ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF: Yaoi The Star) Sassy Love (โน่กัน / อสรพิษ)

    ลำดับตอนที่ #20 : Only Me [SonProck] 3/3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 463
      2
      23 ธ.ค. 58

    #3#

     

     

                รุ่งเช้า ร่างสูงสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา เขายันตัวเองลุกขึ้นนั่ง มือหนากุมขมับด้วยความมึนศีรษะ ดวงตาเรียวเล็กกวาดมองไปรอบห้อง แปลกใจที่สภาพเตียงของเขาเละเทะไปหมดแต่ไม่นานเขาก็เลิกสนใจ ร่างสูงถดตัวเตรียมลุกจากเตียงแต่แล้วเท้าของเขาก็สัมผัสกับบางอย่างบนพื้น ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อหยิบขึ้นมาดูแล้วพบว่าเป็นเสื้อนักศึกษาที่กระดุมขาดหลุดรุ่ย

     

     

                สนงง เขามองรอบกายอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้งและพบว่านอกเหนือจากเสื้อนักศึกษาแล้วยังมีคราบเลือดดวงเล็กๆแห้งกรังอยู่บนเตียงอีกด้วย คราวนี้ร่างสูงใช้สมองครุ่นคิดอย่างหนัก แล้วไม่นานภาพในอดีตก็ย้อนกลับเข้าสู่ความทรงจำของเขา มือหนากำเสื้อนักศึกษาแน่น ความรู้สึกผิดบีบรัดจนเจ็บปวด

     

     

    “ ริน... ”

     

     

                ร่างสูงนึกถึงคนตัวบางขึ้นมาได้ เขารีบคว้าผ้ามาพันเอวและวิ่งหาร่างบางรอบห้องแต่ก็ไร้วี่แวว สนคว้าโทรศัพท์มือถือก่อนจะเช็คตารางเวลาของริน เมื่อพบว่าวันนี้ไม่มีเรียนและไม่มีงาน สนจึงรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปหารินที่บ้าน

     

     

                2 ชั่วโมงต่อมา ร่างสูงก็ขับรถเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านหลังใหญ่ เขาพรวดพราดเข้าไปในบ้านและถามหารินจากแม่บ้าน เมื่อทราบว่าร่างเล็กนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สระว่ายน้ำ เขาจึงรีบวิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็พบว่ารินกำลังนั่งอยู่บริเวณศาลาไม้สักโดยมีหนังสือเรียนเปิดค้างไว้แต่ดวงตาหวานกลับเหม่อมองไปทางอื่น ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามเรียบเรียงคำพูดและสงบจิตสงบใจ จากนั้นจึงสาวเท้าเข้าไปหาร่างเล็ก

     

     

    “ ริน ” เสียงเรียกของสนทำให้รินสะดุ้งน้อยๆ ร่างเล็กหันมาตามเสียงเรียกก่อนจะยิ้มบางๆให้สน

     

    “ พี่สน มาทำไมเหรอครับ ” รินถามและพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่แสดงท่าทีให้ความหวังอะไรอีก ไม่เช่นนั้นสนก็จะตามตื้อเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆ

     

    “ ริน เรื่องเมื่อวาน...พี่ขอโทษ ” สนพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้ารู้สึกผิด

     

    “ พี่จะขอโทษรินทำไม รินต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ รินรับความรู้สึกของพี่ไว้ไม่ได้ ”

     

    “ รินไม่ต้องขอโทษพี่หรอก มันไม่ใช่ความผิดของรินเลย มันเป็นความผิดของพี่เอง พี่ไม่ห้ามใจตัวเอง ทั้งที่รินไปดูแลพี่ด้วยความเป็นห่วง แต่พี่กลับ...... ”

     

    “ เดี๋ยวนะ ไปดูแล? พี่สนไม่ได้หมายถึงเรื่องจูบเหรอครับ ” รินเอ่ยถามด้วยความสงสัย

     

    “ เรื่องนั้นมันไม่สำคัญอีกแล้ว ในเมื่อรินรักเขา พี่ก็พร้อมจะถอย ส่วนเรื่องเมื่อคืน ถ้าเขาไม่เข้าใจ พี่จะไปอธิบายเองว่ามันไม่มีอะไร ”

     

    “ เมื่อคืน? เดี๋ยวนะพี่สน เมื่อคืนมันอะไร พี่หมายความว่ายังไง รินงงไปหมดแล้ว ”

     

    “ ก็เมื่อคืนรินไปหาพี่... ”

     

    “ จะเป็นไปได้ไงครับ เมื่อคืนรินอยู่บ้าน แล้วก็ไม่เคยไปคอนโดพี่ด้วย จะไปถูกได้ยังไง มีแต่ปรกที่ไป ”

     

    “ ห๊ะ? ปรก? ” ร่างสูงทวนคำช้าๆ พอรินพยักหน้ารับ เขาก็เริ่มเรียบเรียงความคิดเสียใหม่และคำตอบที่ได้ก็ทำให้ชาวาบไปทั้งร่าง 

     

    “ พี่สน เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ”

     

    “ ริน ปรกอยู่ไหน ” สนถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน ท่าทางของเขาทำให้รินตกใจเล็กน้อย 

     

    “ ยะ..อยู่ในห้อง น่าจะหลับ เห็นปัณณ์บอกว่ากลับเกือบสว่าง ”

     

    “ ขอบใจนะ ”

     

     

                สนรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่สนใจสายตางุนงงของริน เขาวิ่งขึ้นบันไดจนมาหยุดอยู่หน้าห้องนอนของปรก ร่างสูงถือวิสาสะเปิดเข้าไปโดยไม่ขออนุญาตและพบว่าปรกยังคงนอนขดตัวอยู่บนเตียงกว้างโดยมีผ้านวมผืนหนาปิดถึงลำคอ สนปิดประตูเบาๆก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ร่างบนเตียง

     

     

    “ ปรก ”

     

     

                ร่างสูงส่งเสียงเรียกแต่ปรกยังคงนอนนิ่ง เขาทรุดกายลงนั่งข้างร่างบาง มือสั่นเทาร่นผ้านวมลงช้าๆ ไม่ต้องค้นหาให้เสียเวลา เขาก็พบรอยช้ำตามซอกคอและแผ่นอกที่โผล่พ้นชายเสื้อออกมา ริมฝีปากสีอ่อนบวมอย่างเห็นได้ชัด ร่างสูงสบถด่าตัวเองเบาๆ เขาไม่คิดเลยว่าน้ำเมามันจะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ปลายนิ้วเรียวลูบรอยช้ำบนเนื้อเนียนช้าๆ อยากขอโทษเป็นพันครั้งแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเพียงพอสำหรับความผิดนี้หรือเปล่า

