ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF: Yaoi The Star) Sassy Love (โน่กัน / อสรพิษ)

    ลำดับตอนที่ #19 : Only Me [SonProck] 2/3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 359
      2
      20 ธ.ค. 58

    #2#

     

     

    “ นี่...ไม่หิวข้าวเหรอ ” เสียงหวานถามขึ้นพลางจ้องมองคนที่เอาแต่ยืนทำ MV เหม่อมองต้นไม้ใบหญ้าอยู่ข้างหน้าต่างห้องนอน

     

    “ ..... ”

     

    “ หมอบอกว่านายแค่ตาบอด แล้วปากบอดไปด้วยตั้งแต่ตอนไหนกัน ” เจ้าตัวแสบแกล้งหยอกแต่พอเห็นแววตานั้นเครียดขึงขึ้นเขาก็ยกมือตบปากตัวเองเบาๆที่เผลอพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไป

     

    “ ..... ”

     

    “ เอ่อ...ฉันขอโทษ ฉันปากไวไปนิดหน่อย ”

     

    “ ..... ”

     

    “ นี่...ทานข้าวเถอะน่า วันนี้รินไปทำงาน ต่อให้ประท้วงยังไงหมอนั่นก็ไม่กลับมาป้อนข้าวป้อนน้ำนายตอนนี้หรอก ถ้านายอดมื้อกินมื้อแบบนี้แล้วจะทานยาได้ยังไงและถ้าไม่ทานยาก็ไม่หายด้วย อยากตาบอดไปตลอดชีวิตเหรอ โตแล้วนะ หัดแยกแยะบ้างว่าอะไรควรทำหรืออะไรไม่ควรทำ ”

     

    “ พูดถึงนิสัยตัวเองอยู่หรือไง ”

     

    “ ฉันพูดเรื่องของนายอยู่นะ อย่ามาเนียนว่าคนอื่น แล้วนายโตกว่าฉันตั้งหลายปี ฉันยังเด็ก ดังนั้นฉันไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น ” ปรกทำปากคว่ำ ทั้งที่เห็นนั่งเงียบเป็นเป่าสากมานานแต่พออ้าปากปุ๊บ มันก็กัดเขาปั๊บ!!

     

    “ เด็กนรก ” แน่นอนว่าปรกได้ยินชัดแจ๋ว ร่างบางข่มความหงุดหงิด พยายามใจเย็นก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง

     

    “ เฮ้อ ทานข้าวเถอะน่า ถ้านายทำตัวแบบนี้ รินจะลำบากใจนะ ชอบรินไม่ใช่เหรอ ”

     

    “ นายรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบริน ”

     

    “ ฉันเจอกล่องลับโรคจิตของนายไง ตอนแรกก็ทำใจลำบากนะแต่ความรักมันห้ามกันไม่ได้ รินก็น่ารัก ไม่แปลกใจที่จะมีผู้ชายมาชอบ ถ้านายทำตัวดีๆ ฉันอาจรับไว้พิจารณาในฐานะน้องเขย ”

     

    “ เงียบไปซะ แล้วอย่าปากโป้ง ไม่เช่นนั้นฉันหายเมื่อไร นายไม่รอดแน่ ”

     

    “ โอ๊ย ให้มันหายก่อนแล้วค่อยขู่เถอะ มาทานข้าวสักที ฉันจะได้ไปทำรายงาน ”

     

    “ รินบอกว่านายสำนึกผิดเลยอยากดูแลฉัน แต่ฉันไม่เห็นรู้สึกเลยว่านายสำนึกผิด ยิ่งรู้สึกว่านายแค่ทำส่งๆ ”

     

    “ ไอ้....หึย! ” ปรกหงุดหงิดมากกว่าเดิม เขาเดินไปใกล้ร่างสูงที่นั่งรถเข็นอยู่ ก่อนจะวางชามข้าวลงบนโต๊ะเล็กและเข็นร่างสูงมานั่งใกล้ๆ

     

    “ จะผลักฉันตกบันไดแล้วบอกว่าเป็นอุบัติเหตุสินะ ”

     

    “ ตอนแรกไม่คิดนะ ตอนนี้เริ่มคิดแล้ว หยุดพูดแล้วกินๆให้ตายไปเลยไป๊!!!

     

    “ โอ๊ย!!!!!!!!!!!!! ” สนร้องลั่นเมื่อปรกยัดข้าวต้มร้อนๆใส่ปากนอกจากนั้นสนยังไม่ได้อ้าปากรับด้วยซ้ำ!!

     

     

    ปัง!!

     

     

    “ พี่สนเป็น..............ปรก!!! ” เป็นกันที่วิ่งเข้ามาภายในห้อง

     

    “ เอ่อ.........เขาพยายามป้อนข้าวเองแต่ปรกไม่ยอม แย่งกันไปมาเลยหกใส่เขาน่ะ ” ปรกแถ

     

    “ เชื่อก็โง่แล้ว อย่าชวนพี่สนทะเลาะบ่อยนักสิ พี่เขาไม่สบาย นายควรดูแลดีๆไม่ใช่หาเรื่องแบบนี้นะ ” กันสาวเท้ามาใกล้สนและช่วยเช็ดคราบเลอะบนกางเกง

     

    “ ก็เขาไม่ให้ความร่วมมือนี่ เอะอะก็รอรินๆจนปรกอยากปลอมเป็นรินให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ”

     

    “ นายก็ทำอยู่ทุกวัน ”

     

    “ กัน!

