e-receipt e-receipt
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วาสนารักฮูหยินแม่ทัพตัวร้าย

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 7 กลับบ้านเดิม

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ค. 66


     

    ตอนที่ 7

    กลับบ้านเดิม

     

     

    “อาจือ อีกสองวันท่านแม่ทัพต้องกลับเมืองว่านอัน ข้าเองก็ต้องเดินทางไปพร้อมกับเขาด้วย เรื่องสินเดิมและข้าวของที่นำมาเจ้ายังไม่ต้องนำออกมาจัดแจงให้เก็บเอาไว้ในหีบเช่นเดิมก่อนเอาไว้ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วข้าค่อยถามเขา” นางเอ่ยกับสาวใช้ส่วนตัวของนางที่ตามมาจากจวนสกุลลู่ 

    อาจือนั้นเป็นหญิงสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง ตั้งแต่ที่นางกลับมาที่สกุลลู่ก็มีอาจือนี่แหละที่คอยตามรับใช้อยู่ข้างๆ มาตลอด

    “เจ้าค่ะคุณหนู”

    “พรุ่งนี้ข้ากับท่านแม่ทัพจะกลับไปเยี่ยมเยียนที่สกุลลู่เจ้าติดตามข้าไปด้วยกันก็แล้วกัน มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องถามเจ้า”

    “เรื่อนอันใดหรือเจ้าคะ”

    “เมืองว่านอันนั้นอยู่ไกลจากเมืองหลวงนัก หากเจ้าไม่อยาก ติดตามไปด้วยกันกับข้าก็สามารถกลับไปอยู่ที่จวนสกุลลู่ดังเดิมได้”

    “บ่าวยินดีตามไปรับใช้คุณหนูเจ้าค่ะ คุณหนูพาข้าไปเมืองว่าน อันด้วยนะเจ้าคะ” อาจือตอบกลับผู้เป็นคุณหนูของนางในทันที

    “เช่นนั้นพรุ่งนี้กลับจวนสกุลลู่ไปแล้วเจ้าก็จงบอกลาสหายของ เจ้าให้เรียบร้อยก็แล้วกัน เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไปจากที่เมืองหลวงนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีกครั้ง”

    สามีของนางกลับมาถึงจวนก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี นางและ เขาไปร่วมรับประทานอาหารพร้อมกับท่านพ่อและท่านแม่สามี เหมือนกับตอนเช้า

    พวกเขาพูดคุยกันเรื่องที่นางจะกลับไปเยี่ยมบ้านและเรื่องที่นาง และท่านแม่ทัพจะไปต้องเดินทางไปจากเมืองหลวงในอีกไม่กี่วัน

    ท่านพ่อและท่านแม่สามียังคงเอ็นดูนางอย่างมาก ท่านแม่สามีถึงขั้นเอ่ยปากว่ายังไม่อยากห่างจากนางเลย เพิ่งจะได้นางมาเป็นลูกสาวอีกคนก็ต้องอยู่ห่างกันเสียแล้ว อีกอย่างก็เสียดายอีกครึ่งเดินบุตรสาวคนเล็กหรือก็คือน้องสาวของสามีนางจะกลับมาจากไปเยี่ยมญาติที่บ้านเดิม

    “น่าเสียดายเจ้าน่าจะได้พบหนิงอันนางเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเฟยอวี้”

    “หากท่านแม่อยากให้เข่อชิงอยู่กับท่านอีกสักพักก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ข้าเร่งกลับไปที่เมืองว่านอันก่อน นางค่อยตามไปที่หลังก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น

    “ท่านแม่ ข้าอยู่เป็นเพื่อนท่านรอเจอน้องสามีอีกสักเดือนสองเดือนดีหรือไม่” นางเองก็เห็นด้วย ในเมื่อหนิงเฟยอวี้เอ่ยออกมาเองว่าให้นางตามไปที่หลังเขาได้ อีกอย่างนางจะได้ใช้เวลาอยู่ใกล้กับท่านสกุลลู่อีกสักพัก

    “ไม่เป็นไร ลูกสะใภ้เจ้าไปพร้อมกับเฟยอวี้น่ะดีแล้ว พวกเจ้าสามีภรรยาเพิ่งแต่งกันไม่กี่วันก็ต้องแยกกันอยู่ไกลกันจะดีได้อย่างไร” ท่านแม่สามีของนางรีบเอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว 

    เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าท่านแม่สามีเสียใจที่นางจะต้องจากไป แต่ตอนนี้ท่าทีของเสียใจนั่นกลับหายไปไม่เหลือแม้สักน้อยนิด

    จบมื้ออาหาร ท่านแม่สามีให้นางกลับเรือนไปก่อน นางเองก็ทำตามแต่โดยดี เมื่อกลับถึงห้องก็ได้อาจือช่วยยกน้ำมาให้ล้างเนื้อล้างตัวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อเสร็จเรียบร้อยนางก็คว้าตำราเล่มหนึ่งที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาระหว่างรอผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางกลับมา

    หนิงเฟยอวี้นั้นส่งสัญญาณไม่ให้สาวใช้ปลุกฮูหยินตัวน้อยของ เขาที่กำลังหลับอยู่ที่เก้าอี้ตัวยาวอีกทั้งในมือยังถือหนังสือเล่มหนึ่งเอาไว้ 

    เขาเอ่ยสั่งเสียงเบาให้สาวใช้ออกไปก่อนจะลงผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และล้างเนื้อล้างตัวด้วยตัวเอง เดิมทีเขาอยู่ที่ค่ายทหารก็ไม่มีคนคอยปรน นิบัตรอยู่แล้วจึงไม่คอยชินที่จะต้องให้คนมาคอยอยู่รับใช้

    เจ้าของรูปร่างสูงใหญ่มีเพียงชุดตัวในเท่านั้นติดกาย ปกติแล้ว ชายหนุ่มชินที่จะไม่สวมเสื้อนอนเสียด้วยซ้ำ แต่กลัวว่าหากภรรยาตัวน้อย ของเขาตื่นขึ้นมาเห็นแล้วนางอาจจะยังทำตัวไม่คอยถูกจึงได้เลือกที่จะไม่ทำให้นางตกใจดีกว่า

    เพราะถ้าหากทำให้นางตกใจกลัวเกรงว่าในอนาคตจะไม่ใช่เรื่อง ง่ายที่จะทำให้นางเคยชินกับเรือนกายของเขา ก็แต่งภรรยาอายุยังน้อยนางยังใสซื่อไม่คอยรู้เรื่องเช่นนั้นนัก เขาในฐานะสามีก็ไม่ควรเร่งรัดนาง นัก ถึงจะตั้งใจไม่เร่งรัดนางแต่ก็ห้ามไม่ให้คอยแกล้งนางได้ยากจริงๆ  

    หนังสือเล่มบางในมือนางถูกเขาค่อยๆ หยิบออกมาจนได้  หน้าปกที่เขียนว่ายอดตำราอันดับกระบี่ ทำเอาเขาอดจะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูไม่ได้จริง ๆ 

    ฮูหยินตัวน้อยของเขาหลงใหลในเรื่องกระบี่จริงๆ แต่ถึงนางจะชอบกระบี่มากก็ยังยอมงดฝึกกระบี่ตามที่เขาต้องการ (เพราะกลัวว่าท่านแม่ของเขาจะตกใจจนเป็นลมไปถ้าเห็นนางจับกระบี่แท้ที่จะเป็นเข็มปักผ้า)

    “อือ” 

    ยามที่เขาช้อนตัวนางขึ้นมาเพื่ออุ้มไปที่เตียงใหญ่นั้น ร่างเล็กก็ รู้สึกตัวตื่นอย่างงัวเงีย ดวงตางามมองขึ้นมาที่ใบหน้าของเขาอย่างพิจารณา หลังจากเห็นว่าเป็นเขาแล้วจึงหลับตาลงไปอีกครั้ง

    “มาแล้วหรือ”

    “ใช่เจ้านอนเถอะ” ชายหนุ่มกล่าว วงแขนของเขาประคองอุ้มนางเอาไว้อย่างดีส่งนางถึงเตียงใหญ่อย่างนุ่มนวลปลอดภัย

    หลังจากวางนางลงบนเตียง ร่างเล็กที่เมื่อครู่หลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของเขาก็กลิ้งตัวเอาไปนอนด้านในสุดของเตียงในทันที อีกทั้งร่างเล็กยังเกี่ยวผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองได้อย่างคล่องแคล่ว

    เขาเองก็ก้าวขึ้นเตียงตามนางไป เอนตัวลงนอนอยู่ฝั่งด้านนอกของเตียง หลับตาลงไม่นานก็เหมือนว่าใกล้จะเข้าสู่ห้วงนิทราเต็มที บรรยากาศเงียบสงบภายในจวนทำเอาเขาไม่รู้สึกระแวงหรือต้องคอยระมัดระวังเหมือนอยู่ที่ค่ายทหาร

    ครั้งเมื่อใกล้จะเข้าสู่ห้วงนิทราเต็มทีกลับมีร่างเล็กกลิ้งเข้ามาซุกตัวเข้ากับอกเขาเช่นเดียวกันกับเมื่อคืน

    “เกือบจะลืมแนบชิดกับท่านแล้ว”

    ชายหนุ่มที่กำลังจะหลับถึงกลับตาสว่างในทันที ส่วนนางที่จู่ๆ ก็ซุกตัวเข้ามานั้นกลับหลับไปได้อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ทิ้งความอดกลั้นอย่างหนึ่งเอาไว้ให้ผู้เป็นสามีได้ฝึกฝนตนเองไปกว่าเกือบค่อนชั่วยามถึงได้ ข่มตาหลับลงได้ 

     

    ลู่เข่อชิงไม่คิดว่าเมื่อนางกลับมาที่สกุลลู่ท่านแม่และพี่สาวจะไม่ อยู่ มีเพียงท่านพ่อเท่านั้นที่อยู่ที่จวนในเวลานี้ 

    “ท่านย่าเจ้าล้มป่วยกะทันหัน แม่เจ้ากับพี่สาวเจ้าล่วงหน้าไปที่ บ้านเดิมก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวาน” 

