ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4
"เจ้าไม่กลัวข้าหรือ" ข้าเอ่ยถามข้อสงสัยในใจทันทีที่คล้อยหลังเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา
คิ้วโก่งราวคันศรเลิกขึ้นสูง "ทำไมข้าจะต้องกลัวท่านด้วยละคะ"
"เทพอัศวินเทอร์มิสเป็นผู้รับสนองความเฉียบขาดขององค์มหาเทพ เป็นตัวแทนแห่งการลงทัณฑ์ มีชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยมไร้ปรานี..." ข้ายังพูดไม่จบ เสียงหวานใสก็ดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
"ไม่เห็นจะจริงเลย ถ้าท่านโหดเหี้ยมไร้ความปรานีจริงๆ ตอนที่ข้าเดินชนท่าน ท่านคงลงโทษข้าไปแล้ว แต่นอกจากท่านจะไม่ลงโทษข้า ท่านยังช่วยข้าเก็บดอกไม้ที่หล่น แล้วยังยินดีรับดอกไม้ของข้าทุกวันด้วย ยิ่ง...เรื่องเมื่อครู่ ถ้าท่านไม่ช่วยข้าไว้ ข้าก็คง......"
รู้จักกันได้เพียงไม่นาน แคลล่ากลับมองข้าทะลุปรุโปร่งหมดทุกอย่าง!!
นางไม่เพียงแต่มีรูปโฉมงดงามชวนประทับใจ และขวัญกล้าอย่างน่าชื่นชม แต่ยังมากด้วยไหวพริบไม่แพ้ยอดหญิงคนไหน
ข้าพยายามรักษาสีหน้าเคร่งๆ ของเทพอัศวินเทอร์มิสเอาไว้ แล้วกล่าวต่อ "แล้วเจ้าไม่กลัวหรือ เวลาที่ข้าลงทัณฑ์เจ้าพวกนั้น"
"ไม่ค่ะ" ส่ายหน้าปฏิเสธ นัยน์ตาสีน้ำตาลใสเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อคลอ "ข้ากลับรู้สึกอุ่นใจที่ท่านมาช่วยข้าไว้ ข้า..ข้านึกว่าท่านจะไม่มาเสียแล้ว"
คล้ายหูแว่ว ข้ารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเปียโนแก้วดีดคลอเป็นท่วงทำนองหวานล้ำ แม้จะเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน
"ข้า...ชอบท่าน"
ทว่า ครั้นเมื่อข้าเหลียวไปมองดวงหน้าแสนสวย นางกลับหันหน้าหลบไปอีกทาง
******************
แคลล่านำข้าออกห่างจากตรอก ตลาด และความจอแจทั้งมวล เข้าสู่ย่านที่เงียบสงบกว่า บ้านเรือนเริ่มตั้งห่างกันออกไปเรื่อยๆ ข้าพอจำได้ว่าคฤหาสน์บางหลังในพื้นที่นั้นเป็นของเศรษฐี หรือขุนนางผู้มีชื่อเสียงในเมือง
กระทั่งมาถึงบ้านหลังน้อยกลางสวนดอกไม้
ตัวบ้านทาด้วยสีเขียวอ่อน ตัดกับบานประตูและกรอบหน้าต่างที่ทำจากไม้เมเปิ้ลสีขาว ให้ความรู้สึกอบอุ่นดุจดังบ้านในฝันของสามีภรรยาหนุ่มสาวผู้เริ่มสร้างครอบครัว
"ถึงแล้วค่ะ นี่บ้านของข้า"
"บ้านของเจ้างั้นหรือ" ตัวบ้านไม่ใหญ่โตนักก็จริง แต่ด้วยตำแหน่งที่ตั้งซึ่งค่อนข้างเป็นเอกเทศจากบ้านเรือนรอบข้าง ทำให้ข้านึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
ในเมืองหลวงของแคว้นเช่นเมืองลีฟบัด ด้วยพื้นที่จำกัดกับประชากรที่กระจุกตัวเต็มเมือง ยากนักที่คนหาเช้ากินค่ำธรรมดาๆ จะหาที่อยู่อย่างเป็นเอกเทศ ห่างไกลจากบ้านเรือนรอบข้าง
แค่หาบ้านซักหลังเป็นของตัวเองได้ ไม่ต้องไปแบ่งเช่าเขาอยู่ ก็ถือว่าดีเกินพอแล้ว