     

    “ อุ๊บ!! ” กันรีบปิดปากตัวเองเมื่อเผลอพูดเรื่องสำคัญออกมา

     

    “ พวกนายพูดเรื่องอะไร ใครทำอะไรทุกวัน ” สนถามด้วยความแปลกใจ

     

    “ เปล่า ไม่มีอะไร พี่สนทานข้าวเถอะ ถ้ารำคาญปรก เดี๋ยวกันป้อนเองนะ ” กันอาสาแต่กลับยื่นชามข้าวต้มส่งให้ปรก ร่างบางเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้

     

    “ อืม ” สนรับคำอย่างว่าง่าย อย่างน้อยกันก็ดีกว่าเด็กกวนประสาทแบบปรก

     

    “ ค่อยๆทานนะครับ ” กันเอ่ยขึ้นก่อนที่ปรกจะค่อยๆเป่าข้าวต้มให้หายร้อนและป้อนชายหนุ่มทีละคำ

     

     

                สนย้ายมาอยู่บ้านฝาแฝดได้อาทิตย์กว่าแล้วตามข้อตกลงของผู้จัดการส่วนตัวของเขาและผู้จัดการของรินโดยอาศัยห้องเดียวกับปรก ตารางงานถูกยกเลิกทั้งหมดโดยอ้างว่าเตรียมตัวรับงานต่างประเทศซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาแจ้งครอบครัวของสนแบบนี้เช่นกัน ช่วงแรกเขาซึมเศร้าเพราะกลัวว่าจะมองไม่เห็นอีกแต่เมื่อได้ฟังคำพูดให้กำลังใจจากหมอ เขาก็เริ่มทำใจยอมรับอาการป่วยของตนเองได้

     

     

    ในระยะแรก ปรกเป็นคนดูแลเขาเพราะรู้สึกผิด เขาอาละวาดใส่ปรกไม่หยุดจนรินต้องเป็นฝ่ายเข้ามาดูแลแทน ความอ่อนโยนของรินยิ่งทำให้ชายหนุ่มประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆ วันไหนที่รินไม่อยู่ กันกับปัณณ์ก็จะสลับกันมาดูแลเขา แต่หากไม่มีใครอยู่เลย ปรกก็จะมาดูแลแทน แน่นอนว่าปะทะคารมกันตลอดเวลา นั่นทำให้สนไม่ต้องการให้ปรกเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของตน แต่หารู้ไม่ว่าความจริงแล้วคนที่ดูแลเขามาตลอดนั่นคือ...ปรก ส่วนรินมาช่วยเป็นครั้งคราวเท่านั้น ที่พวกเขาต้องปลอมตัวเพราะจะได้ดูแลสนง่ายขึ้น หากให้อยู่กับตัวตนที่แท้จริงของปรกคงตีกันตายก่อนหายป่วยแน่ๆ

     

     

    “ กลับมาแล้วครับ ” เสียงของรินดังขึ้นพร้อมประตูห้องที่ปิดลงแผ่วเบา

     

    “ กลับมาแล้วเหรอริน ” สนยิ้มระรื่นจนคนที่เพิ่งป้อนข้าวต้มเสร็จเห็นแล้วหงุดหงิดใจแต่จะอาละวาดก็ทำไม่ได้เพราะกันคอยจับตามองอยู่

     

    “ วันนี้พี่สนทานข้าวทานยาครบไหมครับ ” รินถามพลางเดินมานั่งข้างๆรถเข็น

     

    “ ครบสิ เหลือยาหลังอาหาร กันหยิบให้พี่หรือยัง ” ประโยคหลังสนถามกัน

     

    “ เสร็จแล้วครับ ” กันเอ่ยขึ้นในขณะที่ปรกวางเม็ดยาลงบนฝ่ามือหนา  สนส่งยาเข้าปากและดื่มน้ำตาม

     

    “ พี่สนจะอาบน้ำเลยไหมครับ มืดแล้วจะได้พักผ่อนเสียที ” รินพูดพลางทำตาดุเล็กน้อยใส่ปรกที่ทำหน้างอ เขารู้ว่าพี่ชายฝาแฝดไม่ชอบอาบน้ำให้สน เจ้าตัวอ้างว่ากลัวตัวเองเปียก แต่เขาว่ามันเพราะปรกอาย

     

    “ ดีเหมือนกันนะ ” สนยิ้มรับ

     

    “ งั้นกันกับปรกไปก่อนนะครับ ” กันเอ่ยขึ้นแต่กลับคล้องแขนรินไว้

     

    “ อืม รีบพาไปเลยก่อนที่พี่จะฝันร้าย ”

     

    “ ไอ้.... ”

     

    “ ปรก...! ” กันหยิกแขนเจ้าตัวดีเบาๆก่อนจะชี้หน้าปรกคาดโทษแล้วจึงพารินเดินกลับออกไป

