ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Legendary เปิดตำนานศึกพลิกโลก

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 0 " ปรากฏตัว "

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 58


    ค.ศ. 2060 กรุงมอสโก ประเทศรัซเซีย เวลา 20 : 25 นาที

    " ท่านครับ!! เราพบคลื่นพลังงานก่อตัวเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่เหนือฟากฟ้าของกรุงมอสโกครับ! " 

    " ท่านครับ มีการติดต่อมาจากหน่วยเทคโนโลยีอวกาศ ว่าไม่สามารถรับคลื่นสัญญาณจากดาวเทียมได้ครับ!! " 

    " ตอนนี้ไฟบอกสัญญาณเกิดการขัดข้องหลายจุดในเมืองครับ!! " 

    ความอลหม่านมากมายเกิดขึ้นในห้องบัญชาการห้องหนึ่งที่มีจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่อยู่หน้าห้อง และเจ้าหน้าที่มากมายกำลังเดินไปให้ทั่ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะปรากฏการณ์ " รอยแยกของมิติ " ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่เสถียรของคลื่นแม่เหล็กโลก จนทำให้ชั้นบรรยากาศเกิดการบิดเบี้ยวตามไปด้วย  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น ตั้งแต่มนุษย์เริ่มที่จะศึกษาวิทยาศาสตร์ เรื่องราวของรอยแยกนี้ก็ถูกบันทึกไว้เป็นเรื่องแรกๆที่ค้นพบ แม้พวกเราจะรู้ว่ามันเกิดขึ้นๆได้อย่างไร แต่เรากลับไม่รู้ว่า เราควรจะปิดมันอย่างไรดี 

    " มีอะไรที่เราสามารถใช้การได้บ้าง!! สถานการณ์แบบนี้อย่าให้เข้าใกล้ดีที่สุด เพราะเรายังไม่รู้ว่า ' เกส ' ในมิติแยกนั้นคืออะไร "

    " ท่านครับ จากทางกองเรือลาดตระเวนคิรอฟแจ้งมาว่ามิสไซส์ต่อต้านอากาศยานถูกบรรจุไว้แล้วครับ! สามารถสั่งการได้ทุกเมื่อ! " 

    " ดี! แล้วทางอื่นล่ะ "

    " T-50 พร้อมออกปฏิบัติการจำนวน 13 ลำ ครับ " 

    " แค่นั้นก็น่าจะพอ... เอาล่ะ บอกให้ทุกหน่วยเตรียมพร้อมไว้ หากมีคำสั่งเมื่อไหร่ให้เริ่มโจมตีได้เลย!! "

    " รับทราบ! " 

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------


    ในประวัติศาสตร์นานมาแล้ว มนุษย์มักจะเกรงกลัวในสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้นั่นจึงทำให้มีเรื่องเล่าหลากหลายเรื่องราวที่เกี่ยวกับสิ่งที่ไม่น่าจะมีอยู่ในโลกถูกเล่าสืบต่อมาในปัจจุบัน หรือที่เราเรียกมันว่า " ตำนาน " ตำนานส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตลึกลับที่เข้ามาเหยียบย่ำบนโลกนี้ เราไม่มีทางรู้ได้ว่าแต่ละตำนานที่เล่าสืบทอดกันมานั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะมันมีมาตั้งแต่สมัยก่อน นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่หรือเหล่าคนที่เรียนจบสูงๆมักจะมองว่าตำนานเป็นแค่เรื่องเล่าจากปากของคนที่กลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ใครจะรู้ล่ะ....ในบางที พวกคนที่สร้างตำนานขึ้นมา... อาจจะเอามาจากสิ่งที่พวกเขาเห็นก็ได้นะ... 