ดังนั้น ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่นนี้ได้ ต้องมีทรัพย์สินเงินทองอยู่พอสมควรทีเดียว
อย่างไรก็ตาม คำตอบที่ได้รับจากปากนางไม่น่าแปลกใจนัก
"บ้านหลังนี้เป็นของพ่อแม่ข้าค่ะ ตอนพวกท่านยังอยู่ ก็ทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ พอมีเงินเก็บสะสมอยู่บ้าง แต่พวกท่านเสียไปหลายปีแล้ว ตั้งแต่ข้ายังเด็ก" พูดมาถึงตอนนี้ แววตาสีน้ำตาลเข้มก็พลันหมองลงด้วยรอยหม่นเศร้า
เงียบไปชั่วครู่ ก่อนนางจะกล่าวต่อ "ญาติที่อยู่ต่างเมืองรับข้าไปเลี้ยง ข้าเพิ่งกลับมาอยู่บ้านเดิมได้แค่ปีสองปีเองค่ะ"
มิน่าล่ะ ผิวพรรณของนางถึงยังคงความอ่อนละมุน กิริยามารยาทก็นุ่มนวลแช่มช้อยเกินกว่าระดับชาวบ้านร้านตลาด แม้ยังไม่อาจเทียบเคียงกับพวกราชวงศ์หรือธิดาขุนนางได้ก็ตาม
มือเรียวสาละวนกับการไขกุญแจชั่วครู่ แล้วจึงเปิดประตูหน้าบ้านออกกว้าง
"ท่านเข้ามานั่งพักก่อนเถอะค่ะ ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า" ร่างบางหมุนตัวขึ้นบันไดไป ขณะที่ข้าหย่อนตัวลงบนโซฟาบุผ้า พลางกวาดตามองไปรอบๆ
แม้ตัวบ้านค่อนข้างแคบ แต่เครื่องเรือนภายในบ้านก็จัดวางได้อย่างลงตัว รวมถึงเพดานห้องนั่งเล่นที่เปิดโล่งขึ้นไปถึงชั้นสอง ทำให้ดูโอ่โถง ไม่อึดอัด ทางด้านหลังของข้ามีซุ้มโค้งตั้งตระหง่าน คล้ายเป็นทางเชื่อมสู่ห้องอาหารและห้องครัวในส่วนหลังบ้าน
เครื่องเรือนชิ้นหนึ่ง คลุมไว้ด้วยผ้ากำมะหยี่ วางอยู่ตรงเชิงบันไดไม้เมเปิล ข้าเดาว่าคงเป็นตู้เก็บของสำคัญ
นั่งรอประมาณสิบห้านาที ข้าก็เห็นหญิงสาวโฉมงามคนหนึ่งเยื้องย่างลงมาจากบันได
นางดูสะอาดสะอ้านและเรียบร้อยในเสื้อผ้าชุดใหม่ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข เสื้อคลุมสีดำของข้าคล้องอยู่บนแขนเรียวแทนตะกร้าใส่ดอกไม้ที่เห็นจนชินตา
แคลล่าส่งเสื้อคลุมคืนให้ข้า "ดื่มน้ำชาซักแก้วไหมคะ" เสียงหวานเอ่ยเชื้อเชิญ
ข้าพยักหน้ารับ
ร่างโปร่งบางเดินผ่านซุ้มโค้ง หายเข้าไปหลังบ้านชั่วครู่ จากนั้นก็กลับมาพร้อมกาน้ำชา และถ้วยชาสองใบ
ควันขาวร้อนกรุ่นพวยพุ่งขึ้นมา ระหว่างที่มือเล็กค่อยๆ โปรยดอกไม้แห้งสี่ห้าดอกลงไปในกา
"คาโมมายล์ค่ะ" นางอธิบาย "มีสรรพคุณช่วยให้ผ่อนคลาย หลับสบาย เหมาะสำหรับคนที่ทำงานเหนื่อยๆ มาทั้งวัน"
น้ำชาร้อนๆ ไหลรินจากพวยกาลงสู่ถ้วยชา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมันช่วยให้ข้ารู้สึกผ่อนคลายสมดังสรรพคุณ
อีกฟากของโซฟายุบตัวลงเบาๆ บ่งบอกว่าเจ้าบ้านเลือกนั่งลงตรงนั้น
ต่างฝ่ายต่างนั่งจิบชาอยู่เงียบๆ เสียงเดียวที่ได้ยินในเวลานั้น คือเสียงน้ำชาไหลจากกาลงกระทบถ้วยกระเบื้อง
หากไม่รู้สึกเงียบเหงาสักนิด มีเพียงความสงบ สบายใจ
ข้าอยากอยู่อย่างนี้ต่อไปนานๆ.....