     

     

                ปรกถอนหายใจก่อนจะเข็นรถของสนไปทางห้องน้ำ เขาประคองร่างสูงให้ลุกขึ้นยืนและเริ่มปลดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น ใบหน้าหวานขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อเห็นกล้ามเนื้อตามร่างกายของร่างสูง นึกอิจฉาที่ตนเองไม่มีแบบนี้บ้าง มือเรียวหยุดชะงักเมื่อเลื่อนถึงชิ้นส่วนสำคัญและดูเหมือนว่าคนตาบอดจะรู้สึกเก้อเขินเช่นกันจึงรีบเอื้อมมือมาจับชั้นในไว้เสียเอง

     

     

    “ ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรก แต่พี่ไม่ชินจริงๆ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่อาบเองก็ได้ พอจะจำได้ลางๆว่าต้องเอื้อมมือไปตรงไหนบ้าง รินแค่คอยส่งของที่พี่จำเป็นต้องใช้ให้พี่ก็พอ ”

     

    “ ครับ ” ปรกรับคำ

     

     

    ร่างบางพาร่างสูงเดินเข้าไปในส่วนของห้องอาบน้ำ เขาเปิดฝักบัวและส่งให้ร่างสูงแล้วจึงยืนหันหลังให้ หัวใจดวงน้อยเต้นรัวจนอยากตะโกนดังๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโรคจิตตามร่างสูงมากเข้าไปทุกที เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาที่แสดงเป็นตัวเองถึงไม่เคยมีความรู้สึกใจเต้นแปลกๆแบบนี้แถมร่างสูงก็เอาแต่ชวนทะเลาะ แต่พอปลอมเป็นริน ความอ่อนโยนและสุภาพบุรุษของสนก็ทำให้จังหวะหัวใจของเขาผิดไปทุกครั้ง

     

     

    ...บางทีก็อิจฉารินที่มีแต่คนคอยรักคอยทะนุถนอมเสมอ...     

     

     

    “ ริน ส่งผ้าเช็ดตัวให้พี่หน่อย ”

     

    “ ห๊ะ? เฮ้ย!!

     

     

    ปรกร้องลั่น เพราะเขาหมุนตัวเร็วเกินไปทำให้ลื่นจะหงายหลังและเท้าก็เผลอไปเตะน่องของร่างสูงจนสนเสียหลัก ร่างสูงเซมาทางร่างบาง ปรกรีบรับร่างหนาเอาไว้แต่เพราะขนาดตัวที่ต่างกันมากทำให้ปรกเสียหลักล้มลงกับพื้นโดยมีสนทับอยู่ด้านบน ใบหน้าหล่อเหลาซุกลงบนซอกคอหอม กลิ่นแป้งเด็กของปรกทำให้ร่างสูงเคลิบเคลิ้มเล็กน้อย เขาสูดกลิ่นนั้นเข้าเต็มปอดแต่แล้วแรงดันจากด้านล่างก็ทำให้เขารู้สึกตัว

     

     

    “ ริน พี่ขอโทษ เจ็บตรงไหนไหม ” เมื่อตั้งสติได้ สนก็รีบยันร่างลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เขาถามอาการของปรกด้วยความเป็นห่วง มือหนาคลำไปตามตัวร่างบางอย่างไม่คิดอะไร

     

    “ เอ่อ...พี่สนปล่อยเถอะ รินไม่ได้เป็นอะไร ” แต่เพราะสายตาที่มองไม่เห็นทำให้มือหนาควานสะเปะสะปะจนปรกต้องรีบจับมือนั้นให้หยุด เพราะเขากลัวว่ามันจะคลำเลยเถิดไปมากกว่านี้  

     

    “ งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะ พี่ขอโทษนะที่ทำให้รินล้ม ”

     

    “ ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ รินผิดเองที่ไม่ระวังจนเผลอทำให้พี่ล้มตามมาด้วย ”

     

    “ ไม่เป็นไรหรอก แต่ตอนนี้พี่ว่าเรารีบพาพี่ไปแต่งตัวดีกว่า อยู่แบบนี้นานๆมันคงไม่ดี ”

     

    “ อ่า....ครับ ” ปรกรับคำหน้าร้อนฉ่า เพราะร่างสูงไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น

     

     

                ร่างบางประคองร่างสูงออกมาแต่งกายด้านนอกห้องน้ำ ส่วนตนเองก็กลับเข้าไปจัดห้องน้ำให้เป็นระเบียบดังเดิม จากนั้นจึงออกมาพาร่างสูงเดินกลับไปยังเตียงนอน สนล้มกายลงนอนโดยมีปรกคอยห่มผ้านวมให้ ร่างบางนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างเตียงก่อนจะเอ่ยปากถาม

     

     

    “ พี่สนอยากทำอะไรก่อนนอนไหม ”

     

    “ อืม....ช่วงนี้พี่เบื่อๆ รินเล่านิทานให้พี่ฟังได้ไหมครับ ” ปรกแทบไม่อยากเชื่อว่าคนวัยนี้จะมาอ้อนให้เขาเล่านิทานให้ฟังแบบนี้แต่ก็ยอมทำตาม

