ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    produce 101/wannaone #pdxdg | all x baejinyoung

    ลำดับตอนที่ #11 : oneshot - us again #นยอนดีพ

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 60


     










     

    you asked me that if I am satisfied with our relationship.
    I just nod and said nothing.
    because in my mind, it’s kept answering ‘nothing better than us’

     

     




     

     

     

                    โลกเหมือนกำลังเหวี่ยงให้เขากลับไปอายุสิบเจ็ดปีอีกหน

              อืม บางทีนี่อาจจะเป็น -ฮวังมินฮยอนเอฟเฟคท์ล่ะมั้ง?

             

     

              เช้าวันนี้แพจินยองถูกปลุกด้วยเสียงเครื่องยนต์อีกครั้ง เป็นเสียงรถที่ขับเข้ามาจอดอยู่บริเวณรั้วหน้าบ้านแล้วก็หยุดนิ่งของมันอย่างนั้นราวสิบนาที ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเร่งเครื่องยนต์เพื่อพุ่งทะยานกลับไปในท้องถนนอีกครั้ง ในขณะที่เขาทำได้เพียงแค่นอนลืมตาอยู่บนเตียงแบบนี้ ไม่มีความกล้าแม้แต่จะลงไปดูว่าเจ้าของเสียงรถคนนั้นเป็นใครกันแน่

              เพราะยังไงเขาก็จะได้ยินมันทุกเย็นหลังเลิกงานอยู่แล้ว

     

              ใช่ เจ้าของรถคันนั้นก็คือฮวังมินฮยอนคนที่มีศักดิ์เป็นถึงลูกชายเจ้าของกิจการและบริษัทที่เขากำลังทำงานอยู่ และแน่ละ เขาไม่ได้บอกใครถึงเรื่องราวทั้งหมดในวันนั้น ทั้งญาติพี่สาวคนสนิท ทั้งเพื่อนร่วมงาน ไม่มีใครล่วงรู้ว่าตัวตนของแพจินยองเมื่อหกปีก่อนถูกใครบางคนที่ว่าฉุดกระชากให้กลับมาอีกครั้งด้วยรสจูบและสายตาเว้าวอนนั่น

              เราทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก แต่นั่นมันก็มากเพียงพอแล้วที่คนอย่างเขาจะรับมันไหว เขาไม่สามารถแยกออกด้วยซ้ำว่าควรรู้สึกอย่างไรกับประโยคทิ้งทวนของอีกฝ่าย นอกจากนั้นก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีหน้าไปทำงานในเช้าวันจันทร์ได้อย่างไรโดยที่ไม่เผลอลอบมองอีกฝ่ายพร้อมกับคำพูดเหล่านั้นลอยวนอยู่ในหัว

     

              กล่องความคิด จิตใต้สำนึก หรืออะไรก็ตามแต่ที่เขาเคยคิดว่ามันควรจะเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่านี้ดันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ แทบไม่รู้ตัวว่าไขกุญแจเข้าบ้านมานั่งอยู่บนโซฟาได้ยังไง เขาเหมือนได้ยินเสียงดัง ป๊อบ! ป๊อบ! ป๊อบ! ก้องอยู่ในหูก่อนจะตามมาด้วยภาพในอดีตที่ลอยเข้ามา ทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม หรือแม้กระทั่งคำปลอบประโลม และ –ให้ตายเถอะ  อยากจะอ้วกชะมัด

     

                ตอนนี้เขารู้สึกเป็นผู้ใหญ่วัยยี่สิบสามปีที่แย่ที่สุดในโลก ในขณะที่พี่สาวคนนั้นเริ่มต้นใหม่และมีความสุขกับมัน น้องชายคนดีอย่างเขาก็ทำได้เพียงแค่จมกับความรู้สึกแย่ๆที่ตัวเองเป็นเพียงผู้รองรับผลการกระทำนี้ ยิ่งเห็นรอยยิ้มเหล่านั้นก็อยากจะลองถามออกไปดูเหมือนกันว่า –ทำไมถึงต้องเป็นเขา

                แต่แพจินยองก็ทำมันไม่ลง แค่นึกภาพว่าทุกอย่างมันจะต้องย้อนกลับไปเป็นดั่งสถานการณ์เมื่อหกปีก่อนก็จุกจนแทบบ้า ถึงนี่มันจะทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนหักหลังเข้าเต็มเปาแต่ถ้าให้เอาความเจ็บปวดของตัวเองไปโยนให้คนอื่นนั่นมันก็ยิ่งแย่กว่าเก่าเสียอีก อย่างน้อยพี่สาวคนนั้นก็ทำใจได้มากพอที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครไปแล้ว และนี่มันก็แค่เรื่องราวในอดีต ถึงจะขุดคุ้ยเอามาถกเถียงกันแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากจะบั่นทอนความรู้สึกระหว่างเรา

              มันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ

     

             

              ประตูรั้วหน้าบ้านถูกแขวนด้วยบราวนี่หอมกรุ่นจากร้านเบเกอรี่ชื่อดัง เพียงแค่มองสัญลักษณ์ของร้านก็รู้สึกเหมือนตัวเองย้อนกลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายปีหนึ่งอีกครั้ง

