คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2
"ด้วยพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านที่ในที่สุดก็มีคนมองเห็นความเมตตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเฉียบขาดแห่งองค์มหาเทพของท่านเสียที" หัวหน้าเทพอัศวินครีอุส เพื่อนสนิทที่สุดของข้าเอ่ยทักในยามเช้าวันต่อมา
แปลได้ว่า 'ยินดีด้วยนะ ในที่สุดคนเย็นชาขี้เก๊กอย่างเจ้าก็มีสาวมาชอบซะที'
ข้าตวัดสายตาเย็นเยียบกลับไป 'ไม่ใช่เรื่องของเจ้า'
เจ้านั่นยิ้มตอบอย่างสว่างไสวเช่นเคย แต่มุมปากกลับกระตุกกึกๆ คล้ายพยายามกลั้นหัวเราะ
ข้าทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินต่อ แต่เดินไปได้ไม่ไกลก็มีอันต้องหยุดชะงักอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังมากระทบโสต
"ได้ข่าวว่ามีสาวมาให้ดอกไม้เจ้าตอนไปลาดตระเวนเมื่อวานนี่เทอร์มิส ข้าละอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ชอบของแปลกคนนั้นนัก นางคงจะน่ากลัวไม่แพ้เจ้าเป็นแน่" เป็นเสียงของเทพอัศวินเอกอน ผู้ได้ชื่อว่าปากเสียจนไม่มีใครทนสนทนากับเขาได้เกินสิบนาที
ตามปกติ เขาจะไม่กล้าพูดอะไรกับข้ามากนัก ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้รวบรวมกำลังขวัญอยู่นานเท่าไรกว่าจะกล้าพูดออกมาได้
ทว่า นั่นยังไม่สำคัญเท่า...พวกเขาไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน!
ข้านึกคาดโทษหน่วยอัศวินของตัวเองอยู่ในใจ เห็นทีต้องไปฝึกอบรมว่าสิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูดมากกว่านี้กระมัง
"ผิดแล้วล่ะเอกอน" แม้กระทั่งเทพอัศวินเทมเพส สายข่าวประจำตำหนักเทพอัศวินก็ยังเป็นไปกับเขาด้วย "นางมีรูปโฉมงดงามราวกับภูตดอกไม้ ไม่เฉียดใกล้คำว่าน่ากลัวซักนิด ข้าเห็นข้ายังนึกอยากเดินเข้าไปเกี้ยวเลย"
เทพอัศวินเอกอนทำหน้าไม่ค่อยเชื่อนัก เหตุที่รู้กันว่าเทพอัศวินเทมเพสมีชื่อเสียงด้านความเจ้าชู้ ขอเพียงหญิงใดหน้าตาดีกว่ามังกรเพียงเล็กน้อย เขาก็พร้อมจะส่งสายตาหวานๆ ไปให้
แต่ข้ากลับเห็นว่าคำบรรยาย 'งดงามราวภูตดอกไม้' ของเขา เลือกมาได้เหมาะสมดีแล้ว
เอาเถอะ ข้าไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด งานในหน้าที่ของข้ายังมีอีกมาก
"อ้าว อย่าเพิ่งไปสิเทอร์มิส เจ้าไม่อยากรู้เหรอว่านางชื่ออะไร" พอเห็นข้าทำท่าจะเดินจากไป เทมเพสก็ร้องเรียกข้าอย่างเร่งร้อน "ข้าไปสืบมาให้แล้ว นางมีนามว่า แคลล่า"
'แคลล่า' ครั้นพูดถึงชื่อนี้ ข้าก็พลันนึกถึงคดีดอกแคลล่าลิลลี่ที่กำลังเป็นเรื่องหนักอกอยู่
...อยากจะขอบใจอยู่หรอกนะ แต่แทนที่เจ้าจะไปสืบเรื่องชื่อผู้หญิงให้ข้า สู้ไปสืบคดีให้ข้าจะดีกว่าไหม หรือต้องรอให้พระราชาทรงพิโรธมากไปกว่านี้...
