คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Only Me [SonProck] 2/3
#2#
“ นี่...ไม่หิวข้าวเหรอ ” เสียงหวานถามขึ้นพลางจ้องมองคนที่เอาแต่ยืนทำ
MV เหม่อมองต้นไม้ใบหญ้าอยู่ข้างหน้าต่างห้องนอน
“ ..... ”
“ หมอบอกว่านายแค่ตาบอด แล้วปากบอดไปด้วยตั้งแต่ตอนไหนกัน ”
เจ้าตัวแสบแกล้งหยอกแต่พอเห็นแววตานั้นเครียดขึงขึ้นเขาก็ยกมือตบปากตัวเองเบาๆที่เผลอพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไป
“ ..... ”
“ เอ่อ...ฉันขอโทษ ฉันปากไวไปนิดหน่อย ”
“ ..... ”
“ นี่...ทานข้าวเถอะน่า วันนี้รินไปทำงาน
ต่อให้ประท้วงยังไงหมอนั่นก็ไม่กลับมาป้อนข้าวป้อนน้ำนายตอนนี้หรอก ถ้านายอดมื้อกินมื้อแบบนี้แล้วจะทานยาได้ยังไงและถ้าไม่ทานยาก็ไม่หายด้วย
อยากตาบอดไปตลอดชีวิตเหรอ โตแล้วนะ หัดแยกแยะบ้างว่าอะไรควรทำหรืออะไรไม่ควรทำ ”
“ พูดถึงนิสัยตัวเองอยู่หรือไง ”
“ ฉันพูดเรื่องของนายอยู่นะ อย่ามาเนียนว่าคนอื่น
แล้วนายโตกว่าฉันตั้งหลายปี ฉันยังเด็ก ดังนั้นฉันไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น ”
ปรกทำปากคว่ำ ทั้งที่เห็นนั่งเงียบเป็นเป่าสากมานานแต่พออ้าปากปุ๊บ
มันก็กัดเขาปั๊บ!!
“ เด็กนรก ” แน่นอนว่าปรกได้ยินชัดแจ๋ว ร่างบางข่มความหงุดหงิด
พยายามใจเย็นก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง
“ เฮ้อ ทานข้าวเถอะน่า ถ้านายทำตัวแบบนี้ รินจะลำบากใจนะ
ชอบรินไม่ใช่เหรอ ”
“ นายรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบริน ”
“ ฉันเจอกล่องลับโรคจิตของนายไง
ตอนแรกก็ทำใจลำบากนะแต่ความรักมันห้ามกันไม่ได้ รินก็น่ารัก ไม่แปลกใจที่จะมีผู้ชายมาชอบ
ถ้านายทำตัวดีๆ ฉันอาจรับไว้พิจารณาในฐานะน้องเขย ”
“ เงียบไปซะ แล้วอย่าปากโป้ง ไม่เช่นนั้นฉันหายเมื่อไร นายไม่รอดแน่
”
“ โอ๊ย ให้มันหายก่อนแล้วค่อยขู่เถอะ มาทานข้าวสักที
ฉันจะได้ไปทำรายงาน ”
“ รินบอกว่านายสำนึกผิดเลยอยากดูแลฉัน แต่ฉันไม่เห็นรู้สึกเลยว่านายสำนึกผิด
ยิ่งรู้สึกว่านายแค่ทำส่งๆ ”
“ ไอ้....หึย! ” ปรกหงุดหงิดมากกว่าเดิม
เขาเดินไปใกล้ร่างสูงที่นั่งรถเข็นอยู่
ก่อนจะวางชามข้าวลงบนโต๊ะเล็กและเข็นร่างสูงมานั่งใกล้ๆ
“ จะผลักฉันตกบันไดแล้วบอกว่าเป็นอุบัติเหตุสินะ ”
“ ตอนแรกไม่คิดนะ ตอนนี้เริ่มคิดแล้ว หยุดพูดแล้วกินๆให้ตายไปเลยไป๊!!! ”
“ โอ๊ย!!!!!!!!!!!!! ” สนร้องลั่นเมื่อปรกยัดข้าวต้มร้อนๆใส่ปากนอกจากนั้นสนยังไม่ได้อ้าปากรับด้วยซ้ำ!!
ปัง!!
