ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วาสนารักฮูหยินแม่ทัพตัวร้าย

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 6 ฮูหยินน้อยคนใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 66


     

    ตอนที่ 6

    ฮูหยินน้อยคนใหม่

     

     

    ลู่เข่อชิงไล่ดับตะเกียงภายในห้อง เหลือเพียงตะเกียงมงคลที่วางอยู่ที่โต๊ะกลางห้องเท่านั้นที่ไม่ได้ดับ เรียบร้อยแล้วจึงเลิกม่านกั้นเตียงขึ้นถอดรองเท้าก้าวขึ้นเตียงนอนไป พื้นที่ด้านในถูกผู้เป็นสามียึดครองเอาไว้แล้ว นางจึงต้องนอนลงที่ฝั่งด้านนอกโดยปริยาย

    “ไหนเมื่อครู่เจ้าเอ่ยออกมาพร้อมท่าทางมั่นอกมั่นใจถึงเพียงนั้น เหตุใดพอขึ้นเตียงมาแล้วกับนอนนิ่งเช่นนี้ล่ะ” หนิงเฟยอวี้เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้า เขาหันมานอนตะแคงจ้องมองไปทางนางอย่างนึกสนุก

    ร่างเล็กของหญิงสาวเปลี่ยนจากนอนตัวตรงเป็นหันตะแคงไป ทางบุรุษที่อยู่ด้านใน พวกเขาในตอนนี้จึงตะแคงหันหน้าเข้าหากันเป็นที่ เรียบร้อย

    อีกทั้งยามนี้ฮูหยินตัวน้อยของเขายังทอดสายตามายังเขาอย่าง แสนซื่อ

    “จริงๆ แล้วข้านั้นรู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นัก นอกจากท่าน พ่อ พี่ชาย และอาจารย์ ข้าก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับบุรุษใดอีก พวกเราเองก็เพิ่ง เคยเจอกันแม้ท่านแม่จะบอกข้าแล้วว่าสามีภรรยาใกล้ชิดแนบชิดกันไม่ใช่ เรื่องผิด และถึงแม้ข้าจะใจกล้าเพียงใดแต่ไม่คุ้นชินก็เหมือนกับว่าจะทำ สิ่งใดไม่ค่อยสะดวกใจนัก”

    “ที่เจ้ากล่าวมามิใช่ข้าไม่สามารถเข้าใจได้”

    นางเป็นเพียงสตรีตัวน้อยผู้หนึ่งเท่านั้น ความรู้สึกและสิ่งที่นาง เป็นอยู่ในตอนนี้ก็คือเรื่องปกติสำหรับหญิงสาวที่เพิ่งออกเรือน

    “พวกเราเพิ่งเจอกันเมื่อครู่ครั้งแรกที่เพิ่งพบหน้ากันก็ผ่านมา ไม่กี่ชั่วยาม เจ้าบอกไม่สะดวกใจ เจ้าเป็นสตรีจะให้แสดงท่าทีมากเกินไปก็คงจะเกินงามไปมากข้าเข้าใจได้ หากเจ้ายอมรับมาตามตรงว่าที่เจ้าได้ กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านั้นแค่พลั้งปากไปเท่านั้นสถานะลูกศิษย์และภรรยาเจ้าทำพร้อมกันไม่ได้ ข้าก็จะลืมคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจนั้นของเจ้าซะ” ชายหนุ่มเอ่ยออกยียวน แม้จะเข้าใจนางดีแต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดแกล้งนาง

    “ไม่ใช่ข้าทำสองสถานะไม่ได้ เพียงแค่ของเวลาหน่อย สักสองวันสามวันสี่วันเท่านั้น เอาไว้พวกเราคุ้นเคยกันมากกว่านี้หน่อย”

    “พวกเราแต่งงานกันแล้ว ข้ากับเจ้ามีเวลาอยู่ด้วยกันอีกทั้งชีวิต ข้าสามารถให้เวลาเจ้าได้ เป็นวันเป็นเดือนหรือเป็นปีล้วนได้ทั้งหมด ในฐานะฮูหยินของข้า แต่หลังจากนี้เจ้าจะมีเพียงฐานะฮูหยินเพียงฐานะเดียว อย่าได้คิดจะมาขอประลองฝีมือและขอคำชี้แนะจากข้าอีกตกลงหรือไม่”