     

     

                ปรกหยิบไอแพดมาเปิดหานิทานที่น่าสนใจ ไม่นานปรกก็เลือกนิทานมาเรื่องหนึ่ง เขาเล่าให้สนฟังด้วยน้ำเสียงที่ดัดแปลงให้เหมาะสมตามตัวละครสร้างความเพลิดเพลินให้ร่างสูงไม่น้อย เช่นเดียวกับคนเล่านิทานที่ยิ่งเล่ายิ่งใส่อารมณ์ร่วมไปด้วยก็ยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นภายในห้องจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะจนกระทั่งสนให้สัญญาณว่าปรกควรหยุดอ่านได้แล้ว

     

     

    “ พี่สนง่วงแล้วเหรอครับ ”

     

    “ อือ ง่วงแล้ว วันนี้รินนอนกับพี่ได้ไหม พี่ไม่อยากนอนคนเดียวเลย ” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน แม้สายตาคู่นั้นจะมองไม่เห็นแต่กลับดูหวานเยิ้มจนคนฟังอดหน้าร้อนแปลกๆไม่ได้

     

    “ พี่ก็ไม่ได้นอนคนเดียวนี่ครับ เดี๋ยวปรกก็มานอนด้วย ” ปรกแอบเบ้ปากใส่สนด้วยความหมั่นไส้ ตาก็มองไม่เห็นยังคิดที่จะนอนกับน้องเขาอีก ฝันไปสิ -*-

     

    “ ไม่เอาหรอก เด็กบ้าอะไรก็ไม่รู้พูดถึงทีไรขึ้นทุกที ” สนพูดเรียบๆ สีหน้าแสดงความรำคาญจนคนมองอึ้ง

     

    “ พี่สนรำคาญปรกขนาดนั้นเลยเหรอครับ ” ถามออกไป ในใจรู้สึกหน่วงแปลกๆ

     

    “ มันก็ไม่เชิงรำคาญหรอก ถ้าหมอนั่นไม่กวนก็ไม่รำคาญ ยิ่งถ้าทำตัวน่ารักเหมือนรินได้ พี่ยิ่งชอบเลย ”

     

    “ ถึงปรกกับรินจะเป็นแฝดกัน เราก็ไม่มีทางเหมือนกันไปซะทุกอย่างหรอก พี่สนไม่คิดบ้างเหรอว่าความจริงแล้วคนที่ดูแลพี่มาตลอดเป็นปรก พี่มองไม่เห็น พี่จะรู้ได้ยังไงว่าใครกันแน่ที่ดูแลพี่ ”

     

    “ รู้สิ ถ้าเป็นปรก ป่านนี้พี่โดนต่อยตั้งแต่ตอนล้มทับในห้องน้ำแล้ว แถมปรกก็ไม่ชอบอ่านหนังสือ เขาอ่านแล้วจะง่วงนอน เวลาที่เขาไปคอนโด พี่ถึงชอบแกล้งให้อ่านหนังสือหลังทำความสะอาด เขาจะได้หมดฤทธิ์หมดเดช อ่านทีไรเด็กนั่นหลับเป็นตายทุกที ” สนยกยิ้มเมื่อถึงเจ้าตัวแสบที่ชอบป่วนห้องเขาประจำ รอยยิ้มของเขาทำให้ปรกรู้สึกแปลกๆในอกอีกครั้ง  

     

    “ ทำไมถึงอยากให้ปรกหลับล่ะ รินนึกว่าพี่อยากให้ปรกรีบกลับไปเร็วๆซะอีก ”

     

    “ ก็เวลาเด็กนั่นหลับ แล้วมันน่า........... ” จู่ๆสนก็ชะงักไป ไม่ยอมพูดอะไรอีก

     

    “ ทำไมไม่พูดต่อล่ะครับ น่าอะไร ” ปรกถามพลางขมวดคิ้วเล็กๆ พร้อมหาเรื่องเต็มที่  

     

    “ ไม่มีอะไรหรอก เอาเป็นว่าคืนนี้นอนกับพี่นะริน ” ในเมื่อไม่อยากเล่า ปรกก็ไม่เซ้าซี้

     

    “ มันคงไม่ดีเท่าไร รินมีงานเช้าด้วย กลัวจะกวนพี่สนเปล่าๆ ”

     

    “ ไม่กวนหรอก นอนกับพี่นะครับ....นะ... คืนเดียวเท่านั้น...ทำเพื่อพี่หน่อยนะครับ...นะ ”

     

    “ ก็ได้ครับ ”

     

     

                ปรกทำท่าจะเดินออกจากห้องเพื่อไปตามรินแต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เขาสมบทเป็นรินอยู่ ดังนั้นร่างบางจึงกลับมายืนที่เดิมพร้อมบอกสนว่าให้นอนรอ เขาจะไปอาบน้ำ หลังจากทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย ปรกก็คลานเข่าขึ้นมานอนบนเตียงเหมือนทุกคืน แต่คืนนี้มันกลับต่างออกไป

     

     