“ พี่สนเป็น..............ปรก!!! ”
เป็นกันที่วิ่งเข้ามาภายในห้อง
“ เอ่อ.........เขาพยายามป้อนข้าวเองแต่ปรกไม่ยอม
แย่งกันไปมาเลยหกใส่เขาน่ะ ” ปรกแถ
“ เชื่อก็โง่แล้ว อย่าชวนพี่สนทะเลาะบ่อยนักสิ พี่เขาไม่สบาย
นายควรดูแลดีๆไม่ใช่หาเรื่องแบบนี้นะ ”
กันสาวเท้ามาใกล้สนและช่วยเช็ดคราบเลอะบนกางเกง
“ ก็เขาไม่ให้ความร่วมมือนี่
เอะอะก็รอรินๆจนปรกอยากปลอมเป็นรินให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ”
“ นายก็ทำอยู่ทุกวัน ”
“ กัน! ”
“ อุ๊บ!! ” กันรีบปิดปากตัวเองเมื่อเผลอพูดเรื่องสำคัญออกมา
“ พวกนายพูดเรื่องอะไร ใครทำอะไรทุกวัน ” สนถามด้วยความแปลกใจ
“ เปล่า ไม่มีอะไร พี่สนทานข้าวเถอะ ถ้ารำคาญปรก เดี๋ยวกันป้อนเองนะ
” กันอาสาแต่กลับยื่นชามข้าวต้มส่งให้ปรก ร่างบางเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้
“ อืม ” สนรับคำอย่างว่าง่าย อย่างน้อยกันก็ดีกว่าเด็กกวนประสาทแบบปรก
“ ค่อยๆทานนะครับ ”
กันเอ่ยขึ้นก่อนที่ปรกจะค่อยๆเป่าข้าวต้มให้หายร้อนและป้อนชายหนุ่มทีละคำ
สนย้ายมาอยู่บ้านฝาแฝดได้อาทิตย์กว่าแล้วตามข้อตกลงของผู้จัดการส่วนตัวของเขาและผู้จัดการของรินโดยอาศัยห้องเดียวกับปรก
ตารางงานถูกยกเลิกทั้งหมดโดยอ้างว่าเตรียมตัวรับงานต่างประเทศซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาแจ้งครอบครัวของสนแบบนี้เช่นกัน
ช่วงแรกเขาซึมเศร้าเพราะกลัวว่าจะมองไม่เห็นอีกแต่เมื่อได้ฟังคำพูดให้กำลังใจจากหมอ
เขาก็เริ่มทำใจยอมรับอาการป่วยของตนเองได้
ในระยะแรก
ปรกเป็นคนดูแลเขาเพราะรู้สึกผิด เขาอาละวาดใส่ปรกไม่หยุดจนรินต้องเป็นฝ่ายเข้ามาดูแลแทน
ความอ่อนโยนของรินยิ่งทำให้ชายหนุ่มประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆ วันไหนที่รินไม่อยู่
กันกับปัณณ์ก็จะสลับกันมาดูแลเขา แต่หากไม่มีใครอยู่เลย ปรกก็จะมาดูแลแทน
แน่นอนว่าปะทะคารมกันตลอดเวลา นั่นทำให้สนไม่ต้องการให้ปรกเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของตน
แต่หารู้ไม่ว่าความจริงแล้วคนที่ดูแลเขามาตลอดนั่นคือ...ปรก
ส่วนรินมาช่วยเป็นครั้งคราวเท่านั้น ที่พวกเขาต้องปลอมตัวเพราะจะได้ดูแลสนง่ายขึ้น
หากให้อยู่กับตัวตนที่แท้จริงของปรกคงตีกันตายก่อนหายป่วยแน่ๆ
“ กลับมาแล้วครับ ” เสียงของรินดังขึ้นพร้อมประตูห้องที่ปิดลงแผ่วเบา
“ กลับมาแล้วเหรอริน ”
สนยิ้มระรื่นจนคนที่เพิ่งป้อนข้าวต้มเสร็จเห็นแล้วหงุดหงิดใจแต่จะอาละวาดก็ทำไม่ได้เพราะกันคอยจับตามองอยู่
“ วันนี้พี่สนทานข้าวทานยาครบไหมครับ ”
รินถามพลางเดินมานั่งข้างๆรถเข็น
“ ครบสิ เหลือยาหลังอาหาร กันหยิบให้พี่หรือยัง ” ประโยคหลังสนถามกัน
“ เสร็จแล้วครับ ” กันเอ่ยขึ้นในขณะที่ปรกวางเม็ดยาลงบนฝ่ามือหนา สนส่งยาเข้าปากและดื่มน้ำตาม
“ พี่สนจะอาบน้ำเลยไหมครับ มืดแล้วจะได้พักผ่อนเสียที ”
รินพูดพลางทำตาดุเล็กน้อยใส่ปรกที่ทำหน้างอ เขารู้ว่าพี่ชายฝาแฝดไม่ชอบอาบน้ำให้สน
เจ้าตัวอ้างว่ากลัวตัวเองเปียก แต่เขาว่ามันเพราะปรกอาย
“ ดีเหมือนกันนะ ” สนยิ้มรับ
“ งั้นกันกับปรกไปก่อนนะครับ ” กันเอ่ยขึ้นแต่กลับคล้องแขนรินไว้
“ อืม รีบพาไปเลยก่อนที่พี่จะฝันร้าย ”
“ ไอ้.... ”
“ ปรก...! ” กันหยิกแขนเจ้าตัวดีเบาๆก่อนจะชี้หน้าปรกคาดโทษแล้วจึงพารินเดินกลับออกไป