กว่าข้าจะเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำชาก็พร่องจนเกือบหมดแล้ว
"ดอกแคลล่าลิลลี่ของข้าล่ะ"
"วันนี้ข้าคงไม่มีดอกแคลล่าลิลลี่ให้ท่าน" นางก้มหน้าลง "ท่านก็เห็น ดอกไม้ของข้าถูก..พวกนั้น ทำเสียหายไปหมดแล้ว"
ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะว่าดอกไม้ของนางถูกเหยียบย่ำเสียหาย จนไม่สามารถเก็บมาทำอะไรต่อได้ ยกเว้นก็แต่ 'แคลล่า' ลิลลี่สีขาวพิสุทธิ์ดอกหนึ่งที่รอดมาได้อย่างเฉียดฉิว
"ข้าหมายถึงเจ้าต่างหาก แคลล่า" เป็นครั้งแรกที่ข้าเรียกชื่อของนางตรงๆ
"..ท่านรู้ว่าข้าชื่อแคลล่า" น้ำเสียงใสเจือด้วยความประหลาดใจ คล้ายจะตั้งคำถามเป็นนัยๆ ว่า ท่านรู้ได้อย่างไร
"ไม่มีอะไรที่เทพอัศวินไม่รู้ หากต้องการจะรู้" ข้าคลี่ยิ้มบาง รอยยิ้ม..ที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมานับสิบปี
"แทนดอกแคลล่าลิลลี่ของวันนี้ ข้าอยากให้เจ้าทำความรู้จักข้า ไม่ใช่ในฐานะเทพอัศวินเทอร์มิส แต่เป็นฐานะ 'แลนซ์' "
ไม่มีคำตอบ มีเพียงกลีบดอกแคลล่าลิลลี่สีขาวที่เริ่มเจือด้วยสีชมพู แผ่ซ่านทีละนิด ทีละนิด
...ราวกับมีแรงดึงดูดจากจุดที่มีสีชมพูเข้มที่สุด ริมฝีปากของข้าค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาจุดนั้นช้าๆ
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มพริ้มหลับ รอคอยให้สัมผัสอันซาบซึ้งเคลื่อนมาถึง
....ช่างหวานล้ำ หวานกว่าที่คิดไว้เสียอีก
หวานฉ่ำ... เสียจนไม่อยากถอนตัว
ปรารถนาเพียงซึมซับ ดูดกลืนความหอมหวานนี้ไว้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด........
