ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    produce 101/wannaone #pdxdg | all x baejinyoung

    ลำดับตอนที่ #5 : shortfic - little things #hoonyoung #winkdeep

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 60



     

     

     

     

    Little things

    Cause I fell in love with yours everything.

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              พัค จีฮุนเป็นมนุษย์ประหลาด

     

     

             

              “ชงกาแฟให้หน่อย

              ผงกหัวขึ้นจากกองเอกสารนับยี่สิบฉบับที่วางทับกันไปมาอย่างไม่ใส่ใจเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องพัก ช่วงนี้บริษัทที่เขาทำงานอยู่นับได้ว่ากำลังไปได้สวย การเจรจาต่อรองและทำสัญญาระหว่างคู่ค้าก็ได้รับผลตอบรับที่ดี ภาระงานในช่วงนี้จึงมากเพิ่มขึ้นกว่าปกติตามไปด้วย จำได้ลางๆว่าตั้งแต่นั่งลงเคลียร์งานที่เอากลับมาทำที่บ้านก็ไม่ได้ลุกไปไหนอีก

              ผู้มาเยือนทำเพียงพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปวางเสื้อโค้ทกับราวแขวนอย่างที่เคยทำ เขาเหลือบมองยามอีกฝ่ายเดินลับหายไปในโซนห้องครัวเพื่อที่จะได้แน่ใจได้ว่าคนเป็นพี่กำลังทำในสิ่งที่เขาร้องขอ(ถึงแม้เวลาปกติจะชอบอิดออดนิดหน่อก็ตาม) 

     

              แพจินยองและพัคจีฮุนเป็นเพื่อนร่วมห้องมาได้เกือบห้าปี อ่า.. ทั้งที่จริงแล้วก่อนหน้าจะได้มาร่วมชายคาเดียวกันเราทั้งคู่ก็รู้จักกันเพียงผิวเผิน เป็นความสัมพันธ์ที่รู้จักต่อจากคนรู้จักอีกที แต่เพราะช่วงนั้นเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่ ชีวิตในวัยมหาวิทยาลัยของเขาก็ยังต้องมีค่าใช้จ่าย ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการยังดิ้นรนมีชีวิตอยู่ได้ในยามนี้ก็คือการประกาศหาคนช่วยผ่อนเบาภาระด้านนั้นลง พัคจีฮุนที่ดูเหมือนกำลังประสบปัญหาเดียวกันก็เลยตอบรับคำเชิญชวนที่เขาใช้ให้เจ้าซามูแอลไปติดต่อให้อีกที

              ช่วงแรกๆที่เพิ่งมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมันค่อนข้างจะน่าอึดอัดเสียหน่อย เขาเป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยจะดี ต่างกับอีกฝ่ายที่ช่างพูดช่างคุยกับคนอื่นแถมยังมีมุกตลกคอยหยอดในวงสนทนาอยู่ไม่ขาด แต่เพราะกำลังอยู่ในช่วงปลายการศึกษาทั้งคู่ พัคจีฮุนคณะนิเทศปีสี่ก็ยังมีภาระด้านละครเวทีของคณะจนค่ำมืด ตัวเขาเองที่ต้องอ่านหนังสือทั้งวันทั้งคืนก็ขังตัวเองอยู่ในห้องตั้งแต่กลับมาจากมหาวิทยาลัยทุกวัน เราเจอหน้ากันเพียงแค่ช่วงเช้า กล่าวคำทักทายง่ายๆเช่น อรุณสวัสดิ์ ก่อนจะแยกย้ายไปทำธุระของแต่ละคน 

     

              ความสัมพันธ์ที่ถูกขีดเอาไว้แค่เพื่อนร่วมห้องแปรเปลี่ยนเป็นคนสนิทได้ตั้งแต่ตอนไหนเขาก็ไม่ค่อยมั่นใจ ทุกอย่างที่ผ่านมามันดูเรียบง่ายราวกับเส้นตรงที่ถูกลากยาวออกไปไม่มีวันจบ แล้วจู่ๆเส้นตรงเหล่านั้นก็เริ่มคดโค้งเรื่อยๆ จากที่เคยเพียงแค่กล่าวอรุณสวัสดิ์ ก็เริ่มมาเป็น นอนดึกจังเลยนะเมื่อคืน กินข้าวเช้าหรือยัง? และ วันนี้มีแพลนจะไปไหนหรือเปล่า?

              จากที่กินข้าวกันคนละอย่างก็เปลี่ยนมาแบ่งเผื่อให้อีกฝ่ายด้วยความเคยชิน จากที่ต้องหยิบแก้วน้ำมาครั้งละใบเราก็เลือกที่จะหยิบให้อีกฝ่ายโดยไม่ต้องร้องขอ มื้อเย็นที่เขาเคยกินตอนสามทุ่มก็ถูกบังคับให้มากินด้วยกันทุกวันตอนหนึ่งทุ่ม กิจวัตรประจำวันที่ทำคนเดียวมาตลอดเกือบ 22 ปีก็มีพัคจีฮุนเข้ามามีส่วนร่วม 

     

     

     

              เรื่องประหลาดที่หนึ่งคือ ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง

     

              และทุกอย่างก็แปรเปลี่ยนไปในเช้าวันนั้นที่อากาศปลอดโปร่ง ท่องฟ้าสดใส 

     

              มันเป็นเพียงวันธรรมดาที่ถ้าหากจะเปิดดูปฏิทินก็คงเป็นหนึ่งในพวกที่ถูกมองผ่าน ไม่ใช่วันที่จะต้องถูกวงด้วยวงกลมสีแดงหรือถูกขีดเน้นย้ำ เป็นวันสีขาวในบรรดา 365 หลากสี ไม่ใช่วันแห่งสีเหลืองที่มีแต่ความอบอุ่น ไม่ใช่วันแห่งสีเขียวที่เต็มไปด้วยความสดชื่น และก็ไม่ใช่วันสีฟ้าที่มีแต่ความสดใส เป็นเพียงสีขาวที่จืดชืด เรียบง่าย แต่กลายเป็นสิ่งสำคัญ