    เขารู้สึกว่าสนกำลังขยับเข้ามาใกล้ มือควานสะเปะสะปะจนจับโดนข้อมือของเขา ปรกนั่งนิ่งเพื่อดูว่าคนตัวสูงจะทำอะไร มือหนาเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงข้อศอก แล้วร่างสูงก็ออกแรงกระตุกข้อมือตัวเอง ทำให้คนที่ไม่ทันตั้งตัวเสียหลักล้มทับร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ปรกพยายามจะยันตัวขึ้นแต่สนก็ไม่ยอม ร่างบางง้างหมัดขึ้นเตรียมชกเต็มที่ แต่สนกลับเอ่ยขึ้นเสียก่อน

     

     

    “ ขอนอนกอดหน่อยได้ไหมริน พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร ” คำพูดนั้นทำให้ปรกชะงักและรู้สึกตัวว่าตอนนี้เขาเป็นรินไม่ใช่ปรก ถ้าทำร้ายหมอนี่ ความลับต้องแตกแน่ๆ

     

    “ แต่มันไม่ดีนะครับพี่สน ” ปรกพยายามปรับน้ำเสียงและอารมณ์ให้เป็นปกติ

     

    “ แค่กอดเท่านั้น คงไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพอเช้า พี่จะรีบปล่อย ทำเพื่อพี่อีกสักครั้งนะ พี่สัญญาว่าจะไม่ขออะไรอีกเลย จะทะเลาะกับปรกให้น้อยลงด้วย จะมองปรกในแง่ดีขึ้น ทุกคนจะได้สบายใจไงครับ นะ...ขอพี่กอดหน่อย...นะครับ...ริน ”

     

    “ ก็ได้ครับ ” ปรกเผลอตอบรับแต่พอรู้สึกตัวก็อยากตบปากตัวเองแรงๆ แค่เขาบอกว่าจะมองตัวเองในแง่ดีขึ้น ปากเจ้ากรรมก็ตกปากรับคำซะงั้น ไอ้ใจง่าย!!

     

    “ ขอบคุณครับ ” สนยิ้มอย่างมีความสุข นั่นทำให้คนมองอดเขินไม่ได้

     

     

                สนขยับจัดท่าให้ตัวเองนอนสบายก่อนที่ปรกจะล้มตัวลงนอนข้างๆ มือหนาไล้สัมผัสมายังเอวบางจากนั้นจึงรั้งเข้ามาในอ้อมกอด กระชับแน่นจนใบหน้าหวานซุกซบลงบนอกแกร่ง ปรกพยายามจะขืนตัวออกด้วยความไม่คุ้นชิน ยิ่งคิดว่ากำลังถูกผู้ชายที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องนอนกอดยิ่งอยากร้องไห้แต่หากทำอะไรโจ่งแจ้ง เขาก็ต้องถูกจับได้ว่าไม่ใช่รินแหงๆ

     

     

                ปรกพยายามปลง ดวงตากลมช้อนมองคนที่กำลังกอดตัวเองเอาไว้ ยิ่งเห็นร่างสูงหลับตาพริ้ม ยิ่งไม่กล้าขยับตัว เพราะกลัวว่าอะไรๆมันจะไปกระทบกันแล้วพลันมีอารมณ์ขึ้นมา เขาจะแย่เอาแน่ๆ ร่างบางพยายามข่มตาตัวเองให้หลับ นับแกะ ท่องบทสวดสารพัด จนในที่สุดเขาก็เคลิ้มหลับไปหลังเปลี่ยนจากการท่องบทสวดมนต์เป็นด่าร่างสูงในใจแทน

     

     

    “ ริน หลับแล้วเหรอ ” เสียงทุ้มเอ่ยถามเบาๆหลังจากรู้สึกว่าแรงยุกยิกน้อยๆนั้นจางหายไป เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอนรับ คนแกล้งหลับจึงลืมตาขึ้นมา

     

     

                ร่างสูงยกยิ้มด้วยความสุข เขาไม่คิดจริงๆว่าจะมีวันที่ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่มแบบนี้ มันเหมือนฝันที่ทำให้เขาไม่อยากตื่นขึ้นมาเลย เสียดายที่มองไม่เห็น หากมองเห็น เขาคงได้มองหน้านางฟ้าน้อยเต็มตาและอิ่มเอมยิ่งกว่านี้ มือหนาไล้สัมผัสจากเอวขึ้นมาช้าๆจนมาถึงแก้มนวล ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มนิ่มอย่างอ่อนโยน ปลายจมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมจากเรือนผม เขาประทับจุมพิตลงบนเรือนผมและไล้ลดระดับมาถึงส่วนที่เขามั่นใจว่าคืนหน้าผากจากนั้นจึงจุมพิตอย่างอ่อนโยน

     

     

    “ ฝันดีนะครับ ”

     

     

                ร่างสูงกระซิบแผ่วเบา มือหนาวางลงบนเอวคอดอีกครั้ง กระชับร่างบางเข้ามากอดให้แน่นขึ้น ปลายจมูกฝังลงในกลุ่มผมนุ่ม ซึมซับความหอมหวานด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะจนต้องพยายามควบคุมตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ จากนั้นจึงปิดเปลือกตาลงช้าๆตามคนในอ้อมกอดไปท่องความฝันด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขเช่นเดียวกับคนในอ้อมกอดที่เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว      

