คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : spilt from joylada - first date with you #hoonyoung chapter 7
Spilt from
joylada ‘first date with you’ chapter 7 #hoonyoung
พาร์ทบรรยายสั้นๆ จากจอยลดาเรื่อง
first date with you #ฟดวยฮุนยอง
ถ้าหากสนใจ สามารถเข้าไปหาลิ้งค์เรื่องได้จากแท็กเลยนะคะ
ขอบคุณค่า<3
"คาดเข็มขัดแล้วยัง?"
ถึงแม้รูปประโยคและท่าทางการแสดงออกของคนที่นั่งอยู่เบาะหลังของพัคจีฮุนจะค่อนไปทาง'ออกคำสั่ง'มากกว่าเป็นประโยคบอกเล่าธรรมดา
แต่สำหรับเขาเองนั้นรู้ดีว่า
ทั้งหมดที่อีกฝ่ายแสดงออกก็เพียงแค่อยากจะถนอมและปกป้องคนตรงกลางให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง
"รัดแน่นกว่านี้ก็รัดคอแล้ว"
"ถ้ารัดได้
กูรัดมึงไปนานแล้ว"
คนที่นั่งอยู่ริมฝั่งซ้ายเอ่ยสวนทันทีพลางยัดหมอนอิงใบเล็กเข้าที่สีข้างของคนเป็นเพื่อน
"อัน!
ยัดขนาดนี้เอาบับเบิ้ลห่อกูเลยไหม"
"ระดับมึงบับเบิ้ลคงเอาไม่อยู่"
อีแดฮวี
ที่นั่งอยู่ด้านหลังของพัคจีฮุนคลี่ผ้านวมผืนหนาที่จัดเตรียมมาอย่างดีคลุมรอบคนตรงกลางเอาไว้
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาอีกระลอกเมื่อผ้านวมผืนที่สองเริ่มถูกคลี่ออก
"โว้ย
-ร้อนๆๆ จะห่อกูเอาไปอบหรอ หนาขนาดนี้"
คนที่ถูกประคบประหงมตั้งแต่ออกจากห้องพักในโรงพยาบาลอย่าง
แพจินยอง ส่ายหน้าไปมาเมื่อคนเป็นเพื่อนทั้งสองหันมาโอบรัดตนเองไว้เสียจนแน่น
แถมยังซ้ำด้วยการเอาผ้านวมผืนที่สามคลุมรอบทั้งหมดเอาไว้
"หุบปากแล้วนอนไปแพจินยอง"
"โอ้ย
ก็กูร้อน มึงช่วยเอาไอ้พวกนี้ออกจากตัวกูให้หมดจะเป็นพระคุณมากๆ"
"ไม่ได้
กูหนาว"
"หนาวบ้าอะไร
กูร้อนไปหมดแล้วเนี่ยสัด เป็นบ้ากันไปหมดแล้วหรอพวกมึงอ่ะ"
แพจินยองไม่รู้ว่าตั้งแต่เช้าวันนี้เขาอุทานคำว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ยไปแล้วกี่รอบ
ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลก็เป็นเรื่องช็อกโลกมากพออยู่แล้ว
แหม –มาป่วยเอาวันวาเลนไทน์ด้วยนะ
แล้วไหนจะพวกเพื่อนตัวดีที่ไม่รู้ว่าไปเอาข่าวมาจากไหนว่าเขาเข้าโรงพยาบาล
พากันยกโขยงแห่มาเยี่ยมพร้อมกับเขื่อนน้ำตาที่แตกพลั่กตั้งแต่เห็นหน้าของเขา
อยากจะเข้าไปกอดโอ๋อยู่นะ
แต่ไม่มั่นใจน่ะสิว่าร้องไห้เรื่องอะไรกันอยู่ตั้งนานสองนาน
กว่าจะได้คุยกันดีๆก็ใช้เวลาไปเกือบตั้งชั่วโมงนึง และเอาจริงๆนะ ..