              ร่างของใครบางคนที่ยืนพิงเคาน์เตอร์ครัวทำให้เขาชะงัก ถึงนี่จะเพิ่งเจ็ดโมงเช้าก็ตาม แต่คำบอกเล่าจากปากของอีกฝ่ายว่ามีนัดลองชุดตั้งแต่แปดโมงเช้าทำให้เขาฉุกคิดได้ว่าตอนนี้คนเป็นพี่ควรจะออกจากห้องไปแล้วด้วยซ้ำ พัคจีฮุนที่ยืนกอดอกมีสีหน้าเคร่งเครียดเสียจนเขาไม่กล้าเดินเข้าไป แต่เพราะเสียงท้องที่ร้องประท้วงด้วยความหิวโหยทำให้เขาต้องยอมเฉียดไปใกล้

              ครั้นจะเดินผ่านอีกฝ่ายเพื่อหยิบซีเรียลเจ้าโปรดที่อยู่ข้างกันก็โดนขัดจังหวะด้วยฝ่ามือที่คว้าจับต้นแขน หันไปมองหน้าเพื่อนร่วมห้องก็พบเจอกับดวงตากลมที่มีแต่ความสับสน พัคจีฮุนในโหมดนี้สำหรับเขาคือโหมดที่รับมือได้ยากที่สุด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายกำลั-

              ริมฝีปากสีแดงสดราวกับเชอร์รี่ทาบทับลงมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว นี่มันเกินคาดมากไปสำหรับเขา ยอมรับเลยว่าพักนี้เมื่ออยู่ใกล้อีกฝ่ายอัตราการเต้นของหัวใจเขาก็เริ่มไม่เป็นจังหวะ มันอาจเป็นเพียงความหลงใหลหรือชื่นชม แต่ส่วนหนึ่งของมันก็คือความรู้สึกดี 

              ตกใจไม่ใช่น้อยที่จู่ๆก็โดนทำอะไรแบบนี้ เมื่อสติกำลังจะหลุดลอยไปก็โดนดึงกลับมาด้วยแรงกดที่เน้นย้ำอยู่ตรงริมฝีปาก ไม่ได้มีการรุกล้ำ ไม่ได้มีการเอาแต่ใจ มันเป็นเพียงการกดค้างแต่ย้ำให้รับรู้ว่านี่คือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจริงและเขาไม่ได้ฝันไป

     

     

              ไอ่บ้าเอ้ย

              ผละออกจากริมฝีปากเมื่อช่วงชิงจนหนำใจแล้วก็ฉุดยิ้ม ถ้าคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่เขาต้องพึ่งพาเรื่องค่าใช้จ่ายเขาคิดว่าควรจะต่อยหน้าหมอนี่สักหมัด เป็นเพียงแค่รูมเมทคิดว่าจะลวนลามหรือเอาแต่ใจแบบนี้ก็ได้หรอ

              “เย็นนี้ไปดูพี่แสดงหน่อยสิ

              “...”

              ทาบทับลงมาอีกครั้งถึงแม้จะเป็นเพียงแค่แตะเบาๆ อาการร้อนผ่าวแผ่ไปทั่วใบหน้าเมื่ออีกคนเอ่ยชิดริมฝีปากด้วยน้ำเสียงที่เขาไม่เคยคิดว่าได้ยินมาจากที่ไหน

              “นะ

             

              ท้ายสุดเขาก็ยอมทิ้งกองงานที่มีกำหนดส่งอาทิตย์หน้าไว้ที่ห้อง ถึงแม้อากาศตอนเช้าจะปลอดโปร่งแต่พอตกค่ำก็เริ่มจะมีลมหนาวมาหน่อยๆ เขากระชับเสื้อคลุมคาร์ดิแกนตัวโปรดที่คุณแม่ซื้อให้ในฐานวันเกิดที่เพิ่งผ่านพ้นมาไม่นาน การแสดงละครเวทีของพัคจีฮุนวันนี้ได้รับเสียงตอบรับล้นหลาม คำชมและเสียงปรบมือที่กู่ก้องตั้งแต่ม่านการแสดงปิดลงทำให้เขารู้สึกตื้นตันอยู่ในอก คนเป็นพี่บนเวทีนั้นมีเสน่ห์จนลืมภาพที่เดินวนไปวนมาในห้องได้อยู่หมัด 

              อีกฝ่ายส่งข้อความมาตั้งแต่ก่อนเริ่มการแสดงว่าให้รอกลับบ้านด้วยกัน แถมเน้นย้ำว่าห้ามเดินไปไหนมาไหนโดยไม่บอกกล่าวอีกต่างหาก มันก็น่าหงุดหงิดไม่ใช่น้อยเพราะเขาเองยืนรอตรงนี้มาร่วมยี่สิบนาที เจ้าของข้อความที่เผด็จการเหลือเกินก็ยังไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่หัว ถ้าอีกสิบนาทีแล้วเขายังคงต้องมายืนรอเป็นคนโง่ตรงนี้พัคจีฮุนได้นอนนอกห้องแน่ๆ

     

              สัมผัสที่อุ่นวาบขึ้นตรงฝ่ามือทำเขาสะดุ้ง หันไปมองคนที่ถือวิสาสะรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวแล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อีกฝ่ายที่อยู่ในเสื้อยืดสีเหลืองสดพร้อมแจ็กเก็ตยีนยืนยิ้มกว้าง ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางคงจะถูกลบไปหมดแล้ว แต่นั่นมันไม่น่าตกใจเท่ามือของพัคจีฮุนที่กำลังสอดประสานของเขาอยู่น่ะสิ!

              “ปะ กลับบ้านกัน

              เขายอมให้อีกคนลากไปนู่นมานี่ด้วยตามใจชอบ เพราะปกติที่ไปไหนมาไหนกับเพื่อนสนิทอย่างแดฮวีก็มักจะโดนกระทำแบบนี้ด้วยบ่อยๆ ที่แปลกไปก็คงจะเป็นความรู้สึกวูบโหวงในช่องท้องกับอัตราจังหวะหัวใจนี่แหละที่ดูจะเต้นแรงผิดปกติ

              เรากลับมาถึงห้องในตอนเวลาห้าทุ่ม เขาคิดว่าวันนี้พลังงานมันลดลงจนเหลือไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ไม่รู้จะขอบคุณอีกฝ่ายหรือกล่าวโทษดีที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

              “จินยอง

              พอแยกย้ายจะเดินเข้าห้องของแต่ละคนอย่างที่เคย คนเป็นพี่ก็เอ่ยเรียกชื่อเขาพร้อมกับเดินเข้ามาหา ถ้าให้บอกกันตรงๆก็คือเขาไม่ไว้ใจเลยสักนิด ทั้งสายตาและน้ำเสียงที่ดูเปลี่ยนไป พัตจีฮุนน่ะเข้าใจยากยิ่งกว่าข้อสอบตอนสอบไฟนอลเสียอีก

              “คบกันเถอะ

              ไม่เคยมีใครบอกพัคจีฮุนหรอ

              ว่าถามคำถามเขาให้รอคำตอบ ไม่ใช่ถามเสร็จแล้วจูบกันแบบนี้!

