ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    produce 101/wannaone #pdxdg | all x baejinyoung

    ลำดับตอนที่ #8 : oneshot - notes #hoonyoung #winkdeep

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ค. 60


     










    1.      คุณไม่ชอบกินกุ้ง

     

    เมื่อก่อนผมน่ะไม่รู้ เรียกว่าไม่เคยมีกฎสำคัญข้อแรกข้อนี้อยู่ในหัวด้วยซ้ำ คิดเอาไว้ด้วยแหละว่าเดทครั้งที่ห้าของเราหลังจากคบกันแล้วควรจะเป็นร้านอาหารซีฟู๊ดร้านโปรดของผม ผมชอบเมนูกุ้งคลุกซอสเผ็ดของที่นั่นและอยากให้คุณได้ลองทานด้วยกัน แต่แล้วการทานอาหารร่วมกันระหว่างเราครั้งที่สองก็พังล่มไม่เป็นท่า เรานั่งทานร่วมกันอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียนขนาดเล็กที่ห่างไกลจากผู้คน คุณเป็นคนแนะนำร้านนี้และคิดว่าผมคงชอบถ้าหากว่าผมชอบอาหารทะเลมากรองลงมาจากเมนูเนื้อ ผมแค่ชี้เมนูที่มีกุ้งเพราะคิดว่ามันคงจะเป็นอะไรง่ายๆระหว่างเรา บรรจงตัดเป็นคำและยื่นมันให้คุณได้ทาน

    ตอนนั้นคุณไม่แม้แต่จะบอกผมสักนิดว่าคุณทานกุ้งไม่ได้ ไม่มีแม้แต่คำปฏิเสธ มีแค่รอยยิ้มกว้างและดวงตาเป็นขีดพร้อมกับรับมันเข้าปากด้วยความเต็มใจ คุณเอ่ยคำขอโทษกับผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ต้องฝ่าฝนตกหนักขนาดนั้นเพื่อพาคุณส่งถึงมือคุณหมอได้อย่างปลอดภัย ทั้งยังขอโทษขอโพยที่เป็นต้นเหตุให้ผมต้องจ่ายค่าอาหารราคาแพงโดยใช่เหตุ

    ผมอยากจะบอกว่ามันไม่เป็นไร นั่นไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณจะป่วยตอนไหนเมื่อไหร่ผมก็พร้อมจะพาคุณมาหาหมอเสมอถ้าหากนั่นจะทำให้คุณหายเจ็บเร็วขึ้น ถ้าหากเราพลาดมื้อนี้ก็ไม่เป็นไร เรายังมีเวลาอีกมากมายที่จะทดแทนเวลาที่เสียไป ผมอยากบอกคุณว่ามันไม่เป็นไรเลยซักนิดถ้าหากว่าผมจะต้องเสียเงินเป็นแสนวอนเพื่อรักษาให้คุณกลับมามีรอยยิ้มได้เหมือนเดิม และถ้าหากจะให้ผมบอกว่าคุณผิด คุณก็คงผิดที่ยังยิ้มกว้างจนทำหัวใจผมเต้นระส่ำ ทั้งยังอ้าปากรองรับเนื้อกุ้งที่ผมบรรจงหั่นมันเพื่อคุณ คุณคงผิดที่ไม่รู้จักปฏิเสธคำร้องขอของผมเสียบ้างจนเป็นเหตุให้คุณเจ็บตัวขนาดนี้ อยากจะหยิกแก้มคุณแรงๆแล้วบอกคุณว่าไม่เกรงใจผมซักครั้งก็ได้ ยังไงคุณก็ไม่ได้น่ารักลดน้อยลงไปเลยนะ

    ร้านซีฟู๊ดที่ผมจดเบอร์โทรเอาไว้ในตารางเดทครั้งที่ห้าของเราถูกเปลี่ยนแผนเป็นสวนสนุกชื่อดัง ผมยอมไม่ทานกุ้งคลุกซอสผัดเผ็ดนั่นก็ได้เพื่อแลกกับการได้เห็นคุณมีรอยยิ้มที่กว้างแบบนี้ และมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าถ้าหากเราเลือกจะไปร้านนั่นตามคำขอของผม ผมคงไม่มีความสุขเหมือนกับตอนนี้แน่ๆ อย่างน้อยถ้าเราเลือกร้านอาหาร ผมก็คงไม่มีโอกาสได้มองเห็นคุณในตอนที่สวมที่คาดผมรูปหูมิกกี้เม้าส์แบบนี้หรอก คุณนี่น่ารักไม่เปลี่ยน

