ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic LSK : Calla Lily

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 53


    เทมเพสยืนดักรอข้าอยู่หน้าตำหนักเทพอัศวิน สีหน้าสดชื่นเหมือนเพิ่งได้รับข่าวดีมาหมาดๆ


    "กลับมาแล้วรึ ข้าเดินตามหาเจ้าอยู่ตั้งนาน พอดีได้เบาะแสการลอบสังหารครั้งต่อไปมาน่ะ" เป็นข่าวดีจริงๆ ดีมากๆ เสียด้วย!! ยิ่งข้าสามารถจัดการกับคดีดอกแคลล่าลิลลี่สีขาวได้เร็วเท่าไหร่ สถานการณ์ของข้ารวมถึงตำหนักเทพอัศวินก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ไม่ต่างกับยกภูเขาออกจากอก


    "ว่ามาสิ" ข้าจำต้องกล่าวเสียงเรียบๆ ต่ำๆ ตามธรรมเนียมของเทพอัศวินเทอร์มิส ทั้งที่ความจริงแทบเก็บซ่อนความยินดีเอาไว้ไม่ได้


    "พรุ่งนี้หลังเที่ยงคืน คฤหาสน์เซอร์อองเดร" เทมเพสรายงานข้อมูลที่ได้รับมาสดๆ ร้อนๆ


    ข้าไม่แปลกใจเลยถ้าเป้าหมายต่อไปจะเป็นขุนนางผู้นี้ ชื่อเสียงในด้านลบเกี่ยวกับกิจการซ่องนางโลมที่เขาหนุนหลังอยู่ดังกระฉ่อนไปทั่วเมือง แต่ก็เหมือนเหยื่อสังหารรายก่อนๆ ไม่มีหลักฐานใดพอจะพิสูจน์ได้ว่าคำกล่าวอ้างนั้นเป็นจริง


    "ดีมาก ข้าจะไปเตรียมกำลังไว้ ด้วยความเฉียบขาดขององค์มหาเทพ ข้าจะไม่ปล่อยให้ฆาตกรผู้นี้ลอยนวลเป็นอันขาด"


    เห็นทีค่ำนี้ ข้าคงต้องยกเลิกนัดซ้อมดาบกับลอเรนเสียแล้ว เพื่อจะได้ใช้เวลาวางแผนและกำหนดหน้าที่ให้เหล่าเทพอัศวินใต้บังคับบัญชาเตรียมการจับกุมให้เสร็จก่อนพรุ่งนี้


    ข้าสาวเท้าเร็วๆ กลับไปที่ห้องพัก ตั้งใจว่าถ้าแผนจับกุมคนร้ายยังไม่เสร็จ ข้าจะไม่ยอมนอน


    ฉะนั้น ในตอนนี้ที่ยังพอมีเวลา ก็ของีบเอาแรงสักพักก่อนเถอะ


    ******************


    ข่าวที่ได้รับจากเซอร์อองเดรไม่ค่อยดีต่อแผนของข้านัก เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อเรื่องที่ตนตกเป็นเป้าหมายการลอบสังหาร ซ้ำยังปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาด ไม่ยอมให้เทพอัศวินย่างกรายเข้าไปในบ้านแม้แต่คนเดียว


    ข้าชักเชื่อแล้วล่ะ ว่าขุนนางคนนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังบางอย่างไม่ชอบมาพากล


    คำปฏิเสธของเขาทำให้แผนการยากเย็นกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อไม่สามารถส่งคนเข้าไปจัดการจากภายในได้ ก็เหลือเพียงแค่วิธีเดียว ...ล้อมจับจากภายนอก


    ข้าไม่ค่อยชอบใช้วิธีนี้นัก เพราะโอกาสที่เป้าหมายจะเล็ดรอดออกไปได้มีสูงหากผู้ทำการล้อมจับมีฝีมือไม่เพียงพอ หรือเป้าหมายมีผู้อื่นคอยช่วยเหลือ จำต้องวางแผนให้รอบคอบรัดกุมที่สุด ไม่ปล่อยให้มีช่องว่างใดๆ รวมถึงเทพอัศวินที่จะไปร่วมทำภารกิจ ก็ต้องคัดเลือกแต่ผู้มีฝีมือเยี่ยมยอดเท่านั้น