     

     

    “ อืม..... ” เสียงครางแผ่วเบา ทำให้สนสะดุ้งและผุดลุกขึ้นยืนเหมือนเดิม เขามองร่างที่กำลังจะตื่นด้วยหัวใจเต้นระรัว

     

    “ นาย...! ” ปรกลุกขึ้นนั่งเมื่อลืมตาตื่นและเห็นว่าใครยืนอยู่ข้างเตียง

     

    “ ปรก พี่... ” สนยื่นมือมาหาปรกแต่ร่างบางกลับถอยร่นไปทางอื่น 

     

    “ นายมาได้ยังไง ออกไปเลยนะ ” ปรกรวบผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงลำคอเมื่อเห็นว่าสนกำลังมองเขาอยู่

     

    “ ปรก ฟังพี่ก่อนได้ไหม พี่ขอโทษ เมื่อคืนนี้พี่ไม่ได้ตั้งใจ ” สนพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ น้ำเสียงและสรรพนามที่เคยใช้กับปรกก็แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมากขึ้น

     

    “ เมื่อคืนนี้อะไร มัน...มันไม่มีอะไรสักหน่อย ” ปรกเบือนใบหน้าหนีไปอีกทาง

     

    “ อย่าโกหกเลย ถึงพี่จะเมาแต่พี่ก็จำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ” คำพูดของสนทำให้ปรกหันขวับ

     

    “ แล้วจำได้ไหมว่าเมื่อวานนายเรียกชื่อใครตลอดเวลาที่...... ” ปรกหยุดพูดไปด้วยไม่อยากเอ่ยถึงอีก

     

    “ จำได้สิ พี่เรียกชื่อ...ริน ” ถ้อยคำที่ร่างสูงเอ่ยกรีดหัวใจของคนฟังให้เจ็บปวด เขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรแต่รู้ว่าเกลียดที่สุด...เขาเกลียดที่ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของใคร...              

     

    “ งั้นก็แสดงว่าเมื่อคืนนายกอดริน ไปหารินเถอะ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ”

     

    “ แต่พี่รู้แล้วไงว่าพี่กอดปรกไม่ใช่ริน พี่ถึงมาขอโทษ ”

     

    “ ไม่ต้องขอโทษอะไรทั้งนั้น มันไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ ออกไปซะ ” ปรกพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดหากแต่แววตาหวานกลับไหววูบจวนเจียนจะมีน้ำตา

     

    “ ปรก... ” สนมองดวงตาคู่นั้นด้วยความสงสารและปวดหนึบในอกไปพร้อมกัน

     

    “ ออกไปสิ!! ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!!

     

    “ ปรก ฟังพี่ก่อนได้ไหม พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ.... ”  

     

    “ บอกให้ออกไปไง! ฉันรู้แล้วว่านายไม่ได้ตั้งใจ ไม่ต้องมาย้ำให้ฉันสมเพชตัวเองไปมากกว่านี้!! คำขอโทษของนาย ฉันก็รับไว้แล้ว ดังนั้น...ออกไปซะ แล้วไม่ต้องมาเจอกันอีก!!

     

    “ ปรก ”

     

    “ ออกไปสิ!

     

    “ ได้ แล้วพี่จะมาใหม่ พี่จะรอให้ปรกพร้อมที่จะฟังพี่เสียก่อน ” สนเดินคอตกกลับออกไป

     

     

                ทันทีที่ประตูปิดสนิท น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลรินจากดวงตาคู่สวยช้าๆ มือบางพยายามปาดออกพร้อมสบถด่าตัวเองที่ร้องไห้อย่างไร้เหตุผล เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงร้องไห้ ทำไมต้องรู้สึกปวดหนึบในอก เหมือนหัวใจกำลังโดนมือของใครบางคนบีบรัด แล้วในเมื่อไม่อาจห้ามน้ำตาได้ เขาจึงปล่อยให้มันไหลอยู่อย่างนั้น ร่างบางทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับซุกหน้าลงบนหมอนเพื่อซ่อนรอยน้ำตา

     

    .

     

    .

     

    .

     

    2 อาทิตย์ผ่านไป

     

     

                รถยนต์คันหรูจอดอยู่หน้าอาคารเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ซึ่งเป็นคณะที่ปรกเรียนอยู่ ร่างสูงสง่าในชุดเชิ้ตสีกลมท่ากับกางเกงสแล็กสีดำรวมทั้งสวมรองเท้าหนังแก้วสีดำมันเงากำลังยืนพิงรถและชะเง้อมองไปในอาคารเรียนเป็นระยะ แน่นอนว่าลักษณะท่าทางของเขาดึงดูดสายตานักศึกษาคนอื่นได้มากพอสมควรทำให้ร่างสูงต้องคอยขยับแว่นกันแดดให้เข้าที่เข้าทางเสมอ ไม่นานร่างบางที่เขาต้องการพบก็ปรากฎสู่สายตาและเมื่อปรกเห็นสนก็เดินเลี่ยงไปอีกทางเช่นกัน 

     

    “ ปรก! เดี๋ยวก่อน! ” เสียงทุ้มร้องเรียกแต่คนที่เดินนำหน้าไม่คิดจะหยุดฟัง เขาจึงเร่งฝีเท้าจนตามทัน มือหนาคว้าแขนเล็กไว้แต่ปรกสะบัดออกทันควันก่อนจะหันมาเผชิญหน้า

     

    “ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่อยากเห็นหน้านายอีก ทำไมพูดจาไม่รู้เรื่องสักที ” ปรกพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ เขาไม่อยากทะเลาะกับคนตรงหน้าให้อายคนทั้งมหาวิทยาลัย 

     

    “ แต่พี่จำได้ว่าเรายังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักที พอเห็นหน้า ปรกก็เอาแต่ไล่พี่ หลายวันมานี่ก็หลบหน้าพี่อีก ไปหาที่บ้านก็ไม่เคยอยู่ พอมาหาที่นี่ก็ชอบอ้างว่ามีธุระด่วน ปรกเป็นแบบนี้แล้วเมื่อไรเราจะเข้าใจกันสักที ”

     

    “ ฉันผิด? ” ปรกถามพลางชี้หน้าตัวเอง

     

