คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทส่งท้าย
คืนนี้....ลมพัดแรงนัก
******************
จัตุรัสกลางเมืองในยามดึกสงัดดูคล้ายลานโล่งว่างเปล่า เมื่อไม่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาเหมือนยามกลางวัน
มีเพียงร่างบอบบางในชุดขาวพราวพร่างยืนเด่นอยู่ท่ามกลางแสงเดือนสุกสกาว
เสียงฝีเท้าบนพื้นหินอ่อนดังขึ้นทำลายความเงียบ นางฟ้าจำแลงแย้มรอยยิ้ม เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือคนที่ตนรอคอย
"ราฟเฟิลเซีย ข้ารอเจ้าอยู่ตั้งนาน"
สีแดงจางๆ ถูกแรระบายลงบนใบหน้าซีดเซียวของชายหนุ่ม เมื่อเห็นรอยยิ้มอันงดงามของหญิงสาวที่ตนพึงใจ
...รอยยิ้ม...ที่นางไม่เคยมีให้เขามาก่อน
"แคลล่า ข้าว่าแล้วว่าข่าวการฆ่าตัวตายของเจ้าต้องเป็นข่าวลวง ท่านแม็กโนเลียเข้าเมืองมาทั้งที จะปล่อยให้เจ้าตายได้อย่างไร"
ร่างบอบบางไม่ตอบคำ เพียงโผเข้ามาโอบกอดด้วยสองแขนกลมกลึง
"เจ้าตัดสินใจเลือกข้าแล้วใช่ไหม" สายลับหนุ่มแห่งไฟน์คิลลิ่งลิเบอร์ตี้ถามเสียงสั่น ไม่อาจสะกดกลั้นความยินดีปรีดาของตนได้อีกต่อไป
แทนคำพูด หญิงสาวบดเบียดกลีบปากนุ่มนิ่มกับริมฝีปากของเขา มอบรสชาติหวานฉ่ำยิ่งกว่าน้ำผึ้ง ราวกับกำลังล่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์...
ก่อน...จะถูกทิ้งดิ่งลงสู่นรกโลกันตร์ในฉับพลัน
ความรู้สึกชาดิกค่อยๆ แล่นปราดขึ้นมาจากสองมือและสองเท้า จนในไม่ช้าร่างทั้งร่างก็แข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ ไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใดๆ ได้อีก
มีอะไรบางอย่าง แฝงมาในรสจุมพิตหวานหอมของนาง!!!
แคลล่าถอนเรียวปากสีชมพูเรื่อออก บิดมุมปากจนกลายเป็นรอยยิ้มเหยียดเย้ยหยัน
"อย่าสำคัญตัวผิดไปเลย ราฟเฟิลเซีย ผู้ชายอ่อนแอโง่เง่าไร้ฝีมือ สอบเป็นมือสังหารระดับสูงเท่าไหร่ก็ไม่ผ่านอย่างเจ้า มีหรือจะอยู่ในสายตาข้า ผู้ชายที่ข้ารักมีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือแลนซ์ เทอร์มิส คู่หมั้นของข้า ไม่ใช่เจ้า!!"
เรียวขายาวเพรียวถีบเข้าที่ท้องของร่างสูงอย่างจัง จนทรุดลงไปกองกับเสาหลักกลางจัตุรัส
แม้จะขยับกายไม่ได้ แต่ความรู้สึกเจ็บปวดกลับยังคงอยู่ครบถ้วน
"อย่านึกว่าข้ากับท่านพี่แม็กจะไม่รู้นะ ว่าเจ้าทำอะไรลงไป ช่วงเวลาลงมือของข้าเป็นความลับสุดยอด มีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ และมีเพียงเจ้าคนเดียว ที่แพร่งพรายเรื่องราวให้ถึงหูเหล่าเทพอัศวินได้"
ร่างระหงย่อตัวลงจนอยู่ในระดับเดียวกับเหยื่อของตน คมมีดขาววาววับสะท้อนกับแสงจันทรา จรดลงบนใบหน้าขาวซีด กระทั่งของเหลวสีชาดเริ่มไหลซึม
"เจ้าคงคิดไม่ถึงสินะ ว่าข้าจะยอมถูกจับแทนหลบหนีออกจากเมือง ไม่สิ...เจ้าคงคิดว่าข้าจะยอมลงมือฆ่าคู่หมั้นของตัวเอง เพื่อเอาตัวรอดด้วยละมั้ง"
คมมีดลากต่ำจากข้างแก้มลงมาถึงลำคอ เรียกสายโลหิตแดงข้นหยาดย้อมเปรอะเปื้อน
"น่าเสียดายจริงๆ ที่เจ้าคิดผิดมหันต์"
ทว่า แม้แต่ร้องขอความเมตตา ร่างที่นั่งแน่นิ่งอยู่ก็ไม่สามารถทำได้
มีเพียงแววตาที่กลอกไปมาอย่างสิ้นหวังเท่านั้นที่เป็นเครื่องบ่งบอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่
"นี่ ข้าจะบอกอะไรให้อย่างนึงนะ" มือสังหารสาวยิ้มหวานหยดย้อย ประดุจรอยยิ้มของเทพธิดาแห่งความตาย...