"นับตั้งแต่พรุ่งนี้ เวลาบ่ายสามโมงของทุกวัน ข้าจะมาดื่มน้ำชายามบ่ายกับเจ้า อย่าลืมเตรียมชาคาโมมายล์กับดอกแคลล่าลิลลี่ให้ข้าด้วยล่ะ"
---------------------------------------------------------------------
Writer Talk
แอบแปลกใจทีเรื่องนี้ไม่ค่อยมีคนมาอ่านกันเลย (หรือเพราะรู้เรื่องกันแล้วที่ Enter หว่า)
ยังไงผ่านไปผ่านมา ก็ช่วยแวะมาอ่านเรื่องนี้หน่อยนะคะ ^^
คิ้วโก่งราวคันศรเลิกขึ้นสูง "ทำไมข้าจะต้องกลัวท่านด้วยละคะ"
"เทพอัศวินเทอร์มิสเป็นผู้รับสนองความเฉียบขาดขององค์มหาเทพ เป็นตัวแทนแห่งการลงทัณฑ์ มีชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยมไร้ปรานี..." ข้ายังพูดไม่จบ เสียงหวานใสก็ดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
"ไม่เห็นจะจริงเลย ถ้าท่านโหดเหี้ยมไร้ความปรานีจริงๆ ตอนที่ข้าเดินชนท่าน ท่านคงลงโทษข้าไปแล้ว แต่นอกจากท่านจะไม่ลงโทษข้า ท่านยังช่วยข้าเก็บดอกไม้ที่หล่น แล้วยังยินดีรับดอกไม้ของข้าทุกวันด้วย ยิ่ง...เรื่องเมื่อครู่ ถ้าท่านไม่ช่วยข้าไว้ ข้าก็คง......"
รู้จักกันได้เพียงไม่นาน แคลล่ากลับมองข้าทะลุปรุโปร่งหมดทุกอย่าง!!
นางไม่เพียงแต่มีรูปโฉมงดงามชวนประทับใจ และขวัญกล้าอย่างน่าชื่นชม แต่ยังมากด้วยไหวพริบไม่แพ้ยอดหญิงคนไหน
ข้าพยายามรักษาสีหน้าเคร่งๆ ของเทพอัศวินเทอร์มิสเอาไว้ แล้วกล่าวต่อ "แล้วเจ้าไม่กลัวหรือ เวลาที่ข้าลงทัณฑ์เจ้าพวกนั้น"
"ไม่ค่ะ" ส่ายหน้าปฏิเสธ นัยน์ตาสีน้ำตาลใสเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อคลอ "ข้ากลับรู้สึกอุ่นใจที่ท่านมาช่วยข้าไว้ ข้า..ข้านึกว่าท่านจะไม่มาเสียแล้ว"
คล้ายหูแว่ว ข้ารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเปียโนแก้วดีดคลอเป็นท่วงทำนองหวานล้ำ แม้จะเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน
"ข้า...ชอบท่าน"
ทว่า ครั้นเมื่อข้าเหลียวไปมองดวงหน้าแสนสวย นางกลับหันหน้าหลบไปอีกทาง
******************
แคลล่านำข้าออกห่างจากตรอก ตลาด และความจอแจทั้งมวล เข้าสู่ย่านที่เงียบสงบกว่า บ้านเรือนเริ่มตั้งห่างกันออกไปเรื่อยๆ ข้าพอจำได้ว่าคฤหาสน์บางหลังในพื้นที่นั้นเป็นของเศรษฐี หรือขุนนางผู้มีชื่อเสียงในเมือง
กระทั่งมาถึงบ้านหลังน้อยกลางสวนดอกไม้
ตัวบ้านทาด้วยสีเขียวอ่อน ตัดกับบานประตูและกรอบหน้าต่างที่ทำจากไม้เมเปิ้ลสีขาว ให้ความรู้สึกอบอุ่นดุจดังบ้านในฝันของสามีภรรยาหนุ่มสาวผู้เริ่มสร้างครอบครัว
"ถึงแล้วค่ะ นี่บ้านของข้า"
"บ้านของเจ้างั้นหรือ" ตัวบ้านไม่ใหญ่โตนักก็จริง แต่ด้วยตำแหน่งที่ตั้งซึ่งค่อนข้างเป็นเอกเทศจากบ้านเรือนรอบข้าง ทำให้ข้านึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
ในเมืองหลวงของแคว้นเช่นเมืองลีฟบัด ด้วยพื้นที่จำกัดกับประชากรที่กระจุกตัวเต็มเมือง ยากนักที่คนหาเช้ากินค่ำธรรมดาๆ จะหาที่อยู่อย่างเป็นเอกเทศ ห่างไกลจากบ้านเรือนรอบข้าง
