คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 9
คืนนี้...ลมพัดแรงนัก
******************
ยามดึกสงัด ข้านำกำลังเทพอัศวินในหน่วยเทพอัศวินเทอร์มิสทั้งหน่วยรวมยี่สิบห้าคน ดักซุ่มรอดูสถานการณ์รอบคฤหาสน์หลังงามของเซอร์อองเดร ตามจุดที่กำหนดไว้ในแผน
หากแต่ พวกเรามาถึงช้าไป!
ยังไม่ทันได้ประจำตำแหน่งดี เสียงกรีดร้องโหยหวนบาดหูก็ดังลั่นขึ้นจากภายในคฤหาสน์
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!"
คนร้าย....ลงมือแล้ว
สายเกินกว่าจะช่วยชีวิตของเหยื่อสังหารไว้ได้...
สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนี้คือ ล้อมจับฆาตกรให้ได้ตามแผน
เหล่าเทพอัศวินต่างชักดาบคู่กายออกจากฝัก เขม้นมองรอบข้างด้วยท่าทีระวังระไว
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ก็เห็นสายหมอกขาวพร่างลอยละล่องผ่านบานหน้าต่างออกมา ก่อนจะค่อยๆ ก่อรูปจากความพลิ้วไหวคล้ายม่านมายา กลายเป็นเค้าโครงโค้งเว้าอรชรดุจดังเรือนร่างของหญิงสาว
แท้จริง มือสังหารผู้นี้เป็นสตรีเพศ!
เวลาผ่านไป เส้นสายของร่างนั้นเริ่มคมชัดขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด นักฆ่าตัวร้ายก็เผยโฉมออกมาให้เห็น
เรือนผมยาวตลบรวบเป็นมวยต่ำระต้นคอ ยากจะบอกสีสันแน่ชัดท่ามกลางแสงสลัวในคืนจันทร์เสี้ยว ใบหน้าส่วนใหญ่ถูกปิดบังด้วยหน้ากาก เห็นเพียงกลีบปากบางฉาบทาด้วยสีแดงเข้ม แต่ก็พอจะบอกได้ว่าเป็นหญิงงามหาตัวจับยากทีเดียว
งดงาม....จนไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าของความงามเช่นนี้ เพิ่งจะลงมือปลิดชีพเหยื่อของตนอย่างโหดเหี้ยมมาหมาดๆ
รูปร่างของนางสูงโปร่ง ทรวดทรงองค์เอวอ้อนแอ้นชวนมอง บูทส้นสูงที่สวมช่วยขับเน้นให้ร่างระหงสง่างามยิ่งกว่าเดิม เข้ากันเป็นชุดอย่างน่าชมกับอาภรณ์ชั้นเลิศ ตัดเย็บจากเนื้อผ้าพิเศษ มีคุณสมบัติดีเลิศในการพรางตัว
....แพรสายหมอก
ทั้งเสื้อคล้องคอตัวยาวถึงสะโพก ผ่าอกลึกเห็นเนินเนื้อขาวผ่องรำไร ชายเสื้อติดระบายลูกไม้ซ้อนเหลื่อมหลายชั้นคล้ายกระโปรงสั้นๆ
ทั้งกางเกงแนบเนื้อที่รัดรึงไปกับเรียวขายาวเพรียว เผยส่วนสัดกลมกลึงสมบูรณ์แบบไม่ต่างอะไรกับภาพฝัน
นางสวมถุงมือหนังสีขาวเหมือนเสื้อผ้า ในมือขวากำกระชับมีดสั้นคมกริบเล่มหนึ่ง ซึ่งส่วนคมยังคงเปื้อนโลหิตแดงฉานเกรอะกรัง
ข้าชะงักงันไปชั่ววูบ
ราวกับเห็นภาพหลอน ร่างเงาของแคลล่าสุดที่รักปรากฏขึ้นเลือนราง ซ้อนทับกับร่างของนักฆ่าเจ้าของสมญาแคลล่าแห่งไฟน์คิลลิ่งลิเบอร์ตี้
ยกมือขึ้นขยี้ตาโดยพลัน ข้าคงฟุ้งซ่านมากเกินไป ร่างกายอาจยังไม่หายเหนื่อยล้าจากการเจอเรื่องหนักๆ มาตลอดสองสามวันนี้ก็ได้
ข้าเหวี่ยงแขนยึดเชิงชาย เหนี่ยวกายขึ้นไปยืนประจันหน้ากับนักฆ่าสาวสวยบนหลังคา วาดปลายดาบชี้ตรงยังใบหน้าของนาง
"ด้วยความเฉียบขาดของเทพเจ้าแห่งแสงสว่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้อาชญากรร้ายเช่นเจ้าหนีรอดไปได้"
กลีบปากแดงดังแต้มชาดเหยียดยิ้มเย้ยหยัน ราวกับเป็นสัญญาณเปิดฉากการต่อสู้!!!
