คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : oneshot - us again #นยอนดีพ
you asked me that if
I am satisfied with our relationship.
I just nod and said nothing.
because in my mind, it’s kept answering ‘nothing better than us’
โลกเหมือนกำลังเหวี่ยงให้เขากลับไปอายุสิบเจ็ดปีอีกหน
อืม
บางทีนี่อาจจะเป็น -ฮวังมินฮยอนเอฟเฟคท์ล่ะมั้ง?
เช้าวันนี้แพจินยองถูกปลุกด้วยเสียงเครื่องยนต์อีกครั้ง
เป็นเสียงรถที่ขับเข้ามาจอดอยู่บริเวณรั้วหน้าบ้านแล้วก็หยุดนิ่งของมันอย่างนั้นราวสิบนาที
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเร่งเครื่องยนต์เพื่อพุ่งทะยานกลับไปในท้องถนนอีกครั้ง ในขณะที่เขาทำได้เพียงแค่นอนลืมตาอยู่บนเตียงแบบนี้
ไม่มีความกล้าแม้แต่จะลงไปดูว่าเจ้าของเสียงรถคนนั้นเป็นใครกันแน่
เพราะยังไงเขาก็จะได้ยินมันทุกเย็นหลังเลิกงานอยู่แล้ว
ใช่
เจ้าของรถคันนั้นก็คือฮวังมินฮยอนคนที่มีศักดิ์เป็นถึงลูกชายเจ้าของกิจการและบริษัทที่เขากำลังทำงานอยู่
และแน่ละ เขาไม่ได้บอกใครถึงเรื่องราวทั้งหมดในวันนั้น ทั้งญาติพี่สาวคนสนิท
ทั้งเพื่อนร่วมงาน ไม่มีใครล่วงรู้ว่าตัวตนของแพจินยองเมื่อหกปีก่อนถูกใครบางคนที่ว่าฉุดกระชากให้กลับมาอีกครั้งด้วยรสจูบและสายตาเว้าวอนนั่น
เราทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก
แต่นั่นมันก็มากเพียงพอแล้วที่คนอย่างเขาจะรับมันไหว
เขาไม่สามารถแยกออกด้วยซ้ำว่าควรรู้สึกอย่างไรกับประโยคทิ้งทวนของอีกฝ่าย นอกจากนั้นก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีหน้าไปทำงานในเช้าวันจันทร์ได้อย่างไรโดยที่ไม่เผลอลอบมองอีกฝ่ายพร้อมกับคำพูดเหล่านั้นลอยวนอยู่ในหัว
กล่องความคิด
จิตใต้สำนึก หรืออะไรก็ตามแต่ที่เขาเคยคิดว่ามันควรจะเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่านี้ดันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
แทบไม่รู้ตัวว่าไขกุญแจเข้าบ้านมานั่งอยู่บนโซฟาได้ยังไง เขาเหมือนได้ยินเสียงดัง ป๊อบ!
ป๊อบ! ป๊อบ! ก้องอยู่ในหูก่อนจะตามมาด้วยภาพในอดีตที่ลอยเข้ามา
ทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม หรือแม้กระทั่งคำปลอบประโลม และ –ให้ตายเถอะ อยากจะอ้วกชะมัด
ตอนนี้เขารู้สึกเป็นผู้ใหญ่วัยยี่สิบสามปีที่แย่ที่สุดในโลก
ในขณะที่พี่สาวคนนั้นเริ่มต้นใหม่และมีความสุขกับมัน
น้องชายคนดีอย่างเขาก็ทำได้เพียงแค่จมกับความรู้สึกแย่ๆที่ตัวเองเป็นเพียงผู้รองรับผลการกระทำนี้
ยิ่งเห็นรอยยิ้มเหล่านั้นก็อยากจะลองถามออกไปดูเหมือนกันว่า –ทำไมถึงต้องเป็นเขา
แต่แพจินยองก็ทำมันไม่ลง
แค่นึกภาพว่าทุกอย่างมันจะต้องย้อนกลับไปเป็นดั่งสถานการณ์เมื่อหกปีก่อนก็จุกจนแทบบ้า
ถึงนี่มันจะทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนหักหลังเข้าเต็มเปาแต่ถ้าให้เอาความเจ็บปวดของตัวเองไปโยนให้คนอื่นนั่นมันก็ยิ่งแย่กว่าเก่าเสียอีก
อย่างน้อยพี่สาวคนนั้นก็ทำใจได้มากพอที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครไปแล้ว และนี่มันก็แค่เรื่องราวในอดีต
ถึงจะขุดคุ้ยเอามาถกเถียงกันแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากจะบั่นทอนความรู้สึกระหว่างเรา
มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ
ประตูรั้วหน้าบ้านถูกแขวนด้วยบราวนี่หอมกรุ่นจากร้านเบเกอรี่ชื่อดัง
เพียงแค่มองสัญลักษณ์ของร้านก็รู้สึกเหมือนตัวเองย้อนกลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายปีหนึ่งอีกครั้ง
จำได้คร่าวๆว่าชอบร้องโวยวายยามที่ต้องเอ่ยลากับพี่ทั้งสองที่จะต้องกลับไปเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยต่อ