    แล้วตำนานเกี่ยวข้องอะไรกับรอยแยกของมิติ? เเม้นักวิทยาศาสตร์จะเริ่มก้ำกึ่งแล้วว่าตำนานเกิดจากเรื่องจริงหรือไม่ แต่สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาเริ่มเบี่ยงเบนไปทาง " เรื่องจริง " นั่นก็คือ สิ่งมีชีวิตยักษ์ที่ไม่เคยปรากฏบนโลกมาก่อน พวกมันไม่เคยถูกบันทึกไว้ในหนังสือเล่มใด และไม่เคยนักวิทยาศาสตร์แขนงใดเคยพบมาก่อน แต่สิ่งเหล่านั้น กลับพบอยู่ใน " ตำนาน " พื้นเมืองของที่ต่างๆบนโลก พวกมันหลุดออกมาจากรอยแยกของมิติที่เกิดขึ้น ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างเป็นเหมือนที่ตำนานกล่าวไว้ทั้งหมด หากตำนานกล่าวว่ามันดุร้าย มันจะดุร้ายยิ่งกว่าทุกสัพสิ่งบนโลก หากตำนานกล่าวว่ามันสวยงาม มันจะกลายเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในโลก และหากตำนานเล่าว่ามันไม่มีวันตาย....ต่อให้มนุษย์เราต่างบรรเลงสรรพาวุธใส่พวกมันขนาดไหน... มันก็ไม่มีวันตายเด็ดขาด พวกเราได้ให้ " ชื่อเรียก " ของเหล่าสัตว์ประหลาดที่หลุดออกมาจากรอยแยกของมิติว่า " เกส " เพื่อที่จะได้ง่ายในการที่ต้องเจอกับพวกมันในครั้งต่อๆไป...

                                                ........แต่........

    มนุษย์ก็ไม่ได้มีดีแค่อาวุธและพละกำลัง พวกเขามีมันสมองที่ฉลาดดุจดั่งเพชรที่เจิดจรัสในยามโดนแสง การวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาเผ่าพันธุ์มนุษย์ดำเนินขึ้นอย่างลับๆภายใต้การร่วมมือกันของหลายประเทศ พวกเขาไม่สนใจกฏหมายด้านศีลธรรมของมนุษย์อีกต่อไป เพื่อความอยู่รอด มีผู้คนมากมายต้องเสียสละชีวิตมากมายและกลายเป็นผลงานที่ผิดพลาด นานวันไปจำนวนคนตายต่างก็มีมากขึ้นๆ จนพวกเขาเริ่มคิดว่า " มันไม่มีทางเป็นไปได้ " ที่จะทำให้มนุษย์ชาติก้าวหน้าไปมากกว่านี้ และในขณะที่พวกเขากำลังจะล้มเลิกมัน นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นๆ เขาได้แอบนำ DNA พิเศษที่สังเคราะห์จากธรรมชาติ จำนวน 4 ตัว คือ DNA สีเขียวสดใสที่ได้มาจากผืนดิน , DNA สีฟ้าเรืองแสง ที่ได้จากการสังเคราะห์ออกมาจากน้ำในมหาสมุทร , DNA สีแดงเพลิงที่มีความร้อนในตัว ซึ่งเป็นผลจากการสังเคราะห์ลาวาจากในภูเขาไฟ และ DNA ที่โปร่งแสงอันเกิดจากการน้ำธาตุที่สามารถพบในอากาศมาเก็บไว้รวมกันและใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์สร้างพวกมันออกมาในรูปของ DNA 1 ตัว เขานำ DNA เหล่านี้ไปทดลองต่อกับภรรยาของเขาที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ DNA สังเคราะห์เหล่านี้ถูกนำไปทดลองกับสตรีมีครรภ์ และเหตุผลที่ทำให้การทดลองนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนั่นก็เพราะว่า หากมีอะไรผิดพลาด จะต้องมีผู้เสียชีวิตมากกว่าปกติถึง 1 คน และดีไม่ดีเด็กในท้องที่เสียไปนั้น อาจจะทำประโยชน์ได้มากกว่าตายโดยไปพร้อมแม่เด็ก พวกเขาจึงหลีกเลี่ยงวิธีการนี้ไป 6 เดือนให้หลัง หลังจากที่ DNA สีเขียวสดถูกฉีดเข้าไปในครรภ์ของภรรยานักวิทยาศาสตร์ เด็กชายคนหนึ่งซึ่งมีร่างกายสมบูรณ์ก็ได้ถือกำเนิดออกมาจากครรภ์ของสตรีผู้ได้รับการฉีด DNA นับเป็นเรื่องที่โชคดีมากที่เด็กคนนี้สามารถรอดจากความตายได้ และที่น่ายินดียิ่งกว่า คือ เด็กคนนี้เกิดมาพร้อมกับพลังที่สามารถควบคุมผืนดินและป่าไม้ได้ นักวิทยาศาสตร์เจ้าของผลการทดลองดีใจมาก แต่เขากลับเลือกที่จะไม่บอกนักวิยาศาสตร์คนอื่นให้รับรู้เรื่องนี้เพราะกลัวว่าชีวิตของลูกของเขาจะไม่ปลอดภัย แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบค้นหาและทดลอง เขาตัดสินใจนำ DNA อีก 3 ตัวไปฉีดให้กับหญิงมีครรภ์ที่ยอมรับผลการทดลองได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในประเทศอื่นๆอีก 3 ประเทศ นั่นก็คือ เยอรมัน อียิปต์ และ ญี่ปุ่น 