              เมื่อมีโอกาสได้อ้าปากเพื่อที่จะเอ่ยถาม อีกฝ่ายก็บิดลูกบิดประตูและดันเขาไปข้างในห้อง พร้อมกับส่งยิ้มกว้างราวกับได้เล่นของเล่นชิ้นโปรด ก่อนจะปิดประตูพร้อมกับคำเอ่ยลาสั้นๆ

              “ฝันดีครับ” นี่เขาตอบตกลงอีกฝ่ายไปแล้วหรอ  

     

     

              “ไหนกาแฟอะ?”

              แก้วเซรามิคสีน้ำตาลที่เป็นรูปคุณหมีถูกวางลงตรงที่ว่างหนึ่งเดียวบนโต๊ะหนังสือ เขาชะโงกหน้าไปมองของเหลวสีขาวขุ่นที่มีไอร้อนระเหยอยู่ กลิ่นอ่อนโชยกรุ่นพร้อมกับสีหน้าเฉยชาของคนรัก

              “ดึกแล้ว เป็นเด็กเป็นเล็กจะมากินกาแฟหรอ

              “ถ้ากินนมอุ่นผมก็ง่วงสิ

              ตอบกลับด้วยความไม่ยอม อย่างที่เคยบอกว่าพัคจีฮุนเป็นมนุษย์ประหลาด ชอบทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เสมอ คราแรกที่เห็นตอบรับว่าจะเอากาแฟมาให้ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นทุนเดิม ยิ่งมาเห็นผลงานที่ได้รับก็เลยรับรู้ว่าพัคจีฮุนน่ะเอาแต่ใจที่สุดในโลก!

              “ง่วงก็ดี จะได้รีบไปนอน

              “งานผมยังไม่เสร็จเลย

              น้ำเสียงออดอ้อนที่ไม่บ่อยนักจะถูกยกมาใช้อ้าง คนรักไม่ค่อยชอบใจนักที่เห็นเขานอนดึกและก้มหน้าก้มตาอยู่หลังกองเอกสาร ข้อนี้เขารู้ดี แต่มันก็เป็นเหตุจำเป็นไม่ใช่หรอ เขามีภาระหน้าที่ที่ต้องจัดการอะไรพวกนี้ ก็เหมือนอีกฝ่ายนั่นแหละที่ชอบอยู่ซ้อมบทละครจนถึงดึกดื่น

              “จะตีให้ คิดว่าไม่รู้หรอว่าชอบเอางานคนอื่นมาทำแทน

              “อ๋า ใครบอกอีกเนี่ย!?”

              โวยวายยกใหญ่เมื่อโดนคนเป็นพี่เขกเข้าเบาๆที่หัว ก็งานส่วนของเขามันเป็นการเจรจากับลูกค้านี่ เห็นคนอื่นในแผนกต้องมานั่งพิมพ์งานงกๆก็สงสารแย่เลยต้องเสนอตัวเองเข้าช่วย มีแต่อีกฝ่ายนั่นแหละที่ชอบโมเมหาว่าเขาโดนรังแกและยัดเยียดงานให้ เป็นเดือดเป็นร้อนจนไปโวยวายกับรุ่นพี่ที่ทำงานเป็นหัวหน้าแผนกที่สนิทกัน แพจินยองในช่วงนั้นก็เลยได้ฉายา 'ลูกนกไปโดยปริยาย ทั้งโดนหวงจากคนรัก ทั้งโดนหัวหน้าประคบประหงม ไม่รู้หรือยังไงว่าเขาหน่ะเบื่ออะไรแบบนี้ชะมัด

              “พี่ให้เวลาแค่สิบนาที ถ้าอาบน้ำออกมาแล้วไม่เห็นในห้องได้โดนดีแน่

              “อย่ามาเอาแต่ใจแบบนี้นะ!

              ตะโกนไล่หลังอีกคนที่เดินลับหายไปในห้องน้ำเรียบร้อย ทุบอกชกลมพร้อมกับกระดกนมอุ่นรวดเดียวจนหมดแล้วก็ได้แต่เดินกระฟัดกระเฟียดเข้าห้องนอนอย่างช่วยไม่ได้ ถึงจะอยากทำงานต่อ แต่เขาไม่อยากมานั่งเถียงหรือโดนอีกฝ่ายลงโทษหรอกนะ

              จำไว้เลยพัคจีฮุน!

     

     

              เรื่องประหลาดที่สองคือ ชอบชวนไปกินอยู่เรื่อย

             

              “ให้ยืมเอามั้ย?”

             เสียงทักด้วยความขบขันทำให้เขาต้องตวัดสายตาไปมอง ก็เพราะมนุษย์ร่วมห้องไม่ใช่หรือไงที่ทำให้เขาต้องมานั่งหงุดหงิดแบบเนี้ย ตอนนั้นก็บอกแล้วว่าไม่อยากจะกิน ไม่หิว! ก็ยังมายัดเยียดพาไปกินบุฟเฟ่ต์ พาจะไปกินของหวาน สารพัดการบำรุงด้วยอาหารทั้งๆที่เขาอิ่มแปล้จนหนังตาแทบปิด แล้วดูสภาพเขาตอนนี้สิ จะยัดตัวเองลงไปในสกินนี่ยีนตัวโปรดยังไม่ได้เลย!