ฮวังมินฮยอนทำเพียงแค่ลูบหัวเขาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆและคำมั่นสัญญาว่าจะหาขนมที่อร่อยที่สุดในโลกมาฝากทุกครั้ง
และมันก็เป็นตามคำที่อีกฝ่ายพูดทุกอย่าง ไม่ว่าจะกลับมาแค่เพียงลืมของไว้ที่บ้าน
หรือแม้กระทั่งจะเป็นการกลับมาเยี่ยมแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง เขาก็จะได้รับบราวนี่เจ้าโปรดกลับไปอวดเพื่อนๆที่โรงเรียนอยู่เสมอ
ตอนนั้น
แพจินยองได้รับฉายาเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลฮวังเสียด้วยซ้ำ
คนทั้งโรงเรียนน่ะลือกันให้ทั่วว่าเขาและฮวังมินฮยอนเป็นพี่ชายน้องชายกันจริง จนถึงขั้นที่ว่ามีสาวๆมาเดินรุมเขาเพียงแค่ต้องการจะติดต่อกับฮวังมินฮยอนโดยตรงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ได้ไล่ตวาดไปพร้อมกับบอกว่า –พี่มินฮยอนมีคนที่ชอบอยู่แล้ว! ถึงจะยอมถอยทัพกลับกันไปแต่โดยดี
เขาสะพายกระเป๋าเป้ที่อยู่บนหลังให้กระชับขึ้นก่อนจะกอดเจ้าถุงกระดาษที่ห่อสมบัติล้ำค่าข้างในเอาไว้
ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นตุบจนเจ็บไปหมด มันเป็นความดีใจที่ปนเปไปกับความกังวล
ถ้าให้พูดกันตรงๆนี่มันก็ดีเป็นบ้าที่อีกคนยังจำรายละเอียดเรื่องราวแบบนี้ได้ แต่ในการแสดงออกเหล่านี้ละ
มันจะไม่ใช่เพียงแผนการหนึ่งที่หลอกให้เขาตายใจใช่หรือไม่?
ปัดป่ายความรู้สึกที่เริ่มจะทำให้บรรยากาศมืดหม่นไปกว่าเก่า
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีแต่เพียงเมฆครื้มจนรู้สึกหดหู่ แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านกลุ่มก้อนพวกนั้นเป็นเหมือนสัญญาณที่ดีว่ามันอาจจะไม่ได้แย่เสมอไป
กลิ่นหอมของบราวนี่ร้อนลอยโชยมาตามลม
เขาสูดดมมันเพียงครู่พลางนึกไปถึงรสชาติที่ไม่ได้สัมผัสมาเกือบเจ็ดปี อ่า
คิดถึงจัง
เช้าวันนั้น
มีชาเขียวเย็นปริศนาถูกวางอยู่บนโต๊ะของเขา และเชื่อเถอะว่า เขาเห็นรอยยิ้มกว้างจากหัวหน้าหนุ่มในตอนที่เราสบตากัน
อืม สิบเจ็ดอีกครั้งจริงๆ
“วันนี้ก็ทำงานหนักอีกแล้วนะครับ”
นิ้วเรียวที่กดพิมพ์บนแป้นคีย์บอร์ดหยุดชะงัก
เขาเผลอลอบกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินเสียงนุ่มนั่นจากข้างหลัง คงไม่ต้องหันไปมองก็พอจะรู้อยู่ว่าเจ้าของกลิ่นน้ำหอมราคาแพงอ่อนๆที่ลอยมาน่ะเป็นของใคร
เขาจำมันได้ขึ้นใจเช่นเดียวกันกับเจ้าของน้ำเสียงนั่นเลยล่ะ
“อ่า
–ครับ”
ชะงักเพียงครู่ก่อนจะหันกลับไปให้ความสนใจกับกองเอกสารตรงหน้าต่อ
ถึงเขาจะเป็นเพียงพนักงานตำแหน่งเล็กในแผนก แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะให้ความรักและเอ็นดูเป็นพิเศษในฐานะน้องเล็กของสายงาน
ถึงได้พากันยกงานทั้งหมดไว้ให้เขารับผิดชอบอยู่แต่เพียงคนเดียว
และนี่ก็เข้าสู่วันที่สามแล้วที่เขาต้องเลิกงานช้ากว่าปกติ
คนในแผนกพากันกลับบ้านตั้งแต่เลิกงานได้ไม่ถึงห้านาทีดี
เขาไม่นึกแปลกใจเพราะร้อยทั้งร้อยก็มักจะมีข้ออ้างขึ้นมาพูดได้ไม่รู้จบ
ไม่ว่าจะเป็นลูกป่วยไม่มีคนดูแลหรือแม้กระทั่งข้ออ้างส่งๆอย่างฝนกำลังจะตกพี่ต้องรีบกลับทั้งที่ท้องฟ้าน่ะสว่างโล่งยิ่งกว่าหัวสมองของเขาซะอีก
แพจินยองเองก็ได้แต่ก้มโค้งลาเมื่อครั้งแล้วครั้งเล่าที่ประตูถูกเปิดออก
เพราะมัวแต่สนใจภาระงานที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าอะไร
เขาถึงไม่ทันได้สังเกตว่าหัวหน้าประจำสาขาก็ร่วมหายใจอยู่ในห้องออฟฟิศเล็กๆนี่ด้วยกัน
จะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนรับรู้ได้ถึงกลิ่นน้ำหอมและเสียงทุ้มนุ่มจากข้างหลัง และให้ตายสิ
ทำไมหัวใจมันต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วยนะ
“ไม่หิวข้าวหรอ?”