    จำได้คร่าวๆว่าชอบร้องโวยวายยามที่ต้องเอ่ยลากับพี่ทั้งสองที่จะต้องกลับไปเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยต่อ ฮวังมินฮยอนทำเพียงแค่ลูบหัวเขาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆและคำมั่นสัญญาว่าจะหาขนมที่อร่อยที่สุดในโลกมาฝากทุกครั้ง และมันก็เป็นตามคำที่อีกฝ่ายพูดทุกอย่าง ไม่ว่าจะกลับมาแค่เพียงลืมของไว้ที่บ้าน หรือแม้กระทั่งจะเป็นการกลับมาเยี่ยมแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง เขาก็จะได้รับบราวนี่เจ้าโปรดกลับไปอวดเพื่อนๆที่โรงเรียนอยู่เสมอ

              ตอนนั้น แพจินยองได้รับฉายาเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลฮวังเสียด้วยซ้ำ คนทั้งโรงเรียนน่ะลือกันให้ทั่วว่าเขาและฮวังมินฮยอนเป็นพี่ชายน้องชายกันจริง จนถึงขั้นที่ว่ามีสาวๆมาเดินรุมเขาเพียงแค่ต้องการจะติดต่อกับฮวังมินฮยอนโดยตรงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ได้ไล่ตวาดไปพร้อมกับบอกว่า –พี่มินฮยอนมีคนที่ชอบอยู่แล้ว! ถึงจะยอมถอยทัพกลับกันไปแต่โดยดี

     

              เขาสะพายกระเป๋าเป้ที่อยู่บนหลังให้กระชับขึ้นก่อนจะกอดเจ้าถุงกระดาษที่ห่อสมบัติล้ำค่าข้างในเอาไว้ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นตุบจนเจ็บไปหมด มันเป็นความดีใจที่ปนเปไปกับความกังวล ถ้าให้พูดกันตรงๆนี่มันก็ดีเป็นบ้าที่อีกคนยังจำรายละเอียดเรื่องราวแบบนี้ได้ แต่ในการแสดงออกเหล่านี้ละ มันจะไม่ใช่เพียงแผนการหนึ่งที่หลอกให้เขาตายใจใช่หรือไม่?

              ปัดป่ายความรู้สึกที่เริ่มจะทำให้บรรยากาศมืดหม่นไปกว่าเก่า เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีแต่เพียงเมฆครื้มจนรู้สึกหดหู่ แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านกลุ่มก้อนพวกนั้นเป็นเหมือนสัญญาณที่ดีว่ามันอาจจะไม่ได้แย่เสมอไป กลิ่นหอมของบราวนี่ร้อนลอยโชยมาตามลม เขาสูดดมมันเพียงครู่พลางนึกไปถึงรสชาติที่ไม่ได้สัมผัสมาเกือบเจ็ดปี อ่า คิดถึงจัง

     

              เช้าวันนั้น มีชาเขียวเย็นปริศนาถูกวางอยู่บนโต๊ะของเขา และเชื่อเถอะว่า เขาเห็นรอยยิ้มกว้างจากหัวหน้าหนุ่มในตอนที่เราสบตากัน

              อืม สิบเจ็ดอีกครั้งจริงๆ

     

     

     

             

              “วันนี้ก็ทำงานหนักอีกแล้วนะครับ”

              นิ้วเรียวที่กดพิมพ์บนแป้นคีย์บอร์ดหยุดชะงัก เขาเผลอลอบกลืนน้ำลายเมื่อได้ยินเสียงนุ่มนั่นจากข้างหลัง คงไม่ต้องหันไปมองก็พอจะรู้อยู่ว่าเจ้าของกลิ่นน้ำหอมราคาแพงอ่อนๆที่ลอยมาน่ะเป็นของใคร เขาจำมันได้ขึ้นใจเช่นเดียวกันกับเจ้าของน้ำเสียงนั่นเลยล่ะ

              “อ่า –ครับ”

              ชะงักเพียงครู่ก่อนจะหันกลับไปให้ความสนใจกับกองเอกสารตรงหน้าต่อ ถึงเขาจะเป็นเพียงพนักงานตำแหน่งเล็กในแผนก แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะให้ความรักและเอ็นดูเป็นพิเศษในฐานะน้องเล็กของสายงาน ถึงได้พากันยกงานทั้งหมดไว้ให้เขารับผิดชอบอยู่แต่เพียงคนเดียว และนี่ก็เข้าสู่วันที่สามแล้วที่เขาต้องเลิกงานช้ากว่าปกติ

     

              คนในแผนกพากันกลับบ้านตั้งแต่เลิกงานได้ไม่ถึงห้านาทีดี เขาไม่นึกแปลกใจเพราะร้อยทั้งร้อยก็มักจะมีข้ออ้างขึ้นมาพูดได้ไม่รู้จบ ไม่ว่าจะเป็นลูกป่วยไม่มีคนดูแลหรือแม้กระทั่งข้ออ้างส่งๆอย่างฝนกำลังจะตกพี่ต้องรีบกลับทั้งที่ท้องฟ้าน่ะสว่างโล่งยิ่งกว่าหัวสมองของเขาซะอีก แพจินยองเองก็ได้แต่ก้มโค้งลาเมื่อครั้งแล้วครั้งเล่าที่ประตูถูกเปิดออก

              เพราะมัวแต่สนใจภาระงานที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าอะไร เขาถึงไม่ทันได้สังเกตว่าหัวหน้าประจำสาขาก็ร่วมหายใจอยู่ในห้องออฟฟิศเล็กๆนี่ด้วยกัน จะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนรับรู้ได้ถึงกลิ่นน้ำหอมและเสียงทุ้มนุ่มจากข้างหลัง และให้ตายสิ ทำไมหัวใจมันต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วยนะ

     

              “ไม่หิวข้าวหรอ?”

