ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    pentagon ' s time - sf & os

    ลำดับตอนที่ #1 : OS [ lies ] woowon

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 334
      1
      11 ก.พ. 60









    All the time, everything about him is a lie.

     

     

     

                        ไม่ว่าจะเป็นความบังเอิญ พรหมลิขิต หรือการจงใจ,

              ผลลัพธ์ทั้งหมดของมัน ได้ทำให้โชคชะตาของเราพบกันอีกครั้ง

     

     

              ชีวิตของเด็กมอปลายในช่วงสามเดือนสุดท้ายไม่ใช่เรื่องสนุกซักนิด อย่างน้อยเขาก็ต้องเสียเวลาห้าชั่วโมงไปกับการทบทวนตำราเรียนโง่เง่า สามชั่วโมงสำหรับการทดลองทำแบบฝึกหัดที่ดูไม่มีทางออก และอีกแปดชั่วโมงไปกับการใช้ชีวิตในโรงเรียนที่จืดชืด แม้กระทั่งเวลาที่ใช้ชีวิตราวกับคนปกติก็ต้องถูกแบ่งไปสำหรับการหาคำตอบให้กับตัวเองว่าในอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง

              ในเมื่อเขามีเป้าหมายสุดท้ายของชีวิต ถึงแม้จะมีทางเดินที่ดูจะคดเคี้ยวและขรุขระไปหน่อยแต่นั่นมันก็พอแล้วสำหรับเขา ในเมื่อนี่มันคือชีวิตของเขา การใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยงก็เป็นสิทธิ์ของเขาเองไม่ใช่หรือไง?

              แล้วทำไมเขาต้องเดินตามกรอบที่โครงสร้างทางสังคมขีดเส้นเอาไว้ด้วยละ?

              เขาถึงได้เกลียดช่วงเวลาสามเดือนที่เหลือของเด็กมอปลาย มันไม่มีเหตุผลเท่าไหร่นักหรอก แน่ละ ใครจะถามหาเหตุผลจากเด็กหนุ่มวัยรุ่นเลือดร้อนอย่างเขา

             

              สูดปากเมื่อบาดแผลถูกแต้มของร้อนด้วยความไม่ตั้งใจ ถ้าหากเขาเป็นนักเรียนดีเด่น ในเวลานี้ที่ที่เขาควรจะอยู่ก็คือห้องนอนของตัวเองที่ถูกกั้นออกจากโลกภายนอกด้วยกองตำราหนาเตอะ แต่จองอูซอกไม่ใช่นักเรียนดีเด่น, เขาก็แค่อันธพาลที่ถูกหมายหัวจากฝ่ายปกครองอยู่บ่อยครั้ง บทบาทในโรงเรียนก็แค่พวกไม่มีสมองที่ใช้แค่อำนาจและพละกำลังแค่นั้น

              กองหนังสือถูกเปลี่ยนเป็นผู้คนที่เข้าออกร้าน นาฬิกาจับเวลาที่ถูกใช้ยามทำแบบฝึกหัดถูกเปลี่ยนเป็นทำนองเพลงหวานสร้างความอบอุ่น ตำราตรงหน้าถูกเปลี่ยนเป็นนมอุ่นในแก้วเซรามิคทรงสวยที่ถูกบรรจงสร้างขึ้นมาสำหรับค่ำคืนนี้โดยเฉพาะ

              เขาไม่ได้ทำเรื่องเสียหาย ก็แค่ชอบที่จะอยู่ในร้านกาแฟมากกว่ากองหนังสือ

              แล้วเขาก็ไม่ได้เก่งแต่เรื่องใช้กำลังอย่างที่เจ้าพวกบ้าพูดกันด้วย ไม่งั้นจะโดนอัดจนน่วมขนาดนี้หรือไงเล่า!