"เทมเพส" ข้าเอ่ยเสียงเย็น แต่เป็นผลให้เจ้าของนามสะดุ้งราวต้องของร้อน
ข้าว่าต่อ "แทนที่เจ้าจะนำความเฉียบขาดของเทพแห่งแสงสว่างไปใช้กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สู้นำไปใช้กับเรื่องใหญ่ที่ทำให้พระราชาร้อนพระทัยดีกว่าไหม หรือต้องรอให้พระราชาพิโรธจนตัดสินใจมอบความเฉียบขาดขององค์มหาเทพให้แก่พวกเรา"
เทมเพสก้มหน้าลงอย่างหวาดๆ พึมพำอุบอิบในลำคอ "ข้าจะเร่งสืบให้ แต่คดีไม่มีเบาะแสแบบนี้อาจต้องใช้เวลาบ้าง"
ข้ายักไหล่ พอจะเข้าใจความลำบากอยู่บ้าง "ขอให้ความเฉียบขาดแห่งองค์มหาเทพช่วยให้เจ้าสามารถทำงานสำเร็จลุล่วงได้โดยไว" พลางสาวเท้ายาวๆ เดินต่อ
*****************
ข้านำหน่วยเทพอัศวินเทอร์มิสเดินตรวจตรารอบเมืองตามปกติ กระทั่งมาถึงตรอกที่ข้าพบกับนางเมื่อวาน
...ร่างโปร่งบางคุ้นตายืนอยู่ตรงนั้น คล้ายรอคอยการมาถึงของข้า
นางถือดอกแคลล่าลิลลี่สีขาวอยู่ในมือ ดวงหน้าใสกระจ่างประดับด้วยรอยยิ้มหวานปานจะหยด
"ดอกแคลล่าลิลลี่ของวันนี้ค่ะ ท่านเทพอัศวินเทอร์มิส"
ข้ายื่นมือไปรับดอกไม้จากนาง
"ขอให้ความเฉียบขาดขององค์มหาเทพคุ้มครองเจ้า ขอบคุณสำหรับดอกไม้"
"ขอให้ความเฉียบขาดขององค์มหาเทพคุ้มครองท่านเช่นกันค่ะ"
*****************
นับเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตของข้าจริงๆ
แย่เสียยิ่งกว่าครั้งเมื่ออมนุษย์บุกเมืองลีฟบัดเมื่อปีก่อน และข้าถึงกับเอาชีวิตไม่รอด เดือดร้อนครีอุสต้องแลกเปลี่ยนสีทองบนเส้นผมของเขาเพื่อชุบชีวิตของข้าขึ้นมาใหม่
คดีดอกแคลล่าลิลลี่สีขาวไม่มีทีท่าว่าจะคืบหน้าไปสักนิด ถึงเทมเพสจะพยายามรวบรวมข้อมูลมาให้ข้าเสียจนกองเต็มโต๊ะ แต่ผู้ต้องสงสัยก็มีมากเกินไป...ซ้ำยังมีแต่แรงจูงใจ ไร้ซึ่งหลักฐานใดๆ จะระบุตัวได้
แรงกดดันจากพระราชา...นับวันก็ยิ่งมากขึ้น และมากขึ้นทุกที
สิ่งเดียวที่ข้ารอคอย คือการออกไปเดินลาดตระเวนตรวจตราเมืองยามบ่าย
...ข้าอยากเห็นรอยยิ้มอันงดงามประหนึ่งบุปผาแรกแย้มของนาง
ดอกแคลล่าลิลลี่สีขาวในแจกันหัวเตียงค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นทีละดอก ทีละดอก ตามวันเวลาที่เคลื่อนคล้อยไป เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับความรู้สึกของข้าที่มีต่อนาง...แคลล่า
แม้เราจะไม่เคยพูดคุยกันเกินกว่าสองสามประโยคเลยก็ตาม
ข้าอยากรู้จักนางมากกว่านี้ อยากพูดคุยกับนางในฐานะ 'แลนซ์' มิใช่ฐานะ 'เทพอัศวินเทอร์มิส'
ข้าเอนตัวลงนอน ดอกแคลล่าลิลลี่นับสิบดอกส่งกลิ่นหอมละมุน เช่นเดียวกับดวงหน้าของนางในความฝัน....
ความคิดเห็น