     

        

    +_+_+_+_+ O = N = L = Y = M = E +_+_+_+_+

     

     

                วันเวลาผ่านไป ความใกล้ชิดของปรกในคราบของรินกับสนก็ก่อเป็นความผูกพันและความสนิทสนมที่เพิ่มขึ้นยังทำให้ความรู้สึกของพวกเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ปรกพยายามใจเย็นขึ้น ไม่กวนประสาทเท่าแต่ก่อน แม้ในบางครั้งคำพูดของสนจะชวนให้เขาอยากตีฝีปากด้วยก็ตาม ส่วนสน ยิ่งนานวัน ยิ่งรู้สึกรักคนที่คอยดูแลเขามากขึ้นเรื่อยๆโดยไม่รู้เลยว่านั่นคือปรกไม่ใช่ริน แล้ววันนี้ก็เป็นวันสำคัญสำหรับสน เพราะนายแบบหนุ่มกำลังจะถอดผ้าก๊อซ หากโชคดี เขาคงมีโอกาสได้มองเห็นเช่นเดิม

     

     

    “ ลืมตาช้าๆนะครับ ” แพทย์หนุ่มกล่าว หลังจากนำผ้าก๊อซออกจากดวงตาคนไข้จนหมด

     

     

                ใบหน้าหล่อเหลาเกร็งขึ้นเล็กน้อย หัวใจเต้นระส่ำด้วยความตื่นเต้น สองมือบนตักกำเข้าหากันแน่น ก่อนที่เปลือกตาหนาจะเริ่มขยับและลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า แสงสว่างจ้าที่สาดเข้ามากะทันหันทำให้เขาต้องหลับตาลงอีกครั้งจนกระทั่งปรับสภาพสายตาได้จึงลืมตาอีกรอบ ภาพพร่ามัวปรากฏเบื้องหน้าก่อนจะเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขากะพริบตาจากนั้นจึงเริ่มมองไปรอบห้อง ไล่มองบุคคลรอบเตียงทีละคน แล้วรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏบนใบหน้าของเขาในที่สุด

     

     

    “ ผม...หมอ...ผม...ผมมองเห็นแล้วหมอ...ผมเห็นแล้ว!! ” น้ำตาอันเกิดจากความดีใจหลั่งรินเป็นสาย เขาไม่เคยรู้สึกว่าโลกสวยงามมากเท่าวันนี้...วันที่เขากลับมามองเห็นอีกครั้ง...

     

    “ ยินดีด้วยครับ ” แพทย์หนุ่มอมยิ้มกับท่าทางของเขา

     

    “ พี่บอย ผมเห็นแล้วพี่!! ” นายแบบหนุ่มโผเข้ากอดผู้จัดการส่วนตัวแน่น

     

    “ ยินดีด้วยไอ้น้องชาย ” ร่างอวบยิ้ม โล่งอกที่สนหายทันเวลา เพราะหากนานกว่านี้ เขาไม่รู้ว่าจะยื้อกระแสความอยากรู้อยากเห็นของนักข่าวไหวได้อย่างไร

     

     

    สนพยักหน้ารับก่อนจะมองไปยังปรก เขาส่งยิ้มบางๆให้เด็กแสบแต่ยังไม่ทันที่ปรกจะอ้าปากเอ่ยข้อความใด สนก็หันเหความสนใจไปที่รินเสียก่อน นั่นทำให้ปรกค่อนข้างอึ้ง ยิ่งมือหนากุมมือของรินเอาไว้ ร่างบางยิ่งรู้สึกเจ็บแปลบในอกแปลกๆ มันเป็นอาการที่เขาไม่คุ้นเคยแต่เกิดขึ้นหลายครั้งโดยที่เขายังหาสาเหตุของมันไม่ได้ ดวงตากลมได้แต่มองคนบนเตียงด้วยสายตานิ่งงัน

     

     

    “ ริน พี่มองเห็นแล้วนะ ได้เห็นหน้ารินเสียที ขอบคุณนะที่คอยดูแลพี่มาตลอด ถ้าพี่ไม่ได้รินและพี่ๆของริน ป่านนี้พี่คงหมดกำลังใจที่จะสู้กับโลกมืดๆนั่นไปนานแล้วล่ะ ”    

     

    “ มันก็ไม่ใช่รินคนเดียว แต่....... ” ไม่ทันได้เอ่ยอะไร รินก็ถูกปรกสะกิด ร่างบางส่ายหน้าเป็นเชิงไม่ให้รินพูดอะไรอีก รินจึงทำได้เพียงแค่ยิ้มน้อยๆให้สนเท่านั้น

     

    “ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวรับยาแล้วกลับบ้านได้เลยนะ ช่วงนี้ยังอยู่ในระยะเฝ้าระวัง ถ้ามีอาการอะไรผิดปกติ สนต้องรีบมาโรงพยาบาลทันทีเข้าใจไหม ” แพทย์หนุ่มกำชับ

     

    “ ครับ ” สนรับคำก่อนจะหันมายิ้มให้รินอีกครั้ง ร่างเล็กได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆกลับไป แล้วภาพนั้นก็ยิ่งทำให้หัวใจของปรกบีบรัดมากขึ้นจนเจ้าตัวต้องยกมือมากุมไว้

     

     

    ...เป็นอะไรไปนะหัวใจ...?