    “จะตกลงได้อย่างไร ไม่ได้เด็ดขาด ทั้งฐานะฮูหยินและฐานะลูกศิษย์ข้าจะเอาทั้งหมด!!!” นางเอ่ยเสียงดังลั่น หากเมื่อครู่เขาให้นางเลือกหนึ่งฐานะเอาไว้นางต้องเลือกฐานะลูกศิษย์อยู่แล้ว แต่ก็รู้ว่าหากเอ่ยออกไปตามอย่างใจคิดจะต้องไม่เข้าหูเขาแน่นอน

    “ต้องการทั้งหมดแต่กับไร้ซึ้งความพยายาม”

    “ผู้ใดไร้ความพยายามกัน ข้าน่ะมีความพยายามเต็มเปี่ยม!!!” พูดจบก็ไม่รอช้ากลิ้งตัวเข้าไปซุกอยู่กับอกแกร่งของเขาในทันที สองมือก็สอบโอบเอวสอบของเขาเอาไว้แน่นทั้งสองแขน

    ดูเหมือนว่าการกระทำนี้ของนางจะทำในบรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มที่จู่ๆ ก็ถูกหญิงสาวซุกตัวเข้ามากอดโดยไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นก็ถึงกับตกใจไปเล็กน้อย

    “นี่เจ้ากำลังทำสิ่งใด” เจ้าของน้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามฮูหยินตัวน้อยที่ซุกตัวนิ่งอยู่ในอ้อมอกเขาโดยไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อีก

    “แนบชิดกับท่าน” เสียงที่นางตอบกลับมาอู้อี้เล็กน้อยเพราะในขณะที่เอ่ยตอบริมฝีปากและจมูกของนางก็สัมผัสกับบริเวณแผงอกของเจ้าของร่างกายที่นางซุกตัวกอดอยู่ไม่ปล่อย

    เมื่อได้ยินคำตอบของนางหนิงเฟยอวี้ถึงกับหลุดขำออกมา โชคดี ที่เขากั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ทัน ร่างเล็กในอ้อมกอดจึงไม่อาจได้ยินเสียง หัวเราะของเขาได้

    หนิงเฟยอวี้รู้ซึ้งในตอนนี้เองว่าที่นางบอกว่ารู้แล้วเข้าใจเรื่องของ การเข้าหอเป็นอย่างดีนั้นล้วนเป็นการเข้าใจผิด เข้าใจไปคนละเรื่อง

    ไม่บ่อยนักที่หนิงเฟยอวี้จะได้หัวเราะออกมาสักครั้งอย่างสบาย ใจ ด้วยเพราะตำแหน่งหน้าที่ของเขานั้นอยู่ท่ามกลางความจริงจังและความเป็นความตาย หากเขาไม่หนักแน่นทุ่มเทเป็นแบบอย่างก็จะไม่อาจ ควบคุมเหล่าทหารได้ ทุกวันจึงใช้ชีวิตอย่างจดจ่อจึงจังเสมอ

    มีเพียงวันนี้ วันมงคลของเขากับนาง ชุดเกาะที่มักต้องสวมใส่อยู่เสมอจึงได้ถอดออกเปลี่ยนเป็นชุดแดงมงคลแทน ถอดเกาะออกก็เหมือนเป็นการวางบางสิ่งที่เขาถืออยู่ลงชั่วขณะ ส่วนการสวมชุดมงคลกับนางในวันนี้เหมือนกับการเริ่มต้นของบ้างสิ่งเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่การสร้างครอบครัว หรือบางสิ่งที่จะเป็นของเขาตลอดไปนับจากนี้

    เพียงแค่ได้พบกับหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าเป็นฮูหยินของเขาเป็นวันแรก นางยังทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้ถึงเพียงนี้ ต่อจากนี้ไปคงมีเรื่องที่เขาคาดไม่ถึงอีกมากเกิดขึ้นตามมา แต่นั้นกลับทำให้เขาตั้งตารอดูความสนุกที่จะเกิดขึ้นมากกว่าที่จะด่วนกังวลถึง

    การใช้ชีวิตกับภรรยาตัวน้อยที่ยังแสนใสซื่อนัก จะมีสิ่งใดเกิดขึ้น บ้างเขาเองก็ชักอยากจะรู้เสียแล้ว 

    "ดึกแล้ว เจ้าเหนื่อยมาทั้งวัน คืนนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนก็แล้ว กันนอนเถอะ" ชายหนุ่มกล่าวชิดเรือนผมงาม 

    "อือ" นางขานรับในลำคอเบาๆ เท่านั้น สองมือก็ยังโอบกอดเขา เอาไว้เช่นเดิมไม่เปลี่ยนเพียงแต่ไม่ได้รัดแน่นเช่นก่อนหน้านี้ 