แพจินยองจำไม่ได้แล้วว่าครั้งล่าสุดที่ความเป็นกันเองในน้ำเสียงนั่น
เขาได้รับมันเมื่อไหร่? คงจะเป็นเมื่อเดือนก่อนในเหตุการณ์บนรถหรูคันนั้น และใช่
เขาได้รับบราวนี่เจ้าโปรดและชาเขียวเย็นปริศนามาราวๆยี่สิบเจ็ดวันได้แล้ว เรียกได้ว่ากินจนเบื่อไปเลยล่ะ
ส่ายหน้าน้อยๆเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คุณหัวหน้าทิ้งตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ของพี่พนักงานที่นั่งอยู่ข้างกัน
เขาไม่นึกใส่ใจหรอกว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไร
สิ่งเดียวที่เรียกความสนใจของเขาได้อยู่หมัดก็คือกองกระดาษตรงหน้าและคอมพิวเตอร์คู่ใจนี่ต่างหาก
นั่งพิมพ์ไปตามประสาได้ไม่นานก็พาลให้รู้สึกถึงอาการเห่อร้อนตรงข้างแก้มแปลกๆ พลันลามไปถึงเหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยที่ผุดอยู่ตามกรอบใบหน้า
“หืม
–ร้อนหรอ?”
ไม่ว่าเปล่ายังส่งมือเข้ามาปัดผมหน้าม้าที่ปรกหน้าปรกตาเขาให้อีกด้วย
อยากจะตะโกนไปดังๆว่า ก็เป็นเพราะพี่นั่นแหละที่มานั่งจ้องหน้าผมอยู่ได้! แต่ก็กลัวว่าคนในแผนกอื่นจะได้ยิน เขาเอียงหน้าหลบเล็กน้อยเมื่อฝ่ามือร้อนนั่นนิ่งค้างไว้อยู่ตรงข้างแก้ม
สัมผัสของฮวังมินฮยอนทุกอย่างมีแต่ความอ่อนโยน ไม่รุกล้ำ แต่กลับเน้นย้ำชัดเจนในความรู้สึกของเขาเหลือเกิน
ถ้าให้พูดกันตรงๆเขายังคงไม่ชินเท่าไหร่
ถึงฮวังมินฮยอนจะฉลาดและรู้จักเคล็ดลับในการวางตัวเป็นอย่างดี แต่เขาก็ยังคงติดภาพใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาของคนเป็นญาติในคืนนั้น
มันเหมือนก้อนหินที่คอยถ่วงไม่ให้ความสุขของเขาลอยจากไปไหน
“เราใส่แว่นแบบนี้ก็ดูเรียบร้อยดีนะ”
เจ้าของฝ่ามือขาวนั่นชักมันกลับไปที่เดิมราวกับเป็นเรื่องปกติ
เขาละอยากจะเถียงจริงๆว่าไหนว่าหกปีไม่ได้มากพอที่จะทำให้ฮวังมินฮยอนเปลี่ยนไปยังไงละ
แล้วนิสัยเจ้าเล่ห์แถมยังทำทุกอย่างได้เรียบเฉยราวกับไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแบบนี้มันเป็นฮวังมินฮยอนคนเดิมตรงไหน
“คุณหัวหน้าครับ
ผมจะทำงาน”
เอ่ยปรามคนอายุมากกว่าที่เริ่มจะอยู่ไม่สุข
โต๊ะทำงานของแพจินยองมีพื้นที่จำกัดแค่ไม่เท่าไหร่
ลำพังเขานั่งอยู่คนเดียวก็รู้สึกอึดอัดจนจะบ้า ยังมีใครบางคนจงใจขยับเก้าอี้มาเสียจนชิด
ไม่รู้ว่าตลอดเวลาหกปีที่ผ่านมาอีกฝ่ายจะพบเจออะไรมาบ้าง
แต่การที่จะมาเทียวตามใกล้ชิดกับเขาแบบนี้มันก็ไม่ไหวเหมือนกัน –หัวใจจะหลุดออกมาแล้ว!
“พี่”
“?”
“เรียกแบบนี้เหมือนตอนหกปีก่อนสิ”
เพิ่งรู้ตัวว่าเสียรู้เข้าเต็มเปาก็ตอนที่ละสายตาจากคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเพื่อหันกลับมามองคนอายุมากกว่า
แววตาของฮวังมินฮยอนในตอนนี้เหมือนไฟแช็กที่จุดชนวนระเบิดในอก
เขาคิดว่าตัวเองได้ยินเสียงดัง ตู้ม จากที่ไหนซักที่และภาพตรงหน้ามันก็พร่าเลือนไปหมด
คนมีศักดิ์เป็นถึงเจ้านายสบโอกาสเกลี่ยนิ้วอยู่ตรงข้างแก้มอย่างเก่า
แรงสัมผัสจากปลายนิ้วมันทำให้ช่องว่างในท้องของแพจินยองนั้นวูบโหวงเหลือเกิน เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพลิกกลับเป็นคนละฝั่งเมื่อสบประสานเข้ากับดวงตาคู่นั้น
แล้วเขาก็รู้ได้ในทันทีว่า –แย่แล้ว
“แล้วก็แทนตัวว่าเรา
เหมือนเก่าด้วยนะ”
-
“เอ๊
จินยองกุนกำลังมีความรักหรอเนี่ย?”