              “นิสัยไม่ดี! ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่อยากกินอะ

              กอดอกหันกลับไปมองอีกคนที่เอนตัวพิงหัวเตียงนั่งจ้องเขาแต่งต้วมาร่วมสิบนาทีกว่า เนี่ย น่าอายชะมัด สนุกมากนักหรอที่เห็นคนอื่นใส่กางเกงไม่ได้อะ เจ้าสกินนี่ตัวนี้อยู่กับเขามานานแล้วด้วย หวงแล้วก็รักที่สุดด้วยอะตัวนี้ แล้วดูสิ แค่จะยัดขาลงไปทีละข้างยังทำยากเลย

              กระโดดโหยงๆพร้อมกับยัดตัวเองลงไปในกางเกงตัวโปรด คนเป็นพี่ที่เห็นภาพแบบนั้นก็หัวเราะจนเสียงดัง เขาตวัดสายตาไปมองด้วยความขุ่นเคือง ใช่สิ เขามันมีเซนส์ทางแฟชั่นไม่ได้ประหลาดเหมือนพระเอกละครหนิ ถึงจะได้มีตัวเลือกเยอะแยะเวลาต้องใส่ชุดที่ดูดี ทั้งตู้เสื้อผ้าก็มีแต่สีขาวกับดำ กางเกงที่พอใส่แล้วไม่อับอายก็มีแค่สกินนี่ตัวนี้ แล้วดูผลที่ได้รับสิ 

              “ไม่ต้องฝืนตัวเองก็ได้ แค่ไปกินขนมกันเอง ไม่เห็นต้องแต่งตัวหล่อขนาดนั้น

              “ก็พูดได้สิ ดูตัวเองแต่งตัวซะก่อน

              พัคจีฮุนในชุดเสือยืดแขนสั้นสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีดขาดเข่า รู้แล้วว่าเป็นนักแสดงต้องดูดี แต่จะให้เขาใส่แค่กางเกงวอร์มเสื้อยืดออกไปเดินข้างกันก็คงไม่ใช่เรื่อง คนคงได้มองกันตาแทบจะถลนออกจากเบ้าเลยล่ะ

              “เอาหน่า รีบแต่งตัวเร็วเข้า ยิ่งดึกคนจะยิ่งเยอะนะ

              เอ่ย ฮึบ! กับตัวเองก่อนจะใส่กางเกงที่ว่าได้สำเร็จ เขาหันไปหยิบเสื้อยืดสีดำตัวใหม่ที่ได้รับมาจากรุ่นพี่อีกทีและสวมมันด้วยความมั่นใจ 

              “พี่ยังไม่บอกผมเลยนะว่าเราจะไปไหนกัน

              คนอายุมากกว่ากดล็อคหน้าจอโทรศัพท์และยัดมันเข้าใส่กระเป๋ากางเกง รอยยิ้มกว้างพร้อมกับมือที่จัดผมตัวเองให้เป็นทรงเริ่มทำให้เขาชักรู้สึกไม่ไว้ใจ ตั้งแต่รู้จักกันมา รวมไปถึงตอนเลื่อนขั้นมากกว่าคนรู้จัก พัคจีฮุนมักมีเรื่องราวที่ทำให้คนอย่างเขาประหลาดใจเสมอ 

              “จะพาไปเทศกาล

              “-เห?”

              “อยากไปไม่ใช่หรอ?”

              เขาพยักหน้าหงึกหงัก มันก็จริงอยู่ที่ว่าเขาอยากไปงานเทศกาลนี้มาตั้งแต่ประกาศว่าจะจัดเมื่อเดือนก่อน เทศกาลเล็กๆที่จะมีของขายอยู่ตามทางเดิน ทั้งร้านอาหารขึ้นชื่อ ขนมรสชาติแปลกใหม่ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถึงเขาจะเป็นคนไม่ชอบเข้าสังคมแต่การได้ไปเดินลองชิมของเรื่อยเปื่อยก็ผ่อนคลายไปได้อีกแบบ 

              ที่น่าแปลกใจก็คงจะเป็นตรงที่เขาไม่เคยเอ่ยปากออกไปสักครั้งว่าอยากไปเจ้างานนี้ ตั้งแต่รู้ข่าวก็เก็บเงียบไว้กับตัวเองมาโดยตลอด ไม่เคยบอกกล่าวแม้กระทั่งคนสนิทอย่างแดฮวี หรือแม้กระทั่งการชักชวนกันของรุ่นพี่ในแผนกเขาก็ไม่เคยมีส่วนร่วมเลยซักครั้ง(นั่นเป็นเพราะกำลังวางแผนอยู่น่ะซิ ว่าจะแอบอีกคนไปงานนี้ยังไง!) รูดซิปตัวเองขนาดนี้แล้วอีกฝ่ายมารู้ได้ยังไงกัน

              “ถ้าเป็นเรื่องของเรา พี่รู้หมดนั่นแหละ ไปเอาโทรศัพท์ได้แล้ว

              ว่าพลางเดินสุมเข้ามาใกล้แล้วจับหมับเข้าที่บ่าของคนอายุน้อยกว่า ปากก็พล่ามบอกให้ไปหยิบโทรศัพท์แต่ทำไมต้องมาทำสายตาพราวระยับแบบนี้กันละ นึกว่าด้วยความหมั่นไส้แต่ก็ต้องเหวออกมาเสียงดังเมื่อโดนอีกฝ่ายหาเศษหาเลยอย่างที่ชอบทำประจำ

              “ใครให้จูบเนี่ย!

              “บ่นมากหน่า เอาเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ อากาศมันหนาว

              ผละออกหลังจากที่กอบโกยจนหนำใจ คนฉวยโอกาส เขาจะขาดอากาศหายใจอยู่แล้วยังไม่พอรึไง ยู่หน้าพร้อมจะขบกัดเรียวนิ้วที่ปัดป่ายปลายจมูกของตน นอกจากนิสัยทำอะไรตามใจตัวเอง พัคจีฮุนก็ดูเหมือนจะถนัดการแกล้งแพจินยองมากที่สุดเลยมั้งเนี่ย!