     

              “เป็นแค่เด็กมอปลาย ถนัดแต่เรื่องใช้กำลังมันไม่ดีเลยนะครับ”

              ลดเครื่องดื่มในมือลงเมื่อแผ่นพลาสเตอร์สีสดใสถูกหยิบยื่นมาให้พร้อมกับออยเมนท์ขนาดเล็ก ฝ่ามือขาวพร้อมกับน้ำเสียงที่เขามักจะได้ยินทำให้รับรู้ว่าเจ้าของน้ำใจคือใคร เงยหน้ามองคนตรงหน้าที่มาพร้อมกับคิ้วขมวดและริมฝีปากยู่เล็กน้อยพร้อมกับจังหวะหัวใจที่เผลอกระตุก

              บาริสต้าหนุ่มที่มักทักทายเขาทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า ในตอนนี้ไม่มีผ้าคาดเอวอย่างที่เคย เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกพับขึ้นไปจนถึงข้อศอกเปิดเผยผิวเนียนขาวที่เริ่มมีเลือดฝาดเล็กน้อยจากอากาศภายในร้านที่อุ่นกว่าปกติ เขาโค้งหัวให้เล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณ ถึงแม้จะใช้บริการร้านนี้มานาน แต่การพูดคุยระหว่างเขากับบาริสต้าหนุ่มก็ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่า สวัสดีครับ วันนี้ก็นมอุ่นหนึ่งแก้วเหมือนเดิมนะครับ?, ขอให้อร่อยกับเครื่องดื่มนะครับ และท้ายที่สุด ขอบคุณสำหรับเครื่องดื่มอร่อย ๆ นะครับ

              นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอีกฝ่ายในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อาจเป็นเพราะจำนวนคนในร้านที่ลดน้อยลงกว่าปกติ และบรรยากาศภายนอกก็ไม่น่าภิรมย์เอาเสียเลย อีกฝ่ายจึงมีอภิสิทธิ์ในการเดินไปไหนมาไหนมากกว่าภายในเคาน์เตอร์ของร้าน

              นั่นก็หมายความว่าเขาสามารถลอบมองอีกฝ่ายได้มากกว่าเดิม

              เอ.. เผลอพูดอะไรออกไปนะ

     

              “ผมไม่ใช่อันธพาลซักหน่อย”

              แก้ตัวให้กับความเข้าใจผิดที่อีกฝ่ายได้รับจากเพียงรูปลักษณ์ภายนอก เขาไม่แคร์นักหรอกว่าใครจะมองว่าเขาเป็นพวกอันธพาล แต่มันจะถูกยกเว้นเสมอเมื่อเป็นเรื่องสำหรับคนตรงหน้า (เช่นการที่เขายอมลงทุนเสียค่าขนมทุกวันไปกับนมร้อน ที่มีเพียงนมและไมโครเวฟก็ทำได้แล้ว) เขาไม่ค่อยมั่นใจนักหรอกว่าอาการพวกนี้คืออะไร แต่มันก็ค่อนข้างจะเร็วไปหน่อยถ้าหากให้เขายอมรับว่าชื่นชอบคนตรงหน้า พวกประสาท จองอูซอกไม่ใช่เกย์ซักหน่อย อย่างน้อยก็ในโรงเรียน

              “ผมก็ไม่ได้พูดว่าคุณเป็นอันธพาลซักหน่อย นั่งด้วยคนนะครับ”

              พยักหน้าตอบรับกับคำขออนุญาตที่อีกฝ่ายเอ่ยก่อนจะโน้มตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา แม้จะใช้เวลาหลายเดือนไปกับการมองอีกฝ่ายทำงานอยู่หลังเคาน์เตอร์ แต่นี่ก็นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นใบหน้าขาวในระยะใกล้ขนาดนี้ และองค์ประกอบใบหน้าทั้งหมดของเขาก็ลงตัวชะมัด ให้ตาย

              “ผมแค่บอกว่าคุณใช้กำลังบ่อย มันเป็นการบอกว่าคุณอันธพาลตรงไหน”

              “แค่คำว่าใช้กำลังบ่อยก็สื่อได้หลายอย่างแล้วคุณ”

              เผลอยอกย้อนอีกฝ่ายด้วยความไม่ระวังตัว แต่รอยยิ้มที่มุมปากและดวงตาที่เปลี่ยนเป็นรูปขีดนั่นก็ยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ติดใจอะไร

              “แต่ผมไม่คิดว่าคุณเป็นอันธพาลเลยนะ”

              “...”