    “ ไม่ใช่แบบนั้น พี่แค่อยากให้เราปรับความเข้าใจกัน อย่ามึนตึงแบบนี้ได้ไหม พี่รู้สึกไม่ดีเลย ”

     

    “ ฉันก็รู้สึกไม่ดีเวลาที่เห็นหน้านาย แล้วเลิกพูดแบบนี้สักทีเถอะ มันไม่ชินได้ยินแล้วขนลุกไปยันง่ามขา ” ปรกทำหน้าบึ้งก่อนจะหันหลังเดินหนีไปอีก

     

    “ เดี๋ยวสิปรก ” สนวิ่งมาดักหน้า

     

    “ หยุดตามมาสักทีได้ไหม ฉันไม่อยากฟังนายอธิบายอะไรทั้งนั้น แค่นั้นมันก็ชัดเจนมากพอแล้วว่านาย... เอาเป็นว่าเลิกยุ่งกันสักทีเถอะ ” ปรกจะเดินไปทางอื่นแต่สนกลับยื้อข้อมือเอาไว้

     

    “ ถ้าปรกไม่ฟัง พี่จะเอาเรื่องที่ปรกขโมย..... ”

     

    “ เอาสิ ” เสียงปรกแทรกขึ้นมาก่อนสนจะพูดจบ นั่นทำให้ร่างสูงรู้ว่าเขาพลาดอีกแล้ว

     

    “ เอ่อ...ปรก พี่ขอ... ”

     

    “ อยากเอาเรื่องนั้นไปบอกนักข่าวหรือแจ้งตำรวจก็ทำเลย อยากทำอะไรก็ทำ จะเรียกตำรวจมาจับฉันเข้าคุกเมื่อไรก็บอก ฉันจะได้ลาพ่อแม่พี่น้องฉันทัน ” ปรกมองสนด้วยแววตาตัดพ้อ มือบางสะบัดหลุดก่อนจะเดินกระแทกไหล่แกร่งจากไป

     

    “ เดี๋ยวปรก พี่ขอโทษ ปรก.. ” เมื่อหายอึ้ง สนก็รีบวิ่งตามปรกไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าปรกกำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาผู้ชายอีกคน รอยยิ้มหวานที่ปรกส่งให้คนอื่น มันทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง

     

    “ รอนานไหมครับพี่ปานเทพ ” ปรกถามชายคนนั้น หมอนั่นส่ายหน้าก่อนจะชี้ชวนปรกเดินไปที่รถซึ่งจอดไม่ห่างกันมากนัก

     

    “ ปรก ” สนรีบเรียกเอาไว้และเดินไปหยุดอยู่ข้างปรก มือหนาคว้ามือบางแต่เจ้าตัวกลับปัดออก

     

    “ ใครเหรอปรก ” ชายคนนั้นถามขึ้น

     

    “ เขามาตามจีบรินน่ะครับ แต่รินไม่ใจอ่อนสักที เขาก็เลยมาตื้อขอให้ผมช่วย ”

     

    “ ปรก มันไม่.... ” สนพยายามจะปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าปรกจะไม่ฟัง

     

    “ พี่ปานเทพไม่ต้องไปใส่ใจหรอก เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวลูกค้าที่พี่นัดไว้จะรอนาน ”

     

    “ อืม งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ขอให้จีบรินได้เร็วๆ ”

     

     

    ผู้ชายคนนั้นเอ่ยด้วยถ้อยคำและท่าทีที่สุภาพก่อนจะเปิดประตูรถให้ปรกเข้าไปนั่ง เขาค้อมศีรษะให้สนอีกครั้ง ก่อนจะอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ สนพยายามเคาะหน้าต่างเรียกแต่ปรกก็เมินเฉยซ้ำดูท่าทางจะเร่งให้อีกฝ่ายเคลื่อนรถออกไปอีก มันทำให้เขาหงุดหงิด ยิ่งเห็นสายตาผู้ชายคนนั้นที่มองปรก เขาก็รู้ว่าหมอนั่นคิดไม่ซื่อ แต่ปรกคงไม่เอะใจอะไรเพราะคงเห็นว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน อยากตามไปดึงกลับมาแต่ก็กลัวว่าจะยิ่งไม่เข้าใจกันมากกว่าเดิม แค่นี้ปรกก็ไม่ฟังเขามากพอแล้ว 

     

     

    “ ทำไมปรกไม่ให้โอกาสพี่บ้างเลย ” สนพึมพำพลางมองรถคันสวยพาปรกจากไปจนลับสายตา

     

    “ พี่ไม่คิดจะตามไปหน่อยเหรอ ” เสียงของผู้มาใหม่ทำให้สนสะดุ้งโหยง เขาหันไปมองก็พบเด็กผู้ชายที่มีใบหน้าเหมือนคนที่เพิ่งจากไปเป็นพิมพ์เดียวกัน

     

    “ เอ่อ... ”

     

    “ กันครับ เราไม่ค่อยคุ้นเคยกัน พี่คงแยกลำบาก ” กันแนะนำตัวเองอย่างรู้ทัน เขารู้ว่าสนยังแยกตนเองกับปัณณ์ไม่ออกเนื่องจากไม่ค่อยมีโอกาสพบกันสักเท่าไร เพราะโตโน่และริทคอยกันท่าตลอด

     

    “ อ่า... ขอโทษนะ ”

     

    “ พี่นี่เอาแต่ขอโทษนะ ”

     

    “ ก็พี่ไม่รู้จะพูดคำไหนนี่ แล้วกันมาทำอะไรที่นี่ ”

     

    “ เรียนสิครับ คณะกัน ” กันชี้ไปทางด้านหลังของเขา มันคือตึกคณะบริหารธุรกิจ

     

    “ อ๋อ ”

     

    “ แล้วตกลงพี่จะไม่ตามปรกไปเหรอ พี่ผู้ชายคนนั้นสายตาไม่น่าไว้ใจเลยนะ ”

     

    “ หมอนั่นเป็นคนไม่ดีเหรอกัน ” สนมีสีหน้าร้อนรน นั่นทำให้กันแย้มยิ้มถูกใจ

     

    “ เปล่าครับ พี่ปานเทพเป็นคนดี เป็นรุ่นพี่ของปรก ปรกกำลังจะไปฝึกงานที่บริษัทของเขาเลยต้องดูที่ทางเผื่อไว้บ้าง ” กันพูดพร้อมกับลอบสังเกตสีหน้าของสนไปด้วยและใบหน้าที่เก็บความดีใจไว้ไม่มิดก็ทำให้กันพึงพอใจมากทีเดียว