เขายังไม่รู้เลยว่าไอ่เพื่อนพวกนี้มันร้องไห้เรื่องอะไรกัน
ส่วนเรื่องสุดท้ายที่เขาคิดว่ามันประหลาดที่สุดก็เห็นจะเป็น..
“พี่จีฮุนครับ
พร้อมแล้ว ออกเดินทางได้ครับ!!”
คงจะเป็นสารถีหน้าตาดีที่นั่งอยู่หน้ารถตั้งนานสองนานนี่แหละมั้งที่เป็นเรื่องประหลาดที่สุดสำหรับวัน
แพจินยองไม่ค่อยมั่นใจนักว่าเขาเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ที่ไหนมาก่อน
แต่อีแดฮวีแนะนำให้รู้จักว่าเป็นพี่ชายข้างบ้านที่เพิ่งย้ายเข้ามา
ก็คงจะเป็นตอนที่ไปหาแดฮวีที่บ้านตอนปีใหม่นั่นแหละที่ทำให้เขาเคยเห็นใบหน้าของอีกคน
แต่ถึงอย่างนั้น..
ไอ่ประกายบางอย่างที่อยู่ในแววตาของพัคจีฮุนนี่มันทำให้รู้สึกแปลกๆแฮะ..
มันไม่ใช่ประกายแวววับเหมือนกับราชสีห์ที่เจอเหยื่อของตัวเองจนเขาต้องรู้สึกหวาดกลัว
อันที่จริงมันไม่ใช่แววตาที่ส่อไปทางอันตรายอะไรเลย
แต่มันเป็นประกายบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด เหมือนจะไม่ดีที่รู้สึกแบบนี้กับคนที่เพิ่งเจอหน้ากัน
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำให้เขารู้สึกดีมากๆ
พัคจีฮุนให้ความรู้สึกเหมือนว่าเขาสามารถฝากโลกทั้งใบไว้กับอีกฝ่ายได้
มันเป็นความรู้สึกแบบนั้นนั่นแหละ
“มึงไม่รู้สึกว่ามันร้อนบ้างหรอแดฮวี..”
หลังจากออกรถได้สักพัก
บรรยากาศของทั้งรถก็กลับมาเงียบสงบ
พี่จีฮุนขับรถไม่ได้เร็วนักเมื่อเทียบกับควานลิน
ซึ่งสำหรับเขาแล้วแบบนี้น่ะมันโอเคกว่ามาก
เห็นแดฮวีว่าเอาไว้ว่าเมื่อสองเดือนก่อนพี่จีฮุนเพิ่งเกิดอุบัติเหตุขาหักก็เลยยังมีปมฝังใจอยู่กับการขับรถไปที่ไกลๆ
แล้วมันก็ลากพี่เขาให้มาขับรถให้เนี่ยนะ...
“ไม่”
“ไอ่สัด
กูร้อน!
เหงื่อออกหมดแล้วเนี่ย”
ว่าพลางขยับตัวให้พอหายใจออกหน่อย
เพื่อนตัวดีของเขาทั้งคู่พากันห่อเขาอย่างกับเขาจะออกไปอยู่ขั้วโลกเหนืออย่างนั้นแหละ
ส่วนฝั่งอึยอุงที่ตั้งแต่ขึ้นรถมาก็ไม่พูดไม่จาซักคำ ..
คือปกติแล้วอย่างน้อยต้องโดนด่าโดนว่ากันไปแล้วอ่ะนะ...
“มึงอยู่เฉยๆได้มะ
พี่จีฮุนขับรถไม่ได้”
แดฮวีว่าพลางซุกเขาให้แน่นกว่าเดิมเข้าไปใหญ่
รู้โว้ยว่าเป็นคนขาดความอบอุ่นไม่ได้ แต่คือไม่ต้องซุกกูขนาดนี้ก็ได้ไหม หายใจไม่ออกโว้ย!