              “เพราะถ้าคุณเป็นจริง ๆ ก็คงไม่โดนเขาซัดจนน่วมขนาดนี้หรอก”

              ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายยิ้มน่ารักขนาดนี้นะ มีหวังเขาคงได้ซัดอีกซักหมัดแล้วละ

              คุณบาริสต้าหนุ่มที่พ่วงความร้ายอยู่ภายใต้รอยยิ้มหวานปรับเปลี่ยนท่านั่งเป็นเหยียดหลังตรง ถึงจะเป็นเพียงจุดเปลี่ยนจุดเล็ก ๆ แต่จองอูซอกก็จำมันได้ขึ้นใจ

     

              “ผมไม่ค่อยปลื้มเด็กน้อยที่เอาแต่ใช้กำลังเท่าไหร่น่ะ”

     

              คนโกหกมักจะหลบตาเสมอเมื่อกำลังพูดเรื่องที่ตัวเองสร้างขึ้น



    ถึงจะโดนคำพูดดูถูกเล็กน้อยจากคุณบาริสต้าหนุ่ม จองอูซอก ชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามในการเทียวไปเทียวมาที่ร้านกาแฟนั่นอยู่ตลอด และถ้าหากว่ามีของสมนาคุณสำหรับลูกค้าที่คอยอุดหนุนร้านอยู่ทุกเมื่อแล้วล่ะก็ จองอูซอกคงไม่พลาดของรางวัลเหล่านั้นเป็นแน่แท้

    แต่ของรางวัลพวกนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขาผูกพันกับเจ้านมอุ่นในมือนี่หรอกนะ รอยยิ้มและดวงตาเป็นประกายที่อยู่ข้างหลังเคาน์เตอร์ต่างหากที่ทำให้มันพิเศษกว่าที่ไหน ๆ เอาเข้าจริง ถ้าหากอีกฝ่ายกลั่นแกล้งเขาด้วยการใส่เกลือแทนที่จะเป็นน้ำตาลรสชาติหวาน เขาก็ยังมองว่ามันอร่อยอยู่ดี

    เกินไปไหมนะ..

    ยกแก้วเซรามิกทรงสวยขึ้นมาจรดปาก ที่นั่งประจำของเขาก็เป็นแค่เพียงเคาน์เตอร์ที่ยกทรงสูงสำหรับลูกค้าที่ต้องการชื่นชมถนนภายนอก จะเรียกว่าความเคยชินก็คงใช่ เพราะไม่ว่าจะเป็นกี่องค์ประกอบในร้านแห่งนี้ จองอูซอกก็จดจำมันได้ขึ้นใจเสมอ

    ตัวอย่างเช่นมุมโซฟาตรงนั้น ที่ถูกขยับให้ออกจากผนังไปหน่อย อาจเพราะอากาศข้างนอกเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ จากสภาพอากาศที่ใกล้จะมีหิมะแรกของปี หรือไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาให้อยู่กับแก๊งลูกหมีสามตัวที่มุมสำหรับถ่ายรูปตรงนั้น

     

    หลังจากลงทุนใช้และเวลาหลังเลิกเรียนกับการดื่มนมอุ่นฝีมือคนคนนั้นมาเกือบครึ่งปี อูซอกก็สามารถตีสนิทกับพนักงานในร้านที่มีช่วงกะเวลาเย็นจนได้ อาดาชิ ยูโตะ หนุ่มญี่ปุ่นที่ออกตามหาความฝันของตัวเองที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหาแรงบันดาลใจให้ตัวเอง ได้พัฒนามาเป็นเพื่อนสนิทของจองอูซอกด้วยประโยคง่าย ๆ นมหมดแล้ว จะสั่งเพิ่มหรือเปล่าครับ?, วันนี้คุณบาริสต้าไม่มาหรอกนะ นมร้อนสำหรับคุณก็คงไม่มีเหมือนกัน และ คุณเกิดปีเดียวกับผมงั้นหรอ? ผมชื่อ อาดาชิ ยูโตะ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ

    “โดดเรียนหรออูซอก?”