ปรกถอนหายใจก่อนจะเข็นรถของสนไปทางห้องน้ำ
เขาประคองร่างสูงให้ลุกขึ้นยืนและเริ่มปลดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น
ใบหน้าหวานขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อเห็นกล้ามเนื้อตามร่างกายของร่างสูง
นึกอิจฉาที่ตนเองไม่มีแบบนี้บ้าง
มือเรียวหยุดชะงักเมื่อเลื่อนถึงชิ้นส่วนสำคัญและดูเหมือนว่าคนตาบอดจะรู้สึกเก้อเขินเช่นกันจึงรีบเอื้อมมือมาจับชั้นในไว้เสียเอง
“ ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่พี่ไม่ชินจริงๆ
เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่อาบเองก็ได้ พอจะจำได้ลางๆว่าต้องเอื้อมมือไปตรงไหนบ้าง รินแค่คอยส่งของที่พี่จำเป็นต้องใช้ให้พี่ก็พอ
”
“ ครับ ” ปรกรับคำ
ร่างบางพาร่างสูงเดินเข้าไปในส่วนของห้องอาบน้ำ
เขาเปิดฝักบัวและส่งให้ร่างสูงแล้วจึงยืนหันหลังให้
หัวใจดวงน้อยเต้นรัวจนอยากตะโกนดังๆ
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโรคจิตตามร่างสูงมากเข้าไปทุกที เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาที่แสดงเป็นตัวเองถึงไม่เคยมีความรู้สึกใจเต้นแปลกๆแบบนี้แถมร่างสูงก็เอาแต่ชวนทะเลาะ
แต่พอปลอมเป็นริน ความอ่อนโยนและสุภาพบุรุษของสนก็ทำให้จังหวะหัวใจของเขาผิดไปทุกครั้ง
...บางทีก็อิจฉารินที่มีแต่คนคอยรักคอยทะนุถนอมเสมอ...
“ ริน ส่งผ้าเช็ดตัวให้พี่หน่อย ”
“ ห๊ะ? เฮ้ย!! ”
ปรกร้องลั่น
เพราะเขาหมุนตัวเร็วเกินไปทำให้ลื่นจะหงายหลังและเท้าก็เผลอไปเตะน่องของร่างสูงจนสนเสียหลัก
ร่างสูงเซมาทางร่างบาง
ปรกรีบรับร่างหนาเอาไว้แต่เพราะขนาดตัวที่ต่างกันมากทำให้ปรกเสียหลักล้มลงกับพื้นโดยมีสนทับอยู่ด้านบน
ใบหน้าหล่อเหลาซุกลงบนซอกคอหอม
กลิ่นแป้งเด็กของปรกทำให้ร่างสูงเคลิบเคลิ้มเล็กน้อย
เขาสูดกลิ่นนั้นเข้าเต็มปอดแต่แล้วแรงดันจากด้านล่างก็ทำให้เขารู้สึกตัว
“ ริน พี่ขอโทษ เจ็บตรงไหนไหม ” เมื่อตั้งสติได้
สนก็รีบยันร่างลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เขาถามอาการของปรกด้วยความเป็นห่วง
มือหนาคลำไปตามตัวร่างบางอย่างไม่คิดอะไร
“ เอ่อ...พี่สนปล่อยเถอะ รินไม่ได้เป็นอะไร ”
แต่เพราะสายตาที่มองไม่เห็นทำให้มือหนาควานสะเปะสะปะจนปรกต้องรีบจับมือนั้นให้หยุด
เพราะเขากลัวว่ามันจะคลำเลยเถิดไปมากกว่านี้
“ งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะ พี่ขอโทษนะที่ทำให้รินล้ม ”
“ ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ
รินผิดเองที่ไม่ระวังจนเผลอทำให้พี่ล้มตามมาด้วย ”
“ ไม่เป็นไรหรอก แต่ตอนนี้พี่ว่าเรารีบพาพี่ไปแต่งตัวดีกว่า
อยู่แบบนี้นานๆมันคงไม่ดี ”
“ อ่า....ครับ ” ปรกรับคำหน้าร้อนฉ่า
เพราะร่างสูงไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น
ร่างบางประคองร่างสูงออกมาแต่งกายด้านนอกห้องน้ำ
ส่วนตนเองก็กลับเข้าไปจัดห้องน้ำให้เป็นระเบียบดังเดิม
จากนั้นจึงออกมาพาร่างสูงเดินกลับไปยังเตียงนอน
สนล้มกายลงนอนโดยมีปรกคอยห่มผ้านวมให้
ร่างบางนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างเตียงก่อนจะเอ่ยปากถาม
“ พี่สนอยากทำอะไรก่อนนอนไหม ”