“กูไม่ได้ไปเหยียบเกียร์ซักหน่อย –นี่พวกมึงนั่งกันดีๆได้ไหม
คือจะกอดกูก็กอด แต่ไม่เอาไอ่พวกห่อๆนี่แล้วได้ม้ะ หายใจไม่ออกจริงๆ จะตายแล้ว”
เจรจาต่อรองให้ทุกฝ่ายสงบลงด้วยดี
รู้สึกอายนิดๆแหะที่คนนอกอย่างพี่จีฮุนต้องมาเห็นอะไรเด็กๆแบบนี้ พวกเวรนะพวกเวร
ทีเมื่อวานซืนยังพูดใส่เขาอยู่เลยว่าเหม็นขึ้หน้า
แค่เข้าโรงพยาบาลยังไม่ทันจะยี่สิบสี่ชั่วโมงดีเลยทำอย่างกับไม่เจอหน้ากันเป็นเดือน
แดฮวีจิ๊ปากอย่างขัดใจก่อนจะตีหน้ายุ่งแล้วหยิบผ้าห่มที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนคิมบับเข้าไปทุกทีออกจนได้
อารมณ์อ่อนไหวเข้าไปทุกที นี่วาเลนไทน์หรือวันคนร้องไห้เก่งแห่งโลก
“เบะปาก
ตาแดง ทำจะร้องไห้ แหม –มึงยังไม่บอกกูเลยนะว่าร้องไห้ขนาดนี้เพราะไร”
เอ่ยถามทันทีที่คนเป็นเพื่อนเอาผ้าห่มออกหมดแล้วซุกเข้าที่เดิม
คือจะว่าห่วงก็ห่วงมากๆแหละ ก็มีมันอยู่คนเดียว แล้วมันก็มีเขาอยู่คนเดียวมาโดยตลอด
แต่จะไม่ให้ขำก็ไม่ได้ เพราะเวลาแดฮวีร้องไห้ทีไรก็หน้าเหมือนน้องนากเข้าไปทุกที
น่ารักจะตาย
“กูไม่บอกมึงหรอก
มึงไม่ยอมรับความหวังดีกู”
“เดี๋ยวๆๆ
กูทำไร”
อันฮยองซอบที่คลายกอดนิดหน่อยก็ดันหัวแดฮวีที่ยังคงซุกหน้าไม่เลิก
สองตัวนี้ก็กัดกันบ่อยเหมือนเกิดมาเพื่อเป็นคู่แข่งกัน
แต่วันนี้มานี่แทบจะไม่เห็นได้กัดกันจริงๆซักครั้ง เอาแต่ร้องไห้ไปร้องไห้มา
นี่เริ่มคิดแล้วนะว่าพวกมันไม่สบาย.. ทางจิตน่ะ
“มึงไม่ให้พวกกูห่มผ้าให้”
“ถ้าพวกมึงเรียกว่าการที่เอาผ้านวมหนาๆสามชั้นห่มรอบตัวกูในอากาศแบบนี้มึงก็ควรร้องไห้ให้น้ำตาท่วมโลกไปเลยไอ่ห่า
กู! ร้อน!”
“มึงอ่ะ!”
เถียงกลับไม่ได้ก็เลยถือคติเบะปากเอาน้ำตาเข้าแลกซะเลย
เฮ้ๆๆ นี่มันจะร้องไห้บ่อยเกินไปไหมเนี่ย คือเขาประชดอ่ะ
ไม่ได้หมายความว่าให้มันร้องไห้จริงๆแบบนี้ซักหน่อย
“มึงใจเย็น
ไอ่เหี้ย จะร้องไห้กันทั้งรถแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย เดี๋ยวกูร้องตามเลยเนี่ย”
จะปลอบคนก็ไม่รู้จะเลือกปลอบใครก่อน
เลยจับหัวทั้งหมดสุมหัวแล้วลูบหลังมันซะเลย
คือได้ข่าวว่าเขาเป็นคนป่วยที่หนีออกจากโรงพยาบาล
แล้วทำไมคนป่วยต้องมาดูแลเพื่อนคนป่วยด้วยกันว่ะเนี่ย..