     

    “ งั้นเหรอ จริงสิ..กันต้องไปเรียนใช่ไหม งั้นพี่กลับก่อนนะ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นจะไปหาปรก ถ้าเขากลับมาแล้วช่วยโทรบอกพี่ที ” สนยิ้มบางๆให้กันก่อนจะผละออกมา

     

    “ ถัดจากคณะกัน เป็นคณะนิเทศศาสตร์นะครับ ” เสียงของกันทำให้สนชะงักและหันมามองด้วยความไม่เข้าใจ

     

    “ ..... ”

     

    “ เผื่อพี่อยากไปหาริน...คนที่พี่บอกว่าชอบ...บ้าง อีก 10 นาทีรินก็เลิกเรียนแล้ว ถ้าอยากไปรับก็รีบหน่อยนะครับ ” กันอมยิ้มก่อนจะเดินไปทางคณะของตนเอง

     

     

                ร่างสูงยืนอึ้งกับคำพูดทิ้งท้ายของกัน เขามองตามแผ่นหลังเล็กจนลับตาก่อนจะมองเลยไปยังตึกคณะนิเทศศาสตร์ ขายาวขยับจะเดินไปทางนั้นแต่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็หยุดเดิน ดวงตาคมมองตึกเรียนของรินอย่างครุ่นคิด อยากเดินไปรอรับกลับบ้านแต่บางสิ่งกลับร่ำร้องให้เขากลับไปที่รถและออกไปจากที่แห่งนี้

     

     

    ...เหมือนมันพยายามจะบอกว่า...ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา...

     

     

    +_+_+_+_+ O = N = L = Y = M = E +_+_+_+_+

     

     

    “ หยุดเดี๋ยวนะ ตะวัน พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไปยุ่งกับคนบ้านนั้น ทำไมไม่ฟังพี่ ” ชายหนุ่มถามพลางกระชากแขนน้องชายให้หยุดเดินหนีและหันมาเผชิญหน้า

     

    “ พี่อาทิตย์ ผมโตแล้วนะ ผมจะคบหากับใครมันก็เรื่องของผม พี่ไม่มีสิทธิ์มาบังคับ ” คนเป็นน้องหันมาโต้เถียง

     

    “ แต่เราก็รู้ว่าบ้านนั้นมันมีแต่คนเลว โดยเฉพาะเม็ดทราย ”

     

    “ ผมไม่รู้ว่าพี่ไปเจออะไรมาบ้าง แต่สำหรับผม แก้มใสไม่ใช่คนไม่ดี! ” ตะวันหมุนตัวกลับและเดินหนีพี่ชาย 

     

    “ เลิกเดินหนีพี่เดี๋ยวนะปรก!! ” ชายหนุ่มกระชากแขนเล็กอย่างแรง ทำให้ร่างเล็กเซมาปะทะแผ่นอก

     

    “ คัท!!! ” เสียงผู้กำกับตะโกนเสียงดัง ทำให้นักแสดงนำทั้งสองคนสะดุ้ง

     

    “ ขอโทษครับพี่สันต์ ” สนรีบเอ่ยปากขอโทษ ก่อนจะหันไปมองหน้ารินแล้วสายตารู้สึกผิด แต่รินยิ้มให้น้อยๆเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

     

    “ ทำไมช่วงนี้ไม่มีสมาธิเลยห๊ะ? ไปๆๆ ไปสงบสติอารมณ์สัก 15 นาที พักๆๆ!!!

     

     

                ชายหนุ่มเดินไปทางห้องที่ถูกเซตให้กลายเป็นห้องพักนักแสดง วันนี้เขามาถ่ายละคร แม้ว่าปกติจะเน้นถ่ายแบบเป็นหลักและเล่นละครมาไม่กี่เรื่อง เขาก็ไม่เคยผิดพลาดบ่อยขนาดนี้ ร่างสูงหลับตาลงพลางยกมือขึ้นนวดคลึงบริเวณขมับ ก่อนจะลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีใครมานั่งลงข้างๆและพอเห็นว่าเป็นริน สนก็ขยับกายนั่งให้สุภาพมากขึ้น

     

     

    “ พี่ขอโทษนะริน ทั้งที่เป็นเรื่องแรกของรินแท้ๆ พี่กลับทำให้มันยุ่งยากมากกว่าเดิม ”

     

    “ ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่พี่สนเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมช่วงนี้พี่ดูแปลกไป ”

     

    “ แปลกไป? แปลกยังไง ”

     

    “ ก็หมู่นี้พี่ชอบใจลอย ขาดสมาธิ หงุดหงิดง่าย ” รินพูดแค่นั้นทั้งที่ความจริงอยากบอกด้วยว่าช่วงนี้สนพูดถึงปรกบ่อยกว่าชื่อของเขาเสียอีก

     

    “ งั้นเหรอ พี่ขอโทษนะ ” สนเอ่ยเบาๆ ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างพวกเขาครู่หนึ่ง ก่อนที่รินจะเป็นฝ่ายเปิดปากถามก่อน

     

    “ ทำไมพี่ถึงชอบรินเหรอ ” สนมองหน้าคนถามด้วยความแปลกใจแต่ก็ยอมเอ่ยบอกสาเหตุ

     

    “ มันไม่เชิงชอบหรอก ตอนนั้นพี่แค่ปลื้มเพราะรินน่ารัก เรียบร้อย อ่อนโยน เสียงเพราะ ตาหวาน ยิ้มสวย ยิ่งมอง พี่ก็ยิ่งอยากรู้จัก ยิ่งเห็นข่าวรินตามสื่อต่างๆก็ยิ่งปลื้มมากขึ้นเรื่อยๆ ”

     

    “ ปลื้มจนแอบเก็บของๆรินกลับบ้านแบบนั้น ไม่น่าปลื้มรินด้วยเหตุผลพวกนี้เลยนะ ” รินแซวขำๆ

     

    “ รินรู้ได้ยังไง อ่า...ปรกคงบอกสินะ ” สนยิ้มจางๆ

     

    “ พี่ไม่รู้สึกกลัวที่รินรู้ความจริงว่าพี่ทำตัวเหมือนพวกโรคจิตเหรอ ”

     

    “ กลัว?? ไม่นี่ รินกลัวพี่หรือเปล่าล่ะ ”