ข้าตวัดดาบเทพเทอร์มิสเข้าฟาดฟัน ร่างระหงฉากหนี รอดจากคมดาบไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด พลางสวนกลับด้วยลูกเตะ หวังใช้ความยาวของขาให้เป็นประโยชน์เมื่อระยะอาวุธเสียเปรียบกันมาก
นางหมายจุดสำคัญทีเดียว...ก้านคอของข้า
ดีที่ก้มตัวหลบทันเวลา เท้าเรียวๆ จึงพลาดจากเป้าหมายหลัก ไปโดนเฉี่ยวๆ เข้าที่โหนกแก้มแทน
ข้าสวนดาบเข้าใส่ทันควัน ก่อนประสาทสัมผัสจะรับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดบริเวณใบหน้าส่วนที่ถูกเตะไปเมื่อครู่
ยกมือซ้ายขึ้นแตะส่วนนั้น คาดหมายว่าน่าจะเป็นอาการบวมช้ำ แต่กลับสัมผัสถึงหยาดของเหลวเหนียวหนืด
...เลือดสดๆ ติดมากับปลายนิ้วของข้า
และข้าก็เข้าใจสาเหตุทันที เมื่อนางส่งลูกเตะลูกที่สองมาให้
ส่วนส้นของรองเท้าบูทมีใบมีดบางกริบยาวราวสามนิ้วติดอยู่
ที่แท้ มีดสั้นในมือขวาของนางเป็นเพียงตัวล่อ อาวุธสังหารของจริง คือเรียวขาสวยๆ แต่แฝงไว้ด้วยอันตรายถึงตายต่างหาก
ผลัดกันรุก ผลัดกันรับอย่างไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบชัดเจน หลายครั้งที่คมดาบของข้าถากร่างเพรียวบางไปแบบเฉียดฉิว และหลายครา ส้นรองเท้าบูทติดใบมีดของนางก็สามารถสร้างรอยแผลตื้นๆ บนร่างของข้าได้
ข้ายังคงสะบัดใบดาบเข้าหาเป้าหมายอย่างไม่ลดละ คราวนี้เล็งที่ช่วงเอวอ้อนแอ้น
มือสังหารคนงามหมุนกาย หลีกเร้นจากอาวุธสังหารของข้าไปได้เช่นเคย
ทว่า จังหวะที่นางหมุนตัว ข้ากลับเห็นร่างเงาของคู่หมั้นสาวซ้อนขึ้นบนร่างประเปรียวตรงหน้า ...อีกครั้ง
ข้ากระพริบตาเร็วๆ ส่ายหัวไปมาสองสามครั้งเพื่อไล่ภาพหลอนออกจากสมอง จนไม่ทันได้สังเกตว่า มีดสั้นในมือขวากำลังพุ่งเข้ามาใกล้ขึ้น และใกล้ขึ้นทุกที
กระทั่ง ใกล้เกินกว่าจะหาทางหลบหลีก!!!!