              แพจินยองจำไม่ได้แล้วว่าครั้งล่าสุดที่ความเป็นกันเองในน้ำเสียงนั่น เขาได้รับมันเมื่อไหร่? คงจะเป็นเมื่อเดือนก่อนในเหตุการณ์บนรถหรูคันนั้น และใช่ เขาได้รับบราวนี่เจ้าโปรดและชาเขียวเย็นปริศนามาราวๆยี่สิบเจ็ดวันได้แล้ว เรียกได้ว่ากินจนเบื่อไปเลยล่ะ

              ส่ายหน้าน้อยๆเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คุณหัวหน้าทิ้งตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ของพี่พนักงานที่นั่งอยู่ข้างกัน เขาไม่นึกใส่ใจหรอกว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไร สิ่งเดียวที่เรียกความสนใจของเขาได้อยู่หมัดก็คือกองกระดาษตรงหน้าและคอมพิวเตอร์คู่ใจนี่ต่างหาก นั่งพิมพ์ไปตามประสาได้ไม่นานก็พาลให้รู้สึกถึงอาการเห่อร้อนตรงข้างแก้มแปลกๆ พลันลามไปถึงเหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยที่ผุดอยู่ตามกรอบใบหน้า

     

              “หืม –ร้อนหรอ?”

              ไม่ว่าเปล่ายังส่งมือเข้ามาปัดผมหน้าม้าที่ปรกหน้าปรกตาเขาให้อีกด้วย อยากจะตะโกนไปดังๆว่า ก็เป็นเพราะพี่นั่นแหละที่มานั่งจ้องหน้าผมอยู่ได้! แต่ก็กลัวว่าคนในแผนกอื่นจะได้ยิน เขาเอียงหน้าหลบเล็กน้อยเมื่อฝ่ามือร้อนนั่นนิ่งค้างไว้อยู่ตรงข้างแก้ม สัมผัสของฮวังมินฮยอนทุกอย่างมีแต่ความอ่อนโยน ไม่รุกล้ำ แต่กลับเน้นย้ำชัดเจนในความรู้สึกของเขาเหลือเกิน

              ถ้าให้พูดกันตรงๆเขายังคงไม่ชินเท่าไหร่ ถึงฮวังมินฮยอนจะฉลาดและรู้จักเคล็ดลับในการวางตัวเป็นอย่างดี แต่เขาก็ยังคงติดภาพใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาของคนเป็นญาติในคืนนั้น มันเหมือนก้อนหินที่คอยถ่วงไม่ให้ความสุขของเขาลอยจากไปไหน

     

              “เราใส่แว่นแบบนี้ก็ดูเรียบร้อยดีนะ”

              เจ้าของฝ่ามือขาวนั่นชักมันกลับไปที่เดิมราวกับเป็นเรื่องปกติ เขาละอยากจะเถียงจริงๆว่าไหนว่าหกปีไม่ได้มากพอที่จะทำให้ฮวังมินฮยอนเปลี่ยนไปยังไงละ แล้วนิสัยเจ้าเล่ห์แถมยังทำทุกอย่างได้เรียบเฉยราวกับไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแบบนี้มันเป็นฮวังมินฮยอนคนเดิมตรงไหน

              “คุณหัวหน้าครับ ผมจะทำงาน”

              เอ่ยปรามคนอายุมากกว่าที่เริ่มจะอยู่ไม่สุข โต๊ะทำงานของแพจินยองมีพื้นที่จำกัดแค่ไม่เท่าไหร่ ลำพังเขานั่งอยู่คนเดียวก็รู้สึกอึดอัดจนจะบ้า ยังมีใครบางคนจงใจขยับเก้าอี้มาเสียจนชิด ไม่รู้ว่าตลอดเวลาหกปีที่ผ่านมาอีกฝ่ายจะพบเจออะไรมาบ้าง แต่การที่จะมาเทียวตามใกล้ชิดกับเขาแบบนี้มันก็ไม่ไหวเหมือนกัน –หัวใจจะหลุดออกมาแล้ว!

     

              “พี่”

              “?”

              “เรียกแบบนี้เหมือนตอนหกปีก่อนสิ”

              เพิ่งรู้ตัวว่าเสียรู้เข้าเต็มเปาก็ตอนที่ละสายตาจากคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเพื่อหันกลับมามองคนอายุมากกว่า แววตาของฮวังมินฮยอนในตอนนี้เหมือนไฟแช็กที่จุดชนวนระเบิดในอก เขาคิดว่าตัวเองได้ยินเสียงดัง ตู้ม จากที่ไหนซักที่และภาพตรงหน้ามันก็พร่าเลือนไปหมด

               คนมีศักดิ์เป็นถึงเจ้านายสบโอกาสเกลี่ยนิ้วอยู่ตรงข้างแก้มอย่างเก่า แรงสัมผัสจากปลายนิ้วมันทำให้ช่องว่างในท้องของแพจินยองนั้นวูบโหวงเหลือเกิน เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพลิกกลับเป็นคนละฝั่งเมื่อสบประสานเข้ากับดวงตาคู่นั้น แล้วเขาก็รู้ได้ในทันทีว่า –แย่แล้ว  

     

              “แล้วก็แทนตัวว่าเรา เหมือนเก่าด้วยนะ”

             

             

     

     

     

     

    -

     

     

             

              “เอ๊ จินยองกุนกำลังมีความรักหรอเนี่ย?”