     

    “ ไม่ครับ แล้วพี่ชอบรินตอนไหนเหรอ ”

     

    “ อืม....ชอบเหรอ พี่เริ่มชอบรินจริงๆจังๆตอนที่พี่ป่วยมั้ง ไม่สิ ไม่ใช่มั้ง แต่มันใช่เลย ถึงพี่จะมองไม่เห็นแต่พี่ก็สัมผัสได้ว่าใครจริงใจ ทุกสัมผัสที่พี่ได้รับจากรินมันอ่อนโยน มันทำให้พี่มีความสุขทุกครั้งที่มีรินอยู่ข้างๆ คนอื่นก็ดูแลดีนะแต่ไม่มีใครเหมือนริน ”

     

    “ สรุปว่าพี่ชอบริน เพราะรินดูแลพี่ใช่ไหม ”

     

    “ อือ ใช่ ” ปรกระบายยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเมื่อนึกถึงวันเวลาเหล่านั้น ท่าทีของเขาทำให้รินตัดสินใจว่าควรบอกความลับให้ฟังสักที

     

    “ พี่สนไม่เอะใจอะไรบ้างเลยเหรอ ”

     

    “ หือ? เอะใจอะไร ”

     

    “ พี่ลองคิดในมุมของคนที่ไม่ได้ตาบอดดูนะ กันมีแฟนแล้ว พี่ก็เห็นว่าพี่โน่หวงแค่ไหน ขนาดวันเปิดตา พี่ยังแทบไม่ได้ใกล้กันเลย ปัณณ์ก็เข้ามาหาพี่นับครั้งได้ แทบไม่เคยอยู่ติดบ้านเพราะต้องทำโปรเจ็คจบ พี่คงรู้เพราะปัณณ์ไม่มีท่าทีคุ้นเคยกับพี่เลย ส่วนริน พี่ว่ารินฮอตไหม ”

     

    “ ห๊า? ก็เอ่อ....ใช่ ”

     

    “ อื้อ แล้วคนฮอตแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปดูแลพี่กัน? ” สิ้นคำพูดของริน สนก็นั่งทบทวนตามที่คนตัวเล็กบอกก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อประติดประต่อเรื่องราวได้

     

    “ รินอย่าบอกนะว่าที่ผ่าน..... ”

     

    “ ปรกเป็นคนดูแลพี่มาตั้งแต่ต้น เขาปลอมตัวเป็นคนอื่นเพื่อจะได้ดูแลพี่โดยไม่ทำให้พี่รำคาญใจ พี่มองไม่เห็น พี่คงไม่มีทางรู้ ”

     

    “ จริงเหรอริน ” สนถามเสียงแผ่วเบา รู้สึกสับสนและอึ้งไปหมด ไม่คิดฝันว่าสิ่งที่ตนเองเชื่อมาตลอดมันจะผิดขนาดนี้

     

    “ ครับ รินไม่เคยได้ดูแลพี่เลย มีแต่ถามสารทุกข์สุขดิบเท่านั้น คนที่อยู่ข้างพี่มาตลอดคือปรกไม่ใช่ริน ”

     

    “ ..... ” สนนิ่งอึ้ง หัวใจของเขาเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆกับความจริงที่ได้รับรู้

     

    “ เมื่อกี้นี้พี่บอกว่าชอบรินคนที่ดูแลพี่ตอนที่ป่วยใช่ไหม งั้นก็ไม่ใช่รินคนนี้แล้วล่ะครับ ” รินยิ้มก่อนจะลุกขึ้นเพื่อออกไปเตรียมตัวแสดงอีกครั้ง แต่เขาก็ชะงักเมื่อเห็นรุจยืนอยู่

     

    “ พี่กำลังจะมาตามพอดีเลย ” รุจเดินมาหารินพร้อมกับคว้ามือบางมากุมไว้แล้วยิ้มให้คนตัวเล็ก รินจึงยิ้มตอบกลับไปและกระชับมือหนาให้แน่นกว่าเดิม

     

    “ ..... ”

     

    “ สน พี่จะบอกอะไรให้อีกอย่างนะ คนเรามักรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แอบชอบเสมอ แต่เมื่อครู่นายกลับไม่รู้สึกอะไรเมื่อรินพูดถึงความลับของนาย แล้วคนเรามักไม่มีเหตุผลในการชอบใครสักคนหรอก ”

     

    “ ..... ”

     

    “ นายลองทบทวนดูดีๆนะ สาเหตุที่ทำให้อารมณ์ของนายแปรปรวน สาเหตุที่ทำให้หัวใจของนายเต้นผิดจังหวะ สาเหตุที่ทำให้นายขาดสมาธิทำงาน สาเหตุที่ทำให้นายว้าวุ่น ใครที่นายพูดถึงบ่อย ใครที่นายมองหาตลอดเวลา ใครที่ทำให้ใจของนายเพ้อพร่ำ ใครที่ทำให้นายคิดถึงและเจ็บปวดเวลาที่ห่างเหินกัน ใครที่ทำให้นายร้อนรนเมื่อเห็นเขาอยู่กับคนอื่น ”

     

    “ ..... ”

     

    “ ขอให้รู้ใจตัวเองเร็วๆนะก่อนที่จะเสียหัวใจของนายไป ” รุจพูดทิ้งท้ายก่อนจะพารินออกไป

     

    “ ปรก ” ร่างสูงพูดพึมพำก่อนที่รอยยิ้มกว้างจะแต่งแต้มเต็มใบหน้าหล่อเหลา

     

     

    ...หัวใจของเขา...แทบจะโบยบินไปหาเจ้าของหัวใจเสียเดี๋ยวนี้... 

