ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic LSK : Calla Lily

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 53


    วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือน


    และเป็นวันสุดท้ายของเวรลาดตระเวนตรวจตรารอบเมือง


    ข้าอดใจหายไม่ได้ เหมือนรอยยิ้มสดใสของนาง และดอกแคลล่าลิลลี่สีขาวที่ได้รับ จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของข้าไปเสียแล้ว


    ผิดกับดอกแคลล่าลิลลี่สีขาวในอีกความหมาย


    คดีฆาตกรรมเกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผู้ตายเป็นขุนนางใจซื่อมือสะอาด แต่ร่ำลือหนาหูว่ามีอีกด้านเป็นเจ้าหนี้เงินกู้หน้าเลือด คิดดอกเบี้ยแพงระยับ ยิ่งถ้ากู้ไปแล้วไม่มีจ่าย บางรายถึงกับต้องแลกหนี้ด้วยชีวิต


    แน่นอน พระราชาไม่ทรงสนพระทัยข่าวลือที่ยังพิสูจน์ไม่ได้พวกนี้หรอก


    จะทรงสนพระทัยก็แต่เรื่องความคืบหน้าของคดีที่ไม่ไปถึงไหนเสียที ถึงกับทรงขู่ว่าจะงดให้ความช่วยเหลือวิหารเทพแห่งแสงสว่าง 'ในทุกๆ ด้าน'


    แน่นอนเสียยิ่งกว่า ภาระหนักตกมาอยู่ที่ข้าเช่นเคย


    *****************


    ข้านำหน่วยเทพอัศวินเทอร์มิสออกลาดตระเวนตามหน้าที่ สวนกับกลุ่มนักรบแปลกหน้าสี่ห้าคนบนถนนที่ไม่ค่อยมีใครสัญจร


    พวกเขาพูดคุยกันเองเบาๆ จับใจความไม่ชัดเจนนัก แต่พอจะเดาได้ว่าเกี่ยวกับหญิงงามที่ใครสักคนในกลุ่มให้ความสนใจอยู่


    ข้านึกแปลกใจครามครัน แต่ก็ยังคงเดินตรวจตราต่อไปถึงตรอกแห่งเดิม...ที่วันนี้ กลับไม่เหมือนเดิม


    ไม่มีแคลล่า


    ไม่มีรอยยิ้มของนาง


    และไม่มีดอกแคลล่าลิลลี่สีขาวของนาง


    ข้าชักสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้ว นักรบแปลกหน้าท่าทางมีพิรุธกลุ่มนั้น จะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของแคลล่าหรือไม่


    "ย้อนกลับไปดูที่เดิม เมื่อครู่ข้าเห็นคนมีพิรุธ" ข้าร้องสั่งผู้ใต้บังคับบัญชา


    .....และลางสังหรณ์ของข้าก็เป็นจริง


    "ปล่อยนะ" เสียงเปียโนแก้วกรีดแหลมราวถูกดีดลงที่โน้ตตัวสุดท้าย พาให้หัวใจคนฟังตกวูบ "ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้า...อุ๊บ!!"


    หนึ่งในเดนสังคมพูดกลั้วหัวเราะ "ร้องไปก็ไม่มีใครได้ยินหรอก กองลาดตระเวนของเทพอัศวินเทอร์มิสเพิ่งจะผ่านไป กว่าจะย้อนกลับมาก็คงอีกนาน มาสนุกกันดีกว่าน่า คนสวย" 


    ข้าแทบสูญเสียความเยือกเย็นเมื่อได้ยินประโยคที่เต็มไปด้วยความคิดชั่วร้ายของนักรบนอกรีตกลุ่มนั้น


    ข้าอยากฟันพวกมันให้ขาดเป็นสองท่อน!!


    ทว่า ข้าทำได้เพียงสงบอารมณ์ แล้วเลี้ยวอ้อมมุมตึกไปหาต้นเสียง


    ร่างบอบบางราวตุ๊กตาแก้วดิ้นไปมาอย่างสิ้นหนทาง เศษมนุษย์สองคนล็อกสองแขนกลมกลึงไว้คนละข้าง ซ้ำยังใช้มือใหญ่กร้านปิดปากของนางไว้อีก ส่วนอีกสองคนกำลังสาละวนกับการฉีกทึ้งอาภรณ์ที่นางสวมใส่ ตะกร้าดอกไม้กลิ้งอยู่ริมทาง ดอกไม้แสนสวยกระจายเกลื่อนเหมือนวันแรกที่ข้าพบนาง แต่ไม่มีผู้ใดใส่ใจจะเก็บ ซ้ำยังเหยียบย่ำราวเศษหญ้าไร้ค่า