ทุบหน้าอกของตนเบาๆพลางกระแอมไอเมื่อจู่ๆก็สำลักเหล้าในมือขึ้นมา
เสียงหัวเราะครืนดังตามมาเป็นระลอกเมื่อเห็นปฏิกิริยาของน้องเล็กในแผนก ความสนใจของวงสนทนาทั้งหมดกลับตกมาอยู่ที่เขาหลังจากที่คุยเรื่องสัพเพเหระกันมาตั้งนาน
“เอ๋
–คุณจินยองน่ะหรอครับ?”
ร่างสูงโปร่งของคุณหัวหน้าสาขาที่รายล้อมไปด้วยลูกน้องในแผนกมากหน้าหลายตาหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นใบหน้าเห่อร้อนของเด็กหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้าม
วันนี้บริษัทของเรากำลังเลี้ยงฉลองในฐานะที่เจรจากับคู่ค้าได้สำเร็จ
อย่างน้อยคุณหัวหน้าก็เป็นคนรับปากเองกับมือว่าจะเลี้ยงทุกคนอย่างดี
แพจินยองเองก็จะถือโอกาสนี้เลี้ยงฉลองให้กับตัวเองมันซะเลย
กระดกน้ำสีเหลืองอำพันในมือพลางส่ายหน้าปฏิเสธทุกทางเมื่อได้รับนิ้วชี้และเสียง
–ฮั่นแหน่ จากรุ่นพี่รอบวง
เขาเข้าใจดีว่าเมื่อคนเราได้รับแอลกอฮอล์ก็มักจะขาดสติและพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
แต่อย่างน้อยคนที่โดนลากเข้าไปเป็นหัวข้อก็ไม่ควรจะเป็นเขาสิ!
“ใช่แล้วค่า ช่วงนี้น่ะไม่รู้เป็นอะไร
อยู่ๆก็ชอบหน้าแดงทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนซักหน่อย”
ว่าพลางจิ้มนิ้วเข้าที่ข้างแก้มเขาด้วยความเอ็นดู
ปัดป่ายมืออีกฝั่งที่มาจากรุ่นพี่ผู้ชายในแผนกอีกคนที่หมายจะเข้ามาบีบแก้มเขาด้วยความเคยชิน
ไม่รู้ว่าจะติดใจอะไรเขานักหนาถึงได้เทียวไล่เทียวรังแกกันอยู่เรื่อย
“แล้วเดี๋ยวนี้ก็ชอบหวงเนื้อหวงตัว
แค่จะบีบแก้มยังไม่ให้ทำเลย”
หัวเราะชอบใจกันอีกรอบก่อนจะหันไปสนใจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในมือกันต่อ
เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อรับรู้ว่าในวงสนทนานั้นไม่ได้มีเขาเป็นหัวข้ออีกแล้ว
เบือนหน้าหนีพลางยกแก้วในมือจรดริมฝีปากก่อนจะกระดกตามต่อ รสชาติขมปร่าของมันยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น
โดยเฉพาะยามที่ความร้อนรุ่มไหลลงจากช่องคอไปวนกลิ้งอยู่ในท้องทำให้รู้สึกดีเป็นบ้า
จู่ๆก็รู้สึกเหมือนอุณหภูมิในร้านอาหารลดลงต่ำผิดปกติ
เขาลูบแขนขึ้นลงไปมาพลางสอดส่องไปทั่ววงสนทนาแล้วก็นิ่งค้างอยู่อย่างนั้นเมื่อสบเข้ากับสายตาของใครบางคน
ดวงตาที่เคยอบอุ่นราวกับดวงอาทิตย์ใบใหญ่กลับแข็งกร้าวขึ้นเสียจนรู้สึกไม่ดี
เขาส่ายหน้าปรามและเลือกที่จะเป็นฝ่ายละสายตาก่อนในที่สุด
อย่างน้อยนี่ก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีที่จะแสดงพิรุธอะไรทั้งนั้น
การที่ทุกคนมีเครื่องดื่มมึนเมาในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีสติกันทุกคน
“คุณมินฮยอนเองก็ยังไม่มีแฟนหรอคะ?”
น้ำเสียงอ้อแอ้พร้อมกับสีหน้าประหลาดใจของคนถามเมื่อได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าของคนที่มีศักดิ์สูงสุด
เขาร้องเหอะในลำคอก่อนจะยกแก้วเหล้านี่ขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหัวข้อหลักในการสนทนาของวันนี้น่ะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักตั้งแต่เมื่อไหร่
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็พากันเล่นเกมหมุนขวดพร้อมถามคำถามล้วงลึกเท่าที่ตัวเองอยากจะรู้กันซะแล้ว
นึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ปลายปากขวดไม่เคยหยุดมาอยู่ตรงเขาซักครั้ง
เพราะดูจากสถานการณ์แล้วก็คงจะไม่หลุดพ้นเรื่องที่เป็นหัวข้อในบทสนทนาก่อนหน้านี้แน่ๆ
และเขาเองก็ไม่ค่อยชอบใจเสียด้วยที่ต้องตกมาเป็นจุดสนใจของทุกคนอีกครั้ง
“ครับ
มัวทำแต่งานก็เลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่”
“เอ๋
จริงหรอคะ?”