     

     

    +_+_+_+_+ O = N = L = Y = M = E +_+_+_+_+

     

     

                วันต่อมา หลังจากทำงานจนเสร็จ สนก็รีบขับรถตรงมายังบ้านของฝาแฝด เขากล่าวทักทายทุกคนในบ้านอย่างอารมณ์ดีก่อนจะถามหาปรก ปัณณ์จึงบอกว่าปรกอยู่ในห้องทำงาน กันอาสาพาสนมาหาปรก ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกกำลังใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านในโดยมีกันส่งเสียงให้กำลังใจไล่หลังมา แน่นอนว่าเสียงของพี่ชายทำให้คนกำลังหมกมุ่นกับการเขียนแบบเงยหน้าขึ้นมอง

     

     

    “ นายอีกแล้วเหรอ บอกแล้วไงว่าไม่ให้มาที่นี่อีก ” ปรกโยนปากกาเขียนแบบทิ้งอย่างหงุดหงิด ร่างบางลุกจากโต๊ะทำงานเดินมายืนตรงหน้าสน

     

    “ ปรก ฟังพี่หน่อยได้ไหม ขอโอกาสให้พี่ได้พูดความในใจบ้าง ”

     

    “ ฉันไม่อยากฟังคำขอโทษของนายอีกแล้ว ออกไปนะ ”

     

    “ พี่ไม่ไป จะอยู่ตรงนี้จนกว่าจะพูดในสิ่งที่พี่อยากพูดจบ ”

     

    “ งั้นฉันไปเอง!! ” ปรกเดินตรงไปยังประตู แต่พอหมุนลูกบิดมันกลับเปิดไม่ออก

     

    “ เขย่าให้ตายมันก็ไม่หลุดหรอกปรก ” เสียงตะโกนดังมาจากอีกฝั่งของประตู

     

    “ เปิดเดี๋ยวนี้นะกัน!!

     

    “ ไม่เปิด ถ้าวันนี้คุยกับพี่สนไม่จบก็ไม่ต้องออกมาจากห้อง!! ” กันตอบกลับก่อนจะเดินลงส้นเท้าดังๆเพื่อให้ปรกรู้ว่าเขาไม่ได้รออยู่หน้าห้องอีกแล้ว

     

    “ กัน!! ไอ้ตัวแสบ อย่าให้หลุดไปได้นะ!!! จะจับผูกโบว์ใส่พานถวายให้พี่โน่ปล้ำ 3 วัน 3 คืนพร้อมยาปลุก 10 เม็ดเลย!!! ” ปรกเตะประตูแรงๆเพื่อระบายความหงุดหงิด พอหันมามองสนเขาก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดี

     

    “ ตกลงจะฟังพี่ได้หรือยัง ”

     

    “ ก็พูดมาสิ ” ปรกยอมฟังเพื่อที่จะได้ไม่ต้องอยู่กับสนนานไปกว่านี้ ร่างบางเดินไปนั่งที่โต๊ะตามเดิมและหยิบน้ำมาดื่มเผื่อจะช่วยให้ใจเย็นขึ้น

     

    “ พี่ชอบปรก ”

     

     

    พรวด!!!

     

     

    “ แค่กๆๆ มะ...เมื่อกี้...แค่กๆ...ว่าไงนะ?? ” ปรกสำลักน้ำ มือบางรีบหยิบทิชชู่มาซับน้ำที่เปื้อนแบบพลางไอไม่หยุด

     

    “ พี่ชอบปรก ไม่สิ...พี่รักปรก ”

     

    “ จะบ้าเหรอ! ฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย!! แล้วนายก็ชอบริน อย่ามามั่ว!!! ” ปรกชี้หน้าด่าสน

     

    “ พี่ไม่ได้ชอบรินแล้ว ”

     

    “ ตลก วันนั้นนายยังร้องครางแต่ริน ริน ริน รินของพี่ ฟังแล้วชวนประสาทเสีย! แล้วจู่ๆมาบอกว่าไม่ได้ชอบริน มันเร็วไปไหมไอ้เจ้าชายน้ำแข็ง!

     

    “ ปรก พี่ไม่ได้ชอบริน จริงอยู่ว่าครั้งหนึ่งพี่เคยปลื้มเขามาก มันก็แค่ปลื้ม แต่คนที่พี่หลงรัก คือ คนที่ดูแลพี่ตอนที่พี่ป่วยและเพราะพี่มองไม่เห็น พี่จึงเข้าใจว่าคนที่ดูแลพี่เป็นริน มันทำให้พี่คิดว่าตัวเองรักริน แต่มันไม่ใช่ พี่รู้ความจริงจากรินหมดแล้ว ”

     

    “ ..... ”

     

    “ คนที่ดูแลพี่มาตลอดคือปรกไม่ใช่ริน ดังนั้นคนที่พี่รักก็คือปรกไม่ใช่รินเช่นกัน ”

     

    “ ไม่ใช่เพราะว่ารินปฏิเสธมาหรือไงถึงมาบอกรักฉันเพื่อหา...ตัวแทน!

     

    “ ไม่ใช่นะปรก พี่ไม่เคยมองว่าปรกเป็นริน ”

     

    “ แต่วันนั้น... ”

     

    “ พี่เมาไง เพราะว่าเมาจึงเข้าใจผิดว่าตัวเองกอดริน พี่ขอโทษจริงๆสำหรับวันนั้น ” สนมองปรกด้วยสายตาสำนึกผิดจากใจจริง มันทำให้คนมองหวั่นไหวจนเกือบใจอ่อน

     

    “ ช่างมันเถอะ ก็ไม่ได้แคร์อะไรมากมาย ฉันเป็นผู้ชาย ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว ”

     

    “ ปรก ให้โอกาสพี่ได้ไหม เริ่มต้นเรื่องของเราใหม่ พี่รู้ว่าปรกก็รู้สึกไม่ต่างจากพี่เท่าไรหรอก ”

     

    “ เพ้อเจ้อ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย!

     

    “ ใช่ ปรกไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ปรกชอบพี่ พี่รู้ เพียงแค่ว่าปรกยังไม่รู้ใจตัวเอง ”

     

    “ ไอ้หลงตัวเอง เอาอะไรมาตัดสินว่าฉันชอบนาย ”

     

    “ ทุกอย่างนั่นแหละ ปรกยอมให้พี่กอดทั้งที่ความจริงแล้วปรกสามารถชกพี่จนน่วมได้เลย ปรกยอมอ่านหนังสือยอมเล่านิทานให้พี่ฟังทั้งที่ปรกไม่ชอบ ปรกยอมดูแลพี่ทั้งที่ปกติปรกไม่เคยแคร์ใครอยู่แล้วถ้าคนนั้นไม่สำคัญพอ ปรกยอมทนทำอะไรที่ไม่ชอบเพื่อพี่ พี่สัมผัสได้ว่าปรกทำด้วยใจและเพราะแบบนั้นพี่จึงหลงรักคนที่ดูแลพี่ ” สนเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงาน มือหนาวางทาบไปบนมือบางแต่ปรกกลับชักออกและผุดลุกขึ้นยืน

     