     

     

     

    2.      คุณชอบกินช็อกโกแลต (คุณกระซิบมาบอกว่าให้ขีดเน้นๆเลย ผมก็จะขีดล่ะนะ)

     

    ผมจำวันนั้นได้อย่างขึ้นใจ คุณผู้มีใบหน้าเรียวเล็กจนผมแทบจะกอบกุมมันได้ด้วยมือข้างเดียวกำลังนั่งมองกล่องสี่เหลี่ยมขนาดพอเหมาะด้วยแววตาเป็นประกาย มันเป็นเพียงแค่คัพเค้กรสชาติเยี่ยมที่ผมได้รับจากรุ่นพี่มาอีกที คุณไม่แม้แต่จะไถ่ถามเลยด้วยซ้ำว่าเขาให้ผมมาเนื่องในโอกาสอะไร ยอมรับเลยว่าตั้งแต่วินาทีที่ผมรับมันมาผมก็คิดไม่ตกว่าจะแก้ตัวกับคุณว่าอย่างไร ผมกลัวว่าคุณจะคิดมากที่ผมเลือกรับของขวัญจากรุ่นพี่หน้าตาดี ผมกังวลไม่ใช่น้อยเพราะกลัวว่าคนที่ไม่ชอบพูดอย่างคุณจะเก็บมันเอาไปคิดเล็กคิดน้อย

    คุณไม่แม้แต่จะถามผมด้วยซ้ำว่าใครให้ ตั้งแต่ที่วางมันลงบนโต๊ะคุณก็เอาแต่จ้องมันไม่หยุด แค่เพียงผมเอ่ยประโยคที่ว่าก็แค่คัพเค้กรสช็อกโกแลตธรรมดา คุณก็ช้อนตามองผมด้วยความใสซื่อ

    ขอกินได้มั้ย?

    คุณถามผมแค่นี้ แล้วคุณก็ไม่ซักไซ้อะไรผมอีก ผมอดทนรอให้คุณเคี้ยวเจ้าก้อนนี่ลงคอ(และคุณตอนที่แก้มทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเจ้าเค้กนี่ก็น่ารักเป็นบ้าอีกแล้ว) ผมนั่งรอคุณละเมียดละไมมันพร้อมรอยยิ้มกว้างราวๆสามสิบนาที แต่คุณก็ไม่มีคำถามอะไรอีก คุณพูดแค่ว่า อือ อร่อยจัง –อยากกินอีก แล้วคุณก็ป้อนมันมาที่ปากผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    ผมก็รู้ได้ในทันที แค่เป็นช็อกโกแลตตรงหน้า คุณก็มีความสุขมากพอที่จะไม่สนใจเรื่องร้ายๆ และผมก็ดีใจชะมัดที่คุณไม่แม้แต่จะโวยวายเมื่อหลังจากที่เราเดินจับมือเคียงข้างกันเพื่อไปส่งคุณอย่างเคย ผมบอกคุณไปตรงๆว่านี่คือของขวัญจากการสารภาพรัก คุณพยักหน้าพร้อมกับบอกว่าก็ดีแล้วไงที่มีคนทำขนมอร่อยมาให้ทานขนาดนี้ คุณไม่สนใจด้วยซ้ำถึงแม้ว่าพี่เขาจะสวย แถมยังเอ่ยปากบอกให้ผมแนะนำเธอให้คุณรู้จักเสียด้วย

    กลายเป็นผมนี่สิที่โกรธรุ่นพี่คนนั้น เขาทำอาหารเก่งเกินไป  เก่งเสียจนคุณเผลอหลงเสน่ห์ในรสชาติคัพเค้กช็อกโกแลตพวกนั้น ผมจะไม่บอกคุณ แต่สองสามวันให้หลังที่ผมชอบมีผงขาวๆติดที่กางเกงก็เป็นเพราะกำลังหัดทำมันให้คุณได้ทาน ด้วยตัวของผมเอง

     

     

     

    3.      คุณไม่ชอบสีมิ้นท์

     

    ตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้ ผมก็รู้สึกได้ว่าระหว่างเราสองคนน่ะข้อแตกต่างมันมากกว่าความชอบอะไรคล้ายกันเสียอีก มันก็จริงอยู่ที่ผมบอกคุณว่าผมชอบสีดำ เพราะผมเองก็ชอบสีดำมากจริงๆ แต่ถ้าหากเป็นเรื่องเสื้อผ้า ผมก็จะชอบเสื้อผ้าที่สดใสเพราะผมคิดว่าเราควรจะมีสีสันซะบ้าง

    แต่นั่นไม่ใช่กับคุณ ทุกๆครั้งที่เราเปิดตู้เสื้อผ้าที่ห้องของเรา การแบ่งประเภทเสื้อผ้าจะเป็นระเบียบได้โดยที่ไม่ต้องคัดแยกอะไรให้มากมาย ของคุณน่ะมีแต่สีดำ สีดำ แล้วก็สีดำเต็มไปหมด นับชิ้นได้เลยว่าเป็นสีขาวทั้งหมดกี่ชิ้น สีแดงทั้งหมดกี่ชิ้น

    ในขณะที่ฝั่งของผมนั่นมีหลากสี คุณทำเพียงแค่อมยิ้มยามที่ผมหยิบสีประหลาดขึ้นมาทาบทับกับตัว คุณพยักหน้าน้อยๆเมื่อผมถามว่าชุดนี้สำหรับผมเป็นยังไง ไม่ว่าจะหยิบสีแดงแสบตา สีเขียวสดใส หรือแม้กระทั่งสีชมพูนีออนที่ถูกฝังลึกลงไปในมุมอับของตู้เสื้อผ้าคุณก็จะพยักหน้าแล้วบอกว่ามันเหมาะกับผมไปซะหมด

    ผมซื้อเสื้อกันหนาวให้คุณในช่วงที่พยากรณ์อากาศกำลังประกาศเตือนว่าอุณหภูมิจะติดลบลงไปเรื่อยๆ บอกกันตามตรงว่าผมชักจะไม่ชอบคุณในเสื้อผ้าสีดำซักเท่าไหร่ ผมเดินอยู่ในห้าง เดินผ่านทุกร้านและคิดพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ท้ายสุดในมือของผมก็ถือถุงกระดาษที่มีผ้าเนื้อหนาอยู่ข้างใน มันเป็นเพียงแค่เสื้อกันหนาวคาร์ดิแกนธรรมดาสีที่ผมคิดว่ามันเหมาะกับคุณมากที่สุด

    คุณรับมันไปกอดไว้แนบอกในตอนที่ผมกำชับว่าให้ใส่ไปทำงานดีๆ เช้าวันถัดมาผมก็เห็นคุณในเสื้อกันหนาวตัวนี้ คุณบอกว่ามันคือตัวโปรดและคิดว่าจะใส่มันไปจนกว่าคุณจะไม่รู้สึกว่ามันอุ่นอีก ผมโพล่งออกไปว่าถ้าหากซักบ่อยๆก็คงจะบางลง คุณตอบผมกลับทันทีว่าตราบใดที่คุณยังนึกถึงเสมอว่าเสื้อตัวนี้ผมซื้อให้ ความอบอุ่นมันก็จะโอบกอดตัวคุณเองนั่นแหละ ในตอนนั้นคุณสำหรับผมคือคนช่างพูดที่เก่งที่สุด แต่ถ้าหากในตอนนี้ ผมจะเพิ่มตำแหน่งคนเก็บความรู้สึกเก่งที่สุดให้อีกด้วย

    เพราะเสื้อตัวนั้นน่ะคือสีมิ้นท์

    และคุณก็เกลียดสีมิ้นท์มากซะด้วย

     

     

     

    4.      คุณไม่ชอบพูดอะไรที่ทำให้เรารู้สึกแย่

     