“ครับ
รับรองเลยว่าถ้ามีเมื่อไหร่ ผมจะพามาเปิดตัวกับทุกคนอย่างดีเลยล่ะครับ”
จู่ๆรสชาติเครื่องดื่มราคาแพงในมือก็ดันกร่อยจนต้องละริมฝีปากออกจากมันจนได้
เขาพินิจเพ่งมองเครื่องดื่มในมือ ริมฝีปากยกยิ้มเมื่อรู้สึกได้ถึงอาการหวิวที่เกิดขึ้นอยู่ในช่องท้อง
ถึงนี่จะผ่านมาเกือบสามเดือนได้แล้วที่เหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นผ่านพ้นไป
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับเลยว่าคนอายุมากกว่าทำตามคำพูดไว้ได้ทุกอย่าง
เขายังคงได้รับการเอาใจใส่ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ยังคงได้รับขนมที่ถึงแม้จะเปลี่ยนประเภทไปบ้างแต่ก็ยังคงเป็นขนมที่อร่อยที่สุดในโลกไม่เคยเปลี่ยน
ยังได้รับน้ำเสียง แววตา และการแสดงออกที่พร้อมจะหลอมละลายเขาได้ทุกเมื่อ
และเชื่อเถอะว่าเขายังมองเห็นฮวังมินฮยอนคนเดิมคนนั้นในการกระทำทุกอย่างที่ผ่านมา
แพจินยองไม่รู้จะจำกัดคำนิยามของความสัมพันธ์ระหว่างเราไว้ว่าอย่างไร
แน่นอนล่ะว่าเราไม่ใช่คนรัก
ถึงอย่างนั้นก็ยังคงรวดเร็วเกินไปที่จะให้เขากลับไปเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ชายคนสนิทดังเก่า
เราเป็นเพียงแค่หัวหน้ากับลูกน้องก็จริง
แต่การกระทำและความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลมันดันมากเกินกว่าแค่นั้น
เขาพยายามหาคำตอบของทุกอย่าง
ลองลงทุนค้นหาในอินเตอร์เน็ตถึงความเป็นไปได้ในทุกทาง
รู้สึกว่านี่มันคือตัวตนของเขาเมื่อหกปีก่อนชัดๆที่ต้องมานั่งค้นหาข้อมูลแล้วก็นำมันมาทดสอบกับตัวเอง
และถ้านี่มันจะเป็นการย้อนกลับไปในอดีต
เขาเองก็ได้แต่เฝ้าภาวนาว่าโลกคงไม่โหดร้ายกับเขาเป็นครั้งที่สอง
เขาเลิกให้ความสนใจกับมันเมื่อพบว่านี่ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นซักนิด
ต่อให้ค้นหาแทบตายและนำมันมาตรวจสอบกับสิ่งที่เป็นอยู่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างมันจะชัดเจนขึ้นกว่าเก่า
ยอมรับตามตรงว่าเขาชอบความสัมพันธ์ระหว่างเราตอนนี้เป็นที่สุด
ไม่ใช่คนรักที่จะต้องมาคอยนั่งเช็คความเป็นไปของอีกฝ่าย
เขาไม่ต้องคอยเหนื่อยกับการหยิบยกปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องเพื่อนำมาทะเลาะและสร้างแผลในใจกันซะเปล่าๆ
ขอเพียงแค่มีโอกาสในไม่กี่นาทีของแต่ละวันได้มองเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไรมันก็เพียงพอแล้ว
เพราะนอกเหนือจากความดีใจจนลิงโลดทุกครั้งที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากฮวังมินฮยอน
ก้อนเนิ้อในอกมันยังมีหินของความรู้สึกผิดถ่วงเอาไว้อยู่ด้วย
เขาไม่มั่นใจเท่าไหร่นักว่าถ้าหากเราสองคนพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นคนรัก
เขาจะยังกล้าเอาหน้าไปสู้พี่สาวคนนั้นได้หรือเปล่า ถึงจะรับรู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเขา
แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของอีกคนเช่นกันที่แสดงอาการต่อต้านเหล่านั้นออกมา
คนทุกคนก็มีสิทธิ์เสียใจกันได้ทั้งนั้น
เขาโทษว่ามันเป็นเรื่องของอดีต
และอดีตก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าจดจำ
ถึงมันจะทำให้เขาพลาดความสุขไปถึงหกปีก็ตามทีเถอะ
ภาพเหตุการณ์ในคืนวันนั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง
หากทว่าในคราวนี้กลับไม่ได้มีเพลย์ลิสต์เพลงโปรดดังคลออย่างเก่า
ไม่มีฝนตกพรำ มีเพียงแค่เสียงของไอจากเครื่องปรับอากาศ และนี่มันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนจองจำอยู่ในห้องเล็กๆที่ไหนสักที่
ฮวังมินฮยอนเป็นฝ่ายอาสาไปส่งเขาที่บ้านอีกครั้ง
เสียงโห่ร้องพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉาของพี่พนักงานผู้หญิงทำให้เขาต้องลอบยิ้ม
แต่แล้วก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่านี่อาจไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีสำหรับเขาสักเท่าไหร่
เพราะในน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยเกรงว่าเขาจะพาตัวเองกลับบ้านไม่ไหว มันยังเจือไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งนั่นอีกด้วย
เขาเสสายตามองออกไปยังฟุตบาทที่มีผู้คนเดินขวักไขว่
แสงไฟระยิบระยับนับล้านส่องประกายท่ามกลางความมืดมิด
ช่องว่างที่ก่อตัวขึ้นท่ามกลางระหว่างเราทำให้ความอึดอัดมันสุมอยู่ในอก เขารู้สึกว่าภาพตัวเองเมื่อสามเดือนก่อนที่นั่งคิดเป็นกังวลว่าควรจะเริ่มบทสนทนาอย่างไรมันดูงี่เง่าชะมัด
และตอนนี้นั้นก็ด้วย
อยากจะเริ่มประโยคง่ายๆอย่าง
–ไม่สนุกหรอครับ?