“มึงห้ามร้อง
ถ้ามึงร้องกูโกรธมึงแน่ๆ!”
อีแดฮวีหัวหน้าในการนำร้องไห้ครั้งนี้ปาดน้ำตาที่เปรอะหน้าไปหมดก่อนจะใช้มือดึงให้หัวเขาซุกเข้าที่อกของอีกฝ่าย
โว้ย ทำไมวันนี้พวกมันวอแวกับเขาประหลาดจริง
วันวาเลนไทน์ไม่มีผู้ชายให้ไปหากันหรือไงวะ
“มึงยังร้องไห้เลยแล้วทำไมกูจะร้องไม่ได้
ไอ่พวกบ้า!”
“พวกมึงหยุดร้องไห้แล้วกลับไปนั่งกันดีๆเลย
น้ำตาจะท่วมรถพี่จีฮุนหมดแล้วโว้ย!”
เสียงสั่นๆที่ดังขึ้นจากหน้ารถเปรียบเสมือนเสียงของพระเจ้าที่ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมน
และแน่นอนว่ามันคือเสียงของอีอึยอุง ผู้ที่มีสติครบถ้วนที่สุดในกลุ่ม
ถ้าจะให้เปรียบก็คงเหมือนพ่อของกลุ่มอย่างนั้นแหละ
“คร้าบ
–พ่อ!”
และก็เป็นเขาอีกนั่นที่รับบทลูกชายคนโตของบ้าน
หล่อแล้วยังควบคุมอารมณ์เก่ง แพจินยองนี่มันแพจินยองจริงๆ
และให้ตายเถอะ
มองหน้าเขาแล้วร้องไห้หนักกว่าเดิมนี่มันหมายความว่าอะไรกัน
–พวกเวร!
‘พี่จีฮุนค้าบ ฝากมันหน่อย พวกผมเหนื่อยแล้วอ่ะขี้เกียจขึ้นเขาเยอะๆ’
‘พามันไปถึงยอดหน่อยนะพี่ แล้วถีบมันลงจากยอดให้พวกผมด้วย ขอบคุณค้าบ!’
‘ถ้ามันงอแงก็เอามือฟาดปากมันเลยนะพี่! เอาให้มันลงมาแล้วเป็นใบ้ไปเลย
ขอบคุณอีกทีค้าบ!’
และนั่นก็เป็นคำฝากฝัง –ออกไปทางสั่งเสียซะมากกว่า
ของเพื่อนๆที่รักและหวังดีต่อตัวเขามาก (กัดฟันพูดหน่อยขอภาพลักษณ์ดีๆ)
จนทิ้งให้เขาเดินขึ้นยอดเขากับพี่ชายข้างบ้านของอีแดฮวีเพียงลำพัง
จะว่ามันสนุกก็สนุกอ่ะนะ คือทุนเดิมเขาก็ชอบปีนเขาอยู่แล้ว แต่ไอ่ความเงียบที่เกิดรอบตัวเรานี่แหละที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดชะมัดยาก
เป็นภาระพี่เขาไหมอะ..
คือได้ยินว่าขาเพิ่งหัก แล้วเดินขึ้นยอดเขาที่สูงขนาดนี้ไม่เมื่อยขาแย่หรอ
แบบปล่อยให้เขาเดินขึ้นเขาคนเดียวก็ได้ถ้าจะทำคนอื่นลำบากขนาดนี้T_T
“พี่ –เอ่อ เหนื่อยไหมครับ? เจ็บขาหรือเปล่า?