    วันนั้นเป็นวันที่เราทะเลาะกันหนักที่สุด ผมจำมันได้ดีในบรรดาวันทุกวันที่เราได้ใช้ร่วมกัน  เราทะเลาะกันไม่บ่อย และทุกครั้งก็จะต้องเป็นผมที่เป็นฝ่ายเข้าไปขอโทษคุณก่อนเสมอ มันก็แค่วันนั้นผมเจอเรื่องที่ทำงานแย่ๆ ทุกคนเหมือนจะโยนความผิดให้ผมรับในฐานะหัวหน้าแผนก แต่แท้จริงแล้วผมเองก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาซักนิด ที่โดนกระทำก็เพราะโดนเล่นงานในฐานะลูกชายเจ้าของบริษัท ผมเหนื่อยและอยากจะพักผ่อนสมอง

    ไม่รู้ว่าทุกอย่างเป็นใจหรือนี่มันเรียกว่าชะตากรรมชีวิต คนในแผนกเอ่ยปากเลี้ยงเหล้าและเบียร์ชั้นดีในฐานะที่ติดต่อกับคู่เจรจารายใหญ่ได้สำเร็จ ผมตอบรับคำตกลงโดยลืมไปว่าคุณนัดทานข้าวมื้อเย็นกับผมเอาไว้ ผมกลับห้องไปตอนตีสองก็พบกับคุณที่เอาแต่นั่งนิ่งๆอยู่บนโซฟา สายตาคู่นั้นของคุณไม่ได้หันมาต้อนรับผมอย่างที่เคย เอาแต่จ้องนาฬิกาฝาผนังจนผมคิดว่าคุณคงหลับไปแล้วด้วยซ้ำ

    คุณบอกผมแค่สั้นๆว่าวันหลังไปไหนก็ควรจะบอก แต่มันก็เหมือนกรรไกรที่ตัดฟางเส้นสุดท้ายของผมให้ขาด มันเป็นแค่ประโยคแสดงความห่วงใยจากคุณ แต่สำหรับผมที่กำลังเมากรึ่มและโดนกดขี่มาทั้งวันกลับมองว่ามันคือประโยคคำสั่ง ผมไม่ชอบอยู่ภายใต้คำบัญชา และก็คิดได้แค่ว่าคุณไม่ควรจะมาสั่งให้ผมทำอะไรนั่นนี่ได้ตามที่คุณชอบ

    ผมเผลอตวาดคุณเสียจนคุณตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันน่ากลัวจนกระทั่งเห็นดวงตาคู่นั้นมีน้ำใสไหลริน และผมก็รู้ได้แค่อย่างเดียว –ผมทำมันพัง

    คุณเอ่ยคำว่าขอโทษ ผมหายใจไม่ออกเพราะภาพตรงหน้ามันตอกย้ำความผิดของผมซะเหลือเกิน เช้าวันถัดมาคุณรีบออกไปทำงานเร็วมากกว่าเคยพร้อมกับโจ๊กร้อนกรุ่นและเม็ดยาที่คุณทิ้งเอาไว้ให้ผมรักษาอาการแฮงค์ที่จะเกิดขึ้น

    เย็นวันนั้นเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่สำหรับผม นี่ไม่ใช่คุณคนเดิม

    ผมคว้าคุณเข้ามากอดในตอนที่คุณขอตัวเข้านอนก่อนใครเพื่อน ผมเอ่ยซ้ำไปซ้ำมาแค่เพียงคำว่าขอโทษและไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้ คุณทำแค่ลูบหัวผมขึ้นลงก่อนจะบอกว่าคุณเข้าใจ คุณบอกผมว่างานของผมน่ะมันเหนื่อยและมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผมจะรู้สึกไม่ดี

    ผมอยากจะบอกคุณว่าคุณตอนที่ไม่ได้ยิ้มให้ผมตอนนี้น่ะ ทำให้ผมรู้สึกไม่ดียิ่งกว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาเสียอีก

    เรากลับมาเป็นเหมือนเก่าในเช้าวันถัดมา นี่มันทำให้รับรู้ได้ว่าการไม่มีคุณมันแย่ซะยิ่งกว่าตื่นเช้ามาแล้วพบว่าตัวเองแฮงค์ติดกันยี่สิบวันซะอีก

    ผมชอบระหว่างเราตอนที่ไม่ได้ทะเลาะกันนะ เผื่อคุณจะยังไม่รู้

     

     

    5.      คุณตอนอยู่กับผมน่ะ คือความน่ารักทุกอย่างบนโลกใบนี้แล้ว

     