แต่นั่นก็จะดูหยามรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายในงานเลี้ยงไปซักหน่อย
เขาพยายามประมวลผลออกมาเป็นคำภายใต้สติสัมปชัญญะที่ดูจะลดน้อยลงตามที
ในกล่องความคิดของเขาตอนนี้เหมือนมีคำพูดลอยล่องอยู่ในอากาศนับล้าน
มันเต็มไปด้วยเรื่องราวของอีกฝ่ายทั้งนั้น และเขาก็พบได้ว่า –อ่า นี่มันแย่แล้ว
มีแต่ฮวังมินฮยอนแบบนี้แล้วจะทำยังไงดีละ
มัวแต่สนใจกับเพียงแค่ความคิดของตัวเองถึงไม่ได้รับรู้ว่าตอนนี้รถยนต์คันหรูที่ว่าได้เข้ามาจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านของเขาเสียแล้ว
แพจินยองรู้ดีว่าเขาไม่ควรคาดหวัง แต่สีหน้าและท่าทางราวกับเราไม่ใช่คนรู้จักกันของอีกฝ่ายมันทำให้ปวดหนึบตรงอกเป็นบ้า
อีกฝ่ายไม่ได้ไถ่ถามและแสดงอะไรออกมาเหมือนอย่างเคย
เขาลอบมองคนอายุมากกว่าจากที่ของตัวเอง
ดวงตาคู่นั้นทำเพียงแค่ทอดมองไปยังท้องถนนเบื้องหน้า
คุณหัวหน้าในภาพตอนนี้ดูดีราวกับนายแบบของนิตยสารชื่อดัง และในตอนนี้
แพจินยองไม่รู้เลยว่าอะไรอยู่ในกล่องความคิดของอีกฝ่ายบ้าง
เขาลอบกลืนน้ำลายเหนียวที่ดูจะฝืดคอก่อนจะกระแอมไอเพื่อเรียกเสียงของตัวเองให้กลับมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
จำได้ดีว่าฮวังมินฮยอนในยามโกรธไม่ใช่ตัวตนที่น่าเข้าใกล้เสียเท่าไหร่
เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยังคงเป็นแบบนั้นอยู่หรือไม่
แต่ในบรรยากาศและช่วงเวลาแบบนี้ก็ต้องขอบอกไว้เลยว่าคนอายุมากกว่าน่ากลัวขึ้นกว่าเก่าอย่างทวีคูณ
“ขะ..ขอบคุณนะครับ”
แพจินยองไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองขี้ขลาดมากเท่าวันนี้มาก่อน
เขากระชับเจ้าเป้ที่พกติดตัวไปไหนมาไหนบนตักให้เข้าใกล้ตัวเองขึ้นมาอีกหน่อยราวกับเป็นเกราะกำบังชั้นดี
พลันจะก้มหัวขอบคุณอีกฝ่ายก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เขาโหยหามาตลอดการเดินทาง
“จินยอง”
“ครับ?”
“เราเป็นอะไรกัน?”
เขาเหมือนได้ยินเสียงดัง
ตู้ม! ดังขึ้นในหัว
หัวใจดวงน้อยในอกสั่นรัวระริก เหมือนความกล้าทั้งหมดจะตกลงไปอยู่ที่ปลายเท้า
และนี่มันก็แย่สุดๆที่ดันเกิดความวูบโหวงอยู่ในช่องท้องของเขาอีกครั้ง
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันยังเรียกว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูกน้องและเจ้านายได้หรือไม่
คงไม่มีเจ้านายที่ไหนจอดรถที่หน้าบ้านของลูกน้องทุกวันเพื่อดูความเป็นไปในตอนเช้า
คงไม่มีลูกน้องที่ไหนลอบมองเจ้านายของตัวเองด้วยแววตาราวกับเด็กสิบเจ็ดปี
คงไม่มีหัวหน้าและลูกน้องที่ไหนใกล้ชิดมากกว่าที่เราเป็นอยู่
และนี่มันก็ไม่ใช่การแสดงออกระหว่างพี่ชายและน้องชายคนสนิท
รสจูบในค่ำคืนนั้นยังเป็นเครื่องตอกย้ำความรู้สึกได้อย่างชัดเจน และนั่นก็รวมไปถึงก้อนความรู้สึกผิดในอกของเขาด้วย
แพจินยองคิดไม่ตกว่าระหว่างเรามันเรียกว่าอะไรกันแน่
ถึงอีกฝ่ายจะเป็นคนเอ่ยคำสารภาพออกมาในเหตุการณ์นั้นก็ตามที
แต่นี่มันก็เร็วไปหน่อยที่เราจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นคนรัก
“รู้ใช่ไหมว่าคงไม่มีเจ้านายลูกน้องที่ไหนทำแบบเรา”
“...”