“ อืม....ช่วงนี้พี่เบื่อๆ รินเล่านิทานให้พี่ฟังได้ไหมครับ ” ปรกแทบไม่อยากเชื่อว่าคนวัยนี้จะมาอ้อนให้เขาเล่านิทานให้ฟังแบบนี้แต่ก็ยอมทำตาม
ปรกหยิบไอแพดมาเปิดหานิทานที่น่าสนใจ
ไม่นานปรกก็เลือกนิทานมาเรื่องหนึ่ง
เขาเล่าให้สนฟังด้วยน้ำเสียงที่ดัดแปลงให้เหมาะสมตามตัวละครสร้างความเพลิดเพลินให้ร่างสูงไม่น้อย
เช่นเดียวกับคนเล่านิทานที่ยิ่งเล่ายิ่งใส่อารมณ์ร่วมไปด้วยก็ยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นภายในห้องจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะจนกระทั่งสนให้สัญญาณว่าปรกควรหยุดอ่านได้แล้ว
“ พี่สนง่วงแล้วเหรอครับ ”
“ อือ ง่วงแล้ว วันนี้รินนอนกับพี่ได้ไหม พี่ไม่อยากนอนคนเดียวเลย ”
ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
แม้สายตาคู่นั้นจะมองไม่เห็นแต่กลับดูหวานเยิ้มจนคนฟังอดหน้าร้อนแปลกๆไม่ได้
“ พี่ก็ไม่ได้นอนคนเดียวนี่ครับ เดี๋ยวปรกก็มานอนด้วย ”
ปรกแอบเบ้ปากใส่สนด้วยความหมั่นไส้ ตาก็มองไม่เห็นยังคิดที่จะนอนกับน้องเขาอีก
ฝันไปสิ -*-
“ ไม่เอาหรอก เด็กบ้าอะไรก็ไม่รู้พูดถึงทีไรขึ้นทุกที ” สนพูดเรียบๆ
สีหน้าแสดงความรำคาญจนคนมองอึ้ง
“ พี่สนรำคาญปรกขนาดนั้นเลยเหรอครับ ” ถามออกไป ในใจรู้สึกหน่วงแปลกๆ
“ มันก็ไม่เชิงรำคาญหรอก ถ้าหมอนั่นไม่กวนก็ไม่รำคาญ
ยิ่งถ้าทำตัวน่ารักเหมือนรินได้ พี่ยิ่งชอบเลย ”
“ ถึงปรกกับรินจะเป็นแฝดกัน เราก็ไม่มีทางเหมือนกันไปซะทุกอย่างหรอก
พี่สนไม่คิดบ้างเหรอว่าความจริงแล้วคนที่ดูแลพี่มาตลอดเป็นปรก พี่มองไม่เห็น พี่จะรู้ได้ยังไงว่าใครกันแน่ที่ดูแลพี่
”
“ รู้สิ ถ้าเป็นปรก ป่านนี้พี่โดนต่อยตั้งแต่ตอนล้มทับในห้องน้ำแล้ว
แถมปรกก็ไม่ชอบอ่านหนังสือ เขาอ่านแล้วจะง่วงนอน เวลาที่เขาไปคอนโด
พี่ถึงชอบแกล้งให้อ่านหนังสือหลังทำความสะอาด เขาจะได้หมดฤทธิ์หมดเดช
อ่านทีไรเด็กนั่นหลับเป็นตายทุกที ”
สนยกยิ้มเมื่อถึงเจ้าตัวแสบที่ชอบป่วนห้องเขาประจำ รอยยิ้มของเขาทำให้ปรกรู้สึกแปลกๆในอกอีกครั้ง
“ ทำไมถึงอยากให้ปรกหลับล่ะ
รินนึกว่าพี่อยากให้ปรกรีบกลับไปเร็วๆซะอีก ”
“ ก็เวลาเด็กนั่นหลับ แล้วมันน่า........... ” จู่ๆสนก็ชะงักไป
ไม่ยอมพูดอะไรอีก
“ ทำไมไม่พูดต่อล่ะครับ น่าอะไร ” ปรกถามพลางขมวดคิ้วเล็กๆ
พร้อมหาเรื่องเต็มที่
“ ไม่มีอะไรหรอก เอาเป็นว่าคืนนี้นอนกับพี่นะริน ”
ในเมื่อไม่อยากเล่า ปรกก็ไม่เซ้าซี้
“ มันคงไม่ดีเท่าไร รินมีงานเช้าด้วย กลัวจะกวนพี่สนเปล่าๆ ”
“ ไม่กวนหรอก นอนกับพี่นะครับ....นะ... คืนเดียวเท่านั้น...ทำเพื่อพี่หน่อยนะครับ...นะ
”
“ ก็ได้ครับ ”
ปรกทำท่าจะเดินออกจากห้องเพื่อไปตามรินแต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เขาสมบทเป็นรินอยู่
ดังนั้นร่างบางจึงกลับมายืนที่เดิมพร้อมบอกสนว่าให้นอนรอ เขาจะไปอาบน้ำ
หลังจากทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย ปรกก็คลานเข่าขึ้นมานอนบนเตียงเหมือนทุกคืน
แต่คืนนี้มันกลับต่างออกไป
เขารู้สึกว่าสนกำลังขยับเข้ามาใกล้
มือควานสะเปะสะปะจนจับโดนข้อมือของเขา ปรกนั่งนิ่งเพื่อดูว่าคนตัวสูงจะทำอะไร
มือหนาเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงข้อศอก แล้วร่างสูงก็ออกแรงกระตุกข้อมือตัวเอง