    ผมยิ้มให้กับภาพตรงหน้า มันเป็นรอยยิ้มที่ผมมักจะเผยออกมาตลอดเมื่อยามได้อยู่ใกล้คุณ ครั้งแรกผมก็ไม่รู้และคิดว่ามันคงเป็นเรื่องปกติ แต่แล้วใครต่อใครต่างก็ไถ่ถามผมว่าทำไมถึงได้มีความสุขอยู่ทุกครั้งถึงแม้ว่าวันวันนั้นผมจะโดนโขกสับจากคนอื่นมากแค่ไหน ผมอยากตอบไปใจจะขาดว่าแค่มีคุณผมก็ยิ้มออกแล้วแต่ผมก็กลัวว่าถ้าหากเขารู้กันว่าผมมีคุณเป็นยาดีขนาดนี้ ใครต่อใครก็คงอยากจะได้คุณมาเป็นของตัวเองกันหมด ถ้าให้พูดตรงๆก็คือผมหวงคุณ

    ผมคิดไม่ติดว่าควรจะเอารูปคุณยิ้มให้ผมขึ้นเป็นภาพล็อคหน้าจอโทรศัพท์ดีหรือไม่ เพราะผมกลัวว่าถ้าหากมีใครเข้ามาเห็นเข้า เขาจะเห็นความน่ารักของคุณแล้วขโมยคุณไปจากผมหรือเปล่า ผมน่ะ คลั่งไคล้คุณขนาดนี้เลยล่ะ

    ภาพตรงหน้าก็แค่คุณตัวเล็กๆที่ก้มลงคุยกับเจ้าหมาตัวใหญ่ที่ถ้าหากกระโจนใส่คุณก็คงต้องมีตัวหักกันไปข้าง คุณลูบหัวมันพร้อมใช้เสียงและท่าทางน่ารักโดยธรรมชาติ ผมชอบมองคุณแบบนี้ถึงแม้จะชอบโดนหาว่าเป็นโรคจิตก็ตาม

     

    คุณเม้มริมฝีปากแน่นและเผลอยื่นมันออกมาโดยที่ไม่ตั้งใจยามที่ผมส่ายหัวแล้วบอกว่าพอได้แล้วสำหรับค่ำคืนนี้ เรามีแพลนจะดูหนังกันตลอดทั้งคืน คุณเอ่ยปากขอลิ้มรสเจ้าไอศกรีมตัวใหม่ที่ลงทุนออกไปซื้อมาเมื่อหัวค่ำ คุณกินมันหมดไปแล้วส่วนหนึ่งและมันก็มากพอสำหรับโควตาคืนนี้ด้วย ผมกลัวว่าคุณจะไม่สบายแต่คุณก็เอาแต่คิดว่าผมกลัวว่าคุณจะมาขโมยของผมกินหมด อยากจะบีบๆแก้มและปากยื่นๆนั่นพร้อมบอกว่าต่อให้ผมจะอยากกินมันแค่ไหนผมก็จะยกให้คุณ มากกว่านี้ผมก็ให้ได้ แต่ผมไม่อยากเห็นคุณป่วยอีกแล้ว

     

    ผมกลั้นขำให้กับภาพตรงหน้า คุณลงทุนลากผมลุกออกจากเตียงในเวลาเจ็ดโมงครึ่งของเช้าวันอาทิตย์ บรรยายและสวมเสื้อผ้าเสียอย่างดิบดีเพื่อสาธิตการทำอาหารเช้าสำหรับวันนี้ให้ผมทาน คุณอวดว่าคุณจะทำแซนวิชสอดไส้ไข่ดาวที่อร่อยที่สุดในโลก แต่มันก็พังล่มไม่เป็นท่าเมื่อคุณเผลอทำไข่แดงแตกผสมไข่ขาวอยู่เรื่อย คิ้วเรียวของคุณนั้นขมวดเป็นปม ฝ่ามือเล็กๆทีผมชอบบีบมันเสมอเมื่อต้องการกำลังใจคราวนี้ก็บรรจงคัดแยกไข่ขาวและไข่แดงออกจากกันอย่างบรรจง คุณสบถว่า อ่า –ให้ตายสิ! เสียงดังลั่นเมื่อนี่เป็นฟองที่สามแล้วสำหรับเช้าวันนี้ ผมดันคุณไปข้างๆและอาสาจะเปลี่ยนเมนูวันนี้ให้เป็นไข่คนแสนอร่อยแทน คุณเบ้ปากก่อนจะยอมถอยทัพกลับไปนั่งรอแต่โดยดี และก็กลับมามียิ้มกว้างเมื่อได้ทานไข่คนรสชาติที่ตัวเองชื่นชอบ