    ไม่นานร่างเล็กก็หลับเข้าหวงนิททาไป เพราะความอ่อนล้าเหน็ดเหนื่อยตลอดวัน การเป็นเจ้าสาวนั้นขั้นตอนเตรียมตัวไม่ง่ายเลยอีกทั้งก่อนหน้านี้นางยังประมือกับเขาไปอีกยกหนึ่ง ดังนั้นไม่แปลกเลยที่จะล่วงเข้าสู่ห้วงนิททาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

    เคยได้ยินมาว่าคืนเข้าหอมีค่าดุจทองพันชั่ง สิ่งมีค่าที่สุดภายในห้องหอนั้นย่อมต้องเป็นภรรยาแสนงามสักผู้หนึ่งไม่ผิดแน่

    เขาเองยามนี้ก็มีภรรยาตัวน้อยแสนซื่อและงดงามเป็นสิ่งมีค่าไม่ต่างกัน

     

    เช้าวันแรกหลังคืนเข้าหอเสร็จสิ้นโดยธรรมเนียมแล้วคู่สามี ภรรยาคนใหม่จะต้องพากันเข้ามายกน้ำชาคารวะท่านพ่อท่านแม่สามี และผู้ใหญ่ในครอบครัวสามี

    พ่อสามีและแม่สามีของนางรับน้ำชาคารวะของนางด้วยรอยยิ้ม พวกท่านทั้งคู่ดูจะเอ็นดูนางอยู่มาก หลังจากท่านทั้งสองจิบชาพอเป็นพิธี ก็มอบของขวัญมาให้นางคนละอย่าง

    ท่านแม่สามีให้กำไลหยกแกะสลักเนื้อดี ส่วนท่านพ่อสามีให้ต่างหูหยกแกะสลัก ของขวัญทั้งสองสิ่งนี้ดูก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกทำมาเป็นชุด 

    ลู่เข่อชิงเองก็ไม่ได้เป็นผู้รับของขวัญแต่เพียงอย่างเดียว นางนำผ้าเช็ดหน้าที่ปักด้วยตัวเองมอบให้พวกท่านคนละผืน

    ความจริงแล้วของขวัญตอบแทนควรจะเป็นสิ่งที่นางลงมือทำด้วยตัวเอง จำพวกรองเท้า หรือไม่ก็ผ้าม่านหรืออะไรสักอย่างที่บ่งบอกได้ถึงความเพียบพร้อมของเจ้าสาว นางนั้นแต่เดิมก็ไม่ได้มีฝีมือด้านนี้มากนัก หากทำรองเท้ามาให้พวกท่านจริงเกรงว่าผู้ที่ได้รับของขวัญไปจากรอยยิ้มรับจะกลายเป็นหุบยิ้มแทบไม่ทันแทน

    “เข่อชิงหากเฟยอวี้ไม่ดีต่อเจ้ารังแกเจ้าก็ให้รีบบอกแม่รู้ไหม แม่จะอยู่ข้างเจ้า” ท่านแม่สามีเอ่ยกับนาง

    “ท่านแม่ ลูกสะใภ้ท่านเพิ่งเข้าจวนได้วันเดียวก็เข้าข้างนางแล้วหรือ แล้วหากเป็นนางที่เป็นฝ่ายรังแกข้าแทนเล่าท่านแม่จะทำอย่างไร” เฟยอวี้ที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นบ้าง

    “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร บุรุษตัวใหญ่เช่นเจ้าหรือจะเป็นฝ่ายถูกสตรีตัวเล็กๆ เช่นลูกสะใภ้รังแกได้” หนิงฮูหยินกล่าว

    เห็นนางตัวบางร่างอรชรเช่นนี้ไม่รู้บนตัวมีอาวุธใดแอบซ่อนเอาไว้บ้าง แค่ใบหน้ารั้นๆ น่าเอ็ดดูนั่นก็ถือว่าเป็นอาวุธได้แล้วกระมัง ฮูหยินตัวน้อยของเขาดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี น้ำเสียงคำพูดหรือแม้แต่การวางตัวต่างกับเวลาอยู่กับเขามาก ราวกับว่านางคือสตรีผู้เรียบร้อยอ่อนหวานจริงๆ 