     

    .

     

    .

     

                หลายวันผ่านไป ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ แฝดสี่ยังคงต้องไปเรียนเหมือนเดิม คนรับส่งก็หน้าเดิมๆ บางวันปรกก็ยังต้องไปทำความสะอาดห้องสนเหมือนเดิม ทะเลาะกันเหมือนเดิม วนเวียนอยู่ในวังวนเดิมๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไป นั่นคือ...พฤติกรรมของสน

     

     

                ดูเหมือนว่าการเฝ้าไข้ช่วงระยะหนึ่งนั้น ทำให้สนเข้าใจว่ารินมีใจให้ ชายหนุ่มจึงยังคงคอยแวะเวียนมาหารินทุกครั้งที่ว่างจากตารางงาน เจอกันในงานไหนก็เข้าหาและพูดคุยกันมากกว่าเดิม พยายามชวนรินไปเที่ยว เริ่มมีของมาฝาก และคำพูดจาหวานหูมากขึ้น

     

     

                วันนี้ก็เช่นกัน สนว่างจากตารางงาน เขาตรวจสอบแล้วว่าวันนี้รินไม่มีเรียนและไม่มีงานเช่นกัน ร่างสูงจึงหอบดอกไม้ช่อโตมาหาคนตัวเล็กถึงบ้าน เขาสอบถามแม่บ้านก็ได้รู้ว่ารินอยู่ที่สระว่ายน้ำ ร่างสูงจึงเดินไปตามแผ่นหินที่วางเรียงทอดยาวไปยังสระว่ายน้ำ ริมฝีปากหยักอมยิ้ม วันนี้เขาตั้งใจจะขอรินเป็นแฟน จริงอยู่ว่าอีกฝ่ายยังเด็ก แต่เขาคิดว่าความรักมันไม่จำกัดวัยและสามารถเรียนรู้ทำความเข้าใจกันได้ตลอดเวลา

     

     

    “ ริน..... ”   

     

     

                ร่างสูงชะงักไปเมื่อเห็นว่ารินไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว ร่างเล็กกำลังยืนคุยกับรุจ บรรยากาศรอบตัวของทั้งคู่ตึงเครียดจนเขาไม่กล้าขัด แต่แล้วดวงตาเรียวก็เบิกโพลงด้วยความตกตะลึงเมื่อรุจกระชากรินเข้าสู่อ้อมแขนก่อนจะโน้มใบหน้าลงปิดริมฝีปากบางด้วยริมฝีปากตนเอง รินดิ้นขลุกขลักเล็กน้อยก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นโอบรอบแผ่นหลังกว้างและยินยอมแลกเปลี่ยนจุมพิตด้วยความเต็มใจ

     

     

                ดอกไม้ตกลงข้างกายสูงสง่าแต่ร่างสูงไม่ได้สนใจ รวมทั้งสองคนที่กำลังจุมพิตกันนั้นก็ไม่ได้สนใจเขาเช่นกัน ร่างสูงมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกยากที่จะบรรยาย มันเจ็บ...ก็ไม่เจ็บถึงขนาดที่ทนไม่ได้ อยากร้องไห้...แต่ก็ร้องไม่ออก เขาทำได้เพียงเดินจากมาเงียบๆพร้อมความจุกที่ตีตื้นอยู่ในอก

     

     

                ร่างสูงเดินมาขึ้นรถโดยไม่ได้เอ่ยปากล่ำลาใคร ไม่ได้ทักทายกันที่เดินมาพร้อมโตโน่ ไม่ได้ส่งยิ้มให้ปัณณ์ที่เดินเคียงคู่มากับริท แม้ว่าสายตา 4 คู่จะจ้องมองเขานานเท่าไร ร่างสูงไม่ได้สนใจ เขาเดินขึ้นรถก่อนจะขับออกจากบ้านฝาแฝดท่ามกลางความไม่เข้าใจของกัน โตโน่ ปัณณ์ และริท

     

     

    ...แปลกไปนะหัวใจ ทั้งที่อยากร้องไห้ เหตุใดจึงไร้น้ำตา...

     

    .

     

    .

     

                ร่างเพรียวบางเดินลงจากรถของรุ่นพี่ที่นัดเขาคุยเรื่องฝึกงาน เสียงหวานกล่าวขอบคุณตามมารยาทก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในบ้าน เจ้าตัวแสบชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่น้องนั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ปรกเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาเดี่ยวพลางมองสำรวจทุกคนด้วยสายตาจับผิด แต่ไม่ทันได้คาดคั้นอะไร กันก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ปรกมีสีหน้าเครียดขึงขึ้นมาทันที

     

     

    “ ปรก นายก็ไปดูพี่สนหน่อยสิ ” ปัณณ์เอ่ยขึ้น

     

    “ ห๊ะ? ตอนนี้เนี่ยนะ โหย....มันใกล้มืดแล้วนะ วันนี้ไม่ได้นัดไปทำความสะอาดด้วย ” ปรกโอดครวญ

     

    “ ปรก ”

     

    “ ก็ได้ๆ ถ้าไม่ติดว่ารินไม่สบายใจนะ ไม่ไปจริงๆด้วย ” ปรกเดินไปหยิบกุญแจรถและออกจากบ้านไป

     

    .

