีหน้าเจื่อนลง
เขามองไปทางอื่นอย่างวางตัวไม่ถูก
“ พี่สน... ”
“ หือ??? ” สนหันขวับมามองคนตัวบางด้วยคิดว่าหูฝาดหรือเปล่า
“ พี่สนกลับบ้านไปก่อนนะ ปรกจะทำการบ้าน ” ปรกพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ดูก็รู้ว่าอายขนาดไหน
“ ขอบคุณนะปรก รับรองว่าพี่จะจีบปรกให้ติดก่อนวันรับปริญญาแน่ๆ ”
“ อืม แล้วปรกจะคอยดูว่าพี่มันจะมีน้ำยาสักแค่ไหนกัน ”
ปรกยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินกลับไปนั่งทำการบ้านโดยมีสายตาของสนคอยมองตาม
จนกระทั่งเสียงคลายล็อคดังขึ้น
สนบอกลาปรกแล้วเดินออกไปจากห้องก่อนที่ประตูจะปิดลงตามเดิม
เมื่อนั้นปรกจึงละสายตาจากงานตรงหน้าและมองไปทางประตูแทน
เขานึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาก่อนจะอมยิ้มน้อยๆและเริ่มตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองต่อไป
...เรื่องระหว่างเขากับสน...คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามกาลเวลา...
...ไม่ต้องเร่งรีบ...ค่อยๆเรียนรู้...ให้มันเติบโตช้าๆ...
...รอจนกว่าจะแน่ใจแล้วว่า...เรารักกัน...
=+=+=+=+=+=+=
THE END =+=+=+=+=+=+=
ความคิดเห็น