    “เหตุใดไม่มีคนไปแจ้งข่าวให้ข้าทราบเลยเจ้าคะ”

    “เจ้าเพิ่งแต่งออกไป งานมงคลก็เพิ่งผ่านไปไม่ถึงสองวันด้วยซ้ำ แม่เจ้าไม่อยากให้เจ้ามีเรื่องให้ต้องกังวล”

    “ท่านพ่อยิ่งพวกท่านปิดบังข้ายิ่งกังวลนะเจ้าคะ ท่านย่าไม่ได้เจ็บป่วยอันใดมากใช่หรือไม่” หญิงสาวเอ่ยถาม

    “เห็นว่าแค่เจ็บป่วยธรรมดาเท่านั้น ลุงเจ้าส่งจดหมายมาเช่นนั้น ท่านย่าเจ้าเองก็ชรามากแล้วถูกลมเย็นเล็กน้อยก็ล้มป่วยได้ง่ายเป็นเรื่องปกติ”

     “ท่านพ่อสายตาท่านหลอกข้าไม่ได้หรอกนะเจ้าค่ะ อีกอย่างหากไม่มีเรื่องอะไรหนักหนาท่านแม่จะรีบร้อนไปได้อย่างไร” นางกล่าวขึ้น 

    “พ่อจะไปหลอกอะไรเจ้า ย่าเจ้าป่วย ท่านแม่ข้าป่วยจะไม่ห่วงนางได้อย่างไร นี่ข้าก็เพิ่งจัดการเรื่องขอลาพักเรียบร้อยจะไปเยี่ยมนางที่บ้านเดิม ไม่ได้เจอนางนานแล้วก็คิดถึงอยู่มากทีเดียว จึงว่าจะถือโอกาสนี้ไปรับท่านย่าเจ้ากลับมาอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกันอีกครั้ง”

    “ท่านพ่อพูดเรื่องจริงใช่หรือไม่”

    “ข้าย่อมต้องเอ่ยเรื่องจริง อีกอย่างไม่ใช่เจ้าไม่รู้นิสัยมารดาของเจ้านางน่ะคิดมากขนาดไหน กตัญญูขนาดไหน นางเร่งเดินทางไปก็เป็นเรื่องปกติ”

    “แม่ทัพหนิง เจ้าอุตส่าห์มาเยี่ยมเยี่ยนต้องขออภัยด้วยที่สกุลลู่ต้อนรับได้ไม่ดี” 

    “ท่านพ่อตาอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลยขอรับ ของที่ข้านำมามอบให้ในวันนี้มีโสมชั้นดีติดมาด้วย ประจวบเหมาะพอดีท่านพ่อตาจะได้นำไปให้ท่านย่าภรรยาได้บำรุงร่างกาย”

    “นำใจของลูกเขย ข้าขอรับเอาไว้ด้วยความยินดี”

    “เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ ท่านพอตาอย่าได้เกรงใจเลยขอรับ”

    “ท่านพ่อ แล้วนี่ท่านจะออกเดินทางเมื่อไหร่หรือเจ้าคะ”

    “พรุ่งนี้เช้า พวกเจ้าเองก็ด้วยใช่หรือไม่”

    “เจ้าค่ะ” นางเอ่ยตอบบิดาต่อ

    “เช่นนั้นก็ขอให้พวกเจ้าเดินทางปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องย่าเจ้าหรอกนะ”

    พวกนางอยู่ที่จวนสกุลลู่เป็นเพื่อนท่านพ่อของนางจนกระทั่งบ่ายคล้อยจึงจำต้องขอตัวกลับ

    ตลอดทางที่นั่งรถม้ากลับไปยังจวนสกุลหนิงนั้น ลู่เข่อชิงยังไม่อาจปล่อยวางความเป็นห่วงและกังวลในใจได้

    “ท่านพ่อตาก็บอกแล้วว่าไม่ได้มีเรื่องใหญ่อันใด เจ้ายังไม่วางใจอีกหรือ” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามภรรยาตน

    “ข้าไม่อาจวางใจได้จริงๆ ห้าปีได้แล้วกระมังที่ข้าไม่ได้เจอท่านย่าเลย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนตอนข้าเล็กๆ ก็มีท่านย่าคอยให้ความเอ็นดูอยู่มาก รู้หรือไม่ในบรรดาหลายสามคนท่านย่าเอ็นดูข้าที่สุดเลย” ทั้งๆที่เป็นเช่นนั้นแต่นางกลับไม่เคยได้อยู่คอยดูแลท่านเลย

    “เจ้าเป็นห่วงและก็คิดถึงท่านย่าจึงไม่อาจปล่อยวางได้ใช่หรือไม่” เขาเอ่ยถามขึ้น

    “เช่นนั้นเจ้าก็ไปพบนางสักครั้งเถอะ บิดาเจ้าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ใช่ไม่ใช่หรือ”

    “สามี…ท่านหมายความว่า”

    “เจ้าไปเยี่ยมท่านย่าก่อนแล้วค่อยไปหาข้าที่เมืองว่านอันก็แล้วกัน”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×