"คนที่ทรยศพวกพ้องเพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว..ไม่มีค่าพอจะมีชีวิตต่อไปหรอก!"
******************
ข้านั่งกินอาหารเช้าพลางครุ่นคิดถึงเรื่องที่ต้องทำในวันนี้
เป็นเวลาเกือบครึ่งเดือนแล้วที่คดีดอกแคลล่าลิลลี่สีขาวปิดลงด้วยการฆ่าตัวตายของมือสังหารสาวก่อนถูกประหารชีวิตเพียงหนึ่งวัน
....แม้ความจริงเบื้องหลัง นางจะยังอยู่ดีมีสุขทุกประการก็ตาม หากนอกจากข้า ครีอุส และลูกน้องในหน่วยของข้าที่ไม่รู้ว่าครีอุสไปเล่าความจริงให้ฟังท่าไหน ก็ไม่มีใครล่วงรู้เรื่องนี้อีก....
เมืองลีฟบัดกลับคืนสู่ความสงบสุขอย่างที่ควรเป็น คดีใหญ่โตที่สุดในช่วงนี้ก็เป็นแค่คดีทะเลาะวิวาทจนมีคนตายที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน
อ้อ! ไม่รวมข้อมูลการกระทำผิดของชนชั้นสูง พร้อมหลักฐานครบถ้วน ที่อยู่ดีๆ ก็มากองเป็นตั้งบนโต๊ะทำงานของข้านะ คดีพวกนั้นคงต้องรอจังหวะเหมาะๆ ก่อน แล้วข้าจะจัดการสะสางให้เสร็จสิ้นไปเลยรวดเดียว
ข้าสอบสวนพยานในคดีทะเลาะวิวาทไปแล้วห้าหกปาก แต่ก็ยังเหลืออีกเกือบสิบปาก ข้าคิดว่าตัวเองควรไปสอบสวนพวกนั้นต่อให้เสร็จสิ้น ก่อนใช้เวลาพักผ่อนยามบ่ายที่บ้านของคู่หมั้นตามปกติ
หากยังไม่ทันรวบช้อนแล้วเอาจานไปเก็บ รองหัวหน้าหน่วยของข้า เวด ก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในโรงอาหารของตำหนักเทพอัศวินเสียก่อน
"แย่แล้วครับท่านหัวหน้า มี..มีคดีฆาตกรรมสยองเกิดขึ้นที่จัตุรัสกลางเมืองขอรับ"
ข้าพยักหน้ารับรู้ "ข้าจะไปดูที่เกิดเหตุเดี๋ยวนี้"
******************
แสงอรุณรุ่งสีทองประกายทาบทอเรืองเรื่อที่ปลายขอบฟ้า แม้ว่ายังเช้าอยู่มาก แต่จัตุรัสกลางเมืองก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คน
พวกเขามิได้เดินจับจ่ายใช้สอยยามเช้าเช่นทุกวัน หากกำลังมุงดูอะไรบางอย่างที่เสาหลักกลางจัตุรัส
"น่ากลัวจริงๆ"
"โหดเหี้ยมเป็นบ้า"
"จะเป็นฝีมือของพวกอมนุษย์รึเปล่า"
ข้าได้ยินถ้อยคำสนทนาทำนองนี้ตลอดทางที่ฝูงชนพากันแหวกเป็นช่องให้ข้าเดินเข้าไปตรวจสอบสภาพที่เกิดเหตุ
เทมเพสกับเฮฟเฟตัสยืนอยู่ด้านหน้าของกลุ่มชาวเมือง ทั้งสองมีสีหน้าครุ่นคิด
"ข้าเคยเจอนายคนนี้มาก่อน เขาเป็นคนที่เอาข่าวเรื่องนักฆ่าคดีดอกแคลล่าลิลลี่สีขาวมาบอกพวกเรา จนเทอร์มิสจับกุมตัวนางได้" เทมเพสออกความเห็น
"แผลที่กะโหลกลึกมาก น่าจะเกิดจากแรงมหาศาล ข้าคิดว่าคนร้ายไม่น่าใช่มนุษย์" เฮฟเฟตัสวิเคราะห์บ้าง
ข้าเดินอ้อมพวกเขาไปเพื่อดูสภาพที่เกิดเหตุ และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ข้าถึงกับผงะ!!