              “ผมเอาไปตลอดนั่นแหละ มีแต่พี่อะ ชอบมาขโมยของคนอื่น

              เบ้ปากใส่ไปทีเมื่อคนที่เดินนำออกไปหันกลับมาเขกหัว ถ้ายังเป็นเมื่อห้าปีก่อนที่เพิ่งรู้จักกันแรกๆ เขาคงจะไม่เชื่อหรอกว่าคนตรงหน้าจะเป็นคนเดียวกันกับพี่พัคจีฮุนคนนั้น ถึงตอนนั้นเราจะรู้จักกันไม่มาก แต่พี่เขาก็ไม่ได้เจ้าเล่ห์เพทุบายขนาดตอนนี้ แถมยังไม่เคยหัวเราะเยาะแม้ว่าจินยองจะทำตัวน่าขันแค่ไหนก็ตาม พอได้รู้จักกันจะเผยธาตุแท้แบบไหนก็ได้งั้นหรอ

              “แค่ยืมมือมากุมทำบ่น ไปใส่รองเท้าได้แล้ว ถ้านมร้อนรสใหม่ร้านนั้นหมดช่วยไม่ได้นะ

              แพจินยองชักเลิกสงสัยแล้วล่ะว่าพัคจีฮุนไปรู้ดีมาจากไหนกันนัก เขาจะแสร้งทำเป็นไม่ตกใจนักที่อีกฝ่ายที่อีกฝ่ายล่วงรู้ว่าเขาอยากกินอะไรที่ไหนอย่างไร เพราะสงสัยไปก็เท่านั้น ไม่ว่าจะคาดคั้นอย่างไรก็ไม่มีทางได้คำตอบกลับคืนมา 

              “นี่

              “..?”

              “เอามือมาหน่อย ไม่อยากใส่ถุงมือ

     

     

     

              เรื่องประหลาดที่สาม ชอบนักละถ่ายรูปตัวเอง

     

              “จินยอง เขยิบมาหน่อย

              เคี้ยวตุ้ยลูกชิ้นปลาที่ร้านเจ้าประจำมักแถมมาให้เป็นไม้พิเศษ เพราะอาศัยอยู่แถวนี้มานาน เลยได้รับอภิสิทธิ์ในฐานะลูกค้าประจำจนต้องเอ่ยปฏิเสธไปด้วยความเกรงใจตั้งหลายครั้ง ผิดกันกับคนรักที่มักจะหัวเราะชอบใจทุกครั้งที่เห็นว่าคุณป้ากำลังเอ่ยชมว่าเขาช่วงนี้ดูอุดมสมบูรณ์ผิดปกติ ก็แหงละ โดนลากไปกินนู่นกินนี่จนแทบจะตัวระเบิดอยู่แล้ว ถึงเขาจะมีใบหน้าเล็กแถมตัวเพรียวบาง ก็ไม่ได้ความความว่าส่วนอื่นมันจะไม่ขยายออกซักหน่อย

               หันไปมองคนเป็นพี่ที่ยิ้มร่ายกโทรศัพท์ราคาแพงขึ้นมา หันมุมตัวเองให้เข้าทิศเข้าทางอย่างที่เคยทำโดยไม่ลืมที่จะเกี่ยวเอวของเขาให้ไปใกล้เพื่อที่จะได้ ถ่ายรูปด้วยกันอีกครั้ง เขามุ่ยหน้าเพราะไม่ชอบใจเอาเสียเลย แพจินยองไม่ใช่คนดูแลตัวเองมากนัก และด้วยไม่ชอบยิ้มจนตาขึ้นเป็นขีดเหมือนอีกฝ่าย เพราะฉะนั้นยามที่ต้องถ่ายรูปคู่กันแบบนี้ก็น่าหงุดหงิดใจเสียเหลือเกิน พัคจีฮุนจำเป็นต้องดูแลรูปลักษณ์ของตัวเองอยู่เสมอ ยิ่งมีแสงไฟจากหลอดไฟที่ประดับตกแต่งสถานที่โดยรอบก็ยิ่งขับให้อีกฝ่ายโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางผู้คนมากมาย เดิมทุนก็ไม่ชอบตัวเองตอนถ่ายรูปมากพออยู่แล้ว ยิ่งต้องถ่ายมาแนบชิดกับคนรักมันยิ่งทำให้เขาหัวเสียขึ้นเป็นสองเท่า 

             “ยิ้มหน่อย

             เอ่ยกระซิบชิดใบหูพร้อมเพยิดหน้าให้เขาทำตามที่ร้องขอ เขาเหยียดริ้มฝีปากออกเล็กน้อยพอให้ยังแยกออกว่ากำลังยิ้ม แต่แล้วก็ต้องร้องโอดโอยเมื่อมือที่เคยวางอยู่บนเอวเลื่อนขึ้นมาพาดไหล่และหยิกเข้าที่แก้มข้างซ้าย พร้อมกับยืดมันออกให้ดูย้วยจนน่าเกลียด

            พัคจีฮุน!

            “ทำไมต้องบีบแก้มเล่า! มันเจ็บนะ

            พอได้รูปที่พึงพอใจก็ยิ้มกับตัวเองแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเหมือนเดิม พัคจีฮุนเป็นมนุษย์ที่แปลก ชอบถ่ายรูปในทุกที่ที่เราไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ต่างจังหวัดที่มีบรรยากาศดีเหลือเชื่อ หรือแม้กระทั่งแค่การนั่งกินข้าวกันในเย็นวันศุกร์แสนเศร้าที่ร้านอาหารฟาส์ตฟู้ด มักจะมีรูปถ่ายสถานที่นั้นๆกับรูปคู่ของเราด้วยเสมอไป

             ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าแพจินยองเป็นคนที่ไม่ชอบถ่ายรูป อีกฝ่ายก็จะต้องคะยั้นคะยอจนเขาต้องตัดรำคาญไปตั้งหลายที บางครั้งทั้งที่ยังไม่ได้รู้ตัวอะไรก็โดนบันทึกภาพลงไปแล้วเรียบร้อยด้วยซ้ำ เห็นแต่ว่าถ่ายรูปแต่ก็ไม่เคยเห็นว่าอีกฝ่ายจะเอาลงโซเชียลเน็ตเวิร์คเลยซักครั้ง หนึ่งอาจเพราะรู้ดีว่าเขาไม่ชอบเปิดเผยตัวตน และสองก็คงจะกลัวเป็นที่โจษจันเหตุเพราะตัวของพัคจีฮุนเองก็มีชื่อเสียงอยู่ไม่ใช่น้อย

             “บีบทำโทษเด็กที่ไม่ยอมยิ้มดีๆ

             “ก็ผมไม่ชอบถ่ายรูป

     