    หลายสิบปีผ่านไป เหล่าเด็กๆที่ได้รับการปลูกถ่าย DNA ไปในครรภ์มารดา ต่างเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มสาวที่แข็งแรง แม้พวกเขาจะมีร่างกายเหมือนคนทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างออกมาก็คือ ทุกๆคนต่างก็ควบคุมพลังที่เหนือมนุษย์ได้ทั้งสิ้น โดยคนที่อยู่ในอียิปต์สามารถควบคุมไฟได้ คนที่อยู่ในเยอรมันสามารถบงการลมได้ดั่งใจนึก และคนที่อยู่ในญี่ปุ่น สามารถควบคุมน้ำได้ พลังเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าทุกๆสิ่งที่มนุษย์เคยสร้างขึ้นมา ดังนั้น พวกเขาทั้งหมด จึงมีชะตากรรมที่เข้าไปต่อสู้กับเหล่าเกสเพื่อมวลมนุษย์ชาติ ซึ่งมันก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีออกมา เกสตัวแรกที่พวกเขาทั้ง 4 เจอ คือเกสตัวแรกที่มนุษย์สามารถกำจัดได้  ชัยชนะกลับมาเป็นของเหล่ามนุษย์ชาติอีกครั้ง พวกเขาทั้ง 4 ต่างกระจายตัวไปในพื้นที่ของตนเพื่อเฝ้าระวังเกสที่อาจจะโผล่มาในพื้นที่ของตนได้ 

    หลังจากที่การก่อตั้งรากฐานในพื้นที่ของตนประสบผลสำเร็จ การสืบเชื้อสายก็ได้เริ่มขึ้น เพราะยังไงซะพวกเขาก็ยังเป็นคน การตายนั้นย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ และด้วยเหตุผลดังนั้น เลยทำให้เกิดตระกลูขนาดใหญ่ 4 ตระกลูขึ้นบนโลก ประกอบด้วย เอิร์ทธิเนส ที่ควบคุมดิน ยูกิวาราชิ ที่ควบคุมน้ำ เทมเพสมาแชร์ ที่ควบคุมลม และ อมูเนท ผู้ควบคุมไฟ ทั้ง 4 ตระกลูต่างก็มีทายาทที่แข็งแกร่งเพื่อไว้คอยต่อสู้กับเกสหลังจากที่เหล่าผู้นำตระกลูในรุ่นต่างๆเสียชีวิตไปแล้ว แต่เรื่องมันกลับไม่ได้ลงเอยโลกมี 4 ตระกลู เพราะจู่ๆก็เกิดเหตุการที่เหล่าผู้ควบคุมธาตุ มีทายาทออกมาเป็นธาตุผสม ดังเช่น น้ำแข็ง หรือ เหล็ก เป็นต้น มันเป็นเหมือนเรื่องที่น่ายินดีภายเกิดขึ้นภายใต้ความลับบางอย่าง เพราะว่าการที่จะทำให้ธาตุหลักนั้นเกิดการแปลเปลี่ยนได้ จำเป็นต้องมีธาตุหลักอีกตัวหนึ่งมาผสม หรือหากพูดกันแบบง่ายๆ นั่นก็เท่ากับว่า โลกเราไม่ได้มีแค่ 4 คนที่ควบคุมธาตุหลักได้ แต่มีทั้งหมด 8 คน หรือมากกว่า ทำให้เกิดการผสมของธาตุได้ และด้วยความที่เรื่องทุกอย่างมันเกิดอลหม่านขึ้นนี้ ก็ได้มีองกรณ์หนึ่งๆที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับปิดเรื่องที่มาของเหล่าธาตุหลักที่เหลือเอาไว้ โดยการที่เอาผู้ควบคุมธาตุทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นธาตุหลักหรือธาตุย่อย เข้าไปรวมไว้เป็นสมาชิกในองกรณ์ และทำการปราบปรามเกสที่เกิดมาทั่วโลก พวกเขาได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลหลายๆประเทศเพราะมันทำให้ประเทศนั้นๆปลอดภัยจากการเสียค่าซ่อมบำรุงประเทศเป็นจำนวนมากหากไม่มีเหล่าคนที่มาคอยปกป้อง พวกเขาเรียกตัวเองว่า " เลเจนด์คีปเปอร์ ( ผู้ควบคุมตำนาน ) " 