              ทุบหน้าอกของตนเบาๆพลางกระแอมไอเมื่อจู่ๆก็สำลักเหล้าในมือขึ้นมา เสียงหัวเราะครืนดังตามมาเป็นระลอกเมื่อเห็นปฏิกิริยาของน้องเล็กในแผนก ความสนใจของวงสนทนาทั้งหมดกลับตกมาอยู่ที่เขาหลังจากที่คุยเรื่องสัพเพเหระกันมาตั้งนาน

              “เอ๋ –คุณจินยองน่ะหรอครับ?”

              ร่างสูงโปร่งของคุณหัวหน้าสาขาที่รายล้อมไปด้วยลูกน้องในแผนกมากหน้าหลายตาหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นใบหน้าเห่อร้อนของเด็กหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้าม วันนี้บริษัทของเรากำลังเลี้ยงฉลองในฐานะที่เจรจากับคู่ค้าได้สำเร็จ อย่างน้อยคุณหัวหน้าก็เป็นคนรับปากเองกับมือว่าจะเลี้ยงทุกคนอย่างดี แพจินยองเองก็จะถือโอกาสนี้เลี้ยงฉลองให้กับตัวเองมันซะเลย

              กระดกน้ำสีเหลืองอำพันในมือพลางส่ายหน้าปฏิเสธทุกทางเมื่อได้รับนิ้วชี้และเสียง –ฮั่นแหน่ จากรุ่นพี่รอบวง เขาเข้าใจดีว่าเมื่อคนเราได้รับแอลกอฮอล์ก็มักจะขาดสติและพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่อย่างน้อยคนที่โดนลากเข้าไปเป็นหัวข้อก็ไม่ควรจะเป็นเขาสิ!

     

              “ใช่แล้วค่า ช่วงนี้น่ะไม่รู้เป็นอะไร อยู่ๆก็ชอบหน้าแดงทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนซักหน่อย”

              ว่าพลางจิ้มนิ้วเข้าที่ข้างแก้มเขาด้วยความเอ็นดู ปัดป่ายมืออีกฝั่งที่มาจากรุ่นพี่ผู้ชายในแผนกอีกคนที่หมายจะเข้ามาบีบแก้มเขาด้วยความเคยชิน ไม่รู้ว่าจะติดใจอะไรเขานักหนาถึงได้เทียวไล่เทียวรังแกกันอยู่เรื่อย

              “แล้วเดี๋ยวนี้ก็ชอบหวงเนื้อหวงตัว แค่จะบีบแก้มยังไม่ให้ทำเลย”

              หัวเราะชอบใจกันอีกรอบก่อนจะหันไปสนใจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในมือกันต่อ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อรับรู้ว่าในวงสนทนานั้นไม่ได้มีเขาเป็นหัวข้ออีกแล้ว เบือนหน้าหนีพลางยกแก้วในมือจรดริมฝีปากก่อนจะกระดกตามต่อ รสชาติขมปร่าของมันยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น โดยเฉพาะยามที่ความร้อนรุ่มไหลลงจากช่องคอไปวนกลิ้งอยู่ในท้องทำให้รู้สึกดีเป็นบ้า

              จู่ๆก็รู้สึกเหมือนอุณหภูมิในร้านอาหารลดลงต่ำผิดปกติ เขาลูบแขนขึ้นลงไปมาพลางสอดส่องไปทั่ววงสนทนาแล้วก็นิ่งค้างอยู่อย่างนั้นเมื่อสบเข้ากับสายตาของใครบางคน ดวงตาที่เคยอบอุ่นราวกับดวงอาทิตย์ใบใหญ่กลับแข็งกร้าวขึ้นเสียจนรู้สึกไม่ดี เขาส่ายหน้าปรามและเลือกที่จะเป็นฝ่ายละสายตาก่อนในที่สุด อย่างน้อยนี่ก็ไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีที่จะแสดงพิรุธอะไรทั้งนั้น การที่ทุกคนมีเครื่องดื่มมึนเมาในมือก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีสติกันทุกคน

             

              “คุณมินฮยอนเองก็ยังไม่มีแฟนหรอคะ?”

              น้ำเสียงอ้อแอ้พร้อมกับสีหน้าประหลาดใจของคนถามเมื่อได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าของคนที่มีศักดิ์สูงสุด เขาร้องเหอะในลำคอก่อนจะยกแก้วเหล้านี่ขึ้นมาดื่มอีกครั้ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหัวข้อหลักในการสนทนาของวันนี้น่ะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็พากันเล่นเกมหมุนขวดพร้อมถามคำถามล้วงลึกเท่าที่ตัวเองอยากจะรู้กันซะแล้ว

              นึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ปลายปากขวดไม่เคยหยุดมาอยู่ตรงเขาซักครั้ง เพราะดูจากสถานการณ์แล้วก็คงจะไม่หลุดพ้นเรื่องที่เป็นหัวข้อในบทสนทนาก่อนหน้านี้แน่ๆ และเขาเองก็ไม่ค่อยชอบใจเสียด้วยที่ต้องตกมาเป็นจุดสนใจของทุกคนอีกครั้ง

     

              “ครับ มัวทำแต่งานก็เลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่”

              “เอ๋ จริงหรอคะ?”