    ถึงจะเจอกันวันละสิบห้านาที อาดาชิ ยูโตะก็ยังเป็นคนรักษามารยาทและใช้คำพูดได้คุ้มค่าเสมอ และแม้ว่าจองอูซอกที่โรงเรียนจะเป็นจอมอันธพาลที่แผ่อิทธิพลไปทั่ว เพื่อนที่เขาคิดว่าพูดคุยได้แทบทุกเรื่องกลับกลายเป็นเจ้าหนุ่มต่างชาติที่ยืนถูพื้นอยู่ข้างกันเสียอย่างนั้น

    และยูโตะก็เป็นคนแรกที่สังเกตได้ถึงแววตาของเขายามจ้องมองบาริสต้าคนนั้นอีกด้วยทั้งที่เราไม่เคยคุยกันเลยซักครั้ง นั่นมันทำให้เขากังวลนิดหน่อยว่าจะแสดงอาการออกมากไปหรือเปล่า แล้วถ้าหากมันมากไป บาริสต้าคนนั้นจะรำคาญเขาหรือเปล่านะ?

     

    “ที่โรงเรียนมีงานอะ ขี้เกียจอยู่ก็เลยโดดมา”

    ก้มมองนาฬิกาก็เพิ่งจะเลยบ่ายโมงมานิดหน่อย เขาเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวายเท่าไหร่ งานประจำปีที่โรงเรียนจัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์โรงเรียนก็เลยน่ารำคาญขึ้นไปอีกสองเท่าเมื่อเขาต้องทำหน้าที่ยืนแจกใบปลิวของทางโรงเรียน อากาศก็ชื้นเพราะเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวเต็มที่ และการที่เขาต้องมาปั้นยิ้มแจกใบปลิวให้กับใครก็ไม่รู้ที่ไม่ได้สนใจเนื้อหาเลยแม้แต่น้อยนี่มันก็หงุดหงิดใช่ย่อย ไม่นับรวมที่เขาต้องไปยกของจากห้องเก็บของหลังโรงเรียนเกือบห้ารอบนั่นอีกนะ แต่เห็นเพราะเป็นบทลงโทษที่ไปมีเรื่องคราวก่อนก็เลยต้องจำใจยอมทน

    และดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ใช่วันของจองอูซอกเลยซักนิด พอมีโอกาสได้หนีมาพักพิงอยู่ที่ร้านโปรดเพื่อจะเจอใครบางคนก็ต้องพบว่าอีกฝ่ายต้องออกไปทำธุระโดยด่วน และคงอาจจะกลับมาอีกทีก็ฟ้ามืดไปแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

    ถึงว่า ทำไมยูโตะถึงดูกลั้นยิ้มแปลก ๆ

     

    ถอนหายใจก่อนจะเอาหน้าผากแนบไปกับพื้นไม้ของเคาน์เตอร์ วันนี้เขาโดนใช้แรงงานจนน่วม พลังงานที่แทบจะไม่เหลืออยู่แล้วก็ถูกสูบออกไปซะหมด อยากกินนมร้อนฝีมืออีกคนจะตายชัก โกโก้ที่ยูโตะชงนี่ไม่ได้เรื่องเลยซักนิด รสชาติก็ขมยิ่งกว่าอะไรดี เป็นไปได้ก็อยากให้เวลาผ่านไปเร็วกว่านี้ซักหน่อยเถอะ

    “อยากกลับแล้วหรอ?”

    ยูโตะที่เพิ่งกลับมาจากการไปเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดก็ยิ้มหยอกเจ้าคนหมดเรี่ยวแรงที่นอนแผ่หลาอยู่ตรงกระจกใส อูซอกเป็นลูกค้าเจ้าประจำที่ชอบแวะเวียนมาทุกทุกเย็นหลังเลิกเรียน อาจเป็นเพราะเราสองคนเกิดไล่เลี่ยกันก็เลยทำให้สนิทกันได้ง่ายกว่าปกติ ถ้าไม่นับพี่ชินวอนแล้วล่ะก็ อูซอกคงเป็นคนที่อาดาชิ ยูโตะพูดด้วยมากที่สุดแล้วล่ะนะ

    “นายเปลี่ยนสูตรโกโก้หรอยูโตะ”

    เพยิดหน้าไปยังเจ้าโกโก้ร้อนที่เริ่มเย็นชืด รสชาติแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นชินทำให้เขาลดความอยากไปได้นิดหน่อย อย่างน้อยก็ไม่เท่ากับทุก ๆ เย็นที่เคยชิม

    “ไม่นะ ก็ทำตามที่พี่ชินวอนบอกทุกอย่าง”

    “พี่ชินวอน?”