“แล้วก็รู้ใช่ไหม
ว่าพี่ไม่ได้อยากกลับไปเป็นพี่ชายของเราแล้ว”
ก้อนเนื้อในอกที่ทำหน้าที่ของมันได้ดีมาตลอดดันหยุดการทำงานเสียตื้อๆ
ถัดจากนั้นก็แทนที่ด้วยการทำงานที่รวดเร็วและแรงจนเกือบจะหลุดออกมาอยู่รอมร่อ
เขาเผลอกำมือของตัวเองแน่นเมื่อเนื้อหาในประโยคข้างต้นมันชวนให้ใบหน้าเห่อร้อนแปลกๆถึงแม้จะเป็นสิ่งที่รับรู้และติดอยู่ในอกมาตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา
“พี่รู้
ว่านี่มันคงเร็วเกินไปสำหรับเราที่จะเรียกว่าคนรัก”
“...”
“แต่ช่วยยืนยันกับพี่หน่อยได้ไหม
ว่าเราพอใจกับเรื่องระหว่างเราในตอนนี้”
นี่คงเป็นครั้งแรกที่แพจินยองสบสายตาเข้ากับอีกฝ่ายแล้วพบแต่ความสับสน
มันเป็นแววตาที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังแตกสลายกระจัดกระจายไปเสียหมด ความไม่แน่นอนและไม่ชัดเจนระหว่างเราคงทำให้ฮวังมินฮยอนรู้สึกเป็นกังวล
มันทำให้เขารู้สึกแย่ไม่ใช่น้อยที่ตัวเองเป็นต้นเหตุในเรื่องแบบนี้อีกแล้ว แต่คนอายุมากกว่าคงไม่รู้ว่าเขาเองก็เฝ้าตอบคำถามเหล่านี้กับตัวเองอยู่เหมือนกัน
และ –ใช่ นี่มันโคตรจะดีสำหรับผมสุดๆไปเลยล่ะ
“–ครับ เท่านี้มันก็พอแล้วล่ะ”
เพราะสำหรับผม
นี่มันยอดเยี่ยมกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก
“ครับ
แค่เราชอบ พี่ก็ดีใจแล้ว”
รอยยิ้มแบบฉบับพี่มินฮยอนของน้องจินยองกลับมาอีกครั้งในรอบหกปี
มันเป็นรอยยิ้มที่กระตุกหัวใจของเขาเสียจนเต้นระรัว
เขาไม่รู้ว่าตัวเองคิดถึงมันมากขนาดไหนจนกระทั่งได้เห็นอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้ และอดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มในแบบน้องจินยองของพี่มินฮยอนกลับไปด้วยเช่นกัน
ความวูบโหวงในช่องท้องแผ่กระจายเหมือนผีเสื้อบินอยู่นับร้อยพันตัว
ภาพเหตุการณ์ในงานเทศกาลประจำปีที่มีเพียงเขาและฮวังมินฮยอนท่ามกลางแสงไฟนับพันและหิมะโปรยปราย
โลกเหวี่ยงให้เขากลับไปสิบเจ็ดอีกหน
และฮวังมินฮยอนเอฟเฟคท์ก็มีผลทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงทุกครั้ง
–แย่แล้วละ
แพจินยอง
เขาเผลอชะงักเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นร้อนขนาบเข้าที่ข้างแก้มขวา
สัมผัสของมันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นของล้ำค่าที่สุดในโลก
จุดสนใจของเขากลับมาที่ดวงตาคู่นั้นอีกครั้ง
มันทอแสงระยับเหมือนกับผิวน้ำทะเลสาบเมื่อต้องแสงแดด เขาให้ความสนใจกับมันมากเสียจนรู้สึกอีกทีก็ลมหายใจอุ่นร้อนที่กระทบอยู่ตรงผิวหน้า
ความอบอุ่นก่อตัวขึ้นอย่างน่าประหลาด
ไม่มีคำพูดใดใดเอื้อนเอ่ยในสถานการณ์ที่เราใกล้ชิดกันขนาดนี้
แพจินยองสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะถูกทาบทับริมฝีปากด้วยความอบอุ่นจากคนอายุมากกว่าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
มันเป็นสัมผัสที่ไม่ได้จาบจ้วงแต่ทำให้เขารู้สึกเหมือนตกลงมาจากที่สูง
ยามที่ลิ้นชื้นนั้นไล่เล็มรอบริมฝีปากก่อนจะคว้านเข้ามาหาความหวานก็เช่นเดียวกัน
เหตุการณ์เมื่อสามเดือนก่อนย้อนกลับมาอีกครั้ง
แต่ทว่าคราวนี้แพจินยองไม่ได้รู้สึกผิดเหมือนดังเก่าอีกต่อไปแล้ว
เขาปล่อยให้อีกคนค้นหาคำตอบในรสจูบอย่างที่ต้องการ
ไม่มีการเร่งรัด ไม่มีความรู้สึกผิด ไม่มีก้อนหินก้อนใหญ่ในความวูบโหวงของทั้งหมด
ไม่มีใบหน้าของพี่สาวคนนั้นลอยเข้ามาในหัวของเขาอีกแล้ว
และแพจินยองก็คิดว่านี่แหละ –คำตอบของสิ่งที่เขาค้นหามาตลอด
อีกฝ่ายผละออกไปเมื่อเขารู้สึกเริ่มจะทนไม่ไหว
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงใกล้ชิดอยู่ไม่ห่าง
ใบหน้าสมส่วนที่อยู่ใกล้จนทำให้ลมหายใจของแพจินยองขาดห้วง
ฮวังมินฮยอนมีเสน่ห์ที่เหลือร้ายจนทำให้รุ่นน้องในสมัยก่อนตกหลุมรักอย่างไร
ตอนนี้เขาก็ยังคงมีสิ่งที่ว่าที่ทำให้แพจินยองกลับไปอายุสิบเจ็ดอีกครั้ง
สิ่งที่ทำให้เขาตกหลุมรักอีกฝ่ายเข้าเต็มเปา
“บอกแล้วไงครับว่าไม่ชอบให้กินเหล้าอีก”
“...”