....ทำได้เพียงหลับตา รอรับความตายที่กำลังคืบคลานมาถึง
หากใบมีดที่พุ่งเข้ามากลับหยุดลงก่อนถึงลำคอของข้าเพียงเล็กน้อย คล้ายเจ้าของจงใจชะงักมืออยู่แค่นั้น
เร็วกว่าความคิด ข้าตวัดดาบเทพเทอร์มิสฟันฉับลงบนต้นขากลมกลึง เกิดเป็นบาดแผลฉกรรจ์!
ฉวยจังหวะที่นักฆ่าสาวเซถลา ใช้มือใหญ่กร้านอย่างคนชำนาญเชิงดาบฉวยข้อมือเล็กบางเข้ามาบิดอย่างแรงจนมีดหลุดจากมือ ก่อนจะรวบแขนทั้งสองข้างไพล่หลังเอาไว้
ในระยะใกล้ขนาดนี้ ข้าเพิ่งสังเกตเห็นว่า ผมของนางเป็นสีน้ำตาลแดง!!
กำซาบกลิ่นกรุ่นจากร่างอรชรคล้ายมวลดอกไม้หลากหลายชนิดผสมผสานกัน หอมรวยรินคุ้นเคย ชวนให้หวนนึกถึงความทรงจำในกาลก่อน
..
กลีบปากสีชมพูระเรื่อแย้มยิ้ม สวยสดงดงามยิ่งกว่าแคลล่าลิลลี่ในมือข้า
"ข้าอยากขอบคุณท่านค่ะ หากไม่มีท่าน และหน่วยเทพอัศวินของท่าน คนหาเช้ากินค่ำอย่างพวกข้าคงไม่อาจข่มตาหลับได้สนิท รับดอกไม้ดอกนี้แทนคำขอบคุณของข้านะคะ"
..
นางถือดอกแคลล่าลิลลี่สีขาวอยู่ในมือ ดวงหน้าใสกระจ่างประดับด้วยรอยยิ้มหวานปานจะหยด
"ดอกแคลล่าลิลลี่ของวันนี้ค่ะ ท่านเทพอัศวินเทอร์มิส"
..
"ปล่อยนะ" เสียงเปียโนแก้วกรีดแหลมราวถูกดีดลงที่โน้ตตัวสุดท้าย พาให้หัวใจคนฟังตกวูบ "ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้า...อุ๊บ!!"
ร่างบอบบางราวตุ๊กตาแก้วดิ้นไปมาอย่างสิ้นหนทาง เศษมนุษย์สองคนล็อกสองแขนกลมกลึงไว้คนละข้าง ซ้ำยังใช้มือใหญ่กร้านปิดปากของนางไว้อีก ส่วนอีกสองคนกำลังสาละวนกับการฉีกทึ้งอาภรณ์ที่นางสวมใส่ ตะกร้าดอกไม้กลิ้งอยู่ริมทาง ดอกไม้แสนสวยกระจายเกลื่อนเหมือนวันแรกที่ข้าพบนาง แต่ไม่มีผู้ใดใส่ใจจะเก็บ ซ้ำยังเหยียบย่ำราวเศษหญ้าไร้ค่า
..
"ไม่ค่ะ" ส่ายหน้าปฏิเสธ นัยน์ตาสีน้ำตาลใสเริ่มมีหยาดน้ำเอ่อคลอ "ข้ากลับรู้สึกอุ่นใจที่ท่านมาช่วยข้าไว้ ข้า..ข้านึกว่าท่านจะไม่มาเสียแล้ว"
คล้ายหูแว่ว ข้ารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเปียโนแก้วดีดคลอเป็นท่วงทำนองหวานล้ำ แม้จะเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน
"ข้า...ชอบท่าน"
..