    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    " หากเกสปรากฏตัวเมื่อไหร่ เราจะถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด เพื่อให้ ' พวกนั้น ' มาทัน " 

         ชายแก่พูดไม่ทันขาดคำ เปลวเพลิงสีแดงฉานก็พวยพุ่งออกมาจากมิติแยกนั้นพร้อมๆกับการปรากฏตัวของนกยักษ์ที่ลำตัวลุกโชนไปด้วยไฟ

    " ท่านครับ เกสปรากฏตัวเเล้วครับ! " 

    " วิเคราะห์ข้อมูลรึยัง? " 

    " ได้แล้วครับ จากการนำรูปร่างของเกสไปเทียบกับตำนาน เท่าที่ดูแล้ว เจ้านี่น่าจะเป็นนกฟินิกส์ขนาดเล็กครับ! " 
       
    " มีนกฟินิกซ์ขนาดเล็กด้วยงั้นเหรอ!? "

    " ไม่ทราบครับ แต่เทียบออกมาแล้วมันมีลักษณะตรงกันครับ! " 

    " ต แต่ยังไงก็เถอะ ก่อนอื่นก็ต้องยิงสะกัดไว้ก่อน เอาล่ะ! สั่งการให้ทุกฝ่ายที่พร้อมโจมตี ให้โจมตีนำร่องไปก่อนเลย และให้โจมตีเป็นระยะๆ เล็งไปที่เป้าหมายอย่างเดียว อย่ายิงปูพรม จำไว้ให้ขึ้นใจว่าประชาชนในพื้นที่ต้องมาก่อน! " 

    " รับทราบ! " 

          คำสั่งถูกกระจายไปตามหน่วยรบต่างๆที่พร้อมโจมตีอย่างรวดเร็วด้วยระบบวิทยุที่ยังทำงานได้อยู่ เรือรบทุกลำในทะเลต่างแล่นไปบริเวณที่ไม่มีอะไรขัดวิถียิงปืนใหญ่เพื่อที่จะใช้ปืนใหญ่สนับสนุนจากทางทะเล ส่วนสนามบินทุกแห่งก็เตรียมรันเวย์เพื่อให้เหล่าเครื่องบินรบออกปฏิบัติการเช่นกัน นกไฟค่อยๆชโลมตัวลงมาจากรอยแยกมิติอย่างช้าๆ มันมาพร้อมกับไอร้อนระอุที่สามารถละลายตึกที่อยู่ใกล้ๆได้แบบสบายๆ อีกทั้งความร้อนนี้ยังค่อยๆกระจายตัวไปรอบเมืองด้วย 

    " จากเรือสตรีลีกุชชีย์ จากเรือสตรีลีกุชชีย์ ตอนนี้พบเป้าหมายแล้ว จะทำการยิงนำร่องให้ เราขอคำสั่งด้วย " 

    " จากเรือธงกรีย์แมร์ชีย์ จากเรือธงกรีแมร์ชีย์ ถึงตำแหน่งที่สามารถยิงสนับสนุนได้แล้ว เราขอคำสั่งด้วยครับ " 