ทำให้คนที่ไม่ทันตั้งตัวเสียหลักล้มทับร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
ปรกพยายามจะยันตัวขึ้นแต่สนก็ไม่ยอม ร่างบางง้างหมัดขึ้นเตรียมชกเต็มที่
แต่สนกลับเอ่ยขึ้นเสียก่อน
“ ขอนอนกอดหน่อยได้ไหมริน พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร ” คำพูดนั้นทำให้ปรกชะงักและรู้สึกตัวว่าตอนนี้เขาเป็นรินไม่ใช่ปรก
ถ้าทำร้ายหมอนี่ ความลับต้องแตกแน่ๆ
“ แต่มันไม่ดีนะครับพี่สน ”
ปรกพยายามปรับน้ำเสียงและอารมณ์ให้เป็นปกติ
“ แค่กอดเท่านั้น คงไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพอเช้า พี่จะรีบปล่อย
ทำเพื่อพี่อีกสักครั้งนะ พี่สัญญาว่าจะไม่ขออะไรอีกเลย
จะทะเลาะกับปรกให้น้อยลงด้วย จะมองปรกในแง่ดีขึ้น ทุกคนจะได้สบายใจไงครับ
นะ...ขอพี่กอดหน่อย...นะครับ...ริน ”
“ ก็ได้ครับ ” ปรกเผลอตอบรับแต่พอรู้สึกตัวก็อยากตบปากตัวเองแรงๆ
แค่เขาบอกว่าจะมองตัวเองในแง่ดีขึ้น ปากเจ้ากรรมก็ตกปากรับคำซะงั้น ไอ้ใจง่าย!!
“ ขอบคุณครับ ” สนยิ้มอย่างมีความสุข นั่นทำให้คนมองอดเขินไม่ได้
สนขยับจัดท่าให้ตัวเองนอนสบายก่อนที่ปรกจะล้มตัวลงนอนข้างๆ
มือหนาไล้สัมผัสมายังเอวบางจากนั้นจึงรั้งเข้ามาในอ้อมกอด
กระชับแน่นจนใบหน้าหวานซุกซบลงบนอกแกร่ง ปรกพยายามจะขืนตัวออกด้วยความไม่คุ้นชิน
ยิ่งคิดว่ากำลังถูกผู้ชายที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องนอนกอดยิ่งอยากร้องไห้แต่หากทำอะไรโจ่งแจ้ง
เขาก็ต้องถูกจับได้ว่าไม่ใช่รินแหงๆ
ปรกพยายามปลง
ดวงตากลมช้อนมองคนที่กำลังกอดตัวเองเอาไว้ ยิ่งเห็นร่างสูงหลับตาพริ้ม
ยิ่งไม่กล้าขยับตัว เพราะกลัวว่าอะไรๆมันจะไปกระทบกันแล้วพลันมีอารมณ์ขึ้นมา
เขาจะแย่เอาแน่ๆ ร่างบางพยายามข่มตาตัวเองให้หลับ นับแกะ ท่องบทสวดสารพัด
จนในที่สุดเขาก็เคลิ้มหลับไปหลังเปลี่ยนจากการท่องบทสวดมนต์เป็นด่าร่างสูงในใจแทน
“ ริน หลับแล้วเหรอ ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามเบาๆหลังจากรู้สึกว่าแรงยุกยิกน้อยๆนั้นจางหายไป
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอนรับ คนแกล้งหลับจึงลืมตาขึ้นมา
ร่างสูงยกยิ้มด้วยความสุข
เขาไม่คิดจริงๆว่าจะมีวันที่ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่มแบบนี้
มันเหมือนฝันที่ทำให้เขาไม่อยากตื่นขึ้นมาเลย เสียดายที่มองไม่เห็น หากมองเห็น
เขาคงได้มองหน้านางฟ้าน้อยเต็มตาและอิ่มเอมยิ่งกว่านี้
มือหนาไล้สัมผัสจากเอวขึ้นมาช้าๆจนมาถึงแก้มนวล
ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มนิ่มอย่างอ่อนโยน ปลายจมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมจากเรือนผม
เขาประทับจุมพิตลงบนเรือนผมและไล้ลดระดับมาถึงส่วนที่เขามั่นใจว่าคืนหน้าผากจากนั้นจึงจุมพิตอย่างอ่อนโยน
“ ฝันดีนะครับ ”
ร่างสูงกระซิบแผ่วเบา
มือหนาวางลงบนเอวคอดอีกครั้ง กระชับร่างบางเข้ามากอดให้แน่นขึ้น
ปลายจมูกฝังลงในกลุ่มผมนุ่ม
ซึมซับความหอมหวานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะจนต้องพยายามควบคุมตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ
จากนั้นจึงปิดเปลือกตาลงช้าๆตามคนในอ้อมกอดไปท่องความฝันด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขเช่นเดียวกับคนในอ้อมกอดที่เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