             “แต่พี่ชอบ

             เออ บทจะตัดหัวข้อการสนทนาก็ทำมันได้ง่ายดาย เหลือบมองอีกฝ่ายที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาอีกรอบ ถ่ายอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยตามประสาคนที่หลงใหลในการถ่ายภาพ ถ้านอกเหนือจากการแสดงแล้ว การถ่ายภาพนี่แหละก็ดูเหมือนจะบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของคนตรงหน้าได้ดี

             ผิดกับเขาที่ไม่ว่าจะหยิบจะยกอะไรมาถ่ายก็เหมือนการถ่ายรูปด้วยกล้องคุณภาพราคาถูก อยากจะลองถ่ายให้ดูดีเหมือนที่อีกฝ่ายอัพลงอินสตราแกรม แต่ก็ต้องพับแผนการที่ว่าเพราะรูปถ่ายแต่ละรูปที่ถ่ายมาไม่ได้ดูเป็นผลงานได้เลย แอคเค้าท์ของแพจินยองจึงว่างเปล่า เขาไม่มีหัวทางด้านศิลป์มากนัก ในขณะที่พัคจีฮุนมักจะสรรหารูปอะไรต่อมิอะไรมาโพสต์เต็มไปหมด

             ยืนกัดลูกชิ้นปลาที่เริ่มจะเหลือเพียงโคนไม้พลางมองบรรยากาศรอบข้างไปด้วย เสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นจากโทรศัพท์ทำให้ต้องหยิบออกมาฆ่าเวลารอที่อีกฝ่ายกำลังเพลิดเพลิน ก้านนิ้วเรียวคลิ้กเข้าไปยังการแสดงแจ้งเตือนของแอพพลิเคชั่น ก่อนจะจะฉุดยิ้มเมื่อเนื้อความบนหน้าจอนั่นมันช่างแตกต่างกับความเป็นจริงชะมัด นิ้วทั้งสี่พิมพ์ช้อความตอบกลับไปแทบจะในทันที นี่แหละความเรียบง่ายของเรา

     

     

     

     

             jh____ : the candles are bright, like ur smile.    

             1comment

             jybae : cause ur love always lights my world.

     

     

     

     

     

    พัคจีฮุนอาจเป็นมนุษย์ประหลาดที่มีเรื่องราวมากมาย

    แต่แน่ละ .. แพจินยองก็หลงรักทุกความประหลาดนั้น

    เพราะเป็นพัคจีฮุน -แพจินยองถึงได้รัก.

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    พัค จีฮุนมีความลับนับล้าน 

     

            แต่มาคิดดูอีกที นั่นไม่ใช่ความลับของเขาซะทีเดียวหรอกนะ ถ้าจะให้ระบุให้แน่ชัด มันก็แค่เรื่องราวเล็กๆน้อยๆที่คนช่างสังเกตุอย่างเขาจดจำได้ขึ้นใจ มันคงเป็นเหตุการณ์ที่ถ้าเกิดขึ้นแล้วลองย้อนมาถามในสองสามปีให้หลังก็คงจะมีแต่คำตอบที่ว่า -พร่ำเพ้ออะไรของนาย -ใครจะไปนั่งจำ และ -นี่วันๆนายคิดแต่อะไรแบบนี้หรอ

             ก็แน่ละ คนทุกคนบนโลกต่างพบเจออะไรมาแตกต่างกัน เขาไม่ได้มองโลกแบบที่เพื่อนคนอื่นมอง เขาไม่ได้มีความสุขกับการนั่งฟังเพลงเรื่อยๆเหมือนนักดนตรี เขารู้สึกเบื่อหน่ายเสียด้วยซ้ำถ้าหากต้องมานั่งอ่านหนังสือเป็นกองๆ กลับกัน คนอื่นก็ไม่มีโอกาสได้มามองเห็นทุกอย่างในสิ่งที่เขาเห็น

             ไม่มีใครบนโลกใบนี้ที่จะมีโอกาสได้เห็นแพจินยอง

             แบบมุมมองในโลกของพัคจีฮุนน่ะนะ

     

     

              วันนี้เป็นวันอาทิตย์แห่งโลก เราทั้งสองคนตั้งชื่อให้มันแบบนั้น ไม่ใช่วันอาทิตย์ที่มีเทศกาลระดับชาติ ไม่ใช่วันอาทิตย์ที่การแข่งขันนัดพิเศษ แต่เป็นเพียงวันอาทิตย์ธรรมดาวันหนึ่งในบรรดาหลายเดือนที่เราสองคนได้ใช้ชีวิตราวกับไม่มีภาระใดใด เขาไม่มีตารางงาน อีกฝ่ายก็ไม่มีเอกสารกองใหญ่ เราต่างคนต่างนอนตื่นสายให้สมกับที่หักโหมมาหลายอาทิตย์ 

              จากที่ต้องตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่ นาฬิกาปลุกที่ไม่เคยได้ปิดอีกเลยตั้งแต่เริ่มรับงานชิ้นใหม่ก็ถูกถอดถ่านออกจากตัวของมัน เมื่อไหร่ที่เป็นวันอาทิตย์แห่งชาติ เราทั้งสองจะใช้เวลาไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีใครก้มมองนาฬิกาพร้อมบอกว่า -อ๋า บ่ายสามแล้ว ต้องรีบไปแล้วล่ะ -เฮ้ จะสองทุ่มแล้วหรือยัง ต้องรีบส่งงานให้ลูกค้า ไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำว่าเรานอนกันไปกี่ชั่วโมง เราใช้เวลาไปกับอะไร สิ่งสำคัญที่สุดในวันอาทิตย์แห่งชาติก็คือเราสองคนมีความสุขกับมัน บนโลกใบนี้ที่มีแค่สองคน

              เอนพิงพนักโซฟาพลางจ้องมองภาพยนตร์เรื่องโปรดที่ถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าหากให้เขาตอบว่าประโยคที่นางเอกของเรื่องกำลังจะพูดต่อไปนั้นคือประโยคอะไร เขาสามารถตอบได้เลยแบบไม่ต้องมองหน้าจอด้วยซ้ำ แต่เขาจะไม่โวยวายหรือเรียกร้องให้เปลี่ยนเรื่องหรอกนะ เพราะเจ้าตัวการที่เป็นคนยิ้มเรื่องนี้ขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแฉ่งแล้วบอกออดอ้อนว่าขอดูอีกรอบมันทำให้เขาปฏิเสธไม่ลง