ร่างไร้วิญญาณนั่งพิงเสาหลักกลางจัตุรัส ดวงตาเบิกโพลง ฉายแววหวาดกลัวสุดขีดก่อนลมหายใจจะถูกปลิดปลง ด้วยแผลฉกรรจ์ลึกถึงกะโหลก คล้ายถูกของมีคมบางอย่างจามลงไปอย่างแรงจนหัวแบะ มันสมองปนกับลิ่มเลือดที่เริ่มจับตัวแข็งกองกระจายเป็นหย่อมๆ ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งชวนคลื่นเหียน
ลายเส้นอักษรสีแดงคล้ำบนพื้นหินอ่อน อ่านได้ใจความว่า 'คนทรยศ'
ข้าจำหน้าของชายผู้เคราะห์ร้ายได้ดี..เขาคือคนที่มาตามชอบคู่หมั้นของข้านั่นเอง
สมองเริ่มปะติดปะต่อรายละเอียดต่างๆ เข้าด้วยกัน ชายคนนี้น่าจะเป็นคนในองค์กรที่ชอบแคลล่า แต่ไม่สมหวังเพราะนางรักอยู่กับข้า จึงตัดสินใจทรยศต่อองค์กร นำข่าวแผนการลอบสังหารไปบอกเทมเพส
อาจเพราะต้องการให้ข้ากับนางเข่นฆ่ากันเอง....
อาจเพราะคิดว่า ถ้าตัวเองไม่ได้สิ่งที่หวังไว้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้เช่นกัน....
คิดมาได้เท่านี้ อาการวิงเวียนคลื่นไส้ก็เริ่มจู่โจมเข้าที่กระเพาะอันเต็มไปด้วยอาหารเช้าของข้า ทำให้ข้าคิดอะไรอย่างอื่นไม่ออก
กำลังจะเอ่ยขอตัวกับเทมเพสและเฮฟเฟตัส สองหูของข้าก็พลันสดับเสียงพล่ามยาวยืดของคนที่เพิ่งมาถึง
"ด้วยพระเมตตาของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง เหตุที่เกิดขึ้นช่างโหดร้ายทารุณนัก ขอให้องค์มหาเทพช่วยอวยพรให้ผู้เคราะห์ร้ายเดินทางสู่สุคติ และเยียวยาหัวใจของลูกแกะผู้หลงทาง พลั้งเผลอกระทำเรื่องโหดเหี้ยมเช่นนี้ด้วยเถิด..."