+_+_+_+_+
O = N = L = Y = M = E +_+_+_+_+
วันเวลาผ่านไป
ความใกล้ชิดของปรกในคราบของรินกับสนก็ก่อเป็นความผูกพันและความสนิทสนมที่เพิ่มขึ้นยังทำให้ความรู้สึกของพวกเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ
ปรกพยายามใจเย็นขึ้น ไม่กวนประสาทเท่าแต่ก่อน แม้ในบางครั้งคำพูดของสนจะชวนให้เขาอยากตีฝีปากด้วยก็ตาม
ส่วนสน ยิ่งนานวัน
ยิ่งรู้สึกรักคนที่คอยดูแลเขามากขึ้นเรื่อยๆโดยไม่รู้เลยว่านั่นคือปรกไม่ใช่ริน
แล้ววันนี้ก็เป็นวันสำคัญสำหรับสน เพราะนายแบบหนุ่มกำลังจะถอดผ้าก๊อซ หากโชคดี
เขาคงมีโอกาสได้มองเห็นเช่นเดิม
“ ลืมตาช้าๆนะครับ ” แพทย์หนุ่มกล่าว
หลังจากนำผ้าก๊อซออกจากดวงตาคนไข้จนหมด
ใบหน้าหล่อเหลาเกร็งขึ้นเล็กน้อย
หัวใจเต้นระส่ำด้วยความตื่นเต้น สองมือบนตักกำเข้าหากันแน่น
ก่อนที่เปลือกตาหนาจะเริ่มขยับและลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า
แสงสว่างจ้าที่สาดเข้ามากะทันหันทำให้เขาต้องหลับตาลงอีกครั้งจนกระทั่งปรับสภาพสายตาได้จึงลืมตาอีกรอบ
ภาพพร่ามัวปรากฏเบื้องหน้าก่อนจะเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขากะพริบตาจากนั้นจึงเริ่มมองไปรอบห้อง
ไล่มองบุคคลรอบเตียงทีละคน แล้วรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏบนใบหน้าของเขาในที่สุด
“ ผม...หมอ...ผม...ผมมองเห็นแล้วหมอ...ผมเห็นแล้ว!! ” น้ำตาอันเกิดจากความดีใจหลั่งรินเป็นสาย
เขาไม่เคยรู้สึกว่าโลกสวยงามมากเท่าวันนี้...วันที่เขากลับมามองเห็นอีกครั้ง...
“ ยินดีด้วยครับ ” แพทย์หนุ่มอมยิ้มกับท่าทางของเขา
“ พี่บอย ผมเห็นแล้วพี่!! ” นายแบบหนุ่มโผเข้ากอดผู้จัดการส่วนตัวแน่น
“ ยินดีด้วยไอ้น้องชาย ” ร่างอวบยิ้ม โล่งอกที่สนหายทันเวลา
เพราะหากนานกว่านี้ เขาไม่รู้ว่าจะยื้อกระแสความอยากรู้อยากเห็นของนักข่าวไหวได้อย่างไร
สนพยักหน้ารับก่อนจะมองไปยังปรก
เขาส่งยิ้มบางๆให้เด็กแสบแต่ยังไม่ทันที่ปรกจะอ้าปากเอ่ยข้อความใด
สนก็หันเหความสนใจไปที่รินเสียก่อน นั่นทำให้ปรกค่อนข้างอึ้ง
ยิ่งมือหนากุมมือของรินเอาไว้ ร่างบางยิ่งรู้สึกเจ็บแปลบในอกแปลกๆ
มันเป็นอาการที่เขาไม่คุ้นเคยแต่เกิดขึ้นหลายครั้งโดยที่เขายังหาสาเหตุของมันไม่ได้
ดวงตากลมได้แต่มองคนบนเตียงด้วยสายตานิ่งงัน
“ ริน พี่มองเห็นแล้วนะ ได้เห็นหน้ารินเสียที ขอบคุณนะที่คอยดูแลพี่มาตลอด
ถ้าพี่ไม่ได้รินและพี่ๆของริน
ป่านนี้พี่คงหมดกำลังใจที่จะสู้กับโลกมืดๆนั่นไปนานแล้วล่ะ ”
“ มันก็ไม่ใช่รินคนเดียว แต่....... ” ไม่ทันได้เอ่ยอะไร
รินก็ถูกปรกสะกิด ร่างบางส่ายหน้าเป็นเชิงไม่ให้รินพูดอะไรอีก
รินจึงทำได้เพียงแค่ยิ้มน้อยๆให้สนเท่านั้น
“ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวรับยาแล้วกลับบ้านได้เลยนะ
ช่วงนี้ยังอยู่ในระยะเฝ้าระวัง ถ้ามีอาการอะไรผิดปกติ
สนต้องรีบมาโรงพยาบาลทันทีเข้าใจไหม ” แพทย์หนุ่มกำชับ
“ ครับ ” สนรับคำก่อนจะหันมายิ้มให้รินอีกครั้ง
ร่างเล็กได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆกลับไป
แล้วภาพนั้นก็ยิ่งทำให้หัวใจของปรกบีบรัดมากขึ้นจนเจ้าตัวต้องยกมือมากุมไว้
...เป็นอะไรไปนะหัวใจ...?