    " เรือลาดตระเวณคิรอฟ รายงานจากนอกชายฝั่ง มิสไซส์ต่อต้านอากาศยานพร้อมแล้วครับ สามารถสั่งยิงได้เลย "

          ข้อความจากเรือรบขนาดใหญ่ที่เทียบท่าอยู่ถูกส่งกลับไปที่ศูนย์บัญชาการ และตามด้วยข้อความจากเรือรบอีกหลายลำที่รอยลำอยู่รอบๆปากอ่าว  

    " ท่านครับ เราได้รับข้อความขอคำสั่งมาจากเรือรบที่พร้อมยิงครับ ! " 

    " อะไรกัน!? ก็ฉันออกคำสั่งไปแล้วนี่ รีบๆทวนคำสั่งใหม่อีกรอบเลย " 

    " ทราบแล้วครั... ท่านครับ!! เราโดนคลื่นรบกวนครับ! มันกวนคลื่นวิทยุเราจนเราไม่สามารถส่งวิทยุได้เลย " 

    " บ้าเอ้ย! " 

           ชายแก่ในชุดนายพลอันสูงส่งกำลังเครียดแบบถึงที่สุดเพราะพวกเขาในตอนนี้ก็ไม่ต่างกับคนตาบอดที่มีแว่นตาอยู่ในมือ พวกเขาแม้จะมีพละกำลังมากแต่กลับไม่สามารถสั่งการได้ 

    " เจ้านกบ้านั่น... " 

            แววตาอันแค้นเคืองจากชายแก่จ้องเขม็งไปทางนกไฟตนนั้น เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดขึ้นมาตามใบหน้าของเขาและมือที่สั่นเทาแสดงให้เห็นถึงอาการหวาดกลัวที่ก่อเกิดขึ้นมาให้ใจของชายแก่ผู้นี้ ความโกรธ ความกลัว และความสิ้นหวัง ต่างพากันรุมล้อมเข้ามาที่เขา ความโกรธที่ไม่อาจจะสั่งการให้อาวุธที่มีทำงานได้ ความกลัวที่ว่าจะโดนผู้คนในเมืองประนาม และความสิ้นหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป 

    " สุดท้ายแล้วก็ไม่ทันสินะ... ไม่สิ พวกเราทำอะไรเพื่อถ่วงเวลาไว้ไม่ได้เลยมากกว่า... " 

            นกไฟตนนั้นยังคงจ้องมองไปทางศูนย์บัญชาการราวกับว่ากำลังลังเลว่าจะทำอะไรต่อ ไฟของมันค่อยๆเผาเมืองไปเรื่อยๆ แต่แล้วราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างได้ดลบันดาลให้มันพุ่งตรงเข้ามาทางศูนย์บัญชาการอย่างรวดเร็ว

    " ท่านครับมันมาแล้วครับ!! " 

    " เหวอ~~ " 

            เหล่าเจ้าหน้าที่ที่นั่งประจำการที่หน้าจอมอนิเตอร์ต่างรีบลึกวิ่งหนีออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลงจากการกระเเทกเข้ามาของนกไฟ

    " อา.... เข้ามาเลยสิ พวกเรา... หมดหวังแล้วนี่นา... "

            ชายแก่ที่รู้สึกปลงกับชีวิต เขาไม่หนีไปไหนทั้งสิ้นและยืนมองนกไฟตนนั้นพุ่งเข้ามาอยู่ที่เดิม มือที่สั่นเทาของเขายังคงกำราวเหล็กไว้แน่นเพื่อข่มความกลัว 

    " เอาเซ่!! อยากทำอะไรก็ทำตามใจแกเลย เจ้านกบ้า! " 

            อาจจเพราะความรู้สึกหลายๆอย่างที่เข้ามาถาโถมทำให้ชายแก่ไม่ทนอีกต่อไป เขาตะโกนออกมาดังๆเพื่อระบายทุกสิ่งทุกอย่างออกมาซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ปากนกไฟตนนั้นทะลุกำแพงและจอมอนิเตอร์เข้ามาจนจะถึงจุดที่ชายแก่ยืนอยู่แล้ว!! 

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×