     

    ผมอยากจะเขียนเหตุผลเป็นร้อยเป็นพันว่าทำไมคุณถึงน่ารักมากสำหรับผม แต่ทว่าเมื่อผมเขียนมันออกมาก็ดูเหมือนว่าจะมีแต่การชื่นชมคุณอย่างไม่รู้จักพอ ผมไม่อยากนึกภาพว่าถ้าหากวันนั้นผมไม่ตัดสินใจจะทำอะไรสักอย่างระหว่างเรา ความสุขของผมก็คงไม่มีแบบทุกวันนี้แน่ๆ ไม่อยากจะนึกภาพว่าถ้าหากผมต้องตื่นเช้ามาโดยไม่มีคุณน่ะมันโหดร้ายขนาดไหน

     

    แต่ถ้าถามผมว่าคุณน่ารักตอนไหนที่สุด ผมจะตอบแบบไม่ยั้งคิดเลยว่า สีหน้าของคุณหลังจากที่ผมได้จูบคุณในทุกๆวันน่ะ น่ารักกว่าอะไรดีเลยล่ะ

     

     

    -

     

    “อ๋า! พี่จีฮุน เขียนนินทาผมอีกแล้วหรอ!

    มองดวงตากลมแป๋วของคนที่หนุนหัวลงกับตัก เขาพับสมุดเล่มหนาในมือลงก่อนจะเอี้ยวตัวไปเก็บมันลงในลิ้นชักข้างเดียงดังเดิมโดยไม่ลืมที่จะล็อคมันอย่างเคย

    “ตื่นแล้วหรอ”

    ดีดหน้าผากเจ้าตัวยุ่งที่อาศัยหน้าตักเขาต่างหมอนมาได้ร่วมสี่สิบนาที  จริงๆนี่มันก็แค่เช้าวันอาทิตย์ เราไม่ต้องรีบไปทำงานที่ไหน ก็เลยตื่นกันสายได้ตามปกติ ผมปล่อยให้คุณนอนอย่างหนำใจโดยไม่ลืมที่จะให้คุณหนุนนอนตักของผมแทน

    “พี่จีฮุนมานี่หน่อย”

    มองมือเล็กๆที่กวักมือเรียก เข้าขยับหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะลอบยิ้มเมื่อคนเป็นน้องจู่โจ่มเข้ามาประกบปากเพียงเล็กน้อยก่อนจะผละออก

     

    “มอร์นิ่งคิส ไปละ”

     

     

     

    อืม –ก็น่ารักมันมากขนาดเนี้ย จะให้ผมหนีไปไหนรอด?

     

     








    #pdxdg
    (ถึงแท็กจะชอบโดนหาว่าเป็นสแปม ก็สารภาพกันตรงนี้ว่าคิดชื่ออื่นไม่ออกแล้วค่ะ)








    แว้บมาให้หายคิดถึงค่ะ ตอนนี้กำลังทำงานชดใช้หนี้55555555
    เอามาฝากค่ะ ไม่รู้จะเรียกแนวนี้ว่าอะไร จู่ๆก็อยากเขียน แล้วก็โบ้ม เสร็จก่อนเรื่องที่ตั้งใจไว้ซะอีก
    ยอดเฟฟเยอะมากค่ะ ตกใจ ฮือ ขอบคุณจริงๆนะคะ
    แล้วก็แอบเห็นเวลาคนแนะนำฟิค อันนี้ก็รู้สึกขอบคุณมากจริงๆนะคะ ฮือ อยากกอดทุกคนแรงๆ
    ถือว่าเป็นการฉลองให้รูปน้องผมน้ำตาล และรูปฮุนยองในวันนี้กันค่ะ เย้!
    ปล. บทความของเราส่วนใหญ่เป็นออลน้องนะคะ ต้องบอกตรงนี้จริงๆ ฮือ ขอโทษอีกครั้งนะคะ TT_TT
    สั้นมาก แต่ก็ตั้งใจมากเช่นกัน ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×