คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 เจ้าสาวขึ้นเกี้ยว
ตอนที่ 4
เจ้าสาวขึ้นเกี้ยว
ด้วยเป็นเพราะมีเวลากระชั้นชิดชุดเจ้าสาวที่แต่เดิมเตรียมเอาไว้สำหรับคุณหนูใหญ่สกุลลู่กับเป็นคุณหนูสามที่ได้สวมใส่เข้าพิธีแทน
ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ต้องปักลายมงคลก็เพิ่งจะแล้วเสร็จไปเมื่อวาน โชคดีที่แม้ลู่เข่อชิงนั้นจะสนใจด้านวรยุทธ์มากเป็นพิเศษ แต่ด้านเย็บปักถักร้อยก็พอที่จะใช่ได้อยู่ ไม่ถึงขั้นประณีตวิจิตรแต่ก็ไม่ได้ดูไร้ฝีมือ แค่ลงมือปักลายมงคลเล็กๆ น้อยๆ ลงบนผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวจึงไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวของเล็กของท่านแม่ผู้มีชื่อเสียงด้านเพียบพร้อมอ่อนหวานอย่างไรก็ย่อมต้องมีฝีมือติดตัวเอาไว้อยู่แล้ว แม้จะไม่ได้ทำให้ท่านสามารถภาคภูมิใจได้มากอย่างพี่สาวแต่ก็ไม่ทำให้นางผิดหวังเลยจะดีกว่า
ลู่เข่อชิงจ้องมองเงาสะท้อนตนเองในกระจกทองเหลืองเบื้องหน้าอยู่ครู่หนึ่งหลังจากที่สวมใส่ชุดเจ้าสาว จัดแจงทรงผมประดับมงกุฎเจ้าสาวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ในกระจกนั้นเป็นเงาสะท้อนของนางที่เหมือนกับไม่ใช่นาง
หญิงสาวผู้นี้ดูสวยงามเรียบร้อยไม่ต่างจากท่านแม่และพี่สาวที่ ยืนอยู่ข้างๆ นาง ไม่ใช่หญิงสาวที่มักจะเกล้าผมรวบขึ้นอย่างง่ายๆ เสื้อผ้า ก็สวมแต่สีเรียบ ๆ แบบเรียบๆ ใบหน้าก็มักจะไร้การแต่งแต้มใดๆ อยู่ เสมออีกทั้งดูกระโดกกระเดกเป็นอย่างยิ่งผู้นั้น
“ท่านแม่ชอบหรือไม่เจ้าค่ะ”
“เหตุใดจึงเอ่ยถามเช่นนี้” ท่านแม่นางเอ่ยถามกลับ
“ดูเหมือนว่าข้าในวันนี้จึงดูเหมาะกับการเป็นลูกของท่านแม่ และน้องสาวของท่านพี่ที่สุด”
“ปกติเจ้าก็เป็นลูกของแม่เป็นน้องของพี่เจ้าอยู่แล้วมิใช่หรือ เจ้าเป็นบุตรสาวของข้าจะเป็นเช่นไรข้าล้วนชมชอบทั้งสิ้น”
“จริงหรือเจ้าค่ะ”
“ลูกแม่ เจ้าไม่ชอบสิ่งใดแม่เคยบังคับเจ้าให้ชมชอบเช่นเดียวกับแม่หรือไม่เล่า” นางย้อนถามบุตรสาวคนเล็กของตน “คงเป็นเพราะเจ้ากำลังรู้สึกตื่นเต้นในหัวจึงคิดฟุ้งซ่านไปหมดเช่นนี้ พอขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวไป แล้วก็จะหัวสมองว่างเปล่าไปเลยหล่ะรู้หรือไม่”
หัวสมองว่างเปล่าหรือ แปลว่าอย่างไร นั่งเกี้ยวที่คนห่ามจะ เวียนหัวเป็นอย่างมากเช่นนั้นหรือ
“ท่านแม่จวนสกุลหนิงไกลหรือไม่ ระหว่างท่านข้าอาจเผลอ หลับไปก็เป็นได้” หญิงสาวเอ่ยกับมารดา
“จะมีแม่สือคอยประกบอยู่ใกล้กับเจ้าตลอดทาง เจ้าไม่ต้องกลัวจะมีสิ่งใดผิดพลาดหรอกเข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว” ลู่เข่อชิงเอ่ยตอบ
“ท่านแม่ถึงฤกษ์รับตัวเจ้าสาวแล้วเจ้าค่ะ ขบวนรับเจ้าสาวเองก็มารอท่าอยู่ที่หน้าจวนสักพักแล้ว” ลู่ชิงอี้เอ่ยบอกท่านแม่ของนาง และผู้เป็นน้องสาว
“เช่นนั้นก็นำผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวมาเลย”
ชิงอี้เป็นผู้ส่งผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวให้ท่านแม่นางด้วยตัวเอง ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวถูกคลุมเรียบร้อยแล้ว เจ้าสาวจากสกุลลู่พร้อมสำหรับก้าวขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว
ประตูเรือนถูกเปิดออกกว้างในเวลาต่อมา ก่อที่เจ้าสาวจะก้าวออกมาจากห้องไปยังหน้าประตูจวนโดยมีขบวนถือของมงคลนำหน้า
เมื่อมาถึงประตูจวนเจ้าสาวก็ถูกแม่สือประคองขึ้นเกี้ยวไปในทันที มีเพียงเสี่ยววินาทีเล็กๆ เท่านั้นที่เมื่อกี้นางเดินผ่านบุรุษผู้หนึ่งซึ่งสวมใส่ชุดมงคลเช่นเดียวกันกับนาง
หญิงสาวไม่ทันได้มองสำรวจผู้เป็นเจ้าบ่าวของนางได้อย่างถี่ถ้วนนัก เห็นเพียงผ่านตาเท่านั้น แต่ก็พอจะได้รู้ว่ารูปร่างของเจ้าบ่าวนั้นค่อนข้างจะบึกบึนดูแข็งแรงกว่าบุรุษทั่วไปอยู่มาก ยามยืนอยู่ดูองค์อาจภูมิฐานยิ่ง
สวนเรื่องใบหน้านั้นนางกลับไม่ทันจะได้เห็นชัดนัก เพราะความสูงของนางดูแล้วจะแห่งกับเขาพอสมควร บวกกับความหลักของมงกุฎหงษ์ที่นางสวมอยู่จึงไม่สะดวกจะเงยหน้ามองนัก
จะหล่อเหลาหรือไม่นางไม่ได้คิดว่าสลักสำคัญเท่าใดนัก สนใจว่าคนผู้นี้วรยุทธ์และเก่งกล้าเป็นแม่ทัพผู้เก่งกาจเช่นที่ได้ยินเสียงลือมาหรือไม่มากกว่า
ขบวนรับตัวเจ้าสาวออกเดินทางแล้ว มีเจ้าบ่าวขี้ม้านำขบวนอย่างยิ่งใหญ่ เสียงดนตรีดังสนั่นตลอดเส้นทาง มีผู้คนมุงดูอยู่ไม่ใช่น้อย แม่สือเองที่ติดตามอยู่ข้างหน้าต่างเกี้ยวของนางตลอดเวลาก็คอย ส่งเสียงพูดคุยกับนางอยู่เป็นระยะๆ
“คุณหนูท่านอย่างได้ตื่นเต้นมากจนเกินไป หายใจเข้าลึกๆ ทำใจเย็นๆ เข้าไว้พิธีจะต้องเสร็จเรียบร้อยอย่างดีแน่”
ในตอนที่เจ้าสาวก้าวออกมาจากเกี้ยวนั้น เป็นช่วงเวลาที่รอบด้านเงียบไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเพราะตกใจกับหญิงสาวที่แม้ว่าจะมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวคลุมเอาไว้แต่กลับทำให้รู้สึกได้ว่าใบหน้าที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวนั้นงดงามไม่ใช่น้อย รูปร่างก็อรชรอ้อนแอ่นไม่ธรรมดาเลย เอวบ้างร่างน้อยช่างดูน่าทะนุถนอมยิ่ง
เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวจับปมผ้ามงคลเดินเคียงคู่กันมาจนถึงโถงพิธี ถึงฤกษ์มงคลแล้วจึงทำพิธีสามคำนับ ต่อด้วยพิธีส่งตัวเข้าหอแล้วจึงเสร็จพิธี
แขกที่มาร่วมยินดีมีมากมายเจ้าบ่าวต้องออกไปดื่มคารวะแขกตามความเหมาะสม ส่วนเจ้าสาวรั้งให้อยู่รอที่ห้องหอเพียงลำพัง
ผ่านไปครึ่งชั่วยามด้านนอกห้องหอถึงได้มีความเคลื่อนไหว ประตูห้องหอถูกเปิดออกในเวลาต่อมา
และในเวลาเดียวกันก็มีกระบี่อ่อนพุ่งออกมาจากภายในห้อง โชคดีที่แม่ทัพหนุ่มในตอนนี้ไม่ได้เมามายจนขาดสติ เขาใช้สองนิ้วคีบกระบี่ให้หยุดได้อย่างไม่ยากนัก
“เจ้า…” ชายหนุ่มถึงกับเอ่ยไม่ออก เขาในยามนี้รู้สึกตกใจยิ่งกว่าตอนที่ถูกกระบี่พุ่งเข้ามาหาเมื่อครู่เสียอีกเมื่อเห็นว่าผู้ที่กุมกระบี่เอาไว้ในเวลานี้คือสตรีที่ใส่ชุดมงคลสีแดงปักลายมงคลไม่ต่างกับเขา
“ได้ยินชื่อเสียงท่านแม่ทัพมานานจึงอดไม่ได้ที่ขอถามไถ่วรยุทธ์ท่าน” หญิงสาวเจ้าของใบหน้าเปื้อนยิ้มกล่าวออกมาก่อนจะกุมกระบี่พุ่งใส่ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางอีกครั้ง ทั้งยังไม่ลืมที่จะกล่าวออกมาอย่างมีมารยาทอีกหนึ่งประโยค
“สามีโปรดชี้แนะด้วย”
ความคิดเห็น