              แพ จินยอง พนักงานตำแหน่งเล็กในบริษัทแห่งหนึ่งนอนเอนพนักผิงอีกฝั่งของโซฟา ใบหน้าเรียวเล็กที่ถ้าหากกอบกุมด้วยมือเดียวของเขาก็ทำได้กำลังแสดงออกถึงการขบคิดของปมปัญหาในเรื่อง เขาหลุดหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นคิ้วทรงสวยขมวดอีกครั้งเมื่อถึงจุดหักมุมของเรื่อง ถึงรอบนี้จะเป็นรอบที่ห้าแล้วที่เราหยิบมันขึ้นมาดู ความชื่นชอบและสนุกไปกับเนื้อเรื่องของอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะลดลงไปเลยแม้แต่น้อย 

     

     

              พัค จีฮุนมีความลับที่ไม่บอกใคร

              ข้อแรก แพจินยองแพ้หนังรัก

              แต่ถ้าหากจะให้เจาะจงให้ถูก ก็คงต้องเป็นหนังรักเรื่องนี้ที่กำลังดูอยู่ ถ้าหากเป็นหนังรักเรื่องอื่นอีกฝ่ายจะเบือนหน้าหนีและไม่คิดจะมาดูซ้ำ แต่ทว่าพอเป็นเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ ภาระหรือสิ่งที่ทำอยู่กับมือจะถูกปล่อยทิ้งและเพิกเฉย 

              และเมื่อถึงจุดหักมุมทีไร ดวงตากลมโตคู่นั้นก็ชอบมีน้ำตาไหลออกมาทุกที เป็นเดือดเป็นร้อนต้องหันไปหยิบทิชชู่แผ่นแล้วหยิบให้ทุกครั้ง พอเช็ดออกอย่างลวกๆก็หันมาพร้อมเหวใส่ว่า ผู้ชายอย่างผมไม่ได้ร้องไห้กับอะไรแบบนี้หรอกนะ! จมูกรั้นๆก็จะขึ้นสีแดงแจ๋ราวกับผลแอปเปิ้ลสุก อดไม่ได้ที่จะต้องเขยิบตัวเองเขาไปบีบมันอย่างชอบใจ

              และแน่นอนว่า

     

              “หายใจไม่ออก!

     

     

     

              ข้อสอง แพจินยองชอบละเมอ

              อ่า... ข้อนี้มันฟังดูน่าอายไปซักหน่อย

              นาฬิกาข้างฝาผนังในห้องนอนบ่งบอกว่าเลยวันใหม่มาได้ร่วมสองชมกว่า วันนี้เขามีนัดต้องไปคุยเรื่องบทกับผู้กำกับที่ต่างจังหวัด กว่าจะมีโอกาสแยกตัวกลับก็สี่ทุ่มเข้าไปแล้วเรียบร้อย ลำบากต้องมานั่งถ่างตาตัวเองและคอยตบหน้าเรียกสติให้ตื่นตัวอยู่เสมอ ครั้นเข้ามาในห้องก็เห็นคนรักที่นอนฟุบกับเตียงไปแล้วเรียบร้อย ร่างเพรียวบางที่ดูจะใหญ่ถนัดตาเมื่อเทียบกับขนาดหัวของเจ้าตัว(อดหยุดขำไม่ได้เมื่อคิดถึงความจริงข้อนี้) 

              จินยองเสพติดการกอด ทุกครั้งที่เขาไม่ได้กลับมานอนพร้อมกันเฉกเช่นวันนี้ อีกฝ่ายก็จะใช้หมอนข้างกอดก่ายแทน ใบหน้าที่แม้จะเรียวเล็กแต่ก็พอมีแก้มพอให้ยืดเล่นได้เมื่อเกิดความหมั่นเขี้ยวเอนแนบสนิทกับหมอนข้าง เดินไปปรับอากาศในห้องให้อุ่นขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยทิ้งตัวลงนอนอีกฝั่งของเตียงและหันหน้ามองอีกคนที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อย

              “เทศ-... เทศกาล-

              อมยิ้มให้กับนิสัยพิเศษของเจ้าตัว ไม่ต้องบอกก็พอรู้ว่าคงจะหมายถึงเทศกาลอาหารที่จะจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้านั่นหน่ะสิ ถึงจะตัวบางแต่เรื่องกินก็เก่งไม่เป็นรองใคร นี่ก็คงวางแผนแอบหนีเขาไปเที่ยวไหนอีกแล้วล่ะสิ แสบมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ผ่านมานานเป็นปีๆก็ยังไม่ลดความแสบลงแม้แต่น้อย

              เอื้อมมือไปลูบหัวด้วยความเอ็นดู เมื่อห้าปีที่แล้วระหว่างเขากับเจ้าเด็กนี่ยังเป็นแค่เพียงคนรู้จักผิวเผิน เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นที่จะไปไหนมาไหน ไม่ได้สนิทถึงขั้นจะต้องทักกันทุกครั้งที่เจอหน้า

              อาจเพราะวันนั้นที่ตอบตกลงยอมย้ายมาอาศัยร่วมห้องกับอีกฝ่าย ความสัมพันธ์ระหว่างเราถึงได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมในเช้าวันนั้นถึงได้คิดจะทำอะไรที่มากเกินกว่าปกติ แต่พอได้ลองตัดสินใจทำลงไปก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าหากมีโอกาสก็จะคิดทำอย่างไม่ลังเล ชอบที่จะเห็นใบหน้านั่นขึ้นสีจางๆ ชอบเหลือเกินที่ได้เป็นต้นเหตุให้ดวงตากลมโตคู่นั้นหลุบหนีด้วยความเขินอาย

              “ฮื่อ! อยากกินนมอะ!