    “ ฉันก็แค่ต้องการรักษาภาพพจน์ ไม่อยากให้ใครมองว่าทำคนบาดเจ็บแล้วยังไม่มีความรับผิดชอบอีก ” ปรกจะเดินหนีไปอีกทางเพื่อรักษาระยะห่างแต่สนกลับรั้งแขนเอาไว้ คราวนี้สะบัดยังไงก็ไม่หลุด

     

    “ ถ้าปรกแคร์ภาพพจน์ตัวเองคงไม่รับจ้างขโมยของชาวบ้านหรอก -_-

     

    “ นี่มาง้อหรือมาแขวะ -*-

     

    “ ง้อสิ ปรก...หายโกรธพี่เถอะนะ พี่รักปรกจริงๆ เชื่อพี่เถอะนะ เริ่มต้นกันใหม่ จะไม่ทำให้เสียใจอีกแล้ว จะดูแลปรกให้ดี พี่ขอโทษที่รู้ตัวช้า ไม่เคยรู้ว่ารักใครจนเสียปรกไป แต่วันนี้พี่รู้ใจตัวเองแล้ว พี่จึงอยากขอโอกาสแก้ตัวใหม่ ให้พี่จีบปรกอีกครั้งได้ไหม ” สนมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเว้าวอน แววตาของเขากำลังหลอมละลายกำแพงในใจปรกให้จางหาย 

     

    “ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย ” ปรกเสสายตามองไปทางอื่น

     

    “ พี่ก็ไม่ได้ชอบผู้ชายแต่พี่แค่ชอบปรก แล้วคนที่พี่ชอบมันดันเป็นผู้ชายก็แค่นั้น ปรก... ความรักมันไม่แบ่งเพศหรอกนะ ในเมื่อรักแล้วย่อมคือรัก ไม่ต้องหาเหตุผลมายืนยัน รักก็คือรัก ไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมารองรับทั้งนั้น พี่รักปรกจริงๆนะ ขอโอกาสให้พี่ได้ไหมครับ ” สนยื่นมือมากุมมือบางไว้อีกครั้ง มองสบดวงตากลมโตเพื่อถ่ายทอดความจริงใจทั้งหมดที่มีให้ปรกได้รับรู้

     

     

                ปรกมองสนนิ่งพลางครุ่นคิดไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่สนจะบุกเข้ามาในห้อง ตอนนั้นเขาอยู่กับปัณณ์ น้องชายของเขาก็ถามเขาเรื่องสนว่าเมื่อไรจะใจอ่อน

     

     

    เขาตามตื้อขนาดนี้แล้ว ยังคิดว่าเขาชอบรินอีกเหรอ

     

     

                ใช่....เขาดูออก เขารู้ เขาไม่ได้โง่ที่จะมองไม่ออกว่าสนกำลังชอบตนเอง แต่เขากลัวว่ามันไม่ใช่ของจริง กลัวว่าสนจะมองเขาเป็นตัวแทนของรินเหมือนคืนนั้น เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมต้องกลัว เขาไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด รู้เพียงแค่ว่าเขาเกลียดการเป็นตัวแทนของใคร โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง มันเจ็บยิ่งกว่ามีคนทักผิดเสียอีก ไม่มีใครยินดีที่จะให้คนอื่นกอดโดยที่เขามองเห็นเราเป็นอีกคนหรอก

     

     

    ให้โอกาสเขาเถอะนะ ถือซะว่าเป็นการให้โอกาสตัวเองด้วย

     

     

                ปัณณ์บอกว่าเขาชอบสน แม้เขาจะเถียงหัวชนฝาเท่าไร แฝดน้องก็หาเหตุผลมาหักล้างคำพูดของเขาได้หมด แต่จะให้เขารักกับเพศเดียวกัน มันทำใจลำบาก เขาไม่เคยมีความคิดจะรักผู้ชายสักนิด นอกจากเพื่อนสนิทและพี่น้องแล้ว เขาไม่เคยมีใจให้ผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น การจะยอมรับความรู้สึกของสน มันจึงเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับเขาเกินไป หมอนั่นเป็นผู้ชาย เขาก็เป็นผู้ชาย...จะรักกันยังไง? 

     

     

    ปรกลองโยนคำว่าเพศเดียวกันทิ้งไปดูบ้างไหม ถ้ามัวแต่ยึดติดกับสิ่งนี้ ปรกก็ต้องว้าวุ่นใจแบบนี้ไปตลอด ปัณณ์เชื่อนะว่าปรกรู้ตัวดีว่าตัวเองเปลี่ยนไป ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองหน่อย ปรกอย่ากักขังตัวเองไว้แบบนี้เลยนะ ปล่อยให้หัวใจมันมีอิสระบ้าง ลองเปิดใจให้พี่สนดูบ้าง ปัณณ์ว่ามันไม่เสียหายหรอก

     

    .....

     

    ความรักมันย่อมมีความเสี่ยงเป็นของคู่กันเสมอ ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบหรอก วันนี้ทุกข์ พรุ่งนี้อาจจะสุขก็ได้ ใครมันจะไปรู้ล่ะจริงไหม ปรกชอบเรื่องท้าทายไม่ใช่เหรอ ไม่ลองเสี่ยงกับมันหน่อยหรือไง

     

    .....

     

    คิดดีๆนะ ความรักมันไม่ได้มาทักทายเราบ่อยนักหรอก

     

     

                นั่นสิ ความรักมันไม่ได้ผ่านมาบ่อย เขาควรจะปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้จริงๆเหรอ แล้วถ้าเหตุการณ์เดิมๆเกิดซ้ำอีกล่ะ ถ้ารินเกิดเลิกกับพี่รุจแล้วสนจะยังคงรักเขาเหมือนเดิมไหม จะเปลี่ยนใจไปหารินหรือเปล่า ในเมื่อเขาไม่มีอะไรเทียบกับรินได้เลย

     

     

    “ ปรก เป็นอะไรหรือเปล่า ” เสียงเรียกของสนทำให้ปรกหลุดจากภวังค์

     

    “ ปะ..เปล่า ไม่เป็นอะไร ”

     

    “ ปรก ให้โอกาสพี่เถอะนะ เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง พี่จะจีบปรกให้ได้ ”

     

    “ แต่ฉันไม่ใช่รินนะ ไม่มีอะไรเหมือนรินสักอย่าง ไม่ได้เรียบร้อย ไม่ได้อ่อนหวาน ไม่ได้น่าทะนุถนอม ไม่ได้ร้องเพลงเพราะ ไม่ได้เรียนเก่ง ไม่ได้ใสซื่อแบบนั้น ฉันชอบใช้กำลัง ปากเสีย ไม่ห่วงภาพพจน์ตัวเอง ไม่แคร์ใคร ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง บ้าเงินด้วย ความสามารถพิเศษแบบมิจฉาชีพก็มีพร้อม นายรับได้เหรอ ”

     

    “ รับได้สิ ก็ทุกอย่างที่ปรกพูดมา พี่เจอมันมาตลอดก่อนที่พี่จะตาบอด -_-

     

    “ นาย...!!