              “ครับ รับรองเลยว่าถ้ามีเมื่อไหร่ ผมจะพามาเปิดตัวกับทุกคนอย่างดีเลยล่ะครับ”

              จู่ๆรสชาติเครื่องดื่มราคาแพงในมือก็ดันกร่อยจนต้องละริมฝีปากออกจากมันจนได้ เขาพินิจเพ่งมองเครื่องดื่มในมือ ริมฝีปากยกยิ้มเมื่อรู้สึกได้ถึงอาการหวิวที่เกิดขึ้นอยู่ในช่องท้อง

              ถึงนี่จะผ่านมาเกือบสามเดือนได้แล้วที่เหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นผ่านพ้นไป ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับเลยว่าคนอายุมากกว่าทำตามคำพูดไว้ได้ทุกอย่าง เขายังคงได้รับการเอาใจใส่ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ยังคงได้รับขนมที่ถึงแม้จะเปลี่ยนประเภทไปบ้างแต่ก็ยังคงเป็นขนมที่อร่อยที่สุดในโลกไม่เคยเปลี่ยน ยังได้รับน้ำเสียง แววตา และการแสดงออกที่พร้อมจะหลอมละลายเขาได้ทุกเมื่อ และเชื่อเถอะว่าเขายังมองเห็นฮวังมินฮยอนคนเดิมคนนั้นในการกระทำทุกอย่างที่ผ่านมา

     

              แพจินยองไม่รู้จะจำกัดคำนิยามของความสัมพันธ์ระหว่างเราไว้ว่าอย่างไร แน่นอนล่ะว่าเราไม่ใช่คนรัก ถึงอย่างนั้นก็ยังคงรวดเร็วเกินไปที่จะให้เขากลับไปเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ชายคนสนิทดังเก่า เราเป็นเพียงแค่หัวหน้ากับลูกน้องก็จริง แต่การกระทำและความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลมันดันมากเกินกว่าแค่นั้น

              เขาพยายามหาคำตอบของทุกอย่าง ลองลงทุนค้นหาในอินเตอร์เน็ตถึงความเป็นไปได้ในทุกทาง รู้สึกว่านี่มันคือตัวตนของเขาเมื่อหกปีก่อนชัดๆที่ต้องมานั่งค้นหาข้อมูลแล้วก็นำมันมาทดสอบกับตัวเอง และถ้านี่มันจะเป็นการย้อนกลับไปในอดีต เขาเองก็ได้แต่เฝ้าภาวนาว่าโลกคงไม่โหดร้ายกับเขาเป็นครั้งที่สอง

     

              เขาเลิกให้ความสนใจกับมันเมื่อพบว่านี่ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นซักนิด ต่อให้ค้นหาแทบตายและนำมันมาตรวจสอบกับสิ่งที่เป็นอยู่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างมันจะชัดเจนขึ้นกว่าเก่า

              ยอมรับตามตรงว่าเขาชอบความสัมพันธ์ระหว่างเราตอนนี้เป็นที่สุด ไม่ใช่คนรักที่จะต้องมาคอยนั่งเช็คความเป็นไปของอีกฝ่าย เขาไม่ต้องคอยเหนื่อยกับการหยิบยกปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องเพื่อนำมาทะเลาะและสร้างแผลในใจกันซะเปล่าๆ ขอเพียงแค่มีโอกาสในไม่กี่นาทีของแต่ละวันได้มองเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไรมันก็เพียงพอแล้ว

              เพราะนอกเหนือจากความดีใจจนลิงโลดทุกครั้งที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากฮวังมินฮยอน ก้อนเนิ้อในอกมันยังมีหินของความรู้สึกผิดถ่วงเอาไว้อยู่ด้วย เขาไม่มั่นใจเท่าไหร่นักว่าถ้าหากเราสองคนพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นคนรัก เขาจะยังกล้าเอาหน้าไปสู้พี่สาวคนนั้นได้หรือเปล่า ถึงจะรับรู้ว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของอีกคนเช่นกันที่แสดงอาการต่อต้านเหล่านั้นออกมา คนทุกคนก็มีสิทธิ์เสียใจกันได้ทั้งนั้น

              เขาโทษว่ามันเป็นเรื่องของอดีต

              และอดีตก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าจดจำ ถึงมันจะทำให้เขาพลาดความสุขไปถึงหกปีก็ตามทีเถอะ

             

     

              ภาพเหตุการณ์ในคืนวันนั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง

              หากทว่าในคราวนี้กลับไม่ได้มีเพลย์ลิสต์เพลงโปรดดังคลออย่างเก่า ไม่มีฝนตกพรำ มีเพียงแค่เสียงของไอจากเครื่องปรับอากาศ และนี่มันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนจองจำอยู่ในห้องเล็กๆที่ไหนสักที่