    "ด้วยความเฉียบขาดของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง ผู้กระทำผิดจักต้องได้รับการลงทัณฑ์"


    ข้าชักดาบเทพเทอร์มิสออกมา เป็นผลให้พวกกักขฬะละมือจากการกระทำต่ำช้า ชักดาบจากฝักเรียงหน้าเข้ามาอย่างไม่พอใจ


    "หมูเขาจะหาม อย่าเอาคานเข้ามาสอดสิเว้ย"


    แต่ฝีมือเพียงแค่นั้น ย่อมมิใช่คู่มือของข้า


    แคลล่าถอยหลังไปยืนพิงกำแพง ใบหน้าสวยซีดขาว เนื้อตัวสั่นสะท้าน แววตาที่ทอดมองการกระทำของข้าเต็มไปด้วยความหวั่นผวา


    แต่อย่างน้อย ก็ไม่ได้หวาดกลัวถึงขั้นเป็นลม


    หรือกรีดร้องราวคนบ้า


    หรือเบือนหน้าหนีจากภาพการลงทัณฑ์อันโหดเหี้ยม


    ...หัวจิตหัวใจของนางช่างแข็งแกร่ง ผิดกับร่างกายที่บอบบางราวกลีบดอกไม้... ข้าคิดอย่างชื่นชม


    ใช่ว่าข้าไม่เคยนึกสนใจผู้หญิง แต่นอกจากสตรีคนสำคัญอย่างเจ้าหญิง นักบวชแห่งแสง และลิชช์จากวิหารเทพแห่งความมืดมนแล้ว ผู้หญิงทุกคนที่ข้าเคยรู้จัก ล้วนแต่บอบบาง อ่อนแอทั้งกายและใจ


    ด้วยฐานะเทพอัศวินเทอร์มิส ตัวแทนแห่งการลงทัณฑ์ เส้นทางชีวิตของข้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากแต่เปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยคาวโลหิตของศัตรูและผู้กระทำผิด


    คนรักของข้าจำเป็นต้องเข้มแข็งพอจะปลอบโยนตัวเอง ในขณะที่สองมือของข้าจับอาวุธขึ้นต่อสู้


    ...จนกว่าข้าจะสามารถวางดาบลง และโอบกอดนางแนบกายได้


    แคลล่า...ถ้าเป็นนาง คงเข้มแข็งพอจะก้าวเดินไปพร้อมกับข้าในฐานะ 'คนรัก'


    ******************


    อันธพาลทั้งสี่โดนข้าจัดการเสียจนลงไปนอนหมดสภาพอยู่ที่พื้น


    ไม่จำเป็นต้องมีคำสั่ง ลูกน้องในหน่วยของข้าก็วิ่งเข้ามา 'ลาก' พวกมันไปส่งเรือนจำอย่างรู้หน้าที่


    ถึงข้าจะสะอิดสะเอียนคาวเลือดและเศษเนื้อเพียงใด แต่พวกมันจะต้องได้รับโทษอย่างสาสมแน่!!


    สีสันเริ่มกลับมาสู่ใบหน้าของนางหลังเหตุการณ์สงบลง แขนเรียวรีบยกขึ้นมากอดอกคล้ายพยายามปิดบังอะไรบางอย่าง


    ...ข้าเกือบลืมไปเลยว่าเสื้อที่นางสวม ขาดวิ่นเสียจนแทบกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว


    ถึงกระนั้น ท่อนแขนกลมกลึงราวรูปสลักก็ปิดบังเนินอกอิ่มได้เพียงครึ่ง ผิวสีครีมที่โผล่พ้นออกมารำไรช่างยั่วตายั่วใจนัก เย้ายวนให้หลงใหล..จนลืมความยับยั้งชั่งใจทั้งมวล


    ขืนปล่อยให้ไปไหนมาไหนในสภาพนี้ นางไม่ปลอดภัยแน่


    ข้าถอดเสื้อคลุมสีรัตติกาลออก พาดคลุมลงไปบนไหล่บอบบาง แล้วหันกลับไปพูดกับหน่วยเทพอัศวินเทอร์มิสใต้บังคับบัญชา


    "พวกเจ้าเดินลาดตระเวนต่อไปก่อน ข้าจะไปส่งนางที่บ้าน"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×