แค่หาบ้านซักหลังเป็นของตัวเองได้ ไม่ต้องไปแบ่งเช่าเขาอยู่ ก็ถือว่าดีเกินพอแล้ว
ดังนั้น ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเช่นนี้ได้ ต้องมีทรัพย์สินเงินทองอยู่พอสมควรทีเดียว
อย่างไรก็ตาม คำตอบที่ได้รับจากปากนางไม่น่าแปลกใจนัก
"บ้านหลังนี้เป็นของพ่อแม่ข้าค่ะ ตอนพวกท่านยังอยู่ ก็ทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ พอมีเงินเก็บสะสมอยู่บ้าง แต่พวกท่านเสียไปหลายปีแล้ว ตั้งแต่ข้ายังเด็ก" พูดมาถึงตอนนี้ แววตาสีน้ำตาลเข้มก็พลันหมองลงด้วยรอยหม่นเศร้า
เงียบไปชั่วครู่ ก่อนนางจะกล่าวต่อ "ญาติที่อยู่ต่างเมืองรับข้าไปเลี้ยง ข้าเพิ่งกลับมาอยู่บ้านเดิมได้แค่ปีสองปีเองค่ะ"
มิน่าล่ะ ผิวพรรณของนางถึงยังคงความอ่อนละมุน กิริยามารยาทก็นุ่มนวลแช่มช้อยเกินกว่าระดับชาวบ้านร้านตลาด แม้ยังไม่อาจเทียบเคียงกับพวกราชวงศ์หรือธิดาขุนนางได้ก็ตาม
มือเรียวสาละวนกับการไขกุญแจชั่วครู่ แล้วจึงเปิดประตูหน้าบ้านออกกว้าง
"ท่านเข้ามานั่งพักก่อนเถอะค่ะ ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า" ร่างบางหมุนตัวขึ้นบันไดไป ขณะที่ข้าหย่อนตัวลงบนโซฟาบุผ้า พลางกวาดตามองไปรอบๆ
แม้ตัวบ้านค่อนข้างแคบ แต่เครื่องเรือนภายในบ้านก็จัดวางได้อย่างลงตัว รวมถึงเพดานห้องนั่งเล่นที่เปิดโล่งขึ้นไปถึงชั้นสอง ทำให้ดูโอ่โถง ไม่อึดอัด ทางด้านหลังของข้ามีซุ้มโค้งตั้งตระหง่าน คล้ายเป็นทางเชื่อมสู่ห้องอาหารและห้องครัวในส่วนหลังบ้าน
เครื่องเรือนชิ้นหนึ่ง คลุมไว้ด้วยผ้ากำมะหยี่ วางอยู่ตรงเชิงบันไดไม้เมเปิล ข้าเดาว่าคงเป็นตู้เก็บของสำคัญ
นั่งรอประมาณสิบห้านาที ข้าก็เห็นหญิงสาวโฉมงามคนหนึ่งเยื้องย่างลงมาจากบันได
นางดูสะอาดสะอ้านและเรียบร้อยในเสื้อผ้าชุดใหม่ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข เสื้อคลุมสีดำของข้าคล้องอยู่บนแขนเรียวแทนตะกร้าใส่ดอกไม้ที่เห็นจนชินตา
แคลล่าส่งเสื้อคลุมคืนให้ข้า "ดื่มน้ำชาซักแก้วไหมคะ" เสียงหวานเอ่ยเชื้อเชิญ
ข้าพยักหน้ารับ
ร่างโปร่งบางเดินผ่านซุ้มโค้ง หายเข้าไปหลังบ้านชั่วครู่ จากนั้นก็กลับมาพร้อมกาน้ำชา และถ้วยชาสองใบ
ควันขาวร้อนกรุ่นพวยพุ่งขึ้นมา ระหว่างที่มือเล็กค่อยๆ โปรยดอกไม้แห้งสี่ห้าดอกลงไปในกา
"คาโมมายล์ค่ะ" นางอธิบาย "มีสรรพคุณช่วยให้ผ่อนคลาย หลับสบาย เหมาะสำหรับคนที่ทำงานเหนื่อยๆ มาทั้งวัน"
น้ำชาร้อนๆ ไหลรินจากพวยกาลงสู่ถ้วยชา กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมันช่วยให้ข้ารู้สึกผ่อนคลายสมดังสรรพคุณ
อีกฟากของโซฟายุบตัวลงเบาๆ บ่งบอกว่าเจ้าบ้านเลือกนั่งลงตรงนั้น
ต่างฝ่ายต่างนั่งจิบชาอยู่เงียบๆ เสียงเดียวที่ได้ยินในเวลานั้น คือเสียงน้ำชาไหลจากกาลงกระทบถ้วยกระเบื้อง
หากไม่รู้สึกเงียบเหงาสักนิด มีเพียงความสงบ สบายใจ
ข้าอยากอยู่อย่างนี้ต่อไปนานๆ.....