น่าแปลกใจที่คนไม่เคยตื่นเช้าอย่างครีอุส กลับโผล่มาในยามเช้าตรู่เช่นนี้ได้
ข้าสงสัยเหลือเกินว่ารองหัวหน้าหน่วยของเขาต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน ในการงัดเจ้าตัวขี้เซาให้ตื่นนอน
และไม่เพียงตื่นนอน แต่เป็นตื่นนอนแบบสง่างาม เสื้อผ้าเรียบกริบ ท่วงท่าดูมีราศี ใบหน้าผุดผ่องยังคงประดับด้วยรอยยิ้มพริ้มพราย
...แม้ข้าจะแอบเห็นรอยคล้ำจางๆ ที่ใต้ตาของเขาก็ตาม
พลันใดนั้น ข้าก็รู้สึกถึงรสเปรี้ยวปร่าในปากตัวเอง อะไรก็ตามที่ควรจะอยู่ในท้อง ตอนนี้พุ่งสูงขึ้นมาเกือบถึงคอหอยแล้ว
"ขอตัวสักครู่" ข้าสาวเท้าเร็วๆ เดินออกห่างจากฝูงชนไปยังทิศทางตรงกันข้าม
"องค์มหาเทพทรงโปรด ข้าคิดว่าตอนนี้เทอร์มิสสมควรได้รับความเมตตาแห่งแสงสว่าง ข้าขอเป็นผู้นำพระเมตตานั้นไปแจกจ่ายให้ถ้วนทั่วทุกสารทิศ" ครีอุสเหมือนรู้ใจข้า เขาเอ่ยปากขอตัวตามมาแล้ว
ข้าเดินมาระยะหนึ่ง หันซ้ายหันขวาเห็นว่าไม่มีคน จึงโก่งคออาเจียนใต้ต้นไม้ใหญ่
อาหารเช้าที่เพิ่งกินเข้าไป..ยังไม่ทันย่อยดีด้วยซ้ำ
เพื่อนสนิทของข้าตามมาถึง เขาช่วยลูบหลังข้า และยังเสกสายน้ำออกมาให้ข้าได้ล้างหน้าล้างตาด้วย
"ด้วยพระเมตตาขององค์มหาเทพ ข้ารู้สึกเสียใจยิ่งนักที่ไม่อาจนำพระเมตตาเหล่านั้นมาเติมเต็มความหิวโหยของพสกนิกรของพระองค์ได้ จำต้องปล่อยให้เจ้าทนทุกข์ทรมาน"
...ข้าขอโทษที่ไม่ได้เตรียมของหวานมาให้เจ้า เจ้าคงหิว... เขาว่าอย่างนั้น
"ด้วยความเฉียบขาดของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง บางครั้งคนเราก็จำต้องอดทนต่อความหิวโหยและยากลำบาก"
...ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้ากลับไปที่ตำหนักแล้วค่อยกินก็ได้... ข้าตอบเขา
"องค์มหาเทพทรงเมตตาแก่พสกนิกรของพระองค์เสมอ แม้กระทั่งลูกแกะที่หลงทางอยู่ในความมืดมิด ไม่ว่าลูกแกะตัวนั้นจะหลงทางด้วยเหตุใดก็ตาม"
...เจ้ารู้รึยังว่าฆาตกรรมครั้งนี้เป็นยังไงมายังไง...เขาถามข้าต่อ
คราวนี้ข้าไม่จำเป็นต้องยกข้อความอะไรยาวๆ ชวนเวียนหัวมาอ้างแล้ว เมื่อเรื่องที่ครีอุสถามข้าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องงาน
"คนตายเป็นคนของไฟน์คิลลิ่งลิเบอร์ตี้ สาเหตุที่ถูกฆ่าคือทรยศต่อองค์กร เขาหลงรักมือสังหารคดีแคลล่าลิลลี่ แต่นางกลับมีใจให้คนอื่น เขาจึงแอบนำความลับของนางออกมาแพร่งพราย จนนางถูกจับกุมตัวได้" ข้าเอ่ยข้อสันนิษฐานที่ปะติดปะต่อขึ้นมาจากความทรงจำของตัวเอง และคำพูดของเทมเพส
เงียบไปชั่วครู่เพื่อใช้ความคิด อย่างไรก็ตาม ข้าก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าคนร้ายคือใครกันแน่
แม้ตัวเลือกแรกจะเป็นคนที่ข้ารู้จักดีที่สุด แต่ข้าไม่คิดว่าร่างอรชรอ้อนแอ้นเช่นนั้นจะมีแรงพอจามกะโหลกของใครให้แบะออกได้
ข้าตัดสินใจบอกครีอุสไปตามตรง "แต่ตอนนี้ข้ายังระบุตัวคนร้ายชัดเจนไม่ได้"
ครีอุสยิ้มกว้างกว่าเดิมเล็กน้อย ยกนิ้วขึ้นไล้ตามแนวโหนกแก้มซ้าย นัยน์ตาสีท้องทะเลลึกฉายแววขบขัน
ข้ายกมือขึ้นแตะโหนกแก้มด้านซ้ายของตนบ้าง ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงรอยนูนของแผลเป็นจางๆ จนเกือบมองไม่เห็น
รอยแผล....ที่แคลล่าฝากไว้ในการต่อสู้เมื่อครึ่งเดือนก่อน ด้วยลูกเตะมหาประลัยติดใบมีดยาวสามนิ้ว
เหมือนมีใครมาจุดคบไฟให้สว่างโชติช่วงขึ้นในหัวของข้า
แรงแขนของผู้หญิงร่างบอบบางเช่นนาง อาจไม่มีกำลังพอจะผ่าแยกศีรษะออกเป็นสองเสี่ยงก็จริง
แต่ถ้าแรงขา..นั่นเป็นอีกเรื่อง!!