“เป็นเด็กดีของพี่เหมือนเดิมนะครับ”
เขาหลบสายตาและน้ำเสียงอ่อนหวานที่ถูกใช้มาล่อลวงให้ติดกับอีกคน
ยอมรับเลยว่าคำพูดแค่นั้นก็ทำให้เขาใจสั่นจนแทบบ้า
ทั้งที่ก็เป็นแค่ประโยคทั่วไปแต่พอได้ยินจากปากของอีกคนในระยะประชั้นชิดขนาดนี้ก็ทำให้ไปไม่เป็นได้เช่นเดียวกัน
“พี่พร้อมจะดูแลเราในฐานะผู้ชายคนหนึ่งแล้วนะ”
“...”
“ถึงเร็วไปหน่อย
แต่สัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดเลยครับ”
“...”
“พี่รักษาคำพูดแค่ไหน
รู้ใช่ไหมครับ?”
แพจินยองคิดว่าเขาคงไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมารองรับ
ทั้งบราวนี่และขนมพวกนั้น ทั้งรอยยิ้ม การกระทำ
และทุกอย่างที่เป็นฮวังมินฮยอนในอดีตรวมไปถึงปัจจุบันก็คงเป็นหลักฐานชั้นดีมากพอที่จะทำให้คำพูดเหล่านั้นมีน้ำหนัก
ฮวังมินฮยอนเอฟเฟคท์มันมีผลรุนแรงกว่าที่คิดไว้ซะอีก
–พลาดแล้วละ
แพจินยอง
end
#pdxdg
ฮี่ มาแบบงงๆอีกแล้ว เหตุเกิดจากทนความเรียกร้องไม่ไหวค่ะ ฮ่า
ไม่ค่อยปะติดปะต่อเรื่องเก่าเท่าไหร่ เพราะยอมรับว่ากลับไปเศร้าไม่ได้ค่ะ แง(อันเก่าเศร้าหรอ orz)
เห็นที่ทุกคนแชร์แล้วก็ดีใจค่ะ ฟีดแบ็คดีกว่าที่คิดไว้ซะอีก ^_^ ตอนนี้บูทพลังได้ 150% ไปเลยค่ะ
แล้วก็เห็นทุกกำลังใจของทุกคนในฟอร์มแล้วก็เขินค่ะ แง เราจะสู้ๆเพื่อทุกคนเลยนะคะ!
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะ ทั้งที่มาร่วมสนุกในกิจกรรม ทั้งคอมเม้น ทั้งทวิตฟิค
หวังว่าจะอยู่บนเรือลำนี้กันไปเรื่อยๆเลยนะคะ :)
ปล. เราขอพูดรอบนี้ครั้งที่สองนะคะ เพราะเรารู้สึกว่าโดนอีกแล้ว ฮ่า
เน้นตรงนี้นะคะว่าบทความนี้เป็น ออลน้องจินยอง ในเชิงที่เป็น xx x jinyoung
เพราะฉะนั้นต่อให้มีน้องจินยองในคู่ แต่ถ้าสลับโพสิชั่นเราคงเขียนให้ไม่ได้จริงๆค่ะ
เราเคารพคุณมากพอที่จะไม่ตอบคอมเม้นไปตรงๆ(เพราะยังไงก็ไม่น่าจะแจ้งเตือน)
หวังว่าคุณจะเคารพเราด้วยการอ่าน ปล. ทุกอย่างก่อนพิมพ์อะไรด้วยนะคะ รอบหน้าจะร้องไห้แล้วน้าT_T
เขียนชัดเจนทั้งชื่อบทความทั้งหมายเหตุในฟอร์มขนาดนี้ ฮือ ต๊อแต๊ ไปล่ะค่ะ รวั๊ก♥ /หอมหัวทุกคน
ความคิดเห็น