.
.
หลายวันผ่านไป
ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ แฝดสี่ยังคงต้องไปเรียนเหมือนเดิม
คนรับส่งก็หน้าเดิมๆ บางวันปรกก็ยังต้องไปทำความสะอาดห้องสนเหมือนเดิม ทะเลาะกันเหมือนเดิม
วนเวียนอยู่ในวังวนเดิมๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไป นั่นคือ...พฤติกรรมของสน
ดูเหมือนว่าการเฝ้าไข้ช่วงระยะหนึ่งนั้น
ทำให้สนเข้าใจว่ารินมีใจให้
ชายหนุ่มจึงยังคงคอยแวะเวียนมาหารินทุกครั้งที่ว่างจากตารางงาน
เจอกันในงานไหนก็เข้าหาและพูดคุยกันมากกว่าเดิม พยายามชวนรินไปเที่ยว
เริ่มมีของมาฝาก และคำพูดจาหวานหูมากขึ้น
วันนี้ก็เช่นกัน
สนว่างจากตารางงาน เขาตรวจสอบแล้วว่าวันนี้รินไม่มีเรียนและไม่มีงานเช่นกัน
ร่างสูงจึงหอบดอกไม้ช่อโตมาหาคนตัวเล็กถึงบ้าน
เขาสอบถามแม่บ้านก็ได้รู้ว่ารินอยู่ที่สระว่ายน้ำ
ร่างสูงจึงเดินไปตามแผ่นหินที่วางเรียงทอดยาวไปยังสระว่ายน้ำ ริมฝีปากหยักอมยิ้ม
วันนี้เขาตั้งใจจะขอรินเป็นแฟน จริงอยู่ว่าอีกฝ่ายยังเด็ก แต่เขาคิดว่าความรักมันไม่จำกัดวัยและสามารถเรียนรู้ทำความเข้าใจกันได้ตลอดเวลา
“ ริน..... ”
ร่างสูงชะงักไปเมื่อเห็นว่ารินไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว
ร่างเล็กกำลังยืนคุยกับรุจ บรรยากาศรอบตัวของทั้งคู่ตึงเครียดจนเขาไม่กล้าขัด
แต่แล้วดวงตาเรียวก็เบิกโพลงด้วยความตกตะลึงเมื่อรุจกระชากรินเข้าสู่อ้อมแขนก่อนจะโน้มใบหน้าลงปิดริมฝีปากบางด้วยริมฝีปากตนเอง
รินดิ้นขลุกขลักเล็กน้อยก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นโอบรอบแผ่นหลังกว้างและยินยอมแลกเปลี่ยนจุมพิตด้วยความเต็มใจ
ดอกไม้ตกลงข้างกายสูงสง่าแต่ร่างสูงไม่ได้สนใจ
รวมทั้งสองคนที่กำลังจุมพิตกันนั้นก็ไม่ได้สนใจเขาเช่นกัน ร่างสูงมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกยากที่จะบรรยาย
มันเจ็บ...ก็ไม่เจ็บถึงขนาดที่ทนไม่ได้ อยากร้องไห้...แต่ก็ร้องไม่ออก
เขาทำได้เพียงเดินจากมาเงียบๆพร้อมความจุกที่ตีตื้นอยู่ในอก
ร่างสูงเดินมาขึ้นรถโดยไม่ได้เอ่ยปากล่ำลาใคร
ไม่ได้ทักทายกันที่เดินมาพร้อมโตโน่ ไม่ได้ส่งยิ้มให้ปัณณ์ที่เดินเคียงคู่มากับริท
แม้ว่าสายตา 4 คู่จะจ้องมองเขานานเท่าไร ร่างสูงไม่ได้สนใจ
เขาเดินขึ้นรถก่อนจะขับออกจากบ้านฝาแฝดท่ามกลางความไม่เข้าใจของกัน โตโน่ ปัณณ์
และริท
...แปลกไปนะหัวใจ ทั้งที่อยากร้องไห้ เหตุใดจึงไร้น้ำตา...
.
.
ร่างเพรียวบางเดินลงจากรถของรุ่นพี่ที่นัดเขาคุยเรื่องฝึกงาน
เสียงหวานกล่าวขอบคุณตามมารยาทก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในบ้าน
เจ้าตัวแสบชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่น้องนั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ปรกเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาเดี่ยวพลางมองสำรวจทุกคนด้วยสายตาจับผิด
แต่ไม่ทันได้คาดคั้นอะไร กันก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
ปรกมีสีหน้าเครียดขึงขึ้นมาทันที
“ ปรก นายก็ไปดูพี่สนหน่อยสิ ” ปัณณ์เอ่ยขึ้น
“ ห๊ะ? ตอนนี้เนี่ยนะ โหย....มันใกล้มืดแล้วนะ
วันนี้ไม่ได้นัดไปทำความสะอาดด้วย ” ปรกโอดครวญ
“ ปรก ”
“ ก็ได้ๆ ถ้าไม่ติดว่ารินไม่สบายใจนะ ไม่ไปจริงๆด้วย ” ปรกเดินไปหยิบกุญแจรถและออกจากบ้านไป
.