     

    “ แต่ถึงปรกจะเป็นแบบนั้น พี่ก็ยังอยู่กับปรกตลอดนี่ พี่รับได้ ทุกอย่างที่เป็นปรก พี่รับได้หมด เพราะนั่นคือปรก...ปรกที่เป็นตัวเอง...เป็นในแบบที่ตัวเองเป็นมาตลอด ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรทั้งนั้น เพราะพี่จะเปลี่ยนตัวเองและเข้าไปในโลกของปรกแทน ขอโอกาสให้คนโง่ๆแบบพี่สักครั้งนะครับ ”

     

     

                ผ่านไปหลายนาที ปรกยังคงนิ่งเงียบ ร่างบางเบือนหน้าไปทางอื่นและไม่พูดอะไรออกมาอีก ความนิ่งเฉยของปรก ทำให้คนมองเจ็บแปลบอีกครั้ง เขายกยิ้มสมน้ำหน้าตัวเองก่อนจะปล่อยมือปรกช้าๆ การกระทำของเขาเรียกสายตากลมโตให้มองกลับมาด้วยความงุนงง

     

     

    “ มันคงเร็วไป ปรกคงไม่พร้อม ไว้พี่จะมาใหม่นะ แต่อยากให้รู้ว่าทุกสิ่งที่พี่พูดมันคือความจริงทุกคำ พี่ไม่ได้มองปรกว่าเป็นตัวแทนของใคร ไม่ได้รักที่ปรกเหมือนรินหรือเหมือนคนอื่น แต่รักที่ปรกเป็นปรก รักแค่ปรกเท่านั้น ถึงจะรู้ตัวช้า แต่ก็รักปรกจริงๆ ” สนยิ้มบางๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางประตูห้อง

     

    “ เรียนจบ... ”

     

    “ หือ?? ” สนหันมาเมื่อได้ยินเสียงของปรกเอ่ยขึ้น ร่างบางยังคงเมินมองไปทางอื่น หากแต่ริมฝีปากกำลังพูดกับเขาอยู่

     

    “ ฉันให้เวลานายจนกว่าฉันจะเรียนจบ ถ้าวันนั้นมาถึง แล้วนายยังจีบไม่ติดก็ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก แต่ถ้าวันนั้นนายทำให้ฉันยอมรับนายได้ เราค่อยมาเป็นแฟนกัน แบบนี้ตกลงหรือเปล่า ” ปรกถามเสียงแผ่วเบา ดวงหน้าหวานแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด

     

    “ หมายความว่าปรกให้โอกาสพี่แล้วใช่ไหม ”

     

    “ ถ้าไม่เข้าใจก็ไปไกลๆเลย!! ” ปรกทำเสียงหงุดหงิดกลบเกลื่อนก่อนจะต่อสายไปหากันเพื่อบอกว่าคุยเสร็จแล้วแต่เมื่อหันกลับมา สนก็วิ่งพุ่งเข้ามาอุ้มเขาจนตัวลอย

     

    “ เฮ้ย.........ปล่อยนะ!! ” สนยอมวางปรกลงแต่ยังคงกอดเอวบางไว้เหมือนเดิม แววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขทำให้คนถูกมองเขินอีกครั้ง

     

    “ พี่ดีใจที่สุดเลยปรก ”

     

    “ รู้แล้วน่า ปล่อยได้แล้ว ฉันจะทำการบ้าน นายจะไปไหนก็ไปเลย ” สนยอมปล่อยปรกออกจากอ้อมกอด อยากเห็นหอมขมับบางสักฟอดแต่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเหวี่ยงกระเด็น แต่มาสะดุดตรงบางคำนี่แหละ

     

    “ ขออย่างหนึ่งได้ไหม ” สนเอ่ยขึ้น

     

    “ ขออะไร ”

     

    “ ช่วยเรียกพี่ว่า พี่สน แทนคำว่า นาย ได้ไหม แล้วก็แทนตัวเองว่า ปรก ได้หรือเปล่า ”

     

    “ เมื่อกี้บอกว่าอะไรนะ ”

     

    “ เอ่อ......เอาเถอะ จะเรียกอะไรก็ตามสบายเลย จะเรียก ไอ้สน พี่ก็รับได้ ” สนมีสีหน้าเจื่อนลง เขามองไปทางอื่นอย่างวางตัวไม่ถูก

     

    “ พี่สน... ”

     

    “ หือ??? ” สนหันขวับมามองคนตัวบางด้วยคิดว่าหูฝาดหรือเปล่า

     

    “ พี่สนกลับบ้านไปก่อนนะ ปรกจะทำการบ้าน ” ปรกพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดูก็รู้ว่าอายขนาดไหน

     

    “ ขอบคุณนะปรก รับรองว่าพี่จะจีบปรกให้ติดก่อนวันรับปริญญาแน่ๆ ”

     

    “ อืม แล้วปรกจะคอยดูว่าพี่มันจะมีน้ำยาสักแค่ไหนกัน ” ปรกยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินกลับไปนั่งทำการบ้านโดยมีสายตาของสนคอยมองตาม

     

     

                จนกระทั่งเสียงคลายล็อคดังขึ้น สนบอกลาปรกแล้วเดินออกไปจากห้องก่อนที่ประตูจะปิดลงตามเดิม เมื่อนั้นปรกจึงละสายตาจากงานตรงหน้าและมองไปทางประตูแทน เขานึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาก่อนจะอมยิ้มน้อยๆและเริ่มตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองต่อไป

     

     

    ...เรื่องระหว่างเขากับสน...คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามกาลเวลา...     

     

    ...ไม่ต้องเร่งรีบ...ค่อยๆเรียนรู้...ให้มันเติบโตช้าๆ...

     

    ...รอจนกว่าจะแน่ใจแล้วว่า...เรารักกัน... 

     

     

    =+=+=+=+=+=+= THE END =+=+=+=+=+=+=

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×