หยุดเดินก่อนแปบนึงก็ได้นะครับ”
พี่จีฮุนที่เดินนำหน้าเขาไปเพียงสองสามก้าวหยุดชะงักก่อนจะหันมามองหน้าเขายิ้มๆ
ไม่รู้ว่าคนข้างบ้านของแดฮวีจะเป็นคนดีขนาดนี้ที่เหนื่อยแทบตายก็ยังยิ้มออก
เห็นเหงื่อที่ขึ้นผุดตามกรอบใบหน้าแล้วก็มือขางขวาของพี่เขาที่พยุงขาตัวเองไว้แล้วมันรู้สึกผิดชะมัด
แง
“ถ้าเราเหนื่อย
เราพักก่อนก็ได้นะ”
พี่เขาพูดแบบหอบๆ
ถ้าเป็นพี่องนะป่านนี้ได้โดนไล่ให้ลงไปเล่นข้างล่างแล้ว
แต่นี่เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็ไม่กล้าจะโวยวายอะไร ..
แล้วอาการเหนื่อยนี่พี่เขาเป็นอยู่คนเดียวเลยครับ ที่อยากให้พักไม่ใช่เพราะจินยองเหนื่อยหรอก
แต่เพราะสงสารอีกฝ่ายนี่ไงเล่า
“พี่เจ็บขาไหมอ่ะ”
“นิดนึง
แต่ชินแล้ว เราเหนื่อยหรอ น้ำไหม? หิวหรือเปล่า?”
จู่ๆก็ใจเต้นแรงกับการที่เขายิ้มให้แล้วพยายามค้นหาของที่ว่าในกระเป๋าของตัวเอง
เอ้อ อีกอย่างนะ กระเป๋าที่แพจินยองขนเสบียงและของใช้ทั้งหมดมาเจ้าตัวก็อาสาขอไปถือเอง
พอจะขอมาถือก็สะบัดแล้วรีบก้าวเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
อู้หู้
งานดี งานพรีเมี่ยมสัดตามตำราของอีแดฮวีจริงๆ
“ม่าย
–พี่ไม่เจ็บขาจริงหรอ เรานวดให้ไหม?”
ช้อนตามองคนเป็นพี่ที่ยื่นน้ำมาให้ตรงหน้า
เขารับมาพลางชี้ไปที่ขาข้างขวาของอีกฝ่ายที่ดูเก้ๆกังๆอย่างประหลาด
เห็นแล้วสงสารอ่ะ ในชีวิตนี้ยังไม่เคยใกล้ประสบการณ์เฉียดตายอย่างรถชนเลย
ไม่อยากนึกสภาพว่าถ้าเป็นเขาเองที่โดนมั่งจะรู้สึกยังไง
“ไม่เป็นไรครับ
เราจะนั่งพักก่อนไหม อีกกิโลเดียวเองนะ ไหวหรือเปล่าครับ?”
อยู่ดีไม่ว่าดีพี่จีฮุนก็เอามือมาลูบผมเฉยเลย
ว่าจะไม่เขินให้กับใครในชีวิตนี้นอกจากไลควานลินแล้วนะ
ทำไมต้องมาทำให้เขินก็ไม่รู้เขา รู้แต่แค่ว่าหุบยิ้มกับทนหน้าร้อนไม่ไหวแล้วโว้ย
“ไหวๆ
พี่ต้องถามตัวเองนะไหวไหม ถ้าไม่ไหวต้องบอกเรานะ เดี๋ยววิ่งไปตามคนมาช่วยให้
เราปฐมพยาบาลคนไม่เป็นหรอก –เป็นแต่นวดให้พี่องอ่ะ”
คนเป็นพี่ยิ้มกว้างกว่าเก่าก่อนจะส่ายหัวให้เหมือนเวลาที่แพจินยองคนนี้ฟังคำโอ้อวดของเด็กสามขวบ
เฮ้ๆ เดี๋ยวนะ
“ยิ้มไรเนี่ย”
“ยิ้มเฉยๆ
พี่ชอบยิ้ม ทำไมอ่ะ จินยองไม่ชอบหรอ?”