.
1 ชั่วโมงต่อมา
ปรกเดินตรงมายังห้องพักของสน
ร่างบางกดรหัสที่จำได้ขึ้นใจจากนั้นจึงเปิดเข้าไปด้านใน
ดวงตากลมโตสอดส่องมองหาสิ่งมีชีวิตที่เขาเช็คตารางมาแล้วว่าไม่มีงานที่ไหน
ก่อนจะสะดุดกับเงาตะคุ่มภายในห้องครัว ร่างบางเดินไปทางนั้นและเปิดไฟ
ทันทีที่แสงสว่างส่องทั่วห้อง เขาก็พบร่างสูงของสนนั่งจมกองเบียร์อยู่บนพื้นห้อง
กลิ่นแอลกอฮอล์ทำให้ปรกเบ้หน้าด้วยความเหม็น
“ นี่มันซดหรืออาบวะเนี่ย ” ปรกมีสีหน้ายุ่งยากใจ เขาทรุดลงนั่งยองๆตรงหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปตบแก้มสากสองสามที
“ อือ..... ” สนครางอือแต่ยังไม่ยอมเงยหน้ามองเขา
“ นี่...ตื่นได้แล้ว เมาเหมือนหมาเลย
สรุปว่านายรักษาตาเพื่อกลายเป็นเมรีขี้เมาหรือไง?? ”
“ อือ..... ” แต่สนก็ยังไม่ทำตามที่เขาบอก
ปรกถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยอมเดินเก็บและทำความสะอาดรอบบริเวณนั้นจนสะอาด
ก่อนจะเดินมาพยุงสนให้ลุกขึ้นยืนและพาร่างสูงใหญ่เดินตรงไปยังห้องนอนอย่างทุลักทุเล
เมื่อถึงห้องนอน เขาก็เหวี่ยงร่างสูงลงไปบนเตียง สนส่งเสียงงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์
“ ตัดใจตั้งแต่แรก มันก็ไม่เจ็บหนักหรอก ตามันเล็กจนดูไม่ออกเลยเหรอว่ารินชอบใคร
ซื่อบื้อ ” ปรกบ่น
ดวงตากลมโตมองสภาพคนตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจว่าควรเช็ดตัวหมอนี่เสียหน่อย
แต่เมื่อจะเดินออกจากห้อง เขากลับถูกกระชากแขนอย่างแรงจนเสียหลักล้มลงบนเตียง
ไม่ทันตั้งตัว คนกระชากก็เหวี่ยงตัวเองขึ้นคร่อมเข้าเสียแล้ว มือแกร่งยึดข้อมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้แน่น
ปรกมัวแต่ตะลึงกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปจึงไม่ทันได้ดิ้นขัดขืน
ได้แต่นอนมองคนด้านบนตาปริบๆ
“ ริน รินมาหาพี่แล้ว รินของพี่ รินต้องเป็นของพี่ ของพี่คนเดียว ” สนก้มลงซุกไซ้ซอกคอคนด้านล่าง
“ เฮ้ย หยุดนะ ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายนะเว้ย
แล้วก็ไม่ใช่รินด้วย ปล่อย! ” เมื่อตั้งสติได้
ปรกก็เริ่มดิ้นรนพยายามขัดขืนคนที่เริ่มรุกรานอธิปไตยของเขา
ร่างสูงไม่สนใจแรงต่อต้าน
ริมฝีปากหยักกดจูบไปตามซอกคอสีอ่อน
มัวเมากับกลิ่นหอมหวานจากคนตัวบางด้วยความหลงใหล
เขารวบมือบางไว้ด้วยมือข้างเดียวก่อนที่จะจับปลายคางกระชับแน่นและประกบริมฝีปากตนเองลงไป
เรียวลิ้นร้อนซอกซอนเข้าไปในโพรงปากชื้น
ลิ้นเล็กพยายามดันลิ้นเขาออกแต่กลายเป็นว่าถูกเกี่ยวรัดพัวพันดูดดื่ม
ความหวานของปรกกำลังมอมเมาให้เขาหลงใหลและจุมพิตเร่าร้อนกำลังทำให้คนไม่เคยเคลิ้มตามช้าๆ
“ พี่สน...ยะ...อย่านะ...หยุด... ”
ปรกห้ามเสียงแผ่วเมื่อเห็นว่ายังไงคงหนีคนตรงหน้าไม่พ้นแน่
“ เป็นของพี่เถอะนะ พี่รักนาย ตัวแสบของพี่ ”
สนกระซิบเสียงพร่าข้างใบหูบาง
“ มะ...ไม่...อื้อ... ”
=+=+=+=+=+=+=
To Be Continue =+=+=+=+=+=+=
ความคิดเห็น