              ฮวังมินฮยอนเป็นฝ่ายอาสาไปส่งเขาที่บ้านอีกครั้ง เสียงโห่ร้องพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉาของพี่พนักงานผู้หญิงทำให้เขาต้องลอบยิ้ม แต่แล้วก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่านี่อาจไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีสำหรับเขาสักเท่าไหร่ เพราะในน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยเกรงว่าเขาจะพาตัวเองกลับบ้านไม่ไหว มันยังเจือไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งนั่นอีกด้วย

     

              เขาเสสายตามองออกไปยังฟุตบาทที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ แสงไฟระยิบระยับนับล้านส่องประกายท่ามกลางความมืดมิด ช่องว่างที่ก่อตัวขึ้นท่ามกลางระหว่างเราทำให้ความอึดอัดมันสุมอยู่ในอก เขารู้สึกว่าภาพตัวเองเมื่อสามเดือนก่อนที่นั่งคิดเป็นกังวลว่าควรจะเริ่มบทสนทนาอย่างไรมันดูงี่เง่าชะมัด และตอนนี้นั้นก็ด้วย

              อยากจะเริ่มประโยคง่ายๆอย่าง –ไม่สนุกหรอครับ? แต่นั่นก็จะดูหยามรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายในงานเลี้ยงไปซักหน่อย เขาพยายามประมวลผลออกมาเป็นคำภายใต้สติสัมปชัญญะที่ดูจะลดน้อยลงตามที ในกล่องความคิดของเขาตอนนี้เหมือนมีคำพูดลอยล่องอยู่ในอากาศนับล้าน มันเต็มไปด้วยเรื่องราวของอีกฝ่ายทั้งนั้น และเขาก็พบได้ว่า –อ่า นี่มันแย่แล้ว มีแต่ฮวังมินฮยอนแบบนี้แล้วจะทำยังไงดีละ

               

              มัวแต่สนใจกับเพียงแค่ความคิดของตัวเองถึงไม่ได้รับรู้ว่าตอนนี้รถยนต์คันหรูที่ว่าได้เข้ามาจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านของเขาเสียแล้ว แพจินยองรู้ดีว่าเขาไม่ควรคาดหวัง แต่สีหน้าและท่าทางราวกับเราไม่ใช่คนรู้จักกันของอีกฝ่ายมันทำให้ปวดหนึบตรงอกเป็นบ้า อีกฝ่ายไม่ได้ไถ่ถามและแสดงอะไรออกมาเหมือนอย่างเคย

              เขาลอบมองคนอายุมากกว่าจากที่ของตัวเอง ดวงตาคู่นั้นทำเพียงแค่ทอดมองไปยังท้องถนนเบื้องหน้า คุณหัวหน้าในภาพตอนนี้ดูดีราวกับนายแบบของนิตยสารชื่อดัง และในตอนนี้ แพจินยองไม่รู้เลยว่าอะไรอยู่ในกล่องความคิดของอีกฝ่ายบ้าง

     

              เขาลอบกลืนน้ำลายเหนียวที่ดูจะฝืดคอก่อนจะกระแอมไอเพื่อเรียกเสียงของตัวเองให้กลับมาอย่างกล้าๆกลัวๆ จำได้ดีว่าฮวังมินฮยอนในยามโกรธไม่ใช่ตัวตนที่น่าเข้าใกล้เสียเท่าไหร่ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยังคงเป็นแบบนั้นอยู่หรือไม่ แต่ในบรรยากาศและช่วงเวลาแบบนี้ก็ต้องขอบอกไว้เลยว่าคนอายุมากกว่าน่ากลัวขึ้นกว่าเก่าอย่างทวีคูณ

              “ขะ..ขอบคุณนะครับ”

              แพจินยองไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองขี้ขลาดมากเท่าวันนี้มาก่อน เขากระชับเจ้าเป้ที่พกติดตัวไปไหนมาไหนบนตักให้เข้าใกล้ตัวเองขึ้นมาอีกหน่อยราวกับเป็นเกราะกำบังชั้นดี พลันจะก้มหัวขอบคุณอีกฝ่ายก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เขาโหยหามาตลอดการเดินทาง

             

    “จินยอง”

              “ครับ?”

              “เราเป็นอะไรกัน?”

              เขาเหมือนได้ยินเสียงดัง ตู้ม! ดังขึ้นในหัว หัวใจดวงน้อยในอกสั่นรัวระริก เหมือนความกล้าทั้งหมดจะตกลงไปอยู่ที่ปลายเท้า และนี่มันก็แย่สุดๆที่ดันเกิดความวูบโหวงอยู่ในช่องท้องของเขาอีกครั้ง

     

              เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันยังเรียกว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูกน้องและเจ้านายได้หรือไม่ คงไม่มีเจ้านายที่ไหนจอดรถที่หน้าบ้านของลูกน้องทุกวันเพื่อดูความเป็นไปในตอนเช้า คงไม่มีลูกน้องที่ไหนลอบมองเจ้านายของตัวเองด้วยแววตาราวกับเด็กสิบเจ็ดปี คงไม่มีหัวหน้าและลูกน้องที่ไหนใกล้ชิดมากกว่าที่เราเป็นอยู่

              และนี่มันก็ไม่ใช่การแสดงออกระหว่างพี่ชายและน้องชายคนสนิท รสจูบในค่ำคืนนั้นยังเป็นเครื่องตอกย้ำความรู้สึกได้อย่างชัดเจน และนั่นก็รวมไปถึงก้อนความรู้สึกผิดในอกของเขาด้วย แพจินยองคิดไม่ตกว่าระหว่างเรามันเรียกว่าอะไรกันแน่

              ถึงอีกฝ่ายจะเป็นคนเอ่ยคำสารภาพออกมาในเหตุการณ์นั้นก็ตามที แต่นี่มันก็เร็วไปหน่อยที่เราจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นคนรัก

     

              “รู้ใช่ไหมว่าคงไม่มีเจ้านายลูกน้องที่ไหนทำแบบเรา”

              “...”