กว่าข้าจะเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำชาก็พร่องจนเกือบหมดแล้ว
"ดอกแคลล่าลิลลี่ของข้าล่ะ"
"วันนี้ข้าคงไม่มีดอกแคลล่าลิลลี่ให้ท่าน" นางก้มหน้าลง "ท่านก็เห็น ดอกไม้ของข้าถูก..พวกนั้น ทำเสียหายไปหมดแล้ว"
ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะว่าดอกไม้ของนางถูกเหยียบย่ำเสียหาย จนไม่สามารถเก็บมาทำอะไรต่อได้ ยกเว้นก็แต่ 'แคลล่า' ลิลลี่สีขาวพิสุทธิ์ดอกหนึ่งที่รอดมาได้อย่างเฉียดฉิว
"ข้าหมายถึงเจ้าต่างหาก แคลล่า" เป็นครั้งแรกที่ข้าเรียกชื่อของนางตรงๆ
"..ท่านรู้ว่าข้าชื่อแคลล่า" น้ำเสียงใสเจือด้วยความประหลาดใจ คล้ายจะตั้งคำถามเป็นนัยๆ ว่า ท่านรู้ได้อย่างไร
"ไม่มีอะไรที่เทพอัศวินไม่รู้ หากต้องการจะรู้" ข้าคลี่ยิ้มบาง รอยยิ้ม..ที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมานับสิบปี
"แทนดอกแคลล่าลิลลี่ของวันนี้ ข้าอยากให้เจ้าทำความรู้จักข้า ไม่ใช่ในฐานะเทพอัศวินเทอร์มิส แต่เป็นฐานะ 'แลนซ์' "
ไม่มีคำตอบ มีเพียงกลีบดอกแคลล่าลิลลี่สีขาวที่เริ่มเจือด้วยสีชมพู แผ่ซ่านทีละนิด ทีละนิด
...ราวกับมีแรงดึงดูดจากจุดที่มีสีชมพูเข้มที่สุด ริมฝีปากของข้าค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาจุดนั้นช้าๆ
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มพริ้มหลับ รอคอยให้สัมผัสอันซาบซึ้งเคลื่อนมาถึง
....ช่างหวานล้ำ หวานกว่าที่คิดไว้เสียอีก
หวานฉ่ำ... เสียจนไม่อยากถอนตัว
ปรารถนาเพียงซึมซับ ดูดกลืนความหอมหวานนี้ไว้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด........
"นับตั้งแต่พรุ่งนี้ เวลาบ่ายสามโมงของทุกวัน ข้าจะมาดื่มน้ำชายามบ่ายกับเจ้า อย่าลืมเตรียมชาคาโมมายล์กับดอกแคลล่าลิลลี่ให้ข้าด้วยล่ะ"
---------------------------------------------------------------------
Writer Talk
แอบแปลกใจทีเรื่องนี้ไม่ค่อยมีคนมาอ่านกันเลย (หรือเพราะรู้เรื่องกันแล้วที่ Enter หว่า)
ยังไงผ่านไปผ่านมา ก็ช่วยแวะมาอ่านเรื่องนี้หน่อยนะคะ ^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น