     

    .

     

    1 ชั่วโมงต่อมา

     

     

                ปรกเดินตรงมายังห้องพักของสน ร่างบางกดรหัสที่จำได้ขึ้นใจจากนั้นจึงเปิดเข้าไปด้านใน ดวงตากลมโตสอดส่องมองหาสิ่งมีชีวิตที่เขาเช็คตารางมาแล้วว่าไม่มีงานที่ไหน ก่อนจะสะดุดกับเงาตะคุ่มภายในห้องครัว ร่างบางเดินไปทางนั้นและเปิดไฟ ทันทีที่แสงสว่างส่องทั่วห้อง เขาก็พบร่างสูงของสนนั่งจมกองเบียร์อยู่บนพื้นห้อง กลิ่นแอลกอฮอล์ทำให้ปรกเบ้หน้าด้วยความเหม็น

     

     

    “ นี่มันซดหรืออาบวะเนี่ย ” ปรกมีสีหน้ายุ่งยากใจ เขาทรุดลงนั่งยองๆตรงหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปตบแก้มสากสองสามที

     

    “ อือ..... ” สนครางอือแต่ยังไม่ยอมเงยหน้ามองเขา

     

    “ นี่...ตื่นได้แล้ว เมาเหมือนหมาเลย สรุปว่านายรักษาตาเพื่อกลายเป็นเมรีขี้เมาหรือไง?? ”

     

    “ อือ..... ” แต่สนก็ยังไม่ทำตามที่เขาบอก

     

     

                ปรกถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยอมเดินเก็บและทำความสะอาดรอบบริเวณนั้นจนสะอาด ก่อนจะเดินมาพยุงสนให้ลุกขึ้นยืนและพาร่างสูงใหญ่เดินตรงไปยังห้องนอนอย่างทุลักทุเล เมื่อถึงห้องนอน เขาก็เหวี่ยงร่างสูงลงไปบนเตียง สนส่งเสียงงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์

     

     

    “ ตัดใจตั้งแต่แรก มันก็ไม่เจ็บหนักหรอก ตามันเล็กจนดูไม่ออกเลยเหรอว่ารินชอบใคร ซื่อบื้อ ” ปรกบ่น

     

     

    ดวงตากลมโตมองสภาพคนตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจว่าควรเช็ดตัวหมอนี่เสียหน่อย แต่เมื่อจะเดินออกจากห้อง เขากลับถูกกระชากแขนอย่างแรงจนเสียหลักล้มลงบนเตียง ไม่ทันตั้งตัว คนกระชากก็เหวี่ยงตัวเองขึ้นคร่อมเข้าเสียแล้ว มือแกร่งยึดข้อมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้แน่น ปรกมัวแต่ตะลึงกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปจึงไม่ทันได้ดิ้นขัดขืน ได้แต่นอนมองคนด้านบนตาปริบๆ

     

     

    “ ริน รินมาหาพี่แล้ว  รินของพี่ รินต้องเป็นของพี่ ของพี่คนเดียว ” สนก้มลงซุกไซ้ซอกคอคนด้านล่าง

     

    “ เฮ้ย หยุดนะ ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายนะเว้ย แล้วก็ไม่ใช่รินด้วย ปล่อย! ” เมื่อตั้งสติได้ ปรกก็เริ่มดิ้นรนพยายามขัดขืนคนที่เริ่มรุกรานอธิปไตยของเขา

     

     

                ร่างสูงไม่สนใจแรงต่อต้าน ริมฝีปากหยักกดจูบไปตามซอกคอสีอ่อน มัวเมากับกลิ่นหอมหวานจากคนตัวบางด้วยความหลงใหล เขารวบมือบางไว้ด้วยมือข้างเดียวก่อนที่จะจับปลายคางกระชับแน่นและประกบริมฝีปากตนเองลงไป เรียวลิ้นร้อนซอกซอนเข้าไปในโพรงปากชื้น ลิ้นเล็กพยายามดันลิ้นเขาออกแต่กลายเป็นว่าถูกเกี่ยวรัดพัวพันดูดดื่ม ความหวานของปรกกำลังมอมเมาให้เขาหลงใหลและจุมพิตเร่าร้อนกำลังทำให้คนไม่เคยเคลิ้มตามช้าๆ   

     

     

    “ พี่สน...ยะ...อย่านะ...หยุด... ” ปรกห้ามเสียงแผ่วเมื่อเห็นว่ายังไงคงหนีคนตรงหน้าไม่พ้นแน่

     

    “ เป็นของพี่เถอะนะ พี่รักนาย ตัวแสบของพี่ ” สนกระซิบเสียงพร่าข้างใบหูบาง

     

    “ มะ...ไม่...อื้อ... ”

     

     

    =+=+=+=+=+=+= To Be Continue =+=+=+=+=+=+=


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×