              ชื่อบุคคลที่สามที่หลุดมาจากยูโตะทำให้เขาสงสัย นอกจากที่ร้านจะมีกะเวลาที่แน่นอนแล้ว จองอูซอกก็มั่นใจว่าเขาไม่เคยรู้จักใครในชีวิตที่ชื่อนี้มาก่อน

              “ก็พี่บาริสต้าคนนั้นไง อย่าบอกนะว่านายไม่เคยรู้ชื่อพี่เขาเลย?”

              อาดาชิ ยูโตะไม่เคยคิดไม่เคยคาดฝันมาก่อนเลยว่าเจ้าอูซอกจะเป็นคนที่ซื่อบื้อได้ขนาดนี้ ไอที่มานั่งมองเขาชงกาแฟไปวัน ๆ ก็แค่นั่งมองไปอย่างนั้นหรอ อย่างน้อยถ้ามาบ่อยขนาดนี้ก็ควรจะรู้จักชื่อบาริสต้าไว้ซะบ้างสิ หรือคนแบบอูซอกเป็นคนที่เข้าใจยากกันนะ?

              “เขาไม่เคยบอก-

    “แล้วทำไมไม่ถามอะ?”

    -ก็เพราะป๊อดน่ะสิ!!

    แค่จะสั่งนมร้อนเหมือนที่เคยทำก็กลัวแล้วกลัวอีก กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ กลัวว่าเขาจะโดนแบนออกจากร้านแก่งนี้เพราะทำตัวเหมือนโรคจิต กลัวว่าถ้าอีกฝ่ายรู้แล้วจะไม่มองหน้าเขา ซึ่งอันที่จริงมันก็แค่การถามชื่อง่าย ๆ แต่เพราะจองอูซอกป๊อดไง ทุกอย่างก็เลยดูยากไปซะหมด

    “ขี้ขลาดแบบนี้ไม่ไหวนะอูซอก”

    รู้แล้วน่า ไม่ต้องมาย้ำหรอกอาดาชิ!

     

     

     

     

    “รู้จักกันแล้วหนิ?”

    “ครับ?”

    มือที่กำลังสไลด์โทรศัพท์หยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายทักทายเขาด้วยประโยคประหลาด ไม่สิ ตอนนี้คนตรงหน้าคือ โก ชินวอนข้อมูลที่เขาพยายามคาดคั้นจากยูโตะในบ่ายวันนั้นทำให้รู้จักคนตรงหน้าขึ้นมาอีกนิดหน่อย แต่นั่นก็มกพอแล้วสำหรับการลงทุนทั้งหมดที่เขาได้เสียสละทำมันลงไป แต่ก็อย่างว่า บางทีเจ้ายูโตะก็ไร้ประโยชน์ไปหน่อย

    “ยูโตะมาฟ้องว่าคุณบังคับให้เขาต้องพูด”

    ถึงมือจะง่วนอยู่กับอุปกรณ์ในมือ แต่ดวงตาที่เล็กและหรี่ลงเพื่อมองอย่างจับผิดเขาแล้วนั้นทำให้เสียวสันหลังไม่ใช่น้อย นี่ไม่ใช่แค่นิดหน่อยแล้ว อาดาชินี่แหละคือนกสองหัวที่แท้จริง!

    “คือ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ผมแค่ถามนิดหน่อยเอง”

    อีกฝ่ายหันมาวางแก้วนมร้อนในแก้วกระดาษอย่างดีให้กับเขา และถ้าเขาไม่ได้ตาฝาดไปเขาคิดว่าเขาเห็นอีกฝ่ายยิ้มมุมปากซะด้วย

    “เขาแค่ฟ้องเรื่องที่คุณว่าโกโก้สูตรผมไม่อร่อยก็แค่นั้นเอง คุณหมายถึงอะไรหรอครับ?”