นี่สินะ เรื่องที่คู่หมั้นของข้าบอกว่าขอเวลาจัดการ ก่อนวางมือจากเรื่องเปื้อนเลือดทั้งปวง
..เก็บกวาดคนทรยศ..
ข้านึกอยากยกมือขึ้นกุมขมับแทบตาย อุตส่าห์หาทางรอดมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ยังมีเหตุให้ต้องไล่ล่ากันอีกครั้งหรือ...
ทว่า ครีอุสกลับหัวเราะร่วนอย่างสะใจ แล้วกล่าวประโยคที่ไม่มีเทพเจ้าแห่งแสงสว่างเข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่คำเดียว
"คนที่ทรยศพวกพ้องเพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่มีค่าพอจะมีชีวิตต่อไปหรอก อีกอย่าง.." พูดมาถึงตอนนี้เขาก็ทำหน้าตามีเลศนัย "นักฆ่าคดีแคลล่าลิลลี่พลาดท่าถึงตายไปแล้ว เจ้าคิดหรือว่าองค์กรระดับไฟน์คิลลิ่งลิเบอร์ตี้จะยอมพลาดซ้ำสอง ส่งมือสังหารเข้ามาทิ้งชีวิตในเมืองลีฟบัดอีก ป่านนี้มือสังหารรายนั้นคงเผ่นเข้ากลีบเมฆไปแล้วล่ะ" จบประโยคด้วยการยักไหล่ ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ควรค่าแก่การสนใจสักนิด
จริงของเขา เท่านี้ก็ปิดคดีได้เสร็จสรรพ ปล่อยให้เป็นเรื่องขององค์กรที่อยู่ไกลลิบโลกไปเสีย สมเป็นวิธีบ้าบอคอแตกหากได้ผลเกินร้อยของเกรเซียส ครีอุส
ข้าถอนใจเบาๆ ระหว่างเดินกลับตำหนัก ปล่อยให้ครีอุสทำหน้าที่อธิบายเรื่องราวทุกอย่างให้เหล่าเทพอัศวินคนอื่นและพระราชารับรู้
....ระหว่างนั้น ข้าตัดสินใจอะไรได้อย่างหนึ่ง
ข้าจะไม่มีวันทำร้าย หรือนอกใจคู่หมั้นของข้าเป็นอันขาด
ไม่เพียงเพราะข้ารักนางหมดหัวใจ แต่เพราะข้ายังไม่อยากมีสภาพเละเทะเหมือนศพกลางเมืองศพนี้!!
----------------------THE END------------------------
Writer Talk
สำหรับบทนี้ ต้องขอขอบคุณความช่วยเหลือจาก Dark_CheRRy น้องสาวสุดที่รักค่ะ
และขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ที่ร่วมแบ่งปันความสุขกับแตมป์ไนซ์มาจนถึงบทส่งท้ายนะคะ
LOVE YOU SO MUCH!!!
หากยังคิดถึงกัน สามารถแวะไปเยี่ยมในนิยายออริของแตมป์ไนซ์ + น้องสาว Darker than the Darkest รัตติกาลไร้ดาว ได้ที่ http://writer.dek-d.com/stampsonice/writer/view.php?id=610042 ค่ะ ^^
ความคิดเห็น