              “แล้วก็รู้ใช่ไหม ว่าพี่ไม่ได้อยากกลับไปเป็นพี่ชายของเราแล้ว”

              ก้อนเนื้อในอกที่ทำหน้าที่ของมันได้ดีมาตลอดดันหยุดการทำงานเสียตื้อๆ ถัดจากนั้นก็แทนที่ด้วยการทำงานที่รวดเร็วและแรงจนเกือบจะหลุดออกมาอยู่รอมร่อ เขาเผลอกำมือของตัวเองแน่นเมื่อเนื้อหาในประโยคข้างต้นมันชวนให้ใบหน้าเห่อร้อนแปลกๆถึงแม้จะเป็นสิ่งที่รับรู้และติดอยู่ในอกมาตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา

              “พี่รู้ ว่านี่มันคงเร็วเกินไปสำหรับเราที่จะเรียกว่าคนรัก”

              “...”

     

              “แต่ช่วยยืนยันกับพี่หน่อยได้ไหม ว่าเราพอใจกับเรื่องระหว่างเราในตอนนี้”

              นี่คงเป็นครั้งแรกที่แพจินยองสบสายตาเข้ากับอีกฝ่ายแล้วพบแต่ความสับสน มันเป็นแววตาที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังแตกสลายกระจัดกระจายไปเสียหมด ความไม่แน่นอนและไม่ชัดเจนระหว่างเราคงทำให้ฮวังมินฮยอนรู้สึกเป็นกังวล มันทำให้เขารู้สึกแย่ไม่ใช่น้อยที่ตัวเองเป็นต้นเหตุในเรื่องแบบนี้อีกแล้ว แต่คนอายุมากกว่าคงไม่รู้ว่าเขาเองก็เฝ้าตอบคำถามเหล่านี้กับตัวเองอยู่เหมือนกัน และ –ใช่  นี่มันโคตรจะดีสำหรับผมสุดๆไปเลยล่ะ

     

                “–ครับ  เท่านี้มันก็พอแล้วล่ะ”

              เพราะสำหรับผม นี่มันยอดเยี่ยมกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก

                “ครับ แค่เราชอบ พี่ก็ดีใจแล้ว”

              รอยยิ้มแบบฉบับพี่มินฮยอนของน้องจินยองกลับมาอีกครั้งในรอบหกปี มันเป็นรอยยิ้มที่กระตุกหัวใจของเขาเสียจนเต้นระรัว เขาไม่รู้ว่าตัวเองคิดถึงมันมากขนาดไหนจนกระทั่งได้เห็นอีกครั้งในสถานการณ์แบบนี้ และอดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มในแบบน้องจินยองของพี่มินฮยอนกลับไปด้วยเช่นกัน

    ความวูบโหวงในช่องท้องแผ่กระจายเหมือนผีเสื้อบินอยู่นับร้อยพันตัว ภาพเหตุการณ์ในงานเทศกาลประจำปีที่มีเพียงเขาและฮวังมินฮยอนท่ามกลางแสงไฟนับพันและหิมะโปรยปราย

     

              โลกเหวี่ยงให้เขากลับไปสิบเจ็ดอีกหน

              และฮวังมินฮยอนเอฟเฟคท์ก็มีผลทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงทุกครั้ง

              –แย่แล้วละ แพจินยอง

     

     

              เขาเผลอชะงักเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นร้อนขนาบเข้าที่ข้างแก้มขวา สัมผัสของมันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นของล้ำค่าที่สุดในโลก จุดสนใจของเขากลับมาที่ดวงตาคู่นั้นอีกครั้ง มันทอแสงระยับเหมือนกับผิวน้ำทะเลสาบเมื่อต้องแสงแดด เขาให้ความสนใจกับมันมากเสียจนรู้สึกอีกทีก็ลมหายใจอุ่นร้อนที่กระทบอยู่ตรงผิวหน้า

              ความอบอุ่นก่อตัวขึ้นอย่างน่าประหลาด ไม่มีคำพูดใดใดเอื้อนเอ่ยในสถานการณ์ที่เราใกล้ชิดกันขนาดนี้ แพจินยองสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะถูกทาบทับริมฝีปากด้วยความอบอุ่นจากคนอายุมากกว่าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

              มันเป็นสัมผัสที่ไม่ได้จาบจ้วงแต่ทำให้เขารู้สึกเหมือนตกลงมาจากที่สูง ยามที่ลิ้นชื้นนั้นไล่เล็มรอบริมฝีปากก่อนจะคว้านเข้ามาหาความหวานก็เช่นเดียวกัน เหตุการณ์เมื่อสามเดือนก่อนย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่ทว่าคราวนี้แพจินยองไม่ได้รู้สึกผิดเหมือนดังเก่าอีกต่อไปแล้ว