    จองอูซอกอยากจะเอาหัวโขกเคาน์เตอร์ให้เลือดออกซะรู้แล้วรู้รอด ทำไมถึงได้ร้อนตัวขนาดนี้นะ เกือบหลุดปากไปแล้วไหมละ

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ ขอบคุณนะครับสำหรับนมร้อน”

    อีกฝ่ายเพียงยกยิ้มกว้างพร้อมกับค้อมตัวขอบคุณเขาเล็กน้อย โชคร้ายมาเยือนอีกครั้งเมื่อวันนี้เขาถูกเรียกตัวไปใช้งานโดยด่วนด้วยฝีมือของครูที่ปรึกษา ก็เลยทำได้แค่แวะมาซื้อนมร้อนมาทานระหว่างเดินกลับไปโรงเรียน ไม่มีโอกาสได้มานั่งมองเหมือนกับวันอื่น ๆ

    “วันหลังเรียกพี่ชินวอนก็ได้นะ อูซอกกี้”

    “ครับ?”

    “ป้ายชื่อนายมันบอกฉันอย่างนั้นอะ ยินดีที่ได้รู้จักนะจองอูซอก”

    รอยยิ้มที่เขาได้รับเหมือนเป็นพลุจำนวนมากที่ถูกจุดให้ล่องลอยไปบนท้องฟ้า อิทธิพลของมันแรงกล้าจนทำให้หัวใจของเขาเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ และนี่ก็คงเป็นครั้งแรกที่อูซอกรู้สึกว่าเวลาบนโลกใบนี้มันได้หยุดลง

    ชิบหายแล้วจองอูซอก..

    ยิ้มน่ารักแบบนี้แล้วจะกล้าไปไหนได้อีกละ..

     

     

     

    คนโกหกมักจะเฉไฉเรียกความสนใจไปที่สิ่งอื่น ๆ รอบกาย

     

     

     

    จองอูซอกควรติดต่อรับรางวัลคนดวงซวยที่สุดในโลกได้แล้วล่ะนะ นี่ก็นับเป็นวันที่สามแล้วหลังจากที่ได้รับรอยยิ้มในวันนั้นที่อีกฝ่ายไม่มาทำงานอีกเลย พอถามยูโตะ เจ้านกสองหัวก็เอาแต่ส่ายหน้าแล้วบอกว่าบอกไม่ได้ บางทีอูซอกเองก็สงสัยว่าเขาจะยังทนคบเจ้าเด็กญี่ปุ่นนี่ไปทำไม(พอได้มาย้อนคิดก็เลยรู้ว่ายังคบหาผลประโยชน์เรื่องของพี่ชินวอนได้นิดหน่อยละนะ)

    นับตั้งแต่เริ่มเข้ามาเป็นลูกค้าขาประจำของร้านนี้ เขาจะได้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยหยุดติดต่อกันเกินสองวันเลยแม้แต่น้อย อาจจะเพราะคนน้อยหรืออะไรก็ตามแต่ แต่เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ทิ้งงานที่ตัวเองรักไปขนาดนี้ได้

    หรือบางทีเขาอาจจะคิดมากเกินไปเอง

    แต่ก็นั่นแหละ พออีกฝ่ายไม่อยู่ ร้านกาแฟแห่งนี้ก็ดูจะปรับสูตรไปซะหมด นมร้อนก็ไม่ได้หอมหวานเหมือนเคย โกโก้ก็ยิ่งขมมากกว่าเก่า และคงไม่ต้องพูดถึงกาแฟเย็นที่เขาใช้เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดในช่วงสอบไฟนอลนี้

    แค่คิดถึงรสชาติเครื่องดื่มเฉย ๆ หรอกนะ..

     

    ไม่หรอก

    คิดถึงคนทำด้วยต่างหาก

     

    “ยูโตะ ฉันจะถามเป็นครั้งที่สิบ”

    “..”

    “พี่ชินวอนไปไหน?”