ร่างน้อยเงยหน้าขึ้น "สินค้าที่รับพยุงราคา มีฝิ่นกับยาสูบรวมอยู่ด้วยใช่ไหมคะ"
ท่านพ่อกับลีแลนด์พยักหน้าพร้อมกัน
"ข้าไม่เห็นด้วยกับการพยุงราคาพืชสองชนิดนี้ค่ะ เพราะฝิ่นและยาสูบมีฤทธิ์เป็นยาเสพติด ให้โทษมากกว่าคุณประโยชน์ น่าจะสนับสนุนให้ปลูกพืชอย่างอื่นมากกว่าค่ะ" ช่างเป็นคำตอบที่เฉียบคมยิ่งนัก เรียกเสียงปรบมือได้อย่างพร้อมเพรียงจากทุกคนในห้อง รวมถึงข้าด้วย
..
แหวนเพชรวงน้อยบนตัวเรือนทองคำขาวทอประกายวิบวับกับแสงแดดที่ส่องผ่านบานหน้าต่างรถม้าเข้ามา
"หมั้นกับข้านะ"
แคลล่าลิลลี่เรื่อสีชมพูอ่อนคลี่กลีบแย้มบาน งดงามราวภาพจากสรวงสวรรค์ หยาดน้ำค้างเม็ดใสหล่นร่วงจากหางตาเรียวรี ส่องประกายไม่ต่างกับอัญมณีเลอค่าบนนิ้วนางข้างซ้าย
"ค่ะ"
..
คีมเหล็กที่ใช้ยึดแขนทั้งสองเอาไว้กลับคลายออกคล้ายสิ้นแรง จนไม่อาจยึดจับสิ่งใดต่อไปได้
นางสะบัดกายวิ่งหนี แม้จะไม่เร็วนักด้วยมีบาดแผลลึกเกือบถึงกระดูกเป็นเครื่องถ่วง .....แต่ข้ากลับยืนนิ่ง ราวขาทั้งสองข้างกลายเป็นหินไปเสียแล้ว
อันที่จริง แม้กระทั่งยกมือขึ้น ข้าก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ...
"ไม่จริง ต้องไม่ใช่... ต้องไม่ใช่แคลล่าของข้าเป็นอันขาด!!"
******************
เสียงตะโกนของเวดช่วยเรียกข้าออกมาจากภวังค์
"จับตัวคนร้ายได้แล้วขอรับ ท่านหัวหน้า"
เนตรสีนิลเหลือบมองมือสังหารสาวที่พยายามดิ้นรนอย่างอ่อนแรงลงไปทุกที ด้วยความรู้สึกนานาประการ
สับสน...เสียใจ....โกรธ..ไม่อยากเชื่อ
ทำไม นางต้องหลอกลวงข้า!!!
ทำไม นางต้องทำให้ข้าหลงรักจนหมดใจ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าชีวิตของเราสองคนไม่ต่างอะไรจากเส้นขนาน
....หากข้าไม่ลงมือสังหารนาง นางก็ต้องฆ่าข้า
ข้ากระโดดลงมาจากหลังคา เดินตรงไปหารองหัวหน้าหน่วยคนสนิท ด้วยความพยายามไม่ให้ถูกจับสังเกตได้ว่า จิตใจของข้าตอนนี้ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว
"จะให้ถอดหน้ากากของนางไหมขอรับ"
ข้าพยักหน้า แม้จะแน่ใจว่าใบหน้าหลังหน้ากากนั้นเป็นเช่นไร เพราะมันเพียรลอยวนอยู่ในห้วงคำนึง ทั้งยามหลับ...และยามตื่น
หน้ากากขาวโพลนเลื่อนหลุดพ้น เผยดวงหน้าสะสวยหากซีดเผือดไม่แพ้กัน แต่กระนั้น นางก็ยังคงงดงาม ..ไม่ต่างจากดอกแคลล่าลิลลี่สีขาวท่ามกลางความทรงจำแสนหวานระหว่างเราสอง
เนตรสีน้ำตาลเข้มหันมาสบตาข้า สายธาราแห่งความโศกศัลย์เจือจางความโกรธเคืองของข้าให้ละลายหายไปสิ้น แววเศร้าสร้อยในดวงตาฉายชัดแทบจะเทียบได้กับคำพูด
'แลนซ์ ข้าขอโทษที่หลอกลวงท่าน แต่... ข้ารักท่านจริงๆ'
ความคิดเห็น