              เขาปล่อยให้อีกคนค้นหาคำตอบในรสจูบอย่างที่ต้องการ ไม่มีการเร่งรัด ไม่มีความรู้สึกผิด ไม่มีก้อนหินก้อนใหญ่ในความวูบโหวงของทั้งหมด ไม่มีใบหน้าของพี่สาวคนนั้นลอยเข้ามาในหัวของเขาอีกแล้ว และแพจินยองก็คิดว่านี่แหละ –คำตอบของสิ่งที่เขาค้นหามาตลอด

     

                อีกฝ่ายผละออกไปเมื่อเขารู้สึกเริ่มจะทนไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงใกล้ชิดอยู่ไม่ห่าง ใบหน้าสมส่วนที่อยู่ใกล้จนทำให้ลมหายใจของแพจินยองขาดห้วง ฮวังมินฮยอนมีเสน่ห์ที่เหลือร้ายจนทำให้รุ่นน้องในสมัยก่อนตกหลุมรักอย่างไร ตอนนี้เขาก็ยังคงมีสิ่งที่ว่าที่ทำให้แพจินยองกลับไปอายุสิบเจ็ดอีกครั้ง สิ่งที่ทำให้เขาตกหลุมรักอีกฝ่ายเข้าเต็มเปา

             

              “บอกแล้วไงครับว่าไม่ชอบให้กินเหล้าอีก”

              “...”

              “เป็นเด็กดีของพี่เหมือนเดิมนะครับ”

              เขาหลบสายตาและน้ำเสียงอ่อนหวานที่ถูกใช้มาล่อลวงให้ติดกับอีกคน ยอมรับเลยว่าคำพูดแค่นั้นก็ทำให้เขาใจสั่นจนแทบบ้า ทั้งที่ก็เป็นแค่ประโยคทั่วไปแต่พอได้ยินจากปากของอีกคนในระยะประชั้นชิดขนาดนี้ก็ทำให้ไปไม่เป็นได้เช่นเดียวกัน

             

              “พี่พร้อมจะดูแลเราในฐานะผู้ชายคนหนึ่งแล้วนะ”

              “...”

              “ถึงเร็วไปหน่อย แต่สัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุดเลยครับ”

              “...”

              “พี่รักษาคำพูดแค่ไหน รู้ใช่ไหมครับ?”

              แพจินยองคิดว่าเขาคงไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมารองรับ ทั้งบราวนี่และขนมพวกนั้น ทั้งรอยยิ้ม การกระทำ และทุกอย่างที่เป็นฮวังมินฮยอนในอดีตรวมไปถึงปัจจุบันก็คงเป็นหลักฐานชั้นดีมากพอที่จะทำให้คำพูดเหล่านั้นมีน้ำหนัก

             

     

     

              ฮวังมินฮยอนเอฟเฟคท์มันมีผลรุนแรงกว่าที่คิดไว้ซะอีก

              –พลาดแล้วละ แพจินยอง

             

             

                



    end
    #pdxdg










         ฮี่ มาแบบงงๆอีกแล้ว เหตุเกิดจากทนความเรียกร้องไม่ไหวค่ะ ฮ่า
    ไม่ค่อยปะติดปะต่อเรื่องเก่าเท่าไหร่ เพราะยอมรับว่ากลับไปเศร้าไม่ได้ค่ะ แง(อันเก่าเศร้าหรอ orz)
    เห็นที่ทุกคนแชร์แล้วก็ดีใจค่ะ ฟีดแบ็คดีกว่าที่คิดไว้ซะอีก ^_^ ตอนนี้บูทพลังได้ 150% ไปเลยค่ะ
    แล้วก็เห็นทุกกำลังใจของทุกคนในฟอร์มแล้วก็เขินค่ะ แง เราจะสู้ๆเพื่อทุกคนเลยนะคะ!
    ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะ ทั้งที่มาร่วมสนุกในกิจกรรม ทั้งคอมเม้น ทั้งทวิตฟิค
    หวังว่าจะอยู่บนเรือลำนี้กันไปเรื่อยๆเลยนะคะ :)

     ปล. เราขอพูดรอบนี้ครั้งที่สองนะคะ เพราะเรารู้สึกว่าโดนอีกแล้ว ฮ่า
    เน้นตรงนี้นะคะว่าบทความนี้เป็น ออลน้องจินยอง ในเชิงที่เป็น xx x jinyoung
    เพราะฉะนั้นต่อให้มีน้องจินยองในคู่ แต่ถ้าสลับโพสิชั่นเราคงเขียนให้ไม่ได้จริงๆค่ะ
    เราเคารพคุณมากพอที่จะไม่ตอบคอมเม้นไปตรงๆ(เพราะยังไงก็ไม่น่าจะแจ้งเตือน)
    หวังว่าคุณจะเคารพเราด้วยการอ่าน ปล. ทุกอย่างก่อนพิมพ์อะไรด้วยนะคะ รอบหน้าจะร้องไห้แล้วน้าT_T
    เขียนชัดเจนทั้งชื่อบทความทั้งหมายเหตุในฟอร์มขนาดนี้ ฮือ ต๊อแต๊ ไปล่ะค่ะ รวั๊ก♥ /หอมหัวทุกคน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×