    อาดาชิทำแค่เงยหน้าจากเครื่องบดกาแฟ และหันกลับไปให้ความสนใจกับมันต่อ และแน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้รับปฏิกิริยาแบบนี้กลับมา ถ้าให้นับจริง ๆ นี่ก็คงจะเป็นรอบที่สี่ เขารู้ว่ายูโตะขี้รำคาญ แต่เขาเองก็อยากรู้มากมากเหมือนกันนี่หน่า

    หายไปนานแบบนี้ก็เป็นห่วงแย่

    ไถโทรศัพท์ไปด้วยความรู้สึกว่างเปล่า อันที่จริง เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะมานั่งที่ร้านกาแฟแห่งนี้ทำไม ในเมื่อก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าพี่ชินวอนไม่ได้มาทำงาน ถึงวันนี้จะเป็นวันเสาร์ แต่จำนวนคนในร้านก็ไม่ได้ดูแน่นขนัดเหมือนอย่างเคย อาจเพราะนี่คือวันหยุดใหญ่ที่ใคร ๆ ก็พากันทยอยกลับบ้านเกิดกันหมด

    เอ... หรือพี่ชินวอนจะกลับบ้านกันนะ?

     

    ถอนหายใจด้วยความท้อแท้ เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าอาดาชิ ยูโตะน่ะรู้อยู่เต็มอกว่าพี่ชินวอนหายไปไหน แต่อีกฝ่ายก็อยากแกล้งเขาเลยไม่ยอมบอกอะไรซักแอะ แถมยังกล้าไถโทรศัพท์เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ

    ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องรักพี่ชินวอน อีกฝ่ายคงไม่ได้มีเขาเป็นเพื่อนหรอก!

    แรงสะกิดที่หัวไหล่ทำให้เขาต้องหันไปมองเจ้าเพื่อนต่างชาติมากปัญหาที่ทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ แต่บอกเลยว่าที่ยูโตะแบกอยู่น่ะเทียบของอูซอกไม่ได้ซักนิด

    “เอาโทรศัพท์มานี่หน่อยดิ”

    “เอาไปทำอะไรอะ”

    ถึงจะถามไปแต่มือก็ยื่นเครื่องมือสื่อสารให้อีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ เขาไม่ค่อยมีความลับอะไรในนั้นอยู่แล้วจึงไม่ได้กังวลอะไรมาก อีกฝ่ายก็คงยืมไปดูอะไรบางอย่างที่เครื่องอีกฝ่ายใช้ไม่ได้ละนะ

    “เสร็จละ แล้วก็เลิกวอแวฉันซักที”

    หน้าจอโทรศัพท์ของเขาปรากฏเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นตาอยู่ สีหน้าของอาดาชิเป็นเชิงให้เขารีบ ๆ รีบให้มันจบไปซะ และเชื่อเถอะ อาดาชิ ยูโตะคือคนที่ดีที่สุดที่จองอูซอกคนนี้เคยรู้จัก

     

    /ฮัลโหล อูซอกกี้ นี่พี่ชินวอนเองนะ/

    เสียงที่เขาไม่ได้ยินมาแค่สามวันแต่ยาวนานเหมือนเป็นปีทำให้ใจเต้นแรง แค่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายเขายังประหม่าขนาดนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลายกพวกตีกับคนอื่นหรือโดนเขาต่อยถึงได้กล้าต่อปากต่อคำขนาดนั้น แต่พอเป็นคนที่ชื่อโกชินวอนทีไร เขาเองรู้สึกประหม่าทุกครั้ง

    “ครับ พี่ชินวอนอยู่ไหนหรอครับ?”

    /อยู่บ้านแหละ อาดาชิบอกว่านายมีอะไรจะคุยกับพี่งั้นหรอ/

    “เอ่อ พี่ชินวอนจะกลับมาทำงานเมื่อไหร่หรอครับ?”

    เสียงหัวเราะจากปลายสายทำให้เขาใจชื้น อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายเหมือนที่เขากังวลไปทั่ว พอรู้ว่าหัวเราะได้แบบนี้ก็อุ่นใจ

    /กว่าจะได้กลับก็อีกนานเลยล่ะ ทำไมละ ยูโตะทำนมร้อนไม่อร่อยหรอ?/

    “กินไม่ได้เลยล่ะครับ ผมอยากกินสูตรของพี่ชินวอนจะแย่”

    /งั้นก็ต้องรอหน่อยนะอูซอกกี้ ตอนนี้ฉันเจ็บขานิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะ/

    “เจ็บขา? เป็นอะไรครับ? ร้ายแรงหรือเปล่า?”