              “นมอะไรอีกเนี่ย

              “ก็ร้านนั้นจะมีรสใหม่ อยากกินอ่า-

              “ครับ ไว้เคลียร์งานเสร็จแล้วค่อยไปด้วยกันนะ

              ตอบรับคำข้อทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีสติเลยสักนิดก่อนจะค่อยๆดึงหมอนข้างใบโตออกจากอ้อมอกแล้วเอื้อมไปโอบอีกคนไว้อย่างที่เคยทำ ตบหลังเบาๆพอเป็นจังหวะกล่อมให้อีกคนเข้าสู่นิทราแสนหวานอีกครั้ง แพจินยองตอนนอนถึงจะนอนนิ่งเรียบร้อยแต่ก็มีเรื่องประหลาดใจมาให้เสมอ

              แน่นอนว่าบทสนทนาในคืนนั้น พัคจีฮุนไม่ได้บอกใคร

     

     

     

     

              ข้อที่สาม แพจินยองเวลายิ้มจนตาเป็นขีดน่ะ น่ารักที่สุด

              พัคจีฮุนไม่ได้กลับห้องมาสองวันแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาทะเลาะกับอีกฝ่ายถึงขั้นผิดใจแล้วต้องแยกออกมาหรอกนะ แต่เป็นเพราะเขากำลังออกมาถ่ายทำสถานที่ที่ต่างจังหวัดถึงสามวันสองคืนไม่รู้ว่าพอจะนับเป็นโชคดีได้ไหมที่เสร็จงานเร็วกว่าที่กำหนด เพราะครั้นจะเลื่อนไฟล์ทเพื่อที่จะได้กลับบ้านเร็วและไปดักรอเจอเด็กหน้าบูดที่โทรมาออดอ้อนตั้งแต่เมื่อคืน ไฟล์ทเครื่องบินที่ว่าจะเลื่อนก็ดันเต็มแล้วจนต้องกลับไฟล์ทเดิม

              ก็เลยต้องพาตัวเองนั่งรถไปเรื่อยตามสถานที่และร้านอาหารแนะนำตามที่เห็นรีวิวในเน็ต(แน่นอนว่าเขาถ่ายรูปทุกร้านเอาไว้เพื่อจงใจอวดใครบางคนด้วยแหละนะ) อยากจะแกล้งให้งอแงให้ถึงที่สุดแล้วค่อยพามาอีกทีพร้อมกับขอค่าจ้างเล็กๆน้อยๆ 

              นึกภาพปากเล็กๆที่ต้องยู่ออกเมื่อได้ยินเขาเอ่ยอ้างถึงค่าจ้างทุกครั้งไป

              หลุดขำกับตัวเองจนคนในร้านหันมามองเป็นระยะเมื่อเลื่อนภาพในโทรศัพท์ไปเจอหน้ายุ่งๆของใครบางคนในนั้น เขารู้อยู่เต็มอกว่าแพจินยองเป็นมนุษย์ไม่ถูกกับกล้อง ไม่ว่าจะถ่ายให้ตัวเอง ถ่ายให้คนอื่น หรือแม้กระทั่งถ่ายภาพข้างทางก็ต้องบ่นกระปอดกระแปด 

              กว่าจะได้รูปนี้มาก็ตีกันแทบตาย เขาน่ะชอบ ชอบให้แพจินยองยิ้มหวานๆ ยิ้มจนตาขึ้นเป็นสระอิ ยิ้มกว้างจนจมูกเล็กๆนั่นย่นลง เขาชอบมันชะมัดเวลาแพจินยองยิ้มและหัวเราะไปด้วย แต่แน่ละ อีกฝ่ายไม่ได้คิดแบบนั้น เจ้าเด็กนั่นนึกเกลียดตัวเองเวลาต้องยิ้มเป็นที่สุด ทั้งคิดว่ารอยคล้ำใต้ตามันเด่นชัดจนนูนเป็นสัน รอยริ้วข้างตาก็ชอบขึ้นจนดูหน้าแก่ แถมยังยิ้มกว้างมากเกินจนทำให้ปวดปากไปหมด ภาพโดยรวมของตัวเองเวลายิ้มหวานของแพจินยองก็คือยิ้มของคนแก่

     

              สำหรับเขาน่ะหรอ ภาพรวมก็แค่ลูกแมวตัวนึงเท่านั้นแหละ

     

              “นี่ ร้านที่เราบอกว่าอยากกินน่ะ กาแฟใช้ได้เลยแหะ

              “พี่รู้ได้ไงเนี่ย!

              “ก็อยู่ที่ร้านนี่ไงละ~ แล้วจะกลับไปเล่าให้ฟังนะ

              “ย่า! ผมเกลียดพี่ที่สุดเลยพัคจีฮุน!

     

              ข้อที่สี่ แพจินยองน่ะรัก รักพัคจีฮุนจดหมดหัวใจเลยล่ะ

     

     

     

              jh____ : I keep asking myself why I still love you,

              and then I got it. Im not still I just cant stop.

     

     

     

     

     

     

     

    พัคจีฮุนครอบงำความลับของแพจินยองไว้หลายอย่าง

    สำหรับคนอื่นมันอาจเป็นเรื่องเล็กๆ

    สำหรับพัคจีฮุน ความลับทุกข้อคือคำตอบของคำถามที่ว่า

    -ทำไมเขาถึงรักแพจินยอง

     





    -end-

    เหม็งฟามร้ากกกกกกกกกกกกก 5555555555555555
    ฟิคเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าไม่ควรฟังเพลงโปรดตัวเองยาม(คิดว่า)ว่างค่ะ
    เพราะพอกลับมาฟังก็เขินมันทุกครั้ง คิดว่าโดนชมตลอด lol
    ฮื่อ มาแบบน่ารักๆอบอุ่นใจหน่อยนะคะ พอดีว่าแบ่บเพลงมันหวาน5555555555
    ตอนนี้เรากำลังเข็ญแก้บนอีกเรื่อง ถ้าเกิดสนใจสามารถไปดูอีกบทความได้เลย~
    ถ้าสมมติอ่านแล้วขัดตาในภาษาต้องขออภัยนะคะ ตั้งแต่ประโยคที่ว่าชอบชวนไปกิน
    คอมก็ดับค่ะ ต้องถ่อมานั่งพิมพ์ในไอแพด ฮื่อ ไม่ถนัดเลย yy
    ยังไงก็ขอขอบคุณที่คอยให้การสนับสุนเรื่อบมานะคะ ปย๊ง❤️
    -edit การจัดหน้าค่า ^^
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×