    หลังจากดำเนินการประชุมวางแผนยาวนานเกือบหกชั่วโมง ข้าก็สรุปใจความประโยคสุดท้ายเสร็จพอดี


    "เวด คัดเลือกคนไปกับเจ้าสิบคน ไปดักรอที่ถนนเลียบกำแพงเมือง ข้ากับคนอื่นจะล้อมคฤหาสน์เซอร์อองเดรไว้ ถ้าจับกุมทันทีไม่ได้ ข้าจะไล่ต้อนมือสังหารให้หนีไปทางนั้น"


    เสียงระฆังอารามเทพแห่งแสงสว่างดังเหง่งหง่างขึ้นสามครั้ง บ่งบอกว่าขณะนี้เป็นเวลาตีสาม


    "ตกลงตามนี้ แยกย้ายไปนอนได้" 


    ******************


    หลังจากได้หลับพักผ่อนเต็มอิ่ม ข้าก็รู้สึกสดชื่นอย่างไม่เคยรู้สึกมาตลอดหลายวัน


    พายุฝนผ่านพ้นไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงฟ้าหลังฝนใสกระจ่าง ดุจเดียวกับอากาศดีๆ ในวันกลางฤดูร้อนเช่นนี้


    ข้าเดินไปตามถนน บนเส้นทางสู่บ้านของแคลล่า แม้แสงแดดจะแผดจ้า หากสายลมรวยรื่นพัดพา ช่วยบรรเทาความร้อนไม่ให้ระอุอ้าวจนเกินไป


    ดอกไม้นานาในสวนสวยรอบบ้านหลังน้อย ก็พร้อมใจกันเบ่งบานรับความสดใสของฤดูกาล รวมถึงความรื่นเริงของงานเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาถึงในวันรุ่งขึ้น


    หญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของข้ายืนรออยู่หน้าประตูบ้าน กลิ่นชาคาโมมายล์หอมหวลคุ้นเคยฟุ้งตลบอบอวล ข้าเดินเข้าไปนั่งรอข้างในตามความเคยชิน


    นางเดินตามเข้ามานั่งลงหน้าเปียโนไม้ ปลายนิ้วเรียวกดลงเบาๆ บนแป้น เริ่มต้นบรรเลงบทเพลงของวันนี้


    ทว่า เมื่อเปียโนแก้วเอื้อนเอ่ยคำร้องวรรคแรก กลับมิใช่เพลงรักดังคาดคิด

    "Look at me

    You may think you see who I really am

    But you'll never know me

    Everyday it's as if I play a part

    Now I see, if I wear a mask

    I can fool the world but I cannot fool my heart


    Who is that girl I see

    Staring straight back at me

    When will my reflection show

    Who I am inside"

    ข้ารู้จักลำนำเพลงบทนี้ กล่าวขานกันว่ามันถูกขับร้องขึ้นครั้งแรกเมื่อหลายร้อยปีก่อน ในช่วงเวลาที่สตรีเพศยังไม่ได้รับการยอมรับในความสามารถเช่นปัจจุบัน ด้วยน้ำเสียงของแม่ทัพหญิงนามกระฉ่อนแห่งแคว้นโยแลนด์ เจ้าของตำนานปลอมตัวเป็นชายออกศึก


    หากไม่มีครั้งใด ที่มันจะถูกขับขานออกมาอย่างอ่อนหวานและเศร้าโศกถึงปานนี้ ราวเจ้าของเสียงมีความในใจที่มิอาจให้ใครล่วงรู้

    "I am now

    In a world where I have to hide my heart  and what I believe in

    But somehow I will show the world

    What's inside my heart and be loved for who I am


    Who is that girl I see

    Staring straight back at me

    Why is my reflection someone I don't know

    Must I pretend that I'm someone else for all time

    When will my reflection show

    Who I am inside


    There's a heart that must be free to fly

    That burns with a need to know the reason why ~~~"

    เปียโนแก้วทอดเสียงลากยาว ประหนึ่งรำพันความทุกข์ทรมานยามจำใจต้องสวมหน้ากากปิดบังตัวตนแท้จริง ก่อนจะขึ้นท่อนสุดท้ายอย่างก้องกังวาน เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและจิตวิญญาณของเพลง

    "Why must we all conceal what we think , how we feel

    Must there be a secret me I'm forced to hide

    I won't pretend that I'm someone else for all time

    When will my reflection show

    Who I am inside......"