    /ไม่หรอก แค่ขาแพลงนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หายแล้ว .. อ่า ไปก่อนนะอูซอกกี้ ต้องไปกินยาแล้วแหละ อยู่เป็นเพื่อนยูโตะให้พี่หน่อยนะ บ้ายบาย~/

    ตื้ดดดดดดด-

     

    แม้อีกฝ่ายจะวางสายไปซักพักแล้วเขาก็ยังไม่สามารถละสายตาจากจอโทรศัพท์ไปได้แม้แต่นิดเดียว หัวใจที่เต้นแรงก็ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย อาจเพราะอีกฝ่ายประสบอาการบาดเจ็บด้วยเรื่องเล็กน้อยแหละมั้งที่ทำให้เขาเบาใจขึ้นเล็กน้อย

    น่ารักชะมัด

     

     

     

    “อูซอกกี้ หวัดดี!

    หนึ่งเดือนถัดมา จองอูซอกจึงได้เข้าใจความหมายของคำว่า อยู่เป็นเพื่อนยูโตะและ ขาแพลงเล็กน้อย ของอีกฝ่าย คืออาการบาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องพักผ้าเอาไว้และใช้ไม้พยุง

    เห็นแบบนี้แล้วอยากจับมาตีให้เข็ด

    โกชินวอนน่ะขี้โกหก

    บอกว่าขาแพลงเล็กน้อย ใช้เวลารักษาแปบเดียว ใครจะไปรู้ว่ามันจะเป็นที่เข่าและก็ทำให้อีกฝ่ายต้องใช้ไม้พยุงไปเป็นเดือน นั่นมันทำให้เขาปวดใจยิ่งกว่าการที่รู้ว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เต้องมาร้านแห่งนี้โดยที่ไม่มีแรงกระตุ้นอย่างอีกฝ่ายเข้ามาช่วย

    โกชินวอนชอบขี้โม้

    ครั้งแรกที่เราได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการ อีกคนก็เอ่ยอ้างว่าสังเกตเอาจากป้ายชื่อนักเรียนของเขา ใครจะไปรู้ว่านั่นโกหกทั้งเพ ชุดยูนิฟอร์มที่เขาใส่วันนั้นไม่มีป้ายชื่อเพราะเขาเป็นคนถอดมันออกตั้งแต่ก่อนเข้าร้านด้วยตัวเอง

    โกชินวอนชอบบอกว่าไม่สนใจ

    ผมไม่ค่อยปลื้มเด็กน้อยที่เอาแต่ใช้กำลังเท่าไหร่น่ะ

    แต่จริง ๆ อีกฝ่ายก็ลอบมองเขามานานสองนานจนได้กล้าเอายาและพลาสเตอร์มาให้ แต่เพราะว่ากลัวเขาก็เลยต้องแกล้งทำเหมือนตัวเองน่ะเชี่ยวชาญไปซะทุกด้าน

     

    สรุปก็คือโกชินวอนสำหรับจองอูซอกน่ะ

    เป็นทั้งพี่ชายที่ขี้โม้, ขี้โกหก และชอบบอกว่าไม่สนใจ

    และก็เป็นคนที่น่ารักที่สุดบนโลกใบนี้สำหรับเขาเลยล่ะ








    ขอโทษที่มาช้านะคะ .. มาในไอดีใหม่ด้วย ฮ่า
    พอดีลืมรหัสแอคเก่าค่ะ หวังว่าจะไม่สับสนกันนะคะ อิอิ
    ชอบเวลาสองคนนี้เขาตีกันค่ะ เลยคิดเป็นพล็อตประหลาด ๆ มาหนึ่งเรื่อง ..
    ยังไงก็ฝากไว้ด้วยนะคะ คราวหน้าจะเป็นยังไงคู่ไหนต้องติดตามนะคะ จุ้บๆ

    @drangeax105
    #timetagon

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×