    เช้าวันนี้นางตั้งใจจะฝึกกระบี่ตอนเช้าเสียด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่ห้ามเอาไว้เสียก่อน ท่านแม่ของเขาคงได้แตกตื่นหากมาเห็นลูกสะใภ้ที่นางว่าเป็นสตรีที่เรียบร้อนอ่อนหวานถือกระบี่ร่ายวรยุทธแทนที่จะจับหนังสือหรือเข็มปักผ้า

    “เรื่องนั้นก็ไม่แน่นะขอรับ” เขาเอ่ยพลางมองฮูหยินน้อยของตนที่นั่งอยู่ด้านข้าง

    “จะอย่างไรก็แล้วแต่ ข้าก็ขอบอกเอาไว้เลยว่าข้าอยู่ข้าง ลูกสะใภ้”

    “ท่านแม่กำลังลำเอียงหรือขอรับ ท่านพ่อท่านแม่นางกำลัง ลำเอียงกับบุตรแท้ๆ อย่างข้า” ชายหนุ่มหันไปหาพวกพ้อง หวังว่าจะได้บิดามาอยู่ฝ่ายตน

    “แม่เจ้าว่าอย่างไร ข้าก็เอาตามที่แม่เจ้าว่า” 

    “สามีข้าก็ต้องอยู่ข้างข้าอยู่แล้ว” ผู้เป็นมารดาเอ่ยอย่างเหนือกว่า

    หลังจากร่วมรับประทานมื้อเช้ากับพวกท่านแม่สามีเสร็จแล้ว ลู่เข่อชิงกับผู้เป็นสามีจึงขอตัวกลับเรือนหอ

    ระยะทางจากเรือนใหญ่ไปที่เรือนหลักฝั่งตะวันออกของจวนซึ่งใช้เป็นเรือนหอของนาง ต้องผ่านสวนขนาดใหญ่ ใช้เวลาพอสมควรจึงจะถึงเรือน บุรุษข้างกายนางจึงชวนให้เดินเล่นที่สวนนี้เลย ระหว่างที่เดินจะถือโอกาสพูดคุยกันด้วย

    “เจ้าคงพอรู้อยู่แล้วว่าปกติข้าเป็นแม่ทัพรักษาเมืองอยู่ที่ชายแดนเป็นหลักนานๆ จึงจะกลับเมืองหลวงสักครั้ง”

    “ข้าพอจะรู้อยู่เจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ท่านแม่ของข้าเคยบอกเอาไว้บ้างแล้ว”

    “อย่างนั้นเจ้าคงจะรู้ว่าจะต้องตามกลับไปด้วยพร้อมกันกับข้า”

    “ต้องกลับไปเมื่อไหร่หรือเจ้าคะ” นางเพิ่งจะกลับมาเมืองหลวงไม่เท่าไหร่ ยังไม่ทันหายคิดถึงบ้านก็ต้องจากไปอีกแล้วหรือนี่

    “อีกสองวัน”

    “ข้าอยากกลับไปหาท่านแม่สักครั้งก่อนไป”

    “พรุ่งนี้ข้าพาเจ้ากลับจวนสกุลลู่เยี่ยมบ้านเดิมถือโอกาสบอกลาพวกท่านด้วยพร้อมกัน”

    สนทนากันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็เดินมาใกล้ถึงเรือนหอพอดี ชายหนุ่มนั้นยังต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทหลังจากผลัดเปลี่ยนชุดเสร็จก็ออกไป 

    ก่อนที่จะออกไปยังไม่ลืมหันมากำชับไม่ให้นางฝึกซ้อมวรยุทธหรือฝึกกระบี่ใดๆ เพราะเกรงว่าจะมีคนนำเรื่องนี้ไปบอกท่านแม่สามีของนาง เมื่อครู่ตอนที่ได้พบกันท่านแม่สามีก็พอจะรู้ว่าท่านมีความเมตตาต่อนางมาก และเหมือนจะเข้าใจผิดคิดว่านางเป็นพวกเรียบร้อยสมเป็นคุณหนูในห้องหอ นางเพิ่งแต่งเข้ามาอย่าเพิ่งทำสิ่งใดให้ท่านแม่สามีเสียใจเลยจะดีกว่า เรื่องนี้นางจึงรับปากผู้เป็นสามีไป 

    ไม่ได้ฝึกวรยุทธ์เพียงไม่กี่วันไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใด ประเดี๋ยวไปที่เมืองว่านอันก็จะทำสิ่งใดได้สะดวกขึ้นแล้ว เวลานี้อย่างไรก็ควรยึดเอาความชอบและการเอาใจท่านพ่อท่านแม่สามีเอาไว้เป็นหลักจะดีกว่า

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×