    กลีบปากสีชมพูเอื้อนสำเนียงอ้อยสร้อย...แผ่วเบา คลอประสานไปกับเสียงเปียโนไม้ ย้อนเล่นวรรคจบของเพลงอีกครั้ง

    "When will my reflection show

    Who I am inside"

    ข้าปรบมือดังๆ ให้กับบทเพลงที่จบลงอย่างน่าประทับใจ


    แม้จะไม่ใช่เพลงรักก็ตาม แต่แคลล่าก็ขับร้องออกมาได้อย่างซาบซึ้งกินใจจนข้าเผลอคิดไปว่า นางอาจเป็นนักขับเพลงสดุดีในตำนานปลอมตัวมา


    น่าเสียดาย ที่ข้าไม่มีสิ่งใดเลอค่าพอจะมอบเป็นรางวัลให้นาง นอกจากรอยจูบอันอ่อนหวาน


    แขนเรียวคล้องเข้าสวมกอดตอบ เบียดร่างเข้าหาจนสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลละมุนละไม กรุ่นกำจายกลิ่นหอมของมวลดอกไม้นานา


    อิงแอบแนบชิดไม่ห่างกระทั่งถึงยามเย็น เวลาแห่งการจากลา ...โดยอย่างยิ่ง ในวันที่ข้ามีหน้าที่สำคัญรออยู่


    ข้าอยากได้ยินคำอวยพรของนาง ขอให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เพียงเท่านี้ก็ทำให้ข้ามีกำลังใจอย่างล้นเหลือ


    "เดี๋ยวข้าจะออกไปจับกุมคนร้ายสำคัญ เจ้าจะช่วยอวยพรให้ข้าหน่อยได้ไหม"


    "ขอให้ท่านทำงานสำเร็จ และปลอดภัยกลับมาหาข้านะคะแลนซ์" คำอวยพรมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานปานจะหยด เติมเต็มหัวใจของข้าให้เปี่ยมล้นไปด้วยความยินดี


    ข้าสาวเท้ากลับตำหนักเทพอัศวินด้วยความรู้สึกโปร่งโล่งเบาหวิวเหมือนตัวจะลอยจากพื้นได้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่สวยงามเจิดจรัสท่ามกลางแสงอาทิตย์อัศดงทอประกายสีส้มอมแดงสดใส


    หากในเวลาต่อมา ข้าก็ได้รู้ว่า....เร็วเกินไปที่จะเรียกช่วงเวลาดีๆ ในวันนี้ว่า ฟ้าหลังฝน


    แท้จริง พายุร้ายลูกสุดท้ายกำลังซุ่มก่อตัว ก่อนจะถาโถมถล่มราบคาบโดยไม่ทันให้เตรียมตัวเตรียมใจต่างหาก


    ******************


    แสงสุดท้ายของวันสาดส่องผ่านบานหน้าต่างกว้าง ม่านลูกไม้ฝีมือละเอียดอ่อนถูกรวบชายขึ้นสูง เว้นพื้นที่ว่างให้ดวงตาสีน้ำตาลทอดมองออกไปเบื้องนอกอย่างหมองหม่น


    ยากจะบอกได้ว่ามณีเม็ดไหนงดงามกว่ากันใต้ประกายสะท้อนระยิบระยับ ระหว่างเพชรเม็ดเด่นบนนิ้วนางข้างซ้าย หรือหยาดเพชรที่ร่วงรินลงมาไม่ขาดสายจากเนตรคู่ซึ้ง


    "แลนซ์ที่รัก.... บางที ข้าอาจไม่คู่ควรกับท่านจริงๆ"

    ---------------------------------------------------



    Reflection เพลงประกอบประจำตอนค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×