เออ
ไม่ชอบแล้ว! ก็ยิ้มของพัคจีฮุนมันทำให้ใจเต้นแรงแปลกๆอ่ะ
แม่งเง้ย
“ถึงยอดซ้ากที
กิโลเดียวก็เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย”
บ่นกับตัวเองพลางทุบขาทุบไหล่ไปพลาง
เหลือบมองคนข้างกายที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว เอ่อะ
ยิ้มบ่อยๆแบบนี้บางทีแพจินยองก็นึกว่าเป็นคนบ้าได้นะ
“พี่ยิ้มอะไรอีกแล้วเนี่ย
ตลก”
ขำน้อยๆให้กับใบหน้าของอีกฝ่าย
คือตอนแรกมันก็ใจเต้นแหละตอนเขายิ้มให้ แต่พอเห็นเขาไม่หุบยิ้มซักทีมันก็ดูตลกยังไงชอบกล
“แค่รู้สึกเหมือนทำความฝันเป็นจริงยังไงไม่รู้”
“แค่ขึ้นเขาแค่นี้ได้อ่ะนะ?
โห ยิ่งใหญ่จริ้ง”
สาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายที่กำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายบรรยากาศโดยรอบเอาไว้
ช่างเป็นการบันทึกความทรงจำที่จืดชืดซะจริงๆเล้ย
“มานี่
ขึ้นเขาแล้วมันต้องถ่ายแบบนี้”
หยิบโทรศัพท์ของอีกฝ่ายขึ้นแล้วเสียบเข้ากับไม้เซลฟี่ที่อีแดฮวียัดมาในมือตั้งแต่อยู่ที่ตีนเขา
เขาประกอบอะไรให้เรียบร้อย คลิกเข้าแอพพลิเคชั่นถ่ายรูป
ปรับให้เป็นโหมดวิดีโอก่อนจะยืดไม้ออกไปจนสุดความยาว
นับหนึ่งสองสามในใจแล้วกดให้โทรศัพท์ของพัคจีฮุนบันทึกภาพทั้งหมดก่อนจะหมุนวนเป็นวงกลมด้วยความสนุกสุดเหวี่ยง
เนี่ย ขึ้นเขามาได้ทั้งทีมันต้องแบบนี้!
หมุนจนเริ่มมึนหัวจึงยอมศิโรราบแต่โดยดี
แพจินยองเดินหลับตาเซไปเซมาก่อนจะจับเข้าที่อะไรบางอย่างที่พอจะให้ทรงตัวได้
พอลืมตาขึ้นมามองภาพตรงหน้านี่เรียกได้ว่าอย่างกับฉากในนิยาย
ใบหน้าของพัคจีฮุนที่อยู่ห่างกันไม่กี่คืบเนี่ย
แถมดวงตาที่สุกสกาวที่จ้องลงมานี่ก็ด้วย
แพจินยองรู้แล้วว่าแววตาพวกนั้นมันทำให้เขานึกถึงอะไร
“เวลามองตาพี่จีฮุนเนี่ย”
“...”
“เหมือนมองโลกทั้งใบ
จักรวาลทั้งจักรวาลเลยเนอะ”
“...”
“เป็นประกายวิบวับ
ชอบจัง”
ว่าพลางเผลอเอามือไปลูบหน้าเขาด้วยความเคยชิน
เพิ่งจะเข้าใจถึงความหมายของคำว่าเผลอตัวก็วันนี้จริงๆล่ะนะ
กว่าจะรู้ตัวก็
... เชี่ย.. –แพจินยองเอาไลควานลินไปไว้ตรงไหนในความทรงจำแล้วเนี่ย!
‘มึงเป็นไร ลงเขาแล้วเหนื่อยหรอหน้าแดงเชียว’
‘เบื่อหน้ามึงอ่ะ ที่หน้าแดงนี่โกรธล้วนๆ’
‘หรอ อีสัด! เชื่อตายแหละ
ทำมาเป็นหลบหน้าหลบตาอย่างกับทำความผิด’
‘เรื่องของกู!’
‘ก็กูจะเสือก!’
‘กูไม่ให้เสือกโว้ย ไปๆ กลับๆ พี่องให้กูหนีหมอมาได้แค่สี่โมงเย็นโว้ย’
True
friends never let you go again,
